เพราะความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นั้นช่างปลอมเปลือก ผมคนนี้จะขอเป็นคนมอบความรักที่แท้จริงให้แก่นายเอกผู้น่ารักเอง

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา - Chapter 7 ไว้เจอกัน โดย เจ้านายสาเกกอดองุ่น @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ดาร์ค,ตะวันตก,แฟนตาซี,ผมตกหลุมรักนายเอกครับ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ดาร์ค,ตะวันตก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผมตกหลุมรักนายเอกครับ

รายละเอียด

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา โดย เจ้านายสาเกกอดองุ่น @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เพราะความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นั้นช่างปลอมเปลือก ผมคนนี้จะขอเป็นคนมอบความรักที่แท้จริงให้แก่นายเอกผู้น่ารักเอง

ผู้แต่ง

เจ้านายสาเกกอดองุ่น

เรื่องย่อ

โปรดอ่านรายละเอียดก่อนอ่านเนื้อเรื่องหลักกันด้วยนะคะ 

 

เล่นแท็ก #ผมตกหลุมรักนายเอกครับ

 

 

 

‘แม็กซ์’ หนุ่มCEOลูกครึ่งไฟแรงผู้ประสบความสำเร็จและยืนอยู่บนจุดสูงสุดตั้งแต่อายุยังน้อย เบื้องหน้าดูเป็นคนน่าเกรงขามเป็นที่เคารพแก่คนในองค์กรและบริษัท แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังแม็กซ์เป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่รักการอ่านนิยายเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะวายพีเรียดตะวันตก

นิยายเรื่องพันธนาการรักของดยุกปีศาจ ได้เข้าไปต้องตาต้องใจแม็กซ์เข้าเพราะมีความนิยมมากจนว่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ต ทว่าหลังอ่านจบถึงกับอุทานออกมาดังๆ ว่าอะไรวะ ความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นายเอกนั้นช่างปลอมเปลือกยิ่งเสียกว่าอะไร ตอนจบที่สมบูรณ์แบบนั้นสำหรับแม็กซ์มันเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวง

‘ถ้าเขาได้เข้าไปในนิยายละก็นายเอกของเรื่องจะได้เจอกับความสุขที่แท้จริง เขาจะแย่งนายเอกมาจากพระเอกของเรื่องเอง!!’ จบคำพูดนั้นแม็กซ์ก็ได้เข้าไปอยู่ในนิยายเรื่องนั้นจริงๆ

 

 

 

 

 

 

 

Warning

- นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่รุนแรง มีการบรรยายเกี่ยวศพ (Body) , ความตาย (Death) , การกระทำที่น่ารังเกียจและขนลุก (Creepy Behavior) , การล่วงละเมิดทางจิตใจและอารมณ์ (mental and emotional abuse) , ฆาตกรรมสังหารหมู่ (Murder) , คำหยาบคาย (Rude) , ความคิดที่บิดเบี้ยว (Cognitive Distortions) , การข่มขืน (Ravishment) , การดูถูกเหยียดหยาม (Contemptibility) , การชักจูงทางจิตวิทยาหลอกเหยื่อ (Manipulator) , การปั่นหัวให้สับสนทางความคิด (Gaslighting) , ซึมเศร้า (Depression) , ความเชื่อทางศาสนา (religion)

- ผู้ชายสามารถท้องได้ (Mpreg)

- สถานที่ ความเชื่อ เหตุการณ์ต่างๆ มาจากจินตนาการของผู้แต่งทั้งหมด

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและห้ามลอกเลียนแบบ

 

 

 

 

หมายเหตุ

- เรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองของพระเอก การกระทำความคิดทุกสิ่งทุกอย่างเป็นมองผ่านมุมมองของพระเอกทั้งหมด

- เนื้อเรื่องจะแบ่งเป็นทั้งหมด 2 arcนะคะ arcนึงเกือบร้อยตอนค่ะ(อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าขึ้นอยู่กับเนื้อหา) แน่นอนว่าเนื้อหาของนิยายยาว กว่าเหล่าตัวเอกจะรักกันย่อมใช้เวลาโดยที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะค่อยๆ ขยับเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เพราะเริ่มแรกพระเอกจะเป็นเด็กก่อนค่ะกว่าจะเติบโตและพบเจอกันจะต้องใช้เวลา แต่เนื้อหาระหว่างทางก่อนจะไปเจอกันสนุกอย่างแน่นอนค่ะ

- ก่อนอื่นเรื่องนี้ในช่วงตอนแรกๆนั้นนายเอกจะค่อนข้างค่าตัวแพง แต่จะโผล่มาบางช่วงให้หายคิดถึงค่ะเนื่องจากช่วงแรกเป็นวัยเด็กของพระเอกจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของพี่ชายกับพระเอกก่อนเป็นอันดับแรก ค่อยตามด้วยความสัมพันธ์ของพระ-นายค่ะ

- มีการใช้ไทม์สคริปบ่อยครั้งในช่วงตอนแรกๆของเนื้อเรื่อง เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงอายุของพระเอกนั้นหลากหลายและทางเราอยากให้นักอ่านได้รับรู้ช่วงเวลาชีวิตของพระเอกไปพร้อมกันจึงมีการใส่ไทม์สคริปหลายครั้งค่ะ

- การกระทำหลายอย่างของตัวละครนั้นบิดเบี้ยว มีหลายสิ่งที่ทำแล้วไม่ถูกต้องอีกทั้งยังมีเนื้อหาบางจุดที่ละเอียดอ่อน ผู้อ่านโปรดกรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านเป็นอย่างมาก

ปล.เนื้อหาที่ลงในเว็บยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์อักษร ถูกแก้ไขผ่านการตรวจทานคร่าวๆ ของผู้แต่งเท่านั้น

 

 

 

**สุดท้ายนี้สามารถติชมเราได้เสมออีกเช่นเคยค่ะ อาจจะผิดพลาดไปบ้างแต่เราเชื่อว่านักอ่านทุกท่านจะสนุกไปกับมันค่ะ อย่าลืมกดติดตามเราไว้เพื่อที่จะได้ไม่พลาดตอนใหม่ๆ ทุกครั้งเวลาอัพ

อัพทุกวัน อังคาร พฤหัสบดี 

ช่องทางการติดตามเพิ่มเติมเพื่อติดตามข่าวสารและงานแฟนอาร์ตของนิยาย : @Sagehuggrape30

สารบัญ

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Prologue นายเอกผู้อาภัพ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 1 เกิดใหม่เป็นองค์ชาย,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 2 ถูกกีดกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 3 อากาศหนาว,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 4 ความสัมพันธ์,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 5 คนในฝัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 6 พิธีประกาศนาม,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 7 ไว้เจอกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 8 รับโทษ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 9 การเจรจา,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 10 การศึกษาเล่าเรียน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 11 สิ่งที่ควรได้รับ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 12 ความกล้าที่ควรมี,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 13 ใช้เวลาร่วมกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 14 คำสัญญา

เนื้อหา

Chapter 7 ไว้เจอกัน

และแล้วเรื่องที่ลินคอล์นพี่ชายของผมเคยกังวลนั้นก็ได้เกิดขึ้น เสียงของสาวใช้ที่มีนามว่าแอนดังขึ้นพร้อมกับบานประตูใหญ่ที่ถูกเปิดออกมา “แย่แล้วค่ะมาดาม ดูนี่สิคะสำนักข่าวที่ไหนก็ไม่ทราบได้เขียนใส่ร้ายองค์ชายสองค่ะ!”

“จริงหรือแอน? ไหนเอามาให้ฉันอ่านทีอยากจะรู้นักว่าสำนักข่าวไหนมันทำ” มาดามที่กำลังจัดเสื้อให้ผมสวมใส่อยู่นั้นก็ส่งไม้ต่อให้สาวใช้อีกคนช่วยดูแลเรื่องเสื้อผ้าให้ผมแทน แอนรีบเดินเข้ามาหามาดามอย่างรวดเร็วและยื่นหนังสือแผ่นหนึ่งให้

“นี่มันเรื่องอะไรกัน!? ไร้สาระกันทั้งเพท่านอาร์คบิชอปก็ประกาศคำพยากรณ์แล้วว่าองค์ชายสองทรงประเสริฐเพียงไหน ทำไมถึงยังเขียนข่าวแบบนี้อีกกัน” มาดามบ่นด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความหงุดหงิด แอนเองก็พยักหน้าถี่รัวเสริมความคิดเห็นของมาดาม

“การเสียชีวิตขององค์จักรพรรดินีนั้นไม่ใช่ความผิดขององค์ชายสองเลยนะคะ มาเขียนว่าเป็นกาลกิณีแบบนี้ได้ยังไงกัน” ผมที่ได้ยินแอนพูดดังนั้นก็เข้าใจเนื้อหาของข่าวขึ้นมาทันทีโดยที่ไม่ต้องสืบสาวให้มากความ ที่แท้ก็เรื่องนี้เองหรอกเหรอ

การเขียนข่าวเช่นนี้ถูกกล่าวถึงในเนื้อหาของนิยายอยู่ในช่วงย้อนอดีตของลินคอล์นแน่นอนว่าคนที่โดนเขียนข่าวใส่ร้ายในเนื้อหานิยายนั้นเป็นพี่ชายของผม ทว่าเวลานี้คนที่โดนเป็นผมเองเสียซะอย่างนั้น ผมถอนหายใจออกมาก่อนยัดจุกหลอกเข้าปากของตนเองไป

หากให้คาดเดาว่าใครเป็นคนทำก็คงจะคาดเดาได้ไม่ยากเท่าไหร่ เนื่องจากในงานพิธีประกาศนามของผมนั้นตระกูลขุนนางส่วนใหญ่ก็เคารพคำพยากรณ์ของท่านอาร์คบิชอปกันทั้งนั้นว่าผมจะต้องเป็นจักรพรรดิคนต่อไป ดังนั้นจึงเหลืออยู่ไม่กี่ตระกูลเท่านั้นแหละที่คิดจะทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้

“ฝีมือท่านมาร์ควิสทานส์แน่ๆเลยค่ะ!” แอนพูดด้วยแววตาเชื่อมั่นก่อนโดนมาดามม้วนกระดาษหนังสือพิมพ์แล้วฟาดลงที่หัวทันที ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะร้องโอ๊ยดังลั่นพร้อมยกมือบางขึ้นลูบหัวไปมาเพื่อคลายความเจ็บ

“พูดเบาๆแอน หากเรื่องนี้ถึงหูพระสนมเราจะซวยเอาเข้าใจหรือไม่ ยังอยากมีชีวิตดูแลงองค์ชายสองหรือไม่ หืม?” มาดามมิราน่ากล่าวตักเตือนเสียงแข็ง แอนที่ได้ยินก็ยู่ปากท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของสาวใช้คนอื่นๆที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

ส่วนผมก็ทำได้เพียงแค่กลอกตาไปมาก็เท่านั้น ยังไงซะสิ่งที่พี่สาวแอนพูดมานั้นก็ไม่ผิดเลยสักนิด คนตระกูลนั้นคงจะหาเรื่องให้ผมได้ทุกวี่ทุกวันไม่หยุดหย่อน เพื่อกำจัดผมแล้วต่อให้จะใช้วิธีการที่สกปรกเท่าไหร่ก็คงยอมทำหมด

นี่แหละหนาความน่ากลัวของขุนนาง

“ช่างเรื่องนี้เถอะ พาองค์ชายไปชมสวนหลวงกันดีกว่าตอนนี้อากาศไม่เย็นชื้นมากเท่าวันสองวันก่อนแล้ว” มาดามเปลี่ยนเรื่องก่อนหันมาโอบอุ้มผมอย่างเคย “องค์ชายเพคะหม่อมฉันอยากจะบอกเรื่องที่น่าสนใจให้พระองค์ฟังเรื่องหนึ่ง องค์จักรพรรดินีหรือมารดาขององค์ชายนั้นทรงโปรดช่วงเวลาวสันต์มากเลยเพคะ”

“เนื่องจากหยดน้ำที่ละลายมาจากเกล็ดหิมะนั้นเมื่อต้องกับดอกนีโมฟีลล่าที่ชอบเบ่งบานในช่วงเวลานี้นั้นช่างงดงามเพคะ หม่อมฉันอยากให้พระองค์ได้ทอดพระเนตรสิ่งสวยงามเช่นมารดาของพระองค์” น้ำเสียงของมาดามนั้นช่างอบอุ่นเช่นสภาพอากาศในเวลานี้

ดอกนีโมฟีลล่าอย่างนั้นเหรอ ผมที่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าให้กับมาดามเป็นการส่งสัญญาณว่าให้พาผมออกไปดูได้เลย มาดามยิ้มกริ่มยามเห็นท่าทีของผมที่แสดงออกมาก่อนพาผมไปที่สวนอันแสนโออ่าโดยที่สาวใช้คนอื่นๆตามมาด้วยเช่นเดียวกัน

เธอพาผมมาที่เรือนกระจกขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางของทะเลสาบ ซึ่งภายในเรือนกระจกนั้นมีแต่ดอกนีโมฟีลล่าเต็มไปหมด สีฟ้าอ่อนดั่งดวงตาเด็กทารกปรากฏสู่สายตาเรียงรายกันเต็มไปถ้วนทั่วทั้งเรือนกระจก เหลียวซ้ายทีแลขวาทีก็เห็นสีของดอกไม้ดอกนี้

ยิ่งหยดน้ำต้องกับแสงตะวันที่สาดส่องทะลุเข้ามาก็เพิ่มพูนความงดงามให้กับสถานที่แห่งนี้มากขึ้นไปอีก ดอกไม้ประกายแพรวพราวดั่งอัญมณีราคาแพงพลิ้วไหวไปกับสายลมที่โชยมาแผ่วเบา ส่งกลิ่นหอมฟุ้งอบอวลไปทั้งเรือนกระจกให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

“เจ้าดอกนีโมฟีลล่านั้นสื่อความหมายถึงคำว่าน่ารัก น่าเอ็นดูและหัวใจที่สดใส ซึ่งเป็นความหมายที่ดีมากด้วยเหตุนี้เทศกาลเก็บเกี่ยวที่กำลังจะมาถึงนั้นตามร้านดอกไม้ที่หัวเมืองต่างๆจะมีดอกไม้นี้เต็มเลยเพคะองค์ชาย เหล่าชายหนุ่มที่โสดก็มักจะไปซื้อเพื่อพิชิตใจหญิงสาว” มาดามเล่าให้ฟัง

“ที่สำคัญนะเพคะองค์ชาย ในช่วงเทศกาลเก็บเกี่ยวจะมีงานมูนไนท์กันด้วยนะเพคะช่วงเวลากลางคืนที่คู่รักหนุ่มสาวจะออกไปใช้เวลาร่วมกันบรรยากาศจะอบอวลไปด้วยกลิ่นอายความรักเพคะ หม่อมฉันอยากจะออกไปเจอท่านลอร์ดที่ใช่และเดินงานมูนไนท์ด้วยกันมากเพคะ!” แอนเสริมพลางยืนบิดเขินอาย

จากนั้นเสียงสาวใช้ที่เหลือก็ดังขึ้นคล้ายจะเห็นด้วยกับคำพูดของแอนว่าใฝ่ฝันอยากจะออกไปเที่ยวงานมูนไนท์นี้กันเพียงไหน ส่วนผมที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วเพราะเพิ่งรู้ว่ามันมีงานนี้ด้วย สงสัยในเนื้อหานิยายคงจะไม่ได้บอกรายละเอียดของจักรวรรดินี้มากขนาดนั้นไม่แปลกที่ผมจะเพิ่งรู้

พอได้ยินแบบนี้แล้วผมก็อยากจะลองไปเดินที่งานแบบนั้นสักครั้งในชีวิตจังเลย และแน่นอนว่าคนที่ผมจะชวนไปก็คือแร็คน่าร์แต่คงจะต้องรอโตกันก่อนเนื่องจากเวลานี้ผมยังพูดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการเจอแร็คน่าร์ล่ะ โถ่

“ก็ว่ามีเสียงดังเอะอะโวยวายอะไรกัน ที่แท้ก็เป็นองค์ชายกับเหล่าสาวใช้อย่างนั้นเองหรือ” โทนเสียงต่ำปนสงสัยเปล่งออกมา ยามกวาดสายตามองไปที่ต้นเสียงก็พบบุคคลที่คุ้นเคยซึ่งก็คือพระสนมดัลซิเนีย เจ้าหล่อนกำลังถือพัดยกขึ้นปิดปากพลางหรี่ตามองพวกผม

อยู่บนดวงจันทร์ก็รู้ว่าเธอกำลังดูถูกพวกผมผ่านแววตาคู่นั้น

“ขอให้เทพพระเจ้าคุ้มครองพระสนมผู้สูงส่งหม่อมฉันถวายบังคมเพคะ ได้โปรดประทานอภัยแก่หม่อมฉันด้วยเพคะที่ผิดพลาดเองไม่ทันสังเกตว่าพระสนมทรงมาพักผ่อนที่นี่” มาดามกล่าวและย่อตัวลงเล็กน้อยต่างจากสาวใช้คนอื่นๆที่โค้งตัวราวๆสี่สิบห้าองศา เนื่องจากผมเป็นถึงองค์ชายจึงไม่สามารถลดตัวลงไปมากกว่านี้ได้

อีกฝ่ายละสายตามองออกไปที่ดอกไม้ราวกับว่าไม่สนใจคำพูดของหัวหน้าสาวใช้เช่นมาดาม “ช่างมันปะไร เฮ้อ...จากตอนแรกที่มาเดินสูดอากาศที่แสนจะสดชื่นดูเหมือนตอนนี้คงจะทำไม่ได้แล้ว เพราะมีกลิ่นสกปรกเข้ามาปะปนดูท่าเราคงจะต้องไปก่อน ขอตัว”

ประโยคหลังที่พูดออกมานั้นเธอเน้นย้ำอย่างชัดเจนพร้อมกับสายตาที่จดจ้องมาทางผมก่อนสาวเท้าเดินออกไปลำพังและเงียบเชียบ มีเพียงเสียงฝีเท้าเท่านั้นที่ดังในเรือนกระจกแห่งนี้ เมื่อเธอออกไปแล้วทุกคนมีสีหน้าที่ไม่พอใจเป็นอย่างมากผมเองก็เช่นกัน

เธอบังอาจมาดูถูกหาว่าพวกผมสกปรกอย่างนั้นเหรอ คิดว่าตัวเองสะอาดมาจากไหนกัน ต่อให้แต่งเนื้อแต่งตัวสะอาดสะอ้านแต่ภายในจิตใจสกปรกก็ไมได้ช่วยให้ภายนอกดูสะอาดหรือสูงส่งขึ้นหรอกนะ ไว้พูดได้เมื่อไหร่เจอดีแน่

“มาดามคะ ดิฉันไม่ยอมนะคะ!! คือจะว่าพวกเราเช่นไรก็ได้แต่หากมาดูหมิ่นองค์ชายสองเช่นนี้ดิฉันยอมไม่ได้จริงๆบังอาจนักเรื่องนี้จะต้องถึงหูฝ่าบาท ดิฉันจะไปรายงานให้พระองค์ทราบ!” แอนกำหมัดแน่นขณะที่พูดสิ่งที่อยู่ในหัวของเธอออกมา

ทว่าเธอกลับถูกมาดามยกมือห้ามเอาไว้ “อย่าไปสนใจเลยแอน บอกฝ่าบาทไปก็มีแต่เรื่องวุ่นวายเพิ่มเสียเปล่า ประเดี๋ยวองค์ชายหนึ่งจะโดนหางเลขไปด้วยไม่คุ้มหรอกนะ ฉันไม่อยากให้องค์ชายหนึ่งต้องมาโดนทำโทษทั้งๆที่ไม่รู้อีโหน่อิเหน่อีก”

“นั่นสินะคะ...เฮ้อ แย่จัง” เธอห่อไหล่พลางถอนหายใจ

ผมเองก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ไว้รอผมโตกว่านี้ค่อยจัดการเอาย้อนหลังก็ย่อมได้ยังไงซะเธอก็ยังคงไม่กล้าแตะต้องผมไปมากกว่านี้ ไม่งั้นลินคอล์นก็จะเป็นแพะรับบาปให้กับเรื่องที่เธอก่อ พอนึกแล้วก็อดไม่ได้ที่จะสงสารพี่ชายของตนเองทำไมถึงได้โชคร้ายขนาดนี้กันนะ

หลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่ผมก็ใช้เวลาอยู่ในทุ่งดอกนีโมฟิลล่าอีกสักพักใหญ่ๆเนื่องจากในเรือนกระจกแห่งนี้มีที่นั่งสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ ผมจึงสามารถอยู่ในนี้ได้นานตราบเท่าที่อยากจะอยู่ อันที่จริงผมอยากจะชวนลินคอล์นมาด้วยนะแต่เจ้าตัวติดเรียนอยู่

เห็นว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงใบไม้ผลิก็จะมีการสอบวัดระดับความรู้และความสามารถซึ่งการสอบนี้จะจัดขึ้นที่สถาบันแอสเพน ซึ่งสถาบันแอสเพนนั้นหากให้พูดง่ายๆก็คือสถานศึกษาหรือโรงเรียนนั่นเอง สถาบันแอสเพนนั้นตั้งอยู่ที่เมืองหลวงไม่ห่างไกลจากพระราชวังเท่าไหร่นัก

สถาบันแห่งนี้เป็นสถานศึกษาที่ดีอันดับต้นๆของโลกเหล่าลูกขุนนางและเด็กๆมากมายต่างอยากจะพากันมาเรียนที่นี่กันทั้งนั้น ที่นี่มีหลักสูตรหลักๆสามหลักสูตรและมีหลักสูตรย่อยอีกทีให้เลือกเรียน อาจารย์ที่สอนต่างก็มากไปด้วยฝีมือสามารถผลักดันเด็กให้ก้าวสู่อนาคตที่วาดฝันได้

ไม่ว่าจะมียศฐาบรรดาศักดิ์หรือไม่ทุกคนก็สามารถทำความตามความฝันของตนเองได้หมด เด็กทุกคนต้องได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมนี่คือวิสัยทัศน์ของสถาบันแอสเพนโดยมีจักรพรรดิลำดับที่สิบห้าเป็นคนเขียนขึ้นมาเองกับมือ เพื่อที่จะยกระดับการศึกษาของจักรวรรดิให้ก้าวหน้า

ดังนั้นภายในสถาบันจะเต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายแม้กระทั่งเด็กจากจักรวรรดิอื่นก็มาเรียนที่นี่เช่นเดียวกัน ช่างน่าเสียดายในเนื้อหานิยายนั้นได้บอกไว้ว่าแร็คน่าร์ไม่ได้มาเรียนที่นี่เนื่องจากเจ้าตัวอยากจะใช้เวลาอยู่กับครอบครับมากกว่าจึงเลือกที่จะเรียนที่โซลาสต้าต่อไป

ในส่วนของพี่ชายผมนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเรียนที่สถาบันเพราะปกติจะมีอาจารย์ที่มากฝีมือเข้ามาสอนให้ที่ราชวังอยู่แล้ว แต่เนื้อหาที่เรียนก็ไม่ต่างจากที่สถาบันเลยแม้แต่หน่อยเดียวด้วยเหตุนี้เวลามีจัดสอบลินคอล์นจึงจะต้องไปสอบที่สถาบัน

ไม่ว่าจะเป็นการสอบวัดความรู้เรื่องการเมืองการปกครองและประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิ ทักษะการต่อสู้โดยการใช้อาวุธต่างๆหรือแม้กระทั่งใช้การเวทย์ก็ต้องไปสอบที่สถาบัน หนึ่งในสาเหตุที่ไปคงจะเป็นการพิสูจน์ความสามารถของราชนิกุลด้วยละมั้งว่าเหมาะสมกับบัลลังก์รึเปล่า

เพราะที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาเลยนี่นา การไปสอบที่นั่นก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยและแรงผลักดันเพื่อก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ผู้นำจักรวรรดิได้อย่างสมบูรณ์แบบเพราะจะได้แรงสนับสนุนจากประชาชนรวมถึงจะได้ขุนนางที่มีความสามารถมาทำงานด้วย

หากทำได้ดีผู้คนก็จะชื่นชม แต่หากไร้ความสามารถก็จะถูกหยามเกียรติ

นี่คงเป็นเหตุผลที่ผมคงจะยังไม่ได้เจอพี่ชายสักพักละมั้งต้องรอเจ้าตัวไปสอบให้เสร็จก่อน การสอบนี้เป็นการสอบที่ลินคอล์นนั้นจริงจังมากเพราะถ้าทำได้ไม่ดีนอกจากจะโดนผู้คนมองด้วยสายตาไม่ดีแล้ว พระสนมและองค์จักรพรรดิก็คงจะไม่ปลื้มอย่างแน่นอน

แต่ผมเชื่อว่าพี่ชายของผมทำได้อยู่แล้ว ลินคอล์นเป็นคนเก่งและเต็มไปด้วยศักยภาพเขาจะต้องสร้างชื่อเสียงตอนไปสอบที่สถาบันผมกล้ายืนยัน ส่วนหนึ่งก็มาจากเนื้อหาในนิยายที่ได้มีการกล่าวถึงความเก่งกาจของลินคอล์นในอดีตให้นักอ่านรับทราบกันเพิ่มเติม

ถึงจะไม่ใช่ลูกรักนักเขียนเท่าเอลเลียตแต่กระนั้นนักเขียนก็มักจะเขียนถึงเขาบ่อยๆ เพราะเขาเป็นตัวร้ายตัวหลักของเนื้อเรื่องและคู่ปรับตลอดกาลของเอลเลียตนี่นา ส่วนผมในเนื้อหาก็เป็นเพียงแค่ตัวประกอบสำคัญที่คอยเสริมช่วยให้ลินคอล์นทำอะไรง่ายขึ้นก็เท่านั้น

ถ้าให้ลองยกตัวอย่างก็คงจะเป็นการแอบแทรกแซงเรื่องราวการเมืองของจักรวรรดิโซลาสต้าที่เกิดขึ้นหลังจากแร็คน่าร์กับเอลเลียตได้พบกันแล้ว อุปสรรคความรักครั้งแรกก็คงจะเป็นเรื่องภายในราชวงศ์ของฝั่งโซลาสต้าที่เริ่มสั่นคลอนและมีปัญหานั่นแหละ

องค์จักรรพรรดิได้เสด็จสวรรคตกะทันหันเหล่าขุนนางจึงเสียงแตกออกเป็นสองฝั่งว่าสนับสนุนใครบ้าง โดยแร็คน่าร์นั้นสนับสนุนองค์ชายสามให้ขึ้นเป็นจักรพรรดิคนต่อไป เพราะเจ้าตัวได้ย้อนกลับมาจึงรู้ว่าใครเป็นผู้ที่เหมาะสมกับบัลลังก์

ส่วนเอลเลียตน่ะเหรอมันเลือกที่จะสนับสนุนองค์ชายหนึ่งที่เบื้องลึกเบื้องหลังจริงๆแล้วนิสัยร้ายกาจมากต่างจากหน้าตาภายนอกที่ดูใสซื่อไร้มลทิน แค่เริ่มมาอุปสรรคแรกก็แทบจะหักคอกันแล้วขนาดความคิดที่จะเลือกกษัตริย์คนใหม่ยังไม่ตรงกันเลย ถามจริงรักกันไปได้ไง

แต่จะทำไงได้ล่ะเอลเลียตมันลูกรักนักเขียนนี่นา จึงทำให้เนื้อหาต้นฉบับได้มีการกล่าวไว้ว่าลินคอล์นเลือกที่จะให้ผมนั้นเข้าไปสานสัมพันธ์กับทางฝั่งองค์ชายหนึ่งและหลอกใช้ คล้ายจะเป็นการสนับสนุนให้องค์ชายหนึ่งขึ้นบัลลังก์ไปแล้วเขาจะชักใยอยู่เบื้องหลัง

เป็นแผนการที่แยบยลและแนบเนียนมาก เอลเลียตเองก็โดนพี่ชายของผมหลอกใช้เช่นเดียวกัน ทว่ากลับมีคนงามขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยเอลเลียตได้ทันเวลา แร็คน่าร์ได้แอบสืบจนรู้เบื้องหลังว่าพี่ชายของผมเข้ามาแทรกแซงอย่างลับๆ เธอจึงตัดสินใจเข้ามาช่วยเอลเลียตให้หลุดพ้นออกมาจากแผนการของลินคอล์น

เหตุการณ์หลังจากนั้นก็คือแผนของตัวร้ายเช่นพี่ชายผมก็พังลง เอลเลียตย้ายฝั่งไปสนับสนุนองค์ชายสามเช่นเดียวกับแร็คน่าร์ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นได้ดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน เป็นอุปสรรครักอันแรกที่เอลเลียตเกือบทำพังด้วยมือของตนเองแท้ๆ ทว่าได้แร็คน่าร์มาช่วยซ่อมไว้แถมมันยังเป็นคนโปรดขององค์จักรพรรดิองค์ใหม่

สมกับเป็นลูกรักนักเขียนมั้ยล่ะ?

ต่อให้มันจะทำพังกี่ครั้งต่อกี่ครั้งด้วยมือของมันเอง นายเอกที่แสนจะดีเลิศประเสริฐศรีเช่นแร็คน่าร์นั้นก็จะคอยเข้ามาช่วยซ่อมให้มันดีขึ้นอยู่เสมอแม้ว่าจะแลกกับความเจ็บปวดที่ต้องได้รับมากมายมหาศาลก็ตาม ตอนอ่านผมนึกหงุดหงิดทุกครั้งไม่เข้าใจว่ามันจะโชคดีไปถึงไหน และแร็คน่าร์รักอะไรมันขนาดนั้น

ทำตัวอุบาทว์ให้ตายแร็คน่าร์ก็พร้อมที่จะให้อภัย เหมือนกับคำว่าทำเลวมาร้อยครั้งเจอความดีครั้งเดียวก็จำไม่ลืม ไม่ว่ามันจะเปิดเผยสันดานอันแสนจะชั่วช้าของมันออกมามากแค่ไหน พอมันทำดีใส่แร็คน่าร์เพียงครั้งเดียวเธอก็พร้อมที่จะให้อภัยมันได้เสมอ

ผมจะไม่ยอมให้เธอลงไปอยู่ในความสัมพันธ์ที่เปรียบเสมือนยาเสพติดแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว หากการเป็นคนดีให้แร็คน่าร์เห็นมันยากนักก็ให้เป็นหน้าที่ของผมแทนดีกว่า ผมไม่เคยเข้าใจเหล่าพระเอกธงแดงทั้งหลายเลยนะว่าเขาทำไปเพื่ออะไร

ไม่ใช่ว่าไม่เห็นใจนะที่มีปมกับชีวิตแต่ช่วยแยกแยะด้วยว่าผู้กระทำคือใครกันแน่ บางคนโดนพ่อแม่ของนายเอกทำร้ายมาก่อนจนฝังใจจึงตัดสินใจเข้าหานายเอกหลอกให้รักและแก้แค้นอย่างนั้นเหรอ ทั้งๆที่เจ้าตัวเขาไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น

คนที่ไม่รู้เรื่องราวต้องมาเป็นแพะรับบาปหนีก็ไม่ได้ ถูกกักขัง ถูกขืนใจ ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจสารพัด พร้อมกับตั้งคำถามอยู่ในใจมาโดยตลอดว่าตนนั้นทำอะไรผิดกันแน่ หลังจากนั้นก็เขียนเรื่องราวให้ทั้งคู่รักกันอย่างไร้เหตุผล ถามจริงเถอะในชีวิตจริงใครมันจะอยากไปอยู่กับคนที่ทำให้เราประสาทแดกแทบทุกวันกัน

อยู่กินกันไปก็มีแต่จะทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่ลง การมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไม่มีปัญหาเข้ามาทำให้ปวดหัวไม่ดีกว่าเหรอ ผมตั้งคำถามเหล่านี้ตลอดตอนเห็นรีวิวนิยายพระเอกธงแดง บางเรื่องแทบจะฆ่าแกงกันเสียซะด้วยซ้ำก็ยังจะหาเหตุผลให้พวกเขารักกันจนได้ ตัวอย่างก็ไม่ใช่ที่ไหนไกลเลยเรื่องที่ผมเข้ามามีชีวิตอยู่นี่แหละ

คนอย่างเอลเลียตจะต้องเจอผมสั่งสอนเอาให้หลาบจำ ผมจะทำให้มันมันรู้ผลที่ตามมาของการกระทำอันแสนชั่วช้าของมันและทำให้ตรัสรู้ว่าคนแบบนี้ไม่สมควรที่จะได้รับความรักที่ดีเลยแม้แต่หน่อยเดียว

“ดูเหมือนจะเที่ยงแล้วนะคะมาดาม แดดเริ่มแรงพาองค์ชายกลับกันดีกว่าค่ะ” หนึ่งในสาวใช้เอ่ยขึ้นทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิดที่เพิ่งร่ายด่าเอลเลียตไปหมาดๆ ส่วนมาดามที่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วยหลังจากนั้นทุกคนก็เก็บของเตรียมตัวกลับไปที่วังของผม

“องค์ชายหนึ่งตอนนี้จะทรงเป็นเช่นไรบ้างคะ ดิฉันได้ยินฝั่งนู้นพูดกันว่าองค์ชายทรงฝึกหนักทุกวันเลยค่ะ ไม่มีเวลามาเล่นกับองค์ชายสองเลย” แอนพูดขณะที่ถือตะกร้าใส่ของว่างพลางยกมือแนบแก้มแผ่วเบาไม่วายแสดงสีหน้าหนักใจออกมา

“หลังพระองค์สอบเสร็จก็คงจะกลับมาหาองค์ชายสองแล้ว อดทนหน่อยนะเพคะองค์ชายตอนนี้พระเชษฐาของพระองค์ทรงกำลังยุ่งกับการเรียนการสอบ ประเดี๋ยวจัดการทุกอย่างเสร็จก็จะกลับมาหาพระองค์อย่างแน่นอนเพคะ” มาดามก้มหน้าลงมาพูดกับผม

ทว่าเมื่อกลับมาถึงที่ห้องนอนของผมนั้นก็พบกับบุคคลที่สามที่เพิ่งถูกพูดถึงไปวิ่งนั่นก็คือลินคอล์นนั่นเอง เด็กหนุ่มผู้ครอบครองเรือนผมสีชมพูดอกคามิเลียถูกจัดทรงให้อย่างดี สวมเสื้อผ้าหรูหราเต็มยศพ่วงด้วยอัญมณีประดับประดาตามปกเสื้อกำลังนั่งอ่านหนังสือการประวัติศาสตร์เวทมนตร์อยู่ใกล้เตียงนอนของผม

“ว๊าย ขอให้เทพพระเจ้าคุ้มครององค์ชายหนึ่งแห่งเนธิลอร์ ถวายบังคมเพคะหม่อมฉันไม่คิดว่าพระองค์จะทรงนั่งอยู่ที่นี่” มาดามมิราน่ากล่าวด้วยความตกใจ ต่างจากเจ้าตัวที่ทำสัญลักษณ์มือว่าไม่เป็นไรก่อนกวาดสายตามองมาที่ผม

“เทรย์เวอร์มาหาพี่เร็ว” องค์ชายหนึ่งผู้สูงศักดิ์ปิดหนังสือลงและทำท่าขออุ้มผม มาดามที่เห็นดังนั้นก็รีบสาวเท้าเข้าไปส่งตัวผมให้ผู้เป็นพี่ชายทันที เขายิ้มกริ่มยามได้ตัวผมมาอยู่ในอ้อมกอด แววตาที่แสนจะอ่อนโยนฉายวาบผ่านนัยน์ตาสีเหลืองอำพันที่แสนจะงดงาม

พี่ชายผมถามผมทันที “เป็นไง วันนี้พี่หล่อหรือไม่”

“แอ้!” ผมตอบพลางพยักหน้าขึ้นลง

“วันนี้ที่พี่ต้องแต่งตัวขนาดนี้ก็เพราะจะต้องไปซ้อมเข้าพิธีสาบานตนก่อนสอบน่ะ พี่คิดถึงเทรย์เวอร์มากเลยนะวันๆเอาแต่เรียนและฝึกฝนแทบไม่ได้เห็นหน้าตาที่น่าเกลียดของน้องชายพี่เลย” จากตอนแรกที่พูดมานั้นดูซาบซึ้งดันมาตกม้าตายที่อย่างหลัง ผมอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปหยิกแก้มอีกฝ่ายข้อหามาว่าผมน่าเกลียด

“องค์ชายเพคะเสด็จมาเช่นนี้ฝ่าบาทจะทรงไม่ว่าอะไรหรือเพคะ เพราะหม่อมฉันได้ยินมาว่ารถม้าตระเตรียมสำเร็จแล้วอีกประเดี๋ยวพระองค์จะต้องเสด็จไปที่สถาบันเพื่อซ้อมพิธี” แอนถามพ่วงความสงสัยที่แฝงเร้นไปด้วยความหวาดกลัวเล็กๆ

โหพี่สาวแอบได้ยินมากี่เรื่องเนี่ย ชาวบ้านท่านหนึ่งรึเปล่าครับ

“ไม่ต้องรีบหรอก อีกอย่างตอนนี้ฝ่าบาทยังทรงแต่งฉลองพระองค์อยู่เลยคงจะอีกสักพักที่รถม้านั้นจะออกเดินทางไปที่สถาบัน” ลินคอล์นตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยคล้ายไม่ใส่เวลาเท่าไหร่นัก “ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือการอยู่กับน้องชายต่างหาก”

“แต่ตอนนี้องค์ชายสองต้องเสวยอาหารกลางวันก่อนนะเพคะ” มาดามเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่ละมุนละไม

“ถึงเวลาอาหารของเทรย์เวอร์แล้วเหรอ ไปกินสิพี่อยากรู้ว่าหนึ่งวันน้องชายของพี่กินอะไรบ้าง” ว่าจบก็ส่งตัวผมไปให้มาดามเพื่อพาผมไปทานข้าว เด็กหนุ่มตัวน้อยวัยสิบปีหย่อนตัวลงจากเก้าอี้ราคาแพงและเดินตามมาดูผมที่นั่งกินข้าวของตนเอง

เวลานี้มีสายตามากมายต่างพากันจับจ้องมาที่ผมทำเอาผมแอบกระอักกระอ่วนใจ ปกติก็มีคนมาคอยดูผมอยู่แล้วเผื่อว่าจะกินข้าวแล้วติดคอรึเปล่าแต่ครั้งนี้คนที่จ้องเขม็งไม่วางตาจากผมเลยก็คือลินคอล์น แถมยังหยิบแย่งอาหารบางชิ้นไปจากมือของผมด้วย น่าตีชะมัด

“มาดามปกติเทรย์เวอร์กินอะไรแบบนี้หรือ” เขาถามด้วยสงสัยขณะที่สำรวจแคร์รอตด้วยความสนใจ

“เพคะ เด็กทารกวัยสิบถึงสิบเอ็ดเดือนจะทานประมาณนี้เพคะ—” ไม่ทันที่มาดามพูดจบก็มีเสียงเรียกดังขึ้นหน้าห้องแทรกกับเสียงเคาะประตูที่ดังกึกก้อง ซึ่งคนที่อยู่หน้าห้องนั้นคือสาวใช้ของลินคอล์นที่มาตามเจ้าตัวให้ไปขึ้นรถม้า สีหน้าที่แสดงออกมาของเธอนั้นไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก

ลินคลอ์นก้มหน้าเล็กน้อยนัยน์ตาแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากไปแต่ก็ฝืนยิ้ม “พี่ไปก่อนนะทานข้าวให้อร่อยหลังสอบคงจะได้เจอกันบ่อยแล้วล่ะเทรย์เวอร์” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากเล็กเต็มไปด้วยความเศร้าและเสียดาย ผมทำได้เพียงแค่โบกมือลาและเป็นกำลังใจให้ก็เท่านั้น

ตั้งใจทำข้อสอบล่ะพี่ชาย

 

 

_____