เพราะความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นั้นช่างปลอมเปลือก ผมคนนี้จะขอเป็นคนมอบความรักที่แท้จริงให้แก่นายเอกผู้น่ารักเอง

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา - Chapter 8 รับโทษ โดย เจ้านายสาเกกอดองุ่น @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ดาร์ค,ตะวันตก,แฟนตาซี,ผมตกหลุมรักนายเอกครับ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ดาร์ค,ตะวันตก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผมตกหลุมรักนายเอกครับ

รายละเอียด

เพราะความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นั้นช่างปลอมเปลือก ผมคนนี้จะขอเป็นคนมอบความรักที่แท้จริงให้แก่นายเอกผู้น่ารักเอง

ผู้แต่ง

เจ้านายสาเกกอดองุ่น

เรื่องย่อ

โปรดอ่านรายละเอียดก่อนอ่านเนื้อเรื่องหลักกันด้วยนะคะ 

 

เล่นแท็ก #ผมตกหลุมรักนายเอกครับ

 

 

 

‘แม็กซ์’ หนุ่มCEOลูกครึ่งไฟแรงผู้ประสบความสำเร็จและยืนอยู่บนจุดสูงสุดตั้งแต่อายุยังน้อย เบื้องหน้าดูเป็นคนน่าเกรงขามเป็นที่เคารพแก่คนในองค์กรและบริษัท แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังแม็กซ์เป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่รักการอ่านนิยายเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะวายพีเรียดตะวันตก

นิยายเรื่องพันธนาการรักของดยุกปีศาจ ได้เข้าไปต้องตาต้องใจแม็กซ์เข้าเพราะมีความนิยมมากจนว่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ต ทว่าหลังอ่านจบถึงกับอุทานออกมาดังๆ ว่าอะไรวะ ความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นายเอกนั้นช่างปลอมเปลือกยิ่งเสียกว่าอะไร ตอนจบที่สมบูรณ์แบบนั้นสำหรับแม็กซ์มันเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวง

‘ถ้าเขาได้เข้าไปในนิยายละก็นายเอกของเรื่องจะได้เจอกับความสุขที่แท้จริง เขาจะแย่งนายเอกมาจากพระเอกของเรื่องเอง!!’ จบคำพูดนั้นแม็กซ์ก็ได้เข้าไปอยู่ในนิยายเรื่องนั้นจริงๆ

 

 

 

 

 

 

 

Warning

- นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่รุนแรง มีการบรรยายเกี่ยวศพ (Body) , ความตาย (Death) , การกระทำที่น่ารังเกียจและขนลุก (Creepy Behavior) , การล่วงละเมิดทางจิตใจและอารมณ์ (mental and emotional abuse) , ฆาตกรรมสังหารหมู่ (Murder) , คำหยาบคาย (Rude) , ความคิดที่บิดเบี้ยว (Cognitive Distortions) , การข่มขืน (Ravishment) , การดูถูกเหยียดหยาม (Contemptibility) , การชักจูงทางจิตวิทยาหลอกเหยื่อ (Manipulator) , การปั่นหัวให้สับสนทางความคิด (Gaslighting) , ซึมเศร้า (Depression) , ความเชื่อทางศาสนา (religion)

- ผู้ชายสามารถท้องได้ (Mpreg)

- สถานที่ ความเชื่อ เหตุการณ์ต่างๆ มาจากจินตนาการของผู้แต่งทั้งหมด

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและห้ามลอกเลียนแบบ

 

 

 

 

หมายเหตุ

- เรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองของพระเอก การกระทำความคิดทุกสิ่งทุกอย่างเป็นมองผ่านมุมมองของพระเอกทั้งหมด

- เนื้อเรื่องจะแบ่งเป็นทั้งหมด 2 arcนะคะ arcนึงเกือบร้อยตอนค่ะ(อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าขึ้นอยู่กับเนื้อหา) แน่นอนว่าเนื้อหาของนิยายยาว กว่าเหล่าตัวเอกจะรักกันย่อมใช้เวลาโดยที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะค่อยๆ ขยับเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เพราะเริ่มแรกพระเอกจะเป็นเด็กก่อนค่ะกว่าจะเติบโตและพบเจอกันจะต้องใช้เวลา แต่เนื้อหาระหว่างทางก่อนจะไปเจอกันสนุกอย่างแน่นอนค่ะ

- ก่อนอื่นเรื่องนี้ในช่วงตอนแรกๆนั้นนายเอกจะค่อนข้างค่าตัวแพง แต่จะโผล่มาบางช่วงให้หายคิดถึงค่ะเนื่องจากช่วงแรกเป็นวัยเด็กของพระเอกจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของพี่ชายกับพระเอกก่อนเป็นอันดับแรก ค่อยตามด้วยความสัมพันธ์ของพระ-นายค่ะ

- มีการใช้ไทม์สคริปบ่อยครั้งในช่วงตอนแรกๆของเนื้อเรื่อง เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงอายุของพระเอกนั้นหลากหลายและทางเราอยากให้นักอ่านได้รับรู้ช่วงเวลาชีวิตของพระเอกไปพร้อมกันจึงมีการใส่ไทม์สคริปหลายครั้งค่ะ

- การกระทำหลายอย่างของตัวละครนั้นบิดเบี้ยว มีหลายสิ่งที่ทำแล้วไม่ถูกต้องอีกทั้งยังมีเนื้อหาบางจุดที่ละเอียดอ่อน ผู้อ่านโปรดกรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านเป็นอย่างมาก

ปล.เนื้อหาที่ลงในเว็บยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์อักษร ถูกแก้ไขผ่านการตรวจทานคร่าวๆ ของผู้แต่งเท่านั้น

 

 

 

**สุดท้ายนี้สามารถติชมเราได้เสมออีกเช่นเคยค่ะ อาจจะผิดพลาดไปบ้างแต่เราเชื่อว่านักอ่านทุกท่านจะสนุกไปกับมันค่ะ อย่าลืมกดติดตามเราไว้เพื่อที่จะได้ไม่พลาดตอนใหม่ๆ ทุกครั้งเวลาอัพ

อัพทุกวัน อังคาร พฤหัสบดี 

ช่องทางการติดตามเพิ่มเติมเพื่อติดตามข่าวสารและงานแฟนอาร์ตของนิยาย : @Sagehuggrape30

สารบัญ

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Prologue นายเอกผู้อาภัพ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 1 เกิดใหม่เป็นองค์ชาย,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 2 ถูกกีดกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 3 อากาศหนาว,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 4 ความสัมพันธ์,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 5 คนในฝัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 6 พิธีประกาศนาม,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 7 ไว้เจอกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 8 รับโทษ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 9 การเจรจา,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 10 การศึกษาเล่าเรียน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 11 สิ่งที่ควรได้รับ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 12 ความกล้าที่ควรมี,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 13 ใช้เวลาร่วมกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 14 คำสัญญา

เนื้อหา

Chapter 8 รับโทษ

“มาทันเวลาพอดีเลยพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย” องครักษ์เงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ที่สวมชุดแสนจะงดงามเข้ากับสรีระร่างกายของตนเอง อีกฝ่ายที่ถูกเรียกพยักหน้าให้พร้อมกับสีหน้าที่นิ่งสงบ องครักษ์หนุ่มหลีกทางให้และยืนโค้งอย่างนอบน้อมทว่าองค์ชายผู้สูงส่งกลับยืนนิ่งไม่ได้เข้าไปในรถม้า

“ฟินน์ เรามีเรื่องสอบถามหน่อย” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาช่างดูเฉยชาแต่แฝงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ตรัสมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”

“ได้อ่านหนังสือพิมพ์ที่ส่งมาวันนี้แล้วหรือยัง” เด็กหนุ่มหันกลับมามองที่องครักษ์หนุ่มผู้ครอบครองเรือนผมสีบลอนด์ แววตาสีอำพันที่ฉายออกมาทำให้บรรยากาศโดยรอบกดดันขึ้นมาดื้อๆที่มาพร้อมกับคำถามที่สอง “ฟินน์คิดว่าควรจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดี”

“กระหม่อมได้อ่านแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนแรกคิดจะแจ้งฝ่าบาทแต่กระหม่อมก็พอคาดเดาได้ว่าผู้ใดเป็นคนจ้างให้สำนักข่าวทำเช่นนั้นเลยคิดว่าเงียบปล่อยให้ข่าวซาคงจะดีเสียกว่าพ่ะย่ะค่ะ” ฟินน์ตอบอย่างใจเย็นก่อนเงยหน้าสบตาเด็กหนุ่มที่ครอบครองตำแหน่งที่สูงศักดิ์อีกครั้ง

“งั้นหรือ” เด็กหนุ่มครุ่นคิดยกมือฝ่ามือเรียวขาวลูบคางไปมาเชื่องช้าแล้วว่าต่อ “เราคิดออกแล้ว เราคิดว่าหลังจัดการเรื่องสอบเสร็จเราจะแจ้งเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทรับทราบ” เขากล่าว องครักษ์เบิกตากว้างประหนึ่งว่าไม่เชื่อรูหูของตนเอง

“แต่ว่าองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ เบื้องหลังคนที่กระทำนั้นคือคนจากตระกูลพระสนมนะพ่ะย่ะค่ะ หากแจ้งไปฝ่าบาทอาจจะลงโทษพระองค์ไปด้วย กระหม่อมคิดว่ามันได้ไม่คุ้มเสียนะพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย” ชายหนุ่มเอ่ยปากห้ามปรามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเป็นห่วงนายของตนเอง

ทว่าเด็กชายกลับทำท่าทางคล้ายไม่ฟังคำพูดขององครักษ์ เขาหันหลังเตรียมขึ้นรถม้าแล้วพูดน้ำเสียงแผ่วเบา “เพื่อน้องชายแล้ว ต่อให้เราเจ็บแค่ไหนก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องมีคนจัดการเรื่องนี้เพราะสิ่งที่ท่านมาร์ควิสทำเป็นเรื่องที่ร้ายแรง”

“แต่ว่า!”

“เราแค่บอกเล่าให้ฟัง อีกอย่างเราตัดสินใจไปแล้วผลที่ตามมามันจะเป็นอย่างไรก็ให้เป็นเรื่องของอนาคตเถิดฟินน์ ไปเตรียมม้าได้แล้วประเดี๋ยวจะสายพอดีทำให้ขายขี้หน้าราชวงศ์” ลินคอล์นทิ้งตัวนั่งลงบนเบาะราคาแพง ส่วนฟินน์นั้นทำได้เพียงแค่ทำตามคำสั่งก็เท่านั้น

รถม้าค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปจากพระราชวัง ระหว่างทางองค์ชายลินคอล์นก็ผินหน้ามองไปทางหน้าต่างขยับสายตามองวิวทิวทัศน์ที่แสนจะงดงามอย่างเหม่อลอย ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตนต่อให้เป็นการลงโทษที่แสนจะสาหัสเขาก็พร้อมที่จะรับ

เพื่อน้องชายอันเป็นดวงใจเพียงหนึ่งเดียวเขาจะต้องสนใจอะไรอีก?

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป

ผมไม่ได้เจอใบหน้าของพี่ชายตนเองอย่างจริงจังเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ยอมรับว่าเหงามากอยู่เหมือนกันเพราะปกติต่อให้ยุ่งแค่ไหนเขาก็จะเจียดเวลามาเล่นกับผมเสมอ แต่ผมก็เข้าใจช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เด็กเกือบทั้งจักรวรรดิเขาสอบกันคงไม่ว่างกันอยู่แล้ว

วันๆผมทำได้เพียงแค่เกลือกกลิ้งตัวไปมาอยู่บนเตียงไม่ก็ฝึกวิ่งรอบๆสวนหลังวังของผม ตอนนี้เริ่มคล่องมากขึ้นถึงขนาดต้องใช้พี่สาวใช้หลายคนช่วยกันตามจับผมให้หยุดวิ่ง แต่มันก็สนุกดีนะให้ความรู้สึกเหมือนเล่นวิ่งไล่จับยังไงก็ไม่รู้

ณ เวลานี้ผมกำลังนั่งเล่นอยู่ที่สวนดอกไม้ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของสวนหลังวังของผม ซึ่งสวนดอกไม้นี้เป็นสวนย่อยอีกทีที่ปลูกเฉพาะดอกไม้ ยิ่งตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีดอกไม้พากันเบ่งบานแข่งกันยืดอกรับแสงจากดวงอาทิตย์เต็มไปหมด

อาทิดอกมากาเร็ตที่มีกลีบดอกสีขาวนวลผ่องปานไข่มุกตัดกับยอดเกสรสีเหลืองอ่อน มาดามบอกผมว่าดอกมากาเร็ตนี้มีกลิ่นหอมมากช่วยผ่อนคลายความเครียดและความประหม่าได้ ด้วยความหอมและคุณประโยชน์ของมันผู้คนจึงมักจะนำมันไปเป็นไม้ประดับประจำบ้านหรือคฤหาสน์ อีกทั้งดอกมากาเร็ตยังเป็นตัวแทนของความห่วงใย มีเสน่ห์และความน่าหลงใหล

หรือจะดอกป๊อปปี้ที่เป็นอีกหนึ่งดอกไม้ที่เป็นที่นิยมไม่แพ้ดอกมากาเร็ตและนีโมฟีลล่า ดอกป๊อปปี้มีหลากหลายสีที่สวนแห่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลีบดอกสีแดงไม่ก็สีชมพูปะปนขาว ที่ผมบอกว่ามันนิยมสาเหตุก็มาจากที่ดอกป๊อปปี้นั้นเป็นตัวแทนทหารผ่านศึกผู้เสียสละตนเพื่อปกป้องประเทศชาติ

เหล่าหญิงสาวเลดี้ทั้งหลายมักจะซื้อกันต้อนรับสามีที่ออกไปรบเพื่อปกป้องบ้านเมืองแล้วกลับมากันอย่างปลอดภัย ผมเองก็แอบเห็นมีพี่สาวใช้บางคนพกดอกป๊อปปี้เหล่านี้แล้วนำมันไปให้องครักษ์ไม่ก็อัศวินประจำราชวงศ์ ไว้ผมโตก่อนจะไล่แซวเรียงคนเลย

“โอ้ ดูเหมือนว่าดอกทิวลิปเองก็บานแล้วเช่นกันนะคะ ดูสิเพคะองค์ชายนี่แหละเพคะดอกทิวลิปเป็นอีกหนึ่งพันธุ์ดอกไม้ที่โรแมนติกมากๆเลยล่ะเพคะ” แอนขยับนิ้วชี้ไปทางกลุ่มดอกทิวลิปหลากสีสันที่ตอนนี้กำลังบานสะพรั่งอย่างงดงาม

ผมเยื้องขาเดินไปทางกลุ่มดอกทิวลิปสีสวยด้วยท่าทีทุลักทุเลก่อนจดจ้องมันอยู่เช่นนั้น ดอกทิวลิปเป็นดอกไม้ที่แร็คน่าร์นั้นชอบมากที่สุด ผมจำได้ไม่ลืมเพราะภาพแฟนอาร์ตของแร็คน่าร์มักจะมีดอกทิวลิปติดพันมาด้วยเสมอ โดยเฉพาะดอกทิวลิปสีม่วงที่เธอโปรดปรานมากที่สุด

ที่แร็คน่าร์ชื่นชอบดอกทิวลิปสีม่วงมากที่สุดเพราะมันเป็นตัวแทนของความรักที่ซื่อสัตย์และมั่นคง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นความรู้สึกก็ไม่มีวันสั่นคลอน แร็คน่าร์มองเห็นความรักของตนเองที่มีต่อเอลเลียตผ่านดอกทิวลิปสีนี้บวกกับสีม่วงเข้ากับเรือนผมสีดำขลับของเธอได้เป็นอย่างดี

มันจึงมีฉากที่นักเขียนบรรยายไว้ว่าตัวแร็คน่าร์ที่ย้อนเวลากลับมาแล้วนั้นได้ขอท่านดยุกที่เป็นคุณพ่อของเธอปลูกดอกทิวลิปไว้ที่สวนหลังคฤหาสน์และตั้งใจดูถนอมมันอย่างดี หากมีเวลาว่างก็จะไปรดน้ำและเล่าเรื่องราวของตนเองที่ได้พบเจอมาแต่ละวันให้เหล่าดอกทิวลิปฟัง

บางครั้งเมื่อมีมากเกินไปแร็คน่าร์จะนำส่วนเกินมาประดับแจกันราคาแพงวางไว้ข้างโต๊ะทำงานของเธอ เจ้าดอกทิวลิปนี้แทบจะเป็นจุดพักใจของแร็คน่าร์ยามเหนื่อยล้า ช่างน่าเสียดายหลังจากที่แร็คน่าร์ถูกพาไปขังที่คฤหาสน์ของเอลเลียต เจ้าตัวได้ฆ่าล้างครอบครัวของแร็คน่าร์และเผาทั้งคฤหาสน์จนย่อยยับแม้แต่ดอกทิวลิปที่แร็คน่าร์ตั้งใจถนอมมาตลอดก็หายไปพร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วง

แน่นอนว่าแร็คน่าร์ไม่รับรู้เรื่องนี้จวบจนถึงตอนจบของเรื่องเนื่องจากเธอได้มอบความสนใจและความรักทั้งหมดไปให้กับเอลเลียตบวกกับเอลเลียตนั้นหลอกล่อให้แร็คน่าร์หลงทางและเชื่อฟัง ใช้วิธีการทางจิตวิทยาเพื่อให้แร็คน่าร์พัวพันอยู่ในความสัมพันธ์ที่เอลเลียตต้องการแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

นึกแล้วหดหู่ใจชะมัด

“ตายๆๆ ไม่อยากจะเชื่อสายตา ปีนี้ดอกทิวลิปสีม่วงบานด้วยนะคะมาดาม ทั้งๆที่ปกติที่จักรวรรดิเรานั้นปลูกได้ค่อนข้างยากหากเทียบกับที่จักรวรรดิโซลาสต้า” แอนขยับหน้าเข้ามาใกล้ ผมที่เพิ่งสังเกตเห็นก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปดูใกล้ๆ ที่เนธิลอร์เหมือนจะปลูกยากอย่างนั้นสินะไว้ผมจะหาทางทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยดอกทิวลิปสีม่วง

“องค์ชายทรงสนใจหรือเพคะ อยากได้สักดอกหรือไม่เพคะองค์ชาย” มาดามถามก่อนชี้ไปที่ดอกทิวลิป “ดอกทิวลิปมีกลิ่นหอมเหมือนกันนะเพคะนิยมนำมาเป็นไม้ประดับ เมื่อก่อนองค์จักรพรรดินีก็มักจะทรงนำดอกทิวลิปไปประดับคู่กับดอกนีโมฟีลล่าเพคะ”

ผมได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าถี่รัวพลางนำมือเล็กไปสัมผัสดอกทิวลิปสีม่วงที่เบ่งบานอยู่ท่ามกลางสีแดงกับขาว มาดามตัดก้านของมันอย่างชำนาญแล้วนำใส่กล่องไม้ที่ผสมหินเวทย์ไว้ กล่องนี้มันจะช่วยถนอมดอกไม้ให้ยังคงสวยก่อนไปถึงแจกัน

หลังจากนั้นเหล่าพี่สาวใช้พาผมกลับไปที่ห้องก็ดูเหมือนจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ องครักษ์ได้เข้ามาบอกมาดามว่าให้ผมอยู่ในห้องเงียบๆก่อนอย่าเพิ่งพาออกไปไหนอีก ดูเหมือนองค์จักรพรรดิที่เป็นบิดาของผมนั้นจะกริ้วมาก

ส่วนสาเหตุนั้นทำเอาคนฟังใจตกลงไปอยู่ตาตุ่มตามๆกันไป “จริงหรือคะ! เหตุใดองค์ชายหนึ่งถึงเลือกที่จะทำเช่นนั้น ฝ่าบาททรงว่าอย่างบ้างได้รับสั่งให้ลงโทษองค์ชายหรือไม่คะ” มาดามเข้าไปถามองครักษ์หนุ่ม เจ้าตัวทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าเพราะตอนนี้ยังไม่ทราบเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ

“เรื่องนี้คงถึงหูองค์ชายหนึ่งเหมือนกันค่ะมาดาม พวกเราอุตส่าห์ไม่พูดถึงแล้วแท้ๆและกะว่าจะปล่อยผ่านไป แต่ดูเหมือนว่าองค์ชายหนึ่งจะไม่ยอมน่ะสิคะ แย่แล้วพระองค์เพิ่งไปสอบมาด้วยควรจะได้ความดีความชอบจากฝ่าบาทแท้ๆ เหตุใดถึง...” ริมฝีปากแอนสั่นระริก ขณะที่มีสาวใช้คนหนึ่งวิ่งมาทางห้องที่ผมอยู่

“ฉันไปได้ยินรับสั่งมาแล้วค่ะมาดาม!” เธอแทรกขึ้นทันทีทุกคนหันหน้าไปถามทางเธอทั้งหมดรวมถึงผมเองก็เช่นกัน “ฝ่าบาททรงให้องค์ชายหนึ่งไปอยู่ที่วังหลังแทนค่ะจนกว่าจะอายุครบสิบห้าปีและริบการเรียนการสอนทั้งหมดแถมให้อดข้าวอดน้ำเป็นเวลาห้าวัน”

“วังหลังอย่างนั้นหรือ! เธอไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่หรือไม่? ฝ่าบาททรงรับสั่งเช่นนั้นได้อย่างไรกันไหนจะให้อดน้ำอดอาหารอีกมันไม่เกินไปหรือ!?” มาดามยกมือขึ้นปิดปาก ส่วนผมช็อกจนอ้าปากค้างไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนอกจากไล่แล้วยังให้อดข้าวอดน้ำอีก ถามจริงเถอะคุณพ่ออดน้ำแค่สามวันก็ตายแล้วนะครับ

“ดิฉันไม่ได้ล้อเล่นนะคะมาดาม ดิฉันได้ยินมากับหูองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูตรงนั้นก็เป็นพยานได้ ตอนนี้ทุกคนหน้าเสียกับรับสั่งของพระองค์กันหมดแล้วค่ะ ทั้งๆที่องค์ชายไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ๆ” พี่สาวใช้ผมสีน้ำตาลเริ่มสะอื้นจนพูดติดขัด

“เธอรู้หรือไม่ว่าองค์ชายตรัสอะไรกับฝ่าบาท” มาดามจี้ถามต่อเพื่อเอาคำตอบ ผมเองก็ตั้งใจฟังเพราะอยากรู้เช่นเดียวกัน

“ฮะ...ฮึกองค์ชายขอรับความผิดเองทั้งหมดค่ะ ความจริงแล้วพระสนมกับท่านมาร์ควิสควรจะเป็นคนโดนแท้ๆ ฮึก...ฮือๆ องค์ชายหนึ่งเหตุใดถึงต้องทำเช่นนี้ด้วย” เธอร้องไห้หนักกว่าเดิมจนเข่าแทบทรุด ผมยิ่งได้ยินยิ่งตกใจมากกว่าเดิม

ลินคอล์นเลือกที่จะรับความผิดทุกอย่างแทนอย่างนั้นเหรอ พี่ชายผมมีเหตุผลอะไรถึงเลือกที่จะทำแบบนั้นกันมันไม่คุ้มเลยนะมีแต่จะทำให้สุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตย่ำแย่ลงไปเสียเปล่า ไหนจะไม่ได้เรียนหนังสืออีกมันจะโหดร้ายเกินไปแล้ว

ยิ่งอยู่ที่วังหลังนั่นหมายความว่าองค์จักรพรรดิจะทำเหมือนกับว่าลินคอล์นนั้นได้ตายไปแล้ว ที่ผมกล้าพูดแบบนี้ก็เพราะว่าผมในตอนนั้นจะอายุห้าขวบพอดีและได้เรียนหนังสือเตรียมตัวเป็นองค์รัชทายาท ต่อให้ลินคอล์นได้กลับมาอยู่ที่วังของตนเองเช่นเดิมผู้คนก็คงจะไม่ให้ความสนใจอีกต่อไปแล้ว

มันเป็นการทำโทษที่มีแต่เสียกับเสียลินคอล์นไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากการทำในครั้งนี้เลย ในหัวของผมตอนนี้มีคำถามมากมายผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด อยากจะเขย่าตัวพี่ชายบ้าบอคนนั้นและถามว่าทำไมถึงทำอะไรไม่บอก ทำไมต้องทำอะไรด้วยตัวคนเดียว อย่าลืมสิว่าพี่มีผมนะถึงแม้ผมจะยังพูดไม่ได้ก็เถอะ

“แล้วไม่มีใครค้านให้องค์ชายหน่อยหรือ เหตุใดถึงต้องทำถึงเพียงนี้กันเล่าฉันเข้าใจว่าองค์ชายหนึ่งรักพระอนุชามากแต่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำถึงขนาดนี้ ฉันจะไปขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท” มาดามพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังตั้งท่าจะไปขอเข้าเฝ้าแต่กลับถูกพี่สาวใช้ผมสีน้ำตาลรั้งไว้

“ไม่ได้นะคะ หากไปตอนนี้มีแต่แย่ลงนะคะมาดามที่สำคัญตอนนี้พระองค์ไม่ให้ใครเข้าเฝ้าเลยค่ะ หรือต่อให้เข้าเฝ้าไปในภายหลังก็คงไม่มีผู้ใดเกลี้ยกล่อมพระองค์ได้” เธออธิบายแววตาของเธอเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง ตอนนี้ไม่มีใครรู้เลยว่าควรจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี

“แมรี่...” มาดามถอนหายใจแล้วกล่าวตัดพ้อ “คนที่จะเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทได้และคอยปกป้ององค์ชายหนึ่งก็มีเพียงองค์จักรพรรดินีเท่านั้น แต่ตอนนี้พระองค์ไม่อยู่แล้วพวกเราจะช่วยองค์ชายหนึ่งอย่างไรดีเล่า” สิ้นสุดประโยคนี้ทุกคนก็หน้าเสียกันหมด

องค์จักรพรรดิเป็นคนหัวดื้ออยู่แล้วและไม่แปลกใจเลยมาดามจะพูดแบบนั้นเพราะเขาผู้นั้นไม่ได้รักพระสนม ลินคอล์นเขาเกิดมาจากความผิดพลาดแถมยังมารับผิดแทนในเรื่องของการทำผิดกฎอีก ดังนั้นตัดตัวเลือกที่พระสนมจะช่วยเกลี้ยกล่อมออกไปได้เลย

แถมเรื่องที่เกิดขึ้นมันร้ายแรงอยู่พอสมควร เท่าที่ผมนั้นจำได้กฎหมายของเนธิลอร์นั้นบอกไว้ว่าจะติเตียนราชวงศ์อย่างไรก็ได้แต่อย่าใส่ร้ายและกล่าวถ้อยคำเกลียดชังจนเกินความเป็นจริง ซึ่งการกระทำของฝั่งท่านมาร์ควิสเข้าข่ายผิดกฎหมายของจักรวรรดิต้องถูกลงโทษโดยการจำคุก

แต่ลินคอล์นนั้นเลือกที่จะสารภาพและรับความผิดนั้นทั้งหมดเอง ซึ่งที่จริงลินคอล์นต้องติดคุกโชคยังดีที่พี่ชายผมยังไม่บรรลุนิติภาวะอีกทั้งเป็นเชื้อพระวงค์เช่นเดียวกันจึงโดนลงโทษแทนให้ไปอยู่ที่วังหลัง นี่ขนาดโชคดีนะถ้าโชคร้ายจะขนาดไหนเนี่ย

พระสนมและทางฝั่งตระกูลทานส์ควรตรัสรู้ได้แล้วนะว่าสิ่งที่ตนเองทำอยู่ในเวลานี้ไม่ถูกต้อง หากมองในมุมมองของเกมการเมืองตอนนี้ฝั่งเขากำลังแพ้ผมเพราะหมากของเขากำลังถูกเฉดหัวทิ้งอย่างไร้เยื่อใย ในทางตรงกันข้ามหากมองในมุมผมตอนนี้ผมจะต้องหาทางช่วยพี่ชายของตนเองให้จนได้

ตกค่ำทุกคนหลับหมดแล้วภายในห้องนอนของผมนั้นเงียบสงบมีเพียงแต่เสียงโยกเยกไปมาของเตียงเด็กที่ผมนอนก็เท่านั้น ผมแกล้งหลับรอทุกคนออกไปจากห้องของผมจนหมดแล้วจึงตัดสินใจลุกขึ้นมา ไม่วายนำผ้าที่ห่ออาหารเล็กๆน้อยๆติดตัวไปด้วย

ผมค่อยๆเดินออกจากห้องอย่างระมัดระวัง ถึงแม้จะเดินได้คล่องแล้วทว่านี่คือเวลาวิกาลต้องเพิ่มความระวังตัวไม่งั้นจะผมอาจจะสะดุดล้มโง่ๆได้ เท่าที่ผมจำได้ดูเหมือนว่าวังหลังจะอยู่ทางทิศใต้หากเดินลัดผ่านทางห้องครัวไปก็คงจะเจอแล้ว

เอาจริงผมไม่รู้ว่าของที่ผมเอาไปให้พี่ชายของผมจะอิ่มท้องรึเปล่า มันก็แค่ของเล็กๆน้อยๆที่ผมเอามาจากชามข้าวของผม ผมจงใจไม่กินมันและแอบเก็บใส่ไว้ในผ้าอย่างน้อยไม่อิ่มก็ขอให้พี่ชายได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ก็พอ ในผ้าของผมนั้นมีผลไม้ด้วยคงจะช่วยลดความกระหายน้ำของพี่ชายได้บ้าง

ตุบ!

ระหว่างเดินและขบคิดผมดันเผลอสะดุดขาตัวเองโดยที่ไม่ทันระวังทำให้ล้มลงของกินหล่นออกจากผ้าที่ห่อไว้โดยเฉพาะส้มที่เกลือกกลิ้งไปทางด้านหน้า ผมรีบยันตัวขึ้นและนำของที่เหลือใส่ผ้าดังเดิมก่อนสาวเท้าเล็กตามผลส้มไปอย่างรวดเร็วเท่าที่ขาสั้นๆของผมจะทำได้

จังหวะที่มือของผมเข้าใกล้ส้มผมก็จัดการกระโจนเข้าไปคว้ามันได้ทันพอดิบพอดี จนผมเพิ่งได้สังเกตว่าผลส้มที่ผมเพิ่งจับไปนั้นกลิ้งไปใกล้ชิดกับเท้าใครบางคนที่ไม่อาจทราบได้ ผมหน้าซีดภายในใจเต้นกระหน่ำรุนแรงเพราะไม่รู้ว่าคนที่สูงกว่านั้นคือใคร

“เอ๊ะ ส้มใครน่ะ ไหนจะมือ...” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นก่อนย่อตัวลงมา “อะ...องค์ชายสอง? เหตุใดองค์ชายถึงได้มาอยู่ตรงนี้เพคะไม่ใช่บรรทมไปแล้วหรือ” ผมชะงักเมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับคนที่คุ้นเคยนั่นก็คือสาวใช้ที่ชื่อว่าแอนนั่นเอง

มืออีกข้างของเธอนั้นถือถาดที่บนนั้นมีจานและอาหารหลากหลายอย่างเต็มไปหมด แถมทิศทางที่เธอย่อตัวบังผมอยู่ตอนนี้ก็คือทางไปวังหลัง เธอที่เห็นผมมองไปที่ถาดก็กระแอมไอออกมาเล็กน้อย “อะแฮ่ม...ช่วยเก็บเป็นความลับนะเพคะองค์ชาย หม่อมฉันจะนำสิ่งนี้ไปให้พระเชษฐาของพระองค์เพคะ”

ผมที่ได้ยินดังนั้นก็ดึงชายประโปรงของเธอก่อนยื่นผ้าที่ห่อของกินไว้ให้ เธอวางถาดลงแล้วค่อยๆเปิดมันออกมาดู “องค์ชายเองก็จะนำมันไปให้พระเชษฐาหรือเพคะ เช่นนั้นพระองค์เสด็จไปกับหม่อมฉันนะเพคะ หม่อมฉันคิดว่าองค์ชายหนึ่งจะต้องดีใจแน่ๆที่ได้เห็นพระองค์”

ว่าจบเธอก็ห่อผ้าให้เป็นดังเดิมและวางมันบนถาดโดยที่ขณะนี้มือข้างขวาของเธอนั้นถือถาดอาหาร มือข้างซ้ายโอบอุ้มผมขึ้นเพื่อพาผมไปที่วังหลังด้วย ระหว่างทางมีเพียงแค่ฝีเท้าที่แผ่วเบาของแอนเท่านั้นแต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะกวาดสายตาเพื่อตรวจสอบดูว่าไม่มีใครมาเฝ้า

ช่างโชคดีนักที่ไม่มีใครเฝ้าเลย ภายในวังหลังนั้นค่อนข้างเก่าและเงียบมากทำให้บรรยากาศดูเหงา เปล่าเปลี่ยวและวังเวงเป็นอย่างมาก ในเรื่องความสะอาดเรียกได้ว่าติดลบคงจะไม่มีคนมาทำความสะอาดที่นี่เป็นเวลานานแล้ว

ก็นะที่ผ่านมาแทบไม่มีใครถูกลงโทษเลยนี่นา

แกรก!

แอนวางผมลงแล้วจัดการเปิดประตูห้องขนาดใหญ่ห้องหนึ่งแล้วพูด “ขออนุญาตเพคะองค์ชายหนึ่ง หม่อมฉันแอนเองเพคะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาแต่ก็จงใจให้คนด้านในได้ยิน ผมรีบก้าวเท้าเล็กตามเธอเขาไปภายในห้องอย่างเร็วรี่

ภาพตรงหน้าที่ปรากฏสู่สายตาให้ผมได้เห็นนั้นคือลินคอล์นที่กำลังนั่งเหม่อมองหน้าต่างบานใหญ่ใกล้เตียงนอน ภายในห้องนั้นมืดมิดมีเพียงแสงจากจันทราที่นวลผ่องสาดส่องเข้ามาให้รู้ว่าเจ้าตัวอยู่ตรงไหน ลินคอล์นละใบหน้าจากหน้าต่างก่อนที่จะแสดงสีหน้าที่ตกอกตกใจขึ้นมา

หลังจากนั้นเสียงดีดนิ้วก็ดังขึ้นไฟภายในห้องสว่างวาบโดยที่คนทำนั้นคือพี่ชายของผมเอง “แอน! เหตุใดน้องชายเราถึงได้มาอยู่ที่นี่ วังหลังไม่เหมาะสมกับน้องชายเราพาเขาออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ” องค์ชายเรือนผมสีชมพูอ่อนออกคำสั่ง

“แอ้!” ผมเดินเข้าไปเกาะขาแอนทันทีพลางยู่ปาก กล้าดียังไงถึงมาไล่ผมให้ออกไปแบบนี้กันผมอุตส่าห์แอบออกมาหาเลยนะ น้องชายคนนี้เป็นห่วงนะเว้ยเลยลงทุนออกมาหาดังนั้นไม่ว่าจะไล่ยังไงก็ไม่ยอมที่จะกลับหรอกนะ จะอยู่ที่นี่จนกว่าจะเห็นว่าพี่ชายผมนั้นได้กินอิ่ม

“โถ่องค์ชายหนึ่งเพคะ องค์ชายสองทรงเป็นห่วงพระองค์มากเลยนะเพคะถึงขนาดแอบห่ออาหารเอามาให้ และหม่อมฉันเองก็เชื่อว่าองค์ชายก็อยากจะเจอน้องชายของตนเอง อย่าเอ่ยปากไล่องค์ชายสองเลยเพคะ” แอนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่แสนนุ่มนวล

ลินคอล์นทำได้เพียงแค่ถอนหายใจก็เท่านั้น เขาลงมาจากเก้าอี้ตัวใหญ่เดินตรงมาที่ผมมือที่ใหญ่กว่าทั้งสองข้างจัดการอุ้มผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด ริมฝีปากของลินคอล์นหยักโค้งเล็กน้อยคล้ายกับว่าเขากำลังยิ้มอยู่ ทว่าแววตากลับแฝงเร้นไปด้วยความโศกเศร้า

“หลังจากนี้เราคงเจอกันยากมากกว่าเดิมแล้วล่ะเทรย์เวอร์ พี่ออกไปจากที่แห่งนี้ไม่ได้ทำได้เพียงแค่รอก็เท่านั้น ระหว่างนี้อาจจะเหงาบ้างแต่พี่เชื่อว่าเทรย์เวอร์อยู่ได้” ลินคอล์นตัดพ้อพลางลูบหัวของผมช้าๆ ส่วนผมที่มีคำพูดร้อยแปดอยากจะพูดกับพี่ชายทำได้เพียงแค่เงียบและกอดพี่ชายไว้เท่านั้น

“เดี๋ยวหม่อมฉันพาองค์ชายสองมาหาพระองค์ก็ได้เพคะ เชื่อมือหม่อมฉันได้เลยเพคะ” แอนกล่าวด้วยสีหน้าที่มั่นอกมั่นใจ

ต่างจากลินคอล์นที่ส่ายหน้า “ก่อนเราจะถูกพาตัวมานี่ที่เราได้ยินฝ่าบาทรับสั่งกับองครักษ์ประจำตัวว่าจะเพิ่มมาตรการการควบคุมดูแลบริเวณวังรูบี้ของเทรย์เวอร์ให้มากขึ้น มันคงจะมีทหารเดินป้วนเปี้ยนไปมาลำบากเธอเปล่าๆแอน”

ยิ่งได้ยินแบบนี้ยิ่งดูหดหู่กว่าเดิมอีก นอกจากจะพาลินคอล์นมาอยู่ที่นี่แล้วยังจะเพิ่มให้มาเฝ้าที่วังของผมเพิ่มอีกอย่างนั้นเหรอกะจะไม่ให้ผมกับลินคอล์นเจอกันให้ได้เลยสินะ ไม่มีทางหรอกไม่ว่าอย่างไรมันก็จะต้องมีสักวิธีที่สามารถไปหาพี่ชายของผมได้

“หม่อมฉันมีวิธีเพคะได้โปรดอย่าทรงตัดพ้อและสิ้นหวังเช่นนั้น มันไม่สมกับเป็นองค์ชายเลยนะเพคะพระองค์ต้องเข้มแข็งเพคะ” แอนพูดปลุกกำลังใจพี่ชายของผม ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อไปถามอีกเรื่อง “แล้วเรื่องการเรียนการสอนละเพคะองค์ชาย ห้าปีคงเรียนตามไม่ทันอย่างแน่นอนเพคะ”

“ช่างมันเถอะเรื่องนั้น เราปล่อยมันไปตั้งแต่พระองค์ตรัสออกมาแล้ว” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากปากของลินคอล์นนั้นช่างสิ้นหวัง

เหมือนกับว่าเขาไม่สนใจในเรื่องการศึกษาแล้ว

 

 

_____