เพราะความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นั้นช่างปลอมเปลือก ผมคนนี้จะขอเป็นคนมอบความรักที่แท้จริงให้แก่นายเอกผู้น่ารักเอง
ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ดาร์ค,ตะวันตก,แฟนตาซี,ผมตกหลุมรักนายเอกครับ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเราเพราะความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นั้นช่างปลอมเปลือก ผมคนนี้จะขอเป็นคนมอบความรักที่แท้จริงให้แก่นายเอกผู้น่ารักเอง
โปรดอ่านรายละเอียดก่อนอ่านเนื้อเรื่องหลักกันด้วยนะคะ
เล่นแท็ก #ผมตกหลุมรักนายเอกครับ
‘แม็กซ์’ หนุ่มCEOลูกครึ่งไฟแรงผู้ประสบความสำเร็จและยืนอยู่บนจุดสูงสุดตั้งแต่อายุยังน้อย เบื้องหน้าดูเป็นคนน่าเกรงขามเป็นที่เคารพแก่คนในองค์กรและบริษัท แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังแม็กซ์เป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่รักการอ่านนิยายเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะวายพีเรียดตะวันตก
นิยายเรื่องพันธนาการรักของดยุกปีศาจ ได้เข้าไปต้องตาต้องใจแม็กซ์เข้าเพราะมีความนิยมมากจนว่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ต ทว่าหลังอ่านจบถึงกับอุทานออกมาดังๆ ว่าอะไรวะ ความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นายเอกนั้นช่างปลอมเปลือกยิ่งเสียกว่าอะไร ตอนจบที่สมบูรณ์แบบนั้นสำหรับแม็กซ์มันเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวง
‘ถ้าเขาได้เข้าไปในนิยายละก็นายเอกของเรื่องจะได้เจอกับความสุขที่แท้จริง เขาจะแย่งนายเอกมาจากพระเอกของเรื่องเอง!!’ จบคำพูดนั้นแม็กซ์ก็ได้เข้าไปอยู่ในนิยายเรื่องนั้นจริงๆ
Warning
- นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่รุนแรง มีการบรรยายเกี่ยวศพ (Body) , ความตาย (Death) , การกระทำที่น่ารังเกียจและขนลุก (Creepy Behavior) , การล่วงละเมิดทางจิตใจและอารมณ์ (mental and emotional abuse) , ฆาตกรรมสังหารหมู่ (Murder) , คำหยาบคาย (Rude) , ความคิดที่บิดเบี้ยว (Cognitive Distortions) , การข่มขืน (Ravishment) , การดูถูกเหยียดหยาม (Contemptibility) , การชักจูงทางจิตวิทยาหลอกเหยื่อ (Manipulator) , การปั่นหัวให้สับสนทางความคิด (Gaslighting) , ซึมเศร้า (Depression) , ความเชื่อทางศาสนา (religion)
- ผู้ชายสามารถท้องได้ (Mpreg)
- สถานที่ ความเชื่อ เหตุการณ์ต่างๆ มาจากจินตนาการของผู้แต่งทั้งหมด
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและห้ามลอกเลียนแบบ
หมายเหตุ
- เรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองของพระเอก การกระทำความคิดทุกสิ่งทุกอย่างเป็นมองผ่านมุมมองของพระเอกทั้งหมด
- เนื้อเรื่องจะแบ่งเป็นทั้งหมด 2 arcนะคะ arcนึงเกือบร้อยตอนค่ะ(อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าขึ้นอยู่กับเนื้อหา) แน่นอนว่าเนื้อหาของนิยายยาว กว่าเหล่าตัวเอกจะรักกันย่อมใช้เวลาโดยที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะค่อยๆ ขยับเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เพราะเริ่มแรกพระเอกจะเป็นเด็กก่อนค่ะกว่าจะเติบโตและพบเจอกันจะต้องใช้เวลา แต่เนื้อหาระหว่างทางก่อนจะไปเจอกันสนุกอย่างแน่นอนค่ะ
- ก่อนอื่นเรื่องนี้ในช่วงตอนแรกๆนั้นนายเอกจะค่อนข้างค่าตัวแพง แต่จะโผล่มาบางช่วงให้หายคิดถึงค่ะเนื่องจากช่วงแรกเป็นวัยเด็กของพระเอกจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของพี่ชายกับพระเอกก่อนเป็นอันดับแรก ค่อยตามด้วยความสัมพันธ์ของพระ-นายค่ะ
- มีการใช้ไทม์สคริปบ่อยครั้งในช่วงตอนแรกๆของเนื้อเรื่อง เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงอายุของพระเอกนั้นหลากหลายและทางเราอยากให้นักอ่านได้รับรู้ช่วงเวลาชีวิตของพระเอกไปพร้อมกันจึงมีการใส่ไทม์สคริปหลายครั้งค่ะ
- การกระทำหลายอย่างของตัวละครนั้นบิดเบี้ยว มีหลายสิ่งที่ทำแล้วไม่ถูกต้องอีกทั้งยังมีเนื้อหาบางจุดที่ละเอียดอ่อน ผู้อ่านโปรดกรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านเป็นอย่างมาก
ปล.เนื้อหาที่ลงในเว็บยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์อักษร ถูกแก้ไขผ่านการตรวจทานคร่าวๆ ของผู้แต่งเท่านั้น
**สุดท้ายนี้สามารถติชมเราได้เสมออีกเช่นเคยค่ะ อาจจะผิดพลาดไปบ้างแต่เราเชื่อว่านักอ่านทุกท่านจะสนุกไปกับมันค่ะ อย่าลืมกดติดตามเราไว้เพื่อที่จะได้ไม่พลาดตอนใหม่ๆ ทุกครั้งเวลาอัพ
อัพทุกวัน อังคาร พฤหัสบดี
ช่องทางการติดตามเพิ่มเติมเพื่อติดตามข่าวสารและงานแฟนอาร์ตของนิยาย : @Sagehuggrape30
“เอ๋! ช่างมันได้อย่างไรล่ะเพคะ การศึกษาสำคัญมากๆเลยนะเพคะถึงหม่อมฉันจะเรียนจบไม่สูงเท่าไรนักแต่การศึกษาก็ช่วยใหหม่อมฉันก้าวหน้าต่อไปได้นะเพคะ” แอนเอ่ยพร้อมกับแสดงสีหน้าที่ไม่เข้าใจออกมา ผมเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเธอ นั่นสิปกติพี่ชายผมเป็นคนรักการเรียนมากนี่นา
ลินคอล์นเลือกที่จะไม่พูดอะไรเขาทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ดังเดิมแล้วตักอาหารเข้าปาก หลังเคี้ยวเสร็จถึงเริ่มพูดต่อ “ใช่ การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญแต่เรานั้นศึกษานอกระบบเองก็ได้” คำพูดของลินคอล์นทำผมและแอนมึนงงกว่าเดิม “เดี๋ยวทำอะไรให้ดู”
ว่าจบลินคอล์นก็ดีดนิ้วอีกครั้งภาพตรงหน้าแปรสภาพเป็นอย่างอื่นแทนจากห้องนอนที่เก่าคร่ำคร่าเป็นทุ่งหญ้าที่กว้างขวางไกลสุดลูกหูลูกตาอีกทั้งยังมีแสงเดือนส่องคอยให้ความสว่าง ผมกับแอนทำได้เพียงแค่อึ้งเงียบพูดอะไรไม่ออกเลยสักนิด
ตัวต้นเรื่องที่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ดูไม่ค่อยใส่ใจอะไรเท่าไหร่ เขาทิ้งตัวลงบนผืนหญ้าอาบแสงจันทร์แล้วค่อยวางผมลงด้านข้างปิดท้ายด้วยการที่อีกฝ่ายเอนตัวลงนอนราบไปด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง นัยน์ตาของพี่ชายคนนี้สะท้อนหมู่ดาวนับพันบนฟ้าที่อยู่รายล้อมรอบดวงจันทร์กลมโต
“นะ...นี่มันเวทย์อะไรหรือเพคะ หม่อมฉันไม่เคยเห็นมาก่อน” เธอถามพลางกวาดสายตาสำรวจไปบริเวณรอบๆด้วยความหวาดระแวงเล็กน้อย
“เวทย์นิมิตมายา” เขาตอบก่อนอธิบายให้ฟัง “เป็นเวทย์ที่สร้างมิติขนาดย่อมขึ้นมา จะรังสรรค์ตามที่ใจนั้นนึกคิดซึ่งเมื่อครู่เราอยากสูดอากาศบริสุทธิ์ยามค่ำคืนน่ะเลยสร้างมันขึ้นมา” มันช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากสำหรับคนที่ได้รับฟังต่างจากคนพูดที่ทำตัวประหนึ่งว่ามันเป็นเรื่องปกติ
เดี๋ยวนะเวทย์นิมิตมายาเหมือนผมจะเคยได้ยินมาก่อน เท่าที่จำได้เวทย์นี้เป็นหนึ่งในเวทย์ที่เอลเลียตนั้นมีเช่นเดียวกันแต่กว่าเจ้าตัวจะใช้สามารถใช้เวทย์นี้ได้อย่างชำนาญนั้นก็ใช้เวลาหลายปีในช่วงที่ออกเดินทางก่อนมาเจอแร็คน่าร์
เวทย์นี้เป็นเวทย์ที่ใช้พลังมานาในร่างกายค่อนข้างเยอะ สาเหตุก็มาจากในโลกความจริงทุกคนที่อยู่ในมิตินี้จะกำลังหลับอยู่ ซึ่งมันอันตรายมากผู้สร้างมิตินี้จะต้องมีกลไกหรือวิธีการป้องกันตัวที่ดีขณะที่ตนเองนั้นกำลังหลับอีกทั้งยังต้องปกป้องคนอื่นที่หลับด้วยเช่นเดียวกัน
มันเปลืองมานาตรงที่นอกจากใช้สร้างมิติตามใจนึกคิดแล้วนั้นยังจะต้องเจียดมานามาใช้ในการป้องกันตัวขณะหลับอีก ดังนั้นเหล่านักเวทย์ส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยนิยมใช้เวทย์นี้กันเท่าไหร่เพราะไม่คุ้ม ในขณะที่พี่ชายผมนั้นใช้โดยที่ไม่ได้สนใจในเรื่องของมานาเลย ถ้าไม่เก่งจริงหรือบริหารมานาจนชำนาญคงไม่นอนชิวอยู่ตรงนี้
“เวทย์นี้ที่จริงใช้เวลาฝึกหลายปีน่ะถึงจะใช้คล่อง แต่เรานั้นใช้เวลาแค่ห้าเดือนในการฝึกมัน” ลินคอล์นกล่าวออกมาหน้าตาเฉย “อ้อ ลืมบอกไปผลสอบเรื่องเวทย์มนต์เราได้ท็อปน่ะ เพราะเหตุนี้เราเลยคิดว่าต่อให้ฝ่าบาทริบการเรียนการสอนเราไปก็คงไม่เป็นไร เราหาเรียนเองเพิ่มเติมได้”
“อะไรนะเพคะ! นั่นหมายความว่าพระองค์ได้ที่หนึ่งของสถาบันเช่นนั้นหรือเพคะ!?” แอนพูดเสียงดังจนผมสะดุ้ง ความจริงไม่ใช่แค่เธอหรอกที่อึ้ง ผมเองก็อึ้งกับความสามารถของพี่ชายตนเองเหมือนกัน คือผมรู้แหละว่าลินคอล์นเป็นอัจฉริยะด้านเวทมนตร์สุดๆแต่มันต้องขนาดนี้เลยเหรอ
“อืม” เจ้าตัวตอบน้ำเสียงเนือยๆคล้ายไม่ใส่ใจก่อนผินหน้าหันมามองที่ผมที่กำลังจดจ้องอีกฝ่ายอยู่ ลินคอล์นเปลี่ยนท่านอนพลิกคว่ำตัวแล้วนำมือทั้งสองข้างเท้าคางไว้ “เป็นไงเทรย์เวอร์ชอบที่นี่หรือไม่ นี่คือสิ่งที่พี่อยากนำเสนอให้น้องชายพี่เห็นหลังจากที่สอบเสร็จ ในที่สุดก็มีโอกาส”
ชั่วขณะนั้นก็มีหิ่งห้อยโผบินข้ามผ่านพวกผมทั้งสามคนไป แสงสลัวสีเหลืองอ่อนสว่างวิบวับสลับกับแสงจากดวงดาวจากนั้นก็หลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้ท้องฟ้าที่มีสีมืดเข้มเริ่มสว่างทั้งยังช่วยให้มองเห็นพระจันทร์ได้อย่างแจ่มชัด
ผมเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อเชยชมสิ่งที่งดงามตระการตรงหน้าก่อนลดใบหน้าลงมาเพื่อมองพี่ชายของตนเองอีกครั้ง กรอบหน้าของเขาอาบย้อมไปด้วยแสงสลัวจากฟากฟ้ายามราตรี สีเหลืองอ่อนปนขาวขับให้ผิวหน้าของลินคอล์นนั้นผุดผ่องพร้อมกับดวงตาที่พร่างพราวเป็นประกาย
พี่ชายของผมคนนี้หน้าตาหล่อเหลาและคมคายตั้งแต่เด็กจนโตแม้ว่าในเนื้อหานิยายต้นฉบับเขาจะเป็นตัวร้ายที่ใครๆต่างก็ไม่ชอบขี้หน้า แต่ในทางกลับกันเหล่านักอ่านมักจะชัวชมความหล่อเหลาของเขาว่าไม่ได้เป็นรองเอลเลียตเลย
งานภาพวาดของพี่ชายผมนั้นติดท็อปเป็นอันดับสองหากให้เอลเลียตเป็นที่หนึ่ง มีนักวาดมากมายหลายท่านนั้นชอบที่จะวาดลินคอล์นด้วยความที่มีสีผมชมพูอ่อนเข้ากับนัยน์ตาสีเหลืองอำพัน ยิ่งเขามีผิวพรรณที่ขาวอมชมพูเหล่านักวาดก็ยิ่งชอบที่จะวาดเขา
วัยสิบขวบยังเบ้าหน้าดีขนาดนี้ หลังจากนี้อีกห้าปีสิบปีคงจะมีเหล่าเลดี้ที่แสนจะงดงามมากมายเข้าหาเพื่อขอเต้นรำด้วยอย่างแน่นอน ไหนจะความสามารถที่มีอย่างล้นเหลือเป็นนักดาบระดับซอร์ดมาสเตอร์ก็ได้ นักเวทย์เองก็ดีถึงขนาดถ้าเรียนลึกมากขึ้นกว่านี้ก็อาจจะเป็นมหาจอมเวทย์ของหอคอยเวทย์ก็ยังได้
คุณสมบัติของลินคอล์นนั้นเพียบพร้อมไปเสียซะทุกอย่างแต่ขาดอย่างเดียวคือความรักที่ครอบครัวไม่ได้มอบให้ ที่พี่เขาพยายามให้เก่งถึงขนาดนี้ก็มีเหตุผลเพียงเพราะต้องการให้คนเป็นพ่อเป็นแม่นั้นสนใจ ทว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
แต่ว่าตอนนี้พี่มีผมแล้วนี่นา จะไปแคร์ความรักจากคนที่ไม่อยากให้ทำไม
“แอ้ บูบู!” ผมชอบที่นี่มากเลยนะ ผมพยายามที่จะบอกให้คนที่นอนด้านข้างรับรู้ ต่อให้เข้าใจหรือไม่ผมก็จะขอพูดไว้ก่อนให้พี่ชายคนนี้รับรู้ว่าการมีอยู่ของผมจะไม่ทำให้พี่ชายนั้นเหงาและขาดความรักอันแสนอบอุ่น พี่ชายจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้วนับจากนี้
“ชอบก็ดี ถึงพี่จะฟังไม่รู้เรื่องแต่พี่รู้ว่าเทรย์เวอร์ต้องชอบมัน” ลินคอล์นยิ้มย่องหลังจากนั้นก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดอีกเช่นเคยพลางหอมหัวเสียงดังฟอด แอนที่นั่งลงอยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้นจากที่ยิ้มอยู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่หม่นหมอง
ไม่วายระบายลมหายใจออกมา “หม่อมฉันอยากให้ฝ่าบาทเข้าใจพระองค์จังเลยเพคะ ว่าแต่ว่า...” เธอยืดประโยคพ่วงด้วยความลังเลเหมือนกับว่าจะถามดีหรือไม่ “บอกหม่อมฉันได้หรือไม่เพคะว่าเหตุใดองค์ชายถึงยอมรับผิดแทนทั้งหมดแบบนั้น”
ลินคอล์นครั้นได้ยินดังนั้นก็เงียบทำให้บรรยากาศอึดอัดขึ้นมาเสียซะดื้อๆ ผ่านไปสักหนึ่งนาทีเสมือนว่าเจ้าตัวทำใจได้จึงเลือกที่จะดึงสายตามองลงมาที่ผม “เพราะเทรย์เวอร์น่ะ เราไปทำข้อตกลงกับท่านแม่และท่านมาร์ควิสมาเพื่อช่วยน้องชายของเรา”
“ช่วย? ช่วยอย่างไรหรือเพคะ” แอนถามต่อ
“เราไปทำข้อตกลงกับท่านแม่มาน่ะ ข้อตกลงที่ว่านั่นก็คือ...” พี่ชายผมตอบก่อนทำท่าครุ่นคิด
ย้อนไปเหตุการณ์ในวันซ้อมพิธี
หลังกลับมาจากซ้อมพิธีสาบานตนที่สถาบันแอสเพนเท้าเล็กเดินลงจากรถม้าราคาแพง รีบเข้าห้องไปเปลี่ยนชุดให้กลับมาเป็นเช่นเดิม หลังจากนั้นก็ตรงดิ่งไปที่ห้องรับรองของวังแจสเปอร์อันเป็นที่พักที่ตัวลินคอล์นอยู่ในตอนนี้ทันที
ปัง!
เสียงประตูถูกเปิดออกดังขึ้นพร้อมกับภาพตรงหน้าที่ปรากฏให้องค์ชายหนึ่งผู้สูงศักดิ์นั้นได้เห็น หนึ่งชายสูงวัยที่กำลังนั่นโดยมีไม้เท้าช่วยค้ำกับหนึ่งหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง สองคนที่นั่งอยู่ภายในห้องรับรองแห่งนี้นั้นคือท่านมาร์ควิสทานส์ผู้มีศักดิ์เป็นตากับพระสนมดัลซิเนียผู้มีศักดิ์เป็นแม่
ทั้งสองคนนี้เป็นหนึ่งในครอบครัวของลินคอล์น อันที่จริงภายในใจของลินคอล์นนั้นไม่ค่อยอยากจะนับเท่าไหร่นัก จากแต่ก่อนที่ไม่อยากจะเข้าใกล้หรือพูดคุยแม้แต่หนึ่งประโยคสู่วันนี้ที่ต้องถ่อมาหาถึงห้องรับรองเพื่อพูดคุยและเจรจา
“เสด็จมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย ตอนแรกคิดว่าจะมาสายกว่านี้จนปล่อยให้กระหม่อมและพระสนมรอนาน” น้ำเสียงที่แฝงเร้นไปด้วยความกดดันเปล่งออกมา เจ้าของเสียงลืมตาขึ้นเหลือบมองลินคอล์นที่ยืนอยู่พร้อมท่าทางหอบหายใจแรงจากความเหนื่อยที่ต้องรีบวิ่งมา
“ขออภัยค่ะคุณพ่อ พอดีว่าลินคอล์นเพิ่งไปซ้อมพิธีสาบานตนที่สถาบันมาน่ะค่ะอีกประเดี๋ยวจะต้องสอบแล้ว” เธอตอบเสียงเรียบก่อนจิบชาอย่างมีมารยาท จากนั้นวางแก้วลงเงยหน้าขึ้นไปสบตาเด็กหนุ่มที่ครอบครองเรือนผมสีเดียวกับเธอ “มานั่งสิลูก มีเรื่องอันใดถึงได้เรียกพวกเรามา”
องค์ชายวัยสิบขวบสาวเท้าเข้าไปนั่งลงตรงข้ามทั้งสองคน มือบางเล็กยกขึ้นจนมีระดับเทียบเท่าไหล่เพื่อรอองครักษ์ที่ตามมาด้วยนำของสำคัญออกมาซึ่งนั่นก็คือหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่เจ้าตัวได้ไปอ่านโดยบังเอิญ เขาวางหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นลงบนโต๊ะเปิดไปหน้าที่มีเนื้อหาข่าวพาดพิงถึงน้องชายผู้เป็นที่รักยิ่ง
“ช่วยอ่านเนื้อหาของข่าวนี้ทีครับ” ลินคอล์นเอ่ย ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นไม่เข้าใจที่ลินคอล์นจะสื่อเท่าไหร่นักแต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย พวกเขาอ่านเนื้อหาของข่าวผ่านสีหน้าที่นิ่งเฉยไม่แสดงท่าทีใดๆออกมาให้องค์ชายน้อยได้เห็นเลย
เมื่ออ่านจบมาร์ควิสก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “เนื้อหาข่าวมันทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย กระหม่อมไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดแปลกตรงไหนเลยพ่ะย่ะค่ะ” ประโยคที่กล่าวออกมาพร้อมกับใบหน้าที่นิ่งเฉยคล้ายไม่ใส่ใจ ทำให้ลินคอล์นรู้สึกโมโหขึ้นมา
“นั่นสิลูก แล้วให้แม่กับคุณตาของลูกอ่านเพื่ออะไรกันคะ” เธอถามด้วยโทนเสียงอ่อนโยน ยิ่งได้ยินแบบนี้ยิ่งทำให้ลินคอล์นโมโหมากกว่าเดิมเสียอีก พวกเขาทั้งสองคนเป็นคนทำเรื่องพวกนี้ขึ้นมาแท้ๆแต่กระนั้นกลับไร้ซึ่งท่าทีสลดหรือรู้สึกผิด
“ให้อ่านเพื่ออะไรน่ะหรือครับ สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือผมรู้นะครับว่าทั้งสองท่านเป็นคนทำ อีกทั้งสิ่งที่พวกท่านทำไปนั้นผิดกฎหมายจักรวรรดิเนื่องจากเป็นความเท็จไม่มีมูลจริง องค์จักรพรรดินีสวรรคตหลังจากประสูติองค์ชายสองจริง ทว่าหมอก็ออกมาสารภาพผิดแล้วว่าเป็นความผิดพลาดของเขาเอง” เด็กหนุ่มผู้ครอบครองตำแหน่งที่สูงส่งพูดพร้อมสีหน้าจริงจัง
“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ สิ่งที่กระหม่อมทำนั้นไม่ใช่ว่าไม่มีเรื่องจริงทั้งหมดนะพ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างสิ่งที่กระหม่อมทำนั้นก็เพื่อองค์ชายทั้งนั้นนะพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายไม่อยากได้รับความรักจากฝ่าบาทหรือ” ชายแก่ที่ใช้ไม้เท้าช่วยประคองตนเองสบตาลินคอล์น
“ลองคิดดูนะพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย ตั้งแต่องค์ชายสองประสูติมาองค์จักรพรรดิก็ละเลยพระองค์หันไปให้ความสนใจแก่องค์ชายสองทั้งหมดทั้งๆที่พระองค์เองก็เป็นบุตรขององค์จักรพรรดิเช่นเดียวกัน” ประโยคที่เต็มไปด้วยความจริงทำเอาเด็กหนุ่มสะอึก
“นั่นสิคะ ลินคอล์นฟังแม่นะสิ่งที่แม่กับคุณตาของลูกทำนั้นก็เพื่อตัวลูก อีกอย่างช่วงนี้ฐานะการเงินของตระกูลก็ไม่ค่อยสู้ดีนักการมีอยู่ของแม่และลูกช่วยให้ชีวิตของคนในตระกูลสามารถไปต่อได้นะ ลูกนั้นสำคัญสำหรับแม่และตระกูลนะ” หญิงสาวเจ้าของริมฝีปากสีแดงกุหลาบมากเสน่ห์อธิบายให้ลูกชายของตนเองฟัง
“สำคัญ...? สำคัญเช่นนั้นหรือครับ” การที่ลินคอล์นได้ยินว่าเขาเองนั้นก็สำคัญทำให้ภายในรู้สึกสับสนลังเลไปชั่วครู่หนึ่ง สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ตั้งสติได้และส่ายหัวปฏิเสธ “อย่าหลอกลวงผมเลยครับ ไม่ว่ายังไงตัวผมในสายตาทั้งสองท่านและตระกูลนั้นก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือทางการเมือง”
ยามฝั่งตรงข้ามได้ยินคำพูดของลินคอล์นก็พากันเบิกตากว้างแสดงสีหน้าที่ตกอกตกใจออกมา พระสนมผู้เป็นแม่นั้นยกฝ่ามือเรียวสวยขึ้นทาบหน้าอกราวกับว่าช็อกไม่อยากจะเชื่อรูหูของตนเอง “ลินคอล์นลูกจะคิดเช่นนั้นไม่ได้นะ แม่กับคุณตาของลูกรักลูกจริงๆ”
“เฮ้อ ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อฟังพวกท่านทั้งสองพ่นคำที่แสนจะน่าเบื่อเหล่านี้ออกมาให้ผมรับฟังนะครับ” เขาถอนหายใจก่อนที่จะตัดสินใจเข้าเรื่องอย่างจริงจัง “ผมมีข้อเสนอมาเจรจากับทั้งสองท่านครับ ขึ้นอยู่กับพวกท่านแล้วว่าจะรับหรือไม่”
“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ” โทนเสียงถูกกดให้ต่ำลงบรรกาสยิ่งอึดอัดและกระอักกระอ่วนมากขึ้นเรื่อยๆ “องค์ชายยังทรงวัยเยาว์หาได้มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ามายุ่งเรื่องที่แสนจะวุ่นวายเหล่านี้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ” คำพูดที่เหมือนจะเป็นห่วงเป็นใยทว่าแฝงเร้นไปด้วยคำเตือนและบังคับ
ลินคอล์นรู้สึกใจฝ่อขึ้นมามือไม้เริ่มสั่นเล็กๆแต่กระนั้นก็พยายามเต็มที่เพื่อจะลบล้างความกลัวภายในจิตใจของตนเอง เจ้าตัวพบเจอความกดดันมาเยอะมากมายจากหลากหลายผู้คน ดังนั้นกะอีแค่ชายแก่คนหนึ่งที่หาเรื่องให้แก่น้องชายลินคอล์นผู้นี้ขอสู้ไม่ถอย
“อย่าให้ผมต้องบีบบังคับพวกท่านโดยการใช้อำนาจของผมเลยครับ โดยเฉพาะท่านน่ะท่านมาร์ควิส” องค์ชาวัยสิบปีปรับเปลี่ยนท่านั่ง เขายืดหลังตรงไขว้ขาไปทางขวาปรับเปลี่ยนสายตาให้ดูจริงจังมากกว่าเดิม “ผมให้โอกาสในการเจรจาหากยังดื้อรั้นการไปนอนที่คุกคงจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่เลว ท่านมาร์ควิสไม่คิดงั้นหรือ”
“ลินคอล์น! นี่คุณตาของลูกนะเหตุใดถึงไร้มารยาทเช่นนี้ แม่ไม่เคยสั่งสอนให้แกเป็นคนนิสัยเสียแบบนี้!!” พระสนมแว้ดเสียงใส่ลูกชายของตนเองอย่างเหลืออด เด็กหนุ่มที่ถูกตะคอกแอบสะดุ้งด้วยความตกใจแต่ก็ยังคงพยายามสงวนท่าทีของตนเองไว้
“ท่านแม่ครับ ต่อให้ท่านจะเป็นผู้ให้กำเนิดผมก็ตามแต่ท่านไม่มีสิทธิ์ที่จะขึ้นเสียงกับองค์ชายเช่นผม ท่านพ่อไม่ได้ให้อำนาจแก่ท่านมากถึงเพียงนั้นได้โปรดรู้สถานะตนเองบ้าง” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงข่มพลางจดจ้องสายตาไปที่มารดาผู้ให้กำเนิดพร้อมท่าทีที่นิ่งสงบ
พระสนมที่ได้ยินบุตรของตนเองกล่าววาจาออกมาเช่นนั้นก็หน้าเสียอึ้งจนพูดไม่ออกทำได้เพียงกระฟัดกระเฟียดและชักสีหน้าใส่ “จะเจรจาอะไร รีบว่ามาได้แล้วรู้หรือไม่ว่าเสียเวลาขนาดไหน แม่จะต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทอีก”
“เรื่องที่ทั้งสองกระทำนั้นมันผิดกฎหมายของจักรวรรดิแล้วมีความผิดร้ายแรงฐานใส่ความราชวงศ์อาจทำให้เกิดความบาดหมางกับประชาชนได้ซึ่งมีโทษจำคุกสามสิบปี” เด็กน้อยเรือนผมสีชมพูดอกคามิเลียอธิบายให้ฟัง ก่อนเข้าข้อเสนอ “แต่ผมมีวิธีแก้ไขให้อยู่ครับ”
“ว่า...ว่ามาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ” ท่านมาร์ควิสพูดตะกุกตะกัก
“เดี๋ยวผมจะเป็นคนรับโทษแทนทุกอย่างเอง เนื่องจากผมเป็นเชื้อพระวงศ์และยังไม่บรรลุนิติภาวะกฎหมายจึงลงโทษไม่ร้ายแรงอีกทั้งองค์จักรพรรดิจะเป็นคนตัดสินเอง” จบคำพูดนี้สีหน้าของทั้งสองแปรเปลี่ยนไป อีกทั้งยังตกใจจนพูดไม่ออกลินคอล์นที่เห็นท่าทีจึงต้องรีบพูดต่อ “แต่มีข้อแม้นะครับ...”
“ข้อแม้นั้นก็คือพวกท่านต้องเลิกยุ่งกับเทรย์เวอร์ตามระยะเวลาที่ผมโดนลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นความคิด การกระทำหรือสิ่งใดก็ช่างห้ามเด็ดขาด ข้อเสนอผมมีเพียงเท่านี้ซึ่งมันไม่ยากอะไรเลยขึ้นอยู่กับพวกท่านแล้ว” เขารู้ดีว่าข้อเสนอนี้มันมีความเสี่ยง องค์รักษ์ผู้ซื่อสัตย์ก็ตักเตือนเขาแล้วก็ยังดันทุรังที่จะทำต่อ
ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน
“สุดท้ายทั้งสองก็ยอมที่จะรามือจากองค์ชายสองตามที่ตกลงกับพระองค์ไว้อย่างนั้นหรือเพคะ” แอนทวนสิ่งที่ลินคอล์นเพิ่งเล่าจบไปเมื่อครู่ พี่ชายของผมพยักหน้าจากนั้นก็เลิกเท้าคางหมุนตัวลงไปนอนราบกับผืนหญ้าเช่นเดิมด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายลง
“อืม มันก็ประมาณนี้แหละแอนที่เราทำไปก็เพื่อเทรย์เวอร์ทั้งนั้น ห้าปีอาจจะดูไม่นานแต่เราคิดว่ามันก็อาจจะเพียงพอที่ทำให้พวกเขาตระหนักว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควร” อีกฝ่ายที่นอนอยู่ข้างผมว่าแบบนั้น ต่างจากผมที่รู้สึกว่าสองคนนี้ต่อให้ขังไว้แต่ในคฤหาสน์ก็คงจะหาวิธีการเพื่อมาจัดการผมอยู่ดี
แอนรวมรวบความกล้าทำใจดีสู้เสือถามไป “ถ้าไม่ล่ะเพคะองค์ชาย สุดท้ายแล้วหลังจากผ่านไปห้าปีพวกเขาก็กลับมาทำเช่นเดิมมันจะไปคุ้มค่ากับสิ่งที่พระองค์พบเจอได้อย่างไรกันเพคะ” พอได้ยินประโยคนี้ผมก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเธออย่างแรง มันไม่คุ้มเอาเลยนะ
“อย่างน้อยยืดเวลาไปก็ยังดี เราเองก็รู้อยู่แก่ใจของเราอยู่แล้วว่าตระกูลของท่านแม่เป็นคนเช่นไรกัน ห้าปีหลังจากนี้เราอายุสิบห้าแล้ว เราคงโตขึ้นและสั่งสมอำนาจมากพอที่จะจัดการทางฝั่งนั้นได้บ้าง” พี่ชายตัวน้อยของผมคลี่ยิ้มบางเบาพร้อมกับแววตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์จ้องมองไปที่ดาวบนท้องฟ้าที่ทอแสงสีนวลสบายตา
สิ่งที่พี่ชายผมพูดมันก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่หรอกเพราะตอนเจ้าตัวอายุสิบห้าก็เก่งกาจมากความสามารถไปถึงระดับไหนต่อไหนแล้ว ทว่านั่นมันเนื้อหาในนิยายที่ได้มีบทบาทต่อหน้าองค์จักรพรรดิ ในความเป็นจริงนี้พี่ชายผมเขาจะรับรู้ถึงเรื่องการถูกพาตัวมาขังไว้ที่วังหลังรึเปล่านะ
กลับออกไปโดยที่สุดท้ายถูกทอดทิ้งไว้ด้านหลัง ทุกคนเมินเฉยทำท่าทีราวกับว่าลินคอล์นนั้นได้ตายไปแล้วหรือไม่เคยมีชีวิตอยู่มาก่อน ผมคงจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับพี่ชายสุดแสนจะอาภัพคนนี้ของผมไม่ได้เด็ดขาดเลย
หลังจากนี้ห้าปีผมคงต้องเริ่มทำอะไรสักอย่างแล้วเพื่อไม่ให้เรื่องราวมันแย่ลง
“เอาล่ะ นี่คงดึกมากแล้วถึงเวลาที่จะต้องพาเทรย์เวอร์กลับไปนอนได้แล้วล่ะแอน” ลินคอล์นยันตัวลุกขึ้นจังหวะนั้นสายลมในยามค่ำคืนก็โชยพัดมาทำให้เส้นผมพลิ้วตามทิศทางการเคลื่อนที่ของลม สีหน้าของเด็กหนุ่มในเวลานี้นั้นช่างว่างเปล่ายากจะคาดเดาว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“องค์ชาย...อยู่กับพระอนุชาต่ออีกสักพักก็ได้นะเพคะ” แอนรั้ง
กระนั้นเขากลับส่ายหัว “ไม่ได้หรอก น้องชายเราต้องนอนหลับให้เต็มอิ่มเพราะอยู่ในวัยที่กำลังเติบโต ถึงเวลาที่จะต้องกลับไปนอนแล้วล่ะเทรย์เวอร์ ไว้มีโอกาสมานอนดูดาวดูเดือนด้วยกันใหม่นะ” ว่าจบก็จัดการอุ้มผมใส่อ้อมแขนของพี่สาวแอน
หลังจากนั้นพริบตาเดียวหลังการดีดนิ้วได้เกิดขึ้นภาพตรงหน้าของผมก็ตัดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กว่าจะรู้ตัวว่ากลับมาที่ห้องก็คือเช้าของอีกวัน ขอยอมรับเลยว่าเวทย์ของลินคอล์นในเวลานี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆและอนาคตต่อจากนี้ผมหวังว่าเขาจะต่อยอดมันให้ถึงที่สุดนะ
พี่ชายของผมเขาเป็นคนหัวไว ชาญฉลาด ใครสอนอะไรก็เข้าใจหมดอีกทั้งยังเรียนรู้ปรับตัวได้ดี อาจารย์หลายคนคงจะต้องเสียดายเป็นอย่างมากที่ไม่ได้สอนเขาต่อ เด็กเก่งแบบนี้ใครๆก็อยากให้เป็นอนาคตของชาติกันทั้งนั้นเพราะพึ่งพาได้
ส่วนผมตอนนี้จะต้องมานั่งคิดหาวิธีไปหาพี่ชายของผมโดยที่ไม่โดนจับได้ก่อน เพราะรุ่งเช้ามาถึงเสียงกระซิบของเหล่าพี่สาวใช้ก็ดังขึ้น เสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ผมได้ยินมานั้นบอกว่าทหารทั้งหลายได้มาประจำการที่วังของผมเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อเฝ้าและคอยดูแลความปลอดภัย
ถามจริงทุกวันนี้มันปลอดภัยจะตายอยู่แล้วไม่รู้ว่าจะทำเรื่องเหล่านี้ให้ลำบ่ากเพิ่มไปอีกทำไม ถ้าไม่หาวิธีรับมือละก็ต่อจากนี้คงจะลำบากเนื่องจากรับสั่งนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะยกเลิกเมื่อไหร่ ไม่แน่อาจจะอยู่กับผมจนโตเลยก็ได้ใครจะไปรู้ล่ะ
“อาบู...” ผมยู่ปากอย่างเบื่อหน่าย ถ้าพูดได้เมื่อไหร่ผมจะพูดเป็นต่อยหอยเลยพูดจนคนฟังรำคาญที่ผมพูด เพื่อชดเชยช่วงเวลาที่ผมทรมานไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำพูดได้เนี่ย อีกทั้งท้องของผมเวลานี้เริ่มหิวแล้วด้วยมาดามยังไม่มาหาผมเลย
ชั่วขณะนั้นที่ผมกำลังยืนเท้าเอวอยู่บนเตียงนอนของผมนั้น หน้าต่างบานใหญ่ก็เปิดออกอ้าก่อนมีจานอาหารมากมายลอยเข้ามาอย่างปริศนา ตอนแรกตกใจคิดว่ามีผีแต่เมื่อลองสังเกตดีๆผมก็เห็นไอเวทย์สีแดงอ่อนลอยโอบล้อมอาหารเหล่านั้นอยู่
เดาไม่ยากเลยเจ้าของไอเวทย์นั่นคงจะเป็นพี่ชายของผมอย่างแน่นอนเพราะพลังเวทย์ที่เขาปลดล็อกได้นั้นก็คืออัคคี หนึ่งในเวทย์ที่แข็งแกร่งอันดับต้นๆของโลกตามคัมภีร์เวทย์โบราณและเป็นเวทย์ประจำราชวงศ์ดาร์นีย์ อันนี้ผมรู้เพราะเนื้อหานิยายบวกกับเจ้าของพลังมาเล่าให้ผมฟังด้วยอะนะ
เฮ้อ วังหลังก็ทำอะไรเขาคนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ พี่ชายของผมนี่มันจะสุดยอดเกินไปแล้วมั้ง
_____