เพราะความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นั้นช่างปลอมเปลือก ผมคนนี้จะขอเป็นคนมอบความรักที่แท้จริงให้แก่นายเอกผู้น่ารักเอง

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา - Chapter 10 การศึกษาเล่าเรียน โดย เจ้านายสาเกกอดองุ่น @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ดาร์ค,ตะวันตก,แฟนตาซี,ผมตกหลุมรักนายเอกครับ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ดาร์ค,ตะวันตก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผมตกหลุมรักนายเอกครับ

รายละเอียด

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา โดย เจ้านายสาเกกอดองุ่น @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เพราะความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นั้นช่างปลอมเปลือก ผมคนนี้จะขอเป็นคนมอบความรักที่แท้จริงให้แก่นายเอกผู้น่ารักเอง

ผู้แต่ง

เจ้านายสาเกกอดองุ่น

เรื่องย่อ

โปรดอ่านรายละเอียดก่อนอ่านเนื้อเรื่องหลักกันด้วยนะคะ 

 

เล่นแท็ก #ผมตกหลุมรักนายเอกครับ

 

 

 

‘แม็กซ์’ หนุ่มCEOลูกครึ่งไฟแรงผู้ประสบความสำเร็จและยืนอยู่บนจุดสูงสุดตั้งแต่อายุยังน้อย เบื้องหน้าดูเป็นคนน่าเกรงขามเป็นที่เคารพแก่คนในองค์กรและบริษัท แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังแม็กซ์เป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่รักการอ่านนิยายเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะวายพีเรียดตะวันตก

นิยายเรื่องพันธนาการรักของดยุกปีศาจ ได้เข้าไปต้องตาต้องใจแม็กซ์เข้าเพราะมีความนิยมมากจนว่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ต ทว่าหลังอ่านจบถึงกับอุทานออกมาดังๆ ว่าอะไรวะ ความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นายเอกนั้นช่างปลอมเปลือกยิ่งเสียกว่าอะไร ตอนจบที่สมบูรณ์แบบนั้นสำหรับแม็กซ์มันเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวง

‘ถ้าเขาได้เข้าไปในนิยายละก็นายเอกของเรื่องจะได้เจอกับความสุขที่แท้จริง เขาจะแย่งนายเอกมาจากพระเอกของเรื่องเอง!!’ จบคำพูดนั้นแม็กซ์ก็ได้เข้าไปอยู่ในนิยายเรื่องนั้นจริงๆ

 

 

 

 

 

 

 

Warning

- นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่รุนแรง มีการบรรยายเกี่ยวศพ (Body) , ความตาย (Death) , การกระทำที่น่ารังเกียจและขนลุก (Creepy Behavior) , การล่วงละเมิดทางจิตใจและอารมณ์ (mental and emotional abuse) , ฆาตกรรมสังหารหมู่ (Murder) , คำหยาบคาย (Rude) , ความคิดที่บิดเบี้ยว (Cognitive Distortions) , การข่มขืน (Ravishment) , การดูถูกเหยียดหยาม (Contemptibility) , การชักจูงทางจิตวิทยาหลอกเหยื่อ (Manipulator) , การปั่นหัวให้สับสนทางความคิด (Gaslighting) , ซึมเศร้า (Depression) , ความเชื่อทางศาสนา (religion)

- ผู้ชายสามารถท้องได้ (Mpreg)

- สถานที่ ความเชื่อ เหตุการณ์ต่างๆ มาจากจินตนาการของผู้แต่งทั้งหมด

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและห้ามลอกเลียนแบบ

 

 

 

 

หมายเหตุ

- เรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองของพระเอก การกระทำความคิดทุกสิ่งทุกอย่างเป็นมองผ่านมุมมองของพระเอกทั้งหมด

- เนื้อเรื่องจะแบ่งเป็นทั้งหมด 2 arcนะคะ arcนึงเกือบร้อยตอนค่ะ(อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าขึ้นอยู่กับเนื้อหา) แน่นอนว่าเนื้อหาของนิยายยาว กว่าเหล่าตัวเอกจะรักกันย่อมใช้เวลาโดยที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะค่อยๆ ขยับเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เพราะเริ่มแรกพระเอกจะเป็นเด็กก่อนค่ะกว่าจะเติบโตและพบเจอกันจะต้องใช้เวลา แต่เนื้อหาระหว่างทางก่อนจะไปเจอกันสนุกอย่างแน่นอนค่ะ

- ก่อนอื่นเรื่องนี้ในช่วงตอนแรกๆนั้นนายเอกจะค่อนข้างค่าตัวแพง แต่จะโผล่มาบางช่วงให้หายคิดถึงค่ะเนื่องจากช่วงแรกเป็นวัยเด็กของพระเอกจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของพี่ชายกับพระเอกก่อนเป็นอันดับแรก ค่อยตามด้วยความสัมพันธ์ของพระ-นายค่ะ

- มีการใช้ไทม์สคริปบ่อยครั้งในช่วงตอนแรกๆของเนื้อเรื่อง เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงอายุของพระเอกนั้นหลากหลายและทางเราอยากให้นักอ่านได้รับรู้ช่วงเวลาชีวิตของพระเอกไปพร้อมกันจึงมีการใส่ไทม์สคริปหลายครั้งค่ะ

- การกระทำหลายอย่างของตัวละครนั้นบิดเบี้ยว มีหลายสิ่งที่ทำแล้วไม่ถูกต้องอีกทั้งยังมีเนื้อหาบางจุดที่ละเอียดอ่อน ผู้อ่านโปรดกรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านเป็นอย่างมาก

ปล.เนื้อหาที่ลงในเว็บยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์อักษร ถูกแก้ไขผ่านการตรวจทานคร่าวๆ ของผู้แต่งเท่านั้น

 

 

 

**สุดท้ายนี้สามารถติชมเราได้เสมออีกเช่นเคยค่ะ อาจจะผิดพลาดไปบ้างแต่เราเชื่อว่านักอ่านทุกท่านจะสนุกไปกับมันค่ะ อย่าลืมกดติดตามเราไว้เพื่อที่จะได้ไม่พลาดตอนใหม่ๆ ทุกครั้งเวลาอัพ

อัพทุกวัน อังคาร พฤหัสบดี 

ช่องทางการติดตามเพิ่มเติมเพื่อติดตามข่าวสารและงานแฟนอาร์ตของนิยาย : @Sagehuggrape30

สารบัญ

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Prologue นายเอกผู้อาภัพ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 1 เกิดใหม่เป็นองค์ชาย,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 2 ถูกกีดกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 3 อากาศหนาว,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 4 ความสัมพันธ์,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 5 คนในฝัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 6 พิธีประกาศนาม,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 7 ไว้เจอกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 8 รับโทษ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 9 การเจรจา,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 10 การศึกษาเล่าเรียน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 11 สิ่งที่ควรได้รับ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 12 ความกล้าที่ควรมี,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 13 ใช้เวลาร่วมกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 14 คำสัญญา

เนื้อหา

Chapter 10 การศึกษาเล่าเรียน

5 ปีผ่านไป

“ข้อนี้ตอบเทพีเอเลโอโนราครับ! ท่านเป็นเทพีแห่งแสงสว่างที่สำคัญตามประวัติแล้วที่ท่านเลือกที่จะอยู่ปกปักษ์รักษาจักรวรรดินี้ก็เพราะองค์จักรพรรดิลำดับที่หนึ่งได้เป็นคนปลดปล่อยท่านออกมาจากกรงพันธนาการของจอมปีศาจครับ!” ผมตอบด้วยความมั่นใจ คำถามอย่างง่ายลินคอล์นเล่าให้ฟังจนไม่รู้จะฟังยังไงแล้ว

“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย แถมพระองค์ยังตอบรายละเอียดได้ด้วยสมกับเป็นว่าที่องค์รัชทายาทจริงๆพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ตอบได้ทั้งหมดจนกระหม่อมไม่รู้จะสอนอะไรพระองค์แล้วพ่ะย่ะค่ะ กระซิกๆ” อาจารย์หนุ่มอัจฉริยะจากสถาบันผู้มีเส้นผมสีเขียวอ่อนยาวถึงแผ่นหลังหยิบยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาของตนเอง

ผมส่ายหน้า “ไม่ได้นะ! อาจารย์ต้องสอนผมต่อนะครับผมอยากเรียน การเมืองการปกครองก็ได้ ผมไม่เรื่องมาก!” สิ้นสุดประโยคผมก็ลุกจากเก้าอี้วิ่งเข้าไปเกาะขาอาจารย์ของตนเองไว้ อาจารย์คนนี้สอนรู้เรื่องสุดๆแล้วอยู่สอนผมต่อเถอะ

อาจารย์ที่ได้ยินผมพูดดังนั้นก็กลั้วหัวเราะก่อนย่อตัวลงมาให้อยู่ในระดับเดียวกับผม มือหนาและใหญ่ลูบศีรษะของผมแผ่วเบาพลางเอ่ย “ไม่ต้องเร่งรีบหรอกพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย เพียงเท่านี้องค์ชายก็เก่งมากแล้วยิ่งการเมืองการปกครองไว้โตขึ้นมากกว่านี้ค่อยเรียนนะพ่ะย่ะค่ะ เอาล่ะเที่ยงแล้วไปพักเสวยพระกระยาหารเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ทันทีที่ได้ยินดังนั้นผมก็นึกขึ้นได้ว่าเที่ยงแล้ว เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยเวลาที่มีเรียนผมมักจะตื่นเต้นและเรียนจนเลยเวลาเสมอทำให้โดนมาดามดุบ่อยๆเรื่องทานข้าวไม่ค่อยเป็นเวลา แต่ผมก็พยายามแก้ไขมันอยู่นะโดยการให้อาจารย์ปล่อยก่อนเวลาพักเที่ยงสักสิบยี่สิบนาที

“ครับ! ไว้เจอกันตอนบ่ายนะครับอาจารย์” ผมกล่าวแล้วเดินเตาะแตะออกจากห้องเรียนของตนเองไป ก่อนที่จะออกตัววิ่งไปที่ห้องทานข้าวของตนเอง ท่ามกลางสายตาของเหล่าพี่สาวใช้ที่พากันมองมาที่ผมด้วยความเอ็นดูอย่างห้ามไม่ได้

ปัจจุบันในตอนนี้ผมอายุห้าขวบแล้วพูดจาชัดเจนและฉะฉาน ตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายในชีวิตผมอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างแรกเลยคืองานฉลองวันเกิดครบรอบหนึ่งขวบของผมที่ถูกจัดขึ้นซึ่งมันยิ่งใหญ่มาก

ทุกคนได้มาร่วมงานวันเกิดของผมหมดยกเว้นคนหนึ่งที่ไม่ได้ถูกรับเชิญมานั่นก็คือพี่ชายของผม ด้วยเหตุนี้หลังจบงานวันเกิดผมจึงแอบไปหาพี่ชายของตนเองที่วังหลังพร้อมกับเค้กก้อนหนึ่งและเทียน ลินคอล์นที่นั่งเหม่ออยู่ภายในห้องของตนเองนั้นยิ้มดีใจที่ได้ร่วมฉลองวันเกิดกับผมด้วย ยอมรับเลยว่าช่วงเวลานั้นเป็นอะไรที่อบอุ่นมาก

หลังจากนั้นทุกปีที่ผ่านมาผมก็มักจะทำเช่นนี้เสมอจนเหล่าพี่สาวใช้รับรู้กันหมดมาดามเองก็เช่นกัน อีกทั้งผมยังจัดงานวันเกิดงานให้พี่ชายด้วยเมื่อวันนั้นมาถึง เพื่อให้พี่ของผมนั้นตระหนักว่าวันเกิดนั้นไม่ใช่วันที่เลวร้ายอะไรเลย มีผู้คนอีกมากมายที่ดีใจกับการเกิดมาของเขาและอวยพรอวยชัยให้มีความสุขในทุกๆวัน

ซึ่งปีนี้ผมจะเปลี่ยนแผนให้พี่ชายผมมาร่วมงานด้วยในวันเกิดครบรอบอายุหกขวบของผม เพราะสิ่งที่ผมเคยคิดไว้เมื่อนานมาแล้วเหมือนจะเป็นจริง เมื่อครบกำหนดการลงโทษลินคอล์นยามที่เขาเดินออกมาจากวังหลังก็แทบจะไม่มีใครกลับมาต้อนรับเขาเลยยกเว้นผม มาดามและเหล่าพี่สาวใช้ที่ดูแลผม

ไร้ซึ่งผู้คนให้เกียรติดั่งเมื่อก่อน ทว่าโชคดีที่พี่ชายผมนั้นไม่ได้ใส่อะไรมากมายเขาขอเพียงแค่มีผมมารับก็ดีใจมากแล้ว พี่ชายของผมตอนนี้เพิ่งอายุสิบหกในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เรียกได้ว่าหน้าตาดีมากหล่อสมวัยหากไปเรียนที่สถาบันคงมีแต่สาวตามกรี๊ดอย่างแน่นอน

จากที่เคยเห็นแต่ในภาพวาดสู่การได้เห็นลินคอล์นเติบโตจริงๆผมยอมรับเลยว่าตกใจอยู่เหมือนกัน เขาได้กลับมาอยู่ที่วังแจสเปอร์ของตนเองดังเดิมแต่แลกมากับการที่เหลือคนรับใช้น้อยลงกว่าเมื่อห้าปีก่อนมาก ส่วนใหญ่ไม่ลาออกก็ไปทำตำแหน่งอื่นหมดแล้วเพราะฉะนั้นที่วังของพี่ผมจะค่อนข้างเงียบและเหงามาก

แต่มันก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องมีคนมาประสงค์ร้ายพี่ชายของผมที่สำคัญการที่เขาได้อยู่คนเดียวแบบนั้นทำให้เขามีความสุขมากกว่าเดิมเสียซะด้วยซ้ำ ไม่ต้องมาคอยระแวดระวังว่าใครจะมาทำร้ายรึเปล่า จะมีใครมาหาเรื่องอะไรให้อีกมั้ย

ในส่วนเรื่องของการเรียนแน่นอนว่าพี่ชายของผมเรียนเวทย์และประวัติศาสตร์ต่างๆด้วยตัวของตนเอง ห้องสมุดของวังที่เจ้าตัวอยู่นั้นกว้างขวางถึงแม้จะไม่เทียบเท่าวังของผมและวังหลวง แต่ก็มีเนื้อหามากมายให้อ่านและเรียนรู้อย่างเพียงพอ

ต่อมาเรื่องของการฝึกดาบกับอาวุธนั้นฟินน์ที่เป็นองครักษ์ก็จะเป็นคนอาสาฝึกให้ ก็สมกับเป็นองครักษ์คู่ใจของลินคอล์นจริงๆนะซื่อสัตย์อีกทั้งอดทนรอคุณพี่ชายของผมกลับมาอยู่ที่วังแจสเปอร์ดังเดิม ยินดีที่จะฝึกฝนให้ลินคอล์นมีฝีมือจนสามารถไต่เต้าไปถึงระดับซอร์ดมาสเตอร์ได้อีกด้วย

ดูเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นใช่มั้ยครับ ทว่ามีอยู่หนึ่งเรื่องที่ยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังยากที่จะแก้ไขอยู่ ปัญหานั้นก็คือองค์จักรพรรดิที่เป็นพ่อของผมกับลินคอล์นนั่นเอง แม้ว่าลินคอล์นจะกลับมาแล้วพร้อมกับความสามารถอะไรต่างๆมากมายคุณพ่อก็คงยังมอบความสนใจให้เพียงแต่ผมเช่นเดิม

ตอนนี้ผมจึงต้องมานั่งคอยคิดหาวิธีทำยังไงก็ได้ให้ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหนผมก็จะพยายามให้เต็มที่ อย่างน้อยการได้รับความสนใจจากพ่อของตนเองก็จะช่วยเสริมเรื่องอำนาจของลินคอล์นได้มากยิ่งขึ้น

ถึงแม้ว่าอำนาจของผมตอนนี้ก็มีล้นหลามต่างจากเมื่อก่อนก็เถอะ แต่อย่าลืมว่าผมนั้นยังเป็นแค่องค์ชายยังไม่ได้ถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท ดังนั้นการพึ่งพาอำนาจของจักรพรรดิเป็นอะไรที่คุ้มแถมได้ผลลัพ์ที่ดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

“องค์ชายเสด็จมาเร็วจังเลยนะเพคะวันนี้ อาจารย์ปล่อยเร็วใช่มั้ยหรือเพคะ” มาดามแย้มยิ้มปนเอ็นดูขณะที่กำลังจัดอาหารบนโต๊ะยาวขนาดกลาง ผมพยักหน้าขึ้นลงก่อนค่อยๆเดินอย่างสุภาพเพื่อขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ วันนี้กลิ่นหอมมากเลยนะเนี่ยทำไรกินกันนะอยากรู้จริงๆ

“วันนี้เรียนสนุกหรือไม่เพคะองค์ชาย” แมรี่ถามไถ่ขณะใช้ผ้าขาวเช็ดแก้ว

“ครับ สนุกมากๆเลยล่ะพี่แมรี่ วันนี้ผมเรียนเรื่องประวัติศาสตร์ช่วงยุคตอนต้นของจักรวรรดิน่ะครับ มีแต่เรื่องน่าตื่นเต้นเต็มไปหมดเลย” ผมเล่าให้พี่สาวใช้ฟังอย่างเพลิดเพลินพลางขยับเท้าเล็กบนเก้าอี้ไปมาเพื่อรอใครสักคนอยู่ การได้เล่าอะไรให้คนอื่นฟังมันดีจริงๆนะ

“รอก่อนนะเพคะองค์ชายประเดี๋ยวพระเชษฐาก็เสด็จมาแล้วเพคะ ตอนนี้พระองค์ทรงยุ่งอยู่นิดหน่อย” มาดามกล่าวขณะที่นำผ้าที่เอาไว้สำหรับเช็ดปากมาวางไว้ข้างแก้วน้ำของผม วันนี้ลินคอล์นยุ่งเหรอหรือว่าฟินน์จะฝึกหนักกันนะ

ผมพยักหน้าตอบรับ “เข้าใจแล้วครับ ว่าแต่วันนี้ท่านพ่อมาด้วยรึเปล่า? ผมเองก็อยากจะทานข้าวกับท่านพ่อและท่านพี่พร้อมๆกันน่ะ” จบคำถามสีหน้าของมาดามก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด เธอทำได้เพียงแค่ระบายลมหายใจออกมาก็เท่านั้น

ทำให้ผมรับรู้ได้ทันทีว่าวันนี้ท่านนั้นปฏิเสธการทานข้าวร่วมกันกับผมและลินคอล์นอีกแล้ว วันไหนที่ผมทานคนเดียวท่านก็มาทานและพูดคุยด้วยอย่างเป็นกันเอง หากวันไหนมีพี่ลินคอล์นมาทานด้วยท่านก็จะไม่มา ทำไมมันถึงยากเย็นแสนเข็ญขนาดนี้กันนะ ปวดหัวชะมัด

“ไม่เป็นไรนะเพคะองค์ชาย หม่อมฉันเข้าใจเพคะว่าองค์ชายอยากให้พระเชษฐากับองค์จักรพรรดิสนิทชิดเชื้อกันดังเดิม พวกเรามาพยายามไปด้วยกันดีกว่านะเพคะ อย่ายอมแพ้นะเพคะองค์ชายสักวันมันต้องสำเร็จเพคะเชื่อหม่อมฉัน!” แอนเข้ามาพูดให้กำลังใจ

“ครับ! ไม่ยอมแพ้แน่นอน” ผมฉีกยิ้มกว้าง

ไม่ว่าอย่างไรสักวันหนึ่งท่านพ่อก็จะต้องใจอ่อนให้กับการกระทำของผมอย่างแน่นอน การที่มีครอบครัวที่อบอุ่นน่ะดีจะตายไปแถมตอนนี้พระสนมกับฝั่งตระกูลทานส์ก็ไม่ก่อเรื่องให้ผมเหนื่อยใจอีกแล้วด้วย ไม่มีเหตุผลที่ผู้เป็นพ่อจะต้องทำตัวห่างเหินเลย

แอ๊ด

เสียงประตูบานหรูที่ถูกเปิดออกดังขึ้น ยามเงยหน้าขึ้นไปก็พบกับบุคคลที่ผมนั้นกำลังตั้งตารอที่จะทานข้าวด้วยในทุกๆวัน “ท่านพี่ครับ! ท่านพี่มาแล้วตอนแรกผมคิดว่าจะมาช้ากว่านี้เสียอีกนะครับ” ผมเอ่ยเรียกคนที่เข้ามาใหม่ด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความดีใจ

“ขอโทษทีนะเทรย์พี่แต่งตัวคนเดียวน่ะมันเลยลำบากนิดหน่อย ชุดพวกนี้ค่อนข้างแต่งยาก” เด็กหนุ่มผู้มีเรือนผมสีชมพูดุจดอกคามิเลียและครอบครองใบหน้าที่หล่อเหลาพ่วงเสน่ห์เต็มร้อยอธิบาย ก่อนเดินเข้ามาลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยน

วันนี้พี่ชายของผมแต่งตัวทางการแต่ไม่เทียบเท่ากับพิธีการสำคัญที่เกิดขึ้นในราชวัง เริ่มที่เรือนผมที่ถูกจัดทรงเป็นอย่างดี ตามด้วยสวมชุดโค้ตสีควันบุหรี่รัดรูปยาวจนถึงประมาณต้นขาพร้อมกับเสื้อกั๊กสีดำสนิท ชุดชั้นด้านในเป็นเชิ้ตสีขาวแต่งปกปีกนก อีกทั้งยังผูกผ้าผูกคอสีกรมท่าประดับด้วยอัญมณีสีม่วงอเมทิสประกายแวววับ มาพร้อมกับหมวกทรงสูงที่ถูกพี่สาวใช้นำไปถือให้ขณะที่เตรียมตัวรับประทานอาหาร

“ปกติไม่ค่อยเห็นองค์ชายใส่ชุดนี้เท่าไหร่เลยเพคะ ว่าแต่ว่าพระองค์จะไม่สวมผ้าคลุมไหล่ไปด้วยหรือเพคะทั้งๆที่เป็นราชวงศ์มันต้องใส่ให้สมเกียรตินะเพคะ” มาดามถามด้วยความสงสัยขณะที่เริ่มรินน้ำลงแก้ว ส่วนผมก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้เช่นเดียวกัน

ลินคอล์นส่ายหัว “ไม่ต้องหรอกครับมาดาม เราไปเป็นตัวแทนแนะแนวการเรียนให้กับนักเรียนที่นั่นก็เท่านั้นแต่งตัวเพียงเท่านี้ก็พอแล้ว อีกอย่างงานจัดที่สถาบันต้องเรียบง่ายและดูเชื่อถือได้ครับ แต่งแบบที่ตอนอยู่ภายในวังคงจะไม่ได้” พี่ชายของผมอธิบายให้ฟัง

นั่นสินะมันเป็นงานวิชาการคงจะให้แต่งหรูหราหมาเห่าสวมเครื่องเพชรและเสื้อผ้าที่ต้องใช้เวลาในการแต่งตัวนานคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่ อีกอย่างที่จักรวรรดิก็มีกฎบอกไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าชุดไหนสมควรและเหมาะสมใส่ในช่วงงานไหน

“หากทางสถาบันแจ้งเช่นนั้นก็ตามพระประสงค์องค์ชายเลยเพคะ เอาล่ะนี่เพคะมีแต่ของโปรดของทั้งสองพระองค์ทั้งนั้นเลย” มาดามกล่าวพร้อมกับพี่สาวใช้ที่นำอาหารเรียกน้ำย่อยมาเสิร์ฟให้เป็นอันดับแรก ผมที่เห็นก็ตาลุกวาวด้วยความดีใจ

“วันนี้เป็นบาแก็ตปูอย่างนั้นเหรอครับ น่ากินที่สุดเลย” ว่าไม่ทันจบผมก็จับขนมปังเข้าปากรสชาติของเนื้อปูนึ่งสุกเข้ากับน้ำสลัดเลม่อนเป็นอย่างดี เชฟที่ทำอาหารให้ผมทานในทุกๆวันนี่มีฝีมือไม่เบาเลย ทำให้ผมมีความสุขกับการทานอาหารตลอด

“เทรย์พี่มีเรื่องจะถามด้วยนิดหน่อย” ลินคอล์นเปิดบทสนทนาขณะที่วางแก้วน้ำลง

“ถามอะไรเหรอครับท่านพี่” ผมเอียงคอสงสัยขณะที่มาดามและพี่สาวลงเสิร์ฟอาหารจานหลักเช่นไก่อบซอสครีมเห็ดที่หอมอบอวลไปด้วยกลิ่นอายความหอมของเนื้อไก่จากการอบและซอสครีมเข้มข้น วันนี้มีแต่อาหารที่ผมชอบจริงๆด้วย

พี่ชายผมตักหอมแดงเข้าปากและเคี้ยวชั่วครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจพูดมันออกมา “เทรย์สนใจไปลองเรียนที่สถาบันแอสเพนมั้ย”

“เอ๋? ท่านพี่หมายความว่าอย่างไรหรือครับ” ที่ถามผมแบบนี้หรือว่าจะหาทางที่จะอยู่ห่างจากผมน่ะ!?

“พี่ไม่ได้อยากจะอยู่ห่างจากเทรย์หรืออะไรนะแค่ถามเฉยๆ เผื่อเราอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างเพราะที่สถาบันแอสเพนก็ดีเหมือนกันได้พบเจอโลกภายนอกผู้คนมากมาย” ลินคอล์นอธิบายราวกับว่ารู้ความคิดในหัวของผม “อีกอย่างพวกเราเป็นราชนิกุลหลังลองเรียนก็ตัดสินใจได้นะว่าจะไปเรียนที่สถาบันหรือที่วังเหมือนเดิม”

ผมที่ได้ยินเช่นนั้นก็เงียบใช้เวลาครุ่นคิดกับสิ่งที่พี่ชายของผมพูดออกมาทั้งหมด อย่างที่ผมเคยบอกไปว่าสถาบันแอสเพนนั้นดีมากใครๆต่างก็อยากจะไปเรียนกัน อีกทั้งการเรียนการสอนที่วังกับที่สถาบันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ผมไปลองเรียนก็คงไม่มีอะไรเสียหาย

ที่สำคัญผมคงจะมีเพื่อนด้วยหลังจากที่ได้ไปเรียนที่สถาบัน เนื่องจากเรียนที่วังก็มีแค่ผมเรียนเพียงคนเดียวพอมีเวลาว่างก็ใช้เวลาอยู่กับพี่ชายของตนเองเสียซะส่วนใหญ่ การได้ออกไปเปิดหูเปิดตาที่สถาบันเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

ยิ่งได้นึกถึงช่วงเวลาที่ออกไปเดินเล่นตามเมืองพ่วงด้วยการวิ่งซื้อของกินเล่นภายในใจก็ยิ่งไหวสั่นอยากจะลองทำมันดู การที่ได้ลองไปใช้ชีวิตในเมืองก็จะได้ยิ่งใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น ผมก็จะยิ่งเข้าใจถึงปัญหาและโครงสร้างของจักรวรรดิ ในอนาคตยามโตขึ้นก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด

“ผมอยากไปลองเรียนนะ อยู่ที่นี่ผมไม่มีเพื่อนรุ่นเดียวกันให้เล่นด้วยเลย ต่อให้อาจารย์ยูจีนที่สอนมารยาททางสังคมให้ผมจะบอกกับผมว่าการเป็นเชื้อพระวงศ์ควรจะยืนด้วยลำแข้งของตนเองให้ได้ อยู่อย่างโดดเดี่ยวให้ได้ แต่กระนั้นคนเราก็จะต้องมีเพื่อนอยู่ดี” ผมเอ่ยพลางตักเนื้อไก่อบเข้าปาก

“พี่ก็คิดเหมือนเทรย์ พี่อยากให้เทรย์มีเพื่อนเยอะๆเด็กเล็กควรจะเอาเวลาไปเที่ยวเล่นให้มากเท่ากับที่เรียนนะ” ลินคอล์นยิ้มละไม พอพี่ชายผมพูดแบบนี้แล้วทำเอาผมอดไม่ได้ที่อยากจะถามสักหนึ่งคำถาม เนื้อเรื่องตอนนี้ในหลายๆอย่างก็เปลี่ยนไปมากผมอยากจะรู้นักว่ามีบางเรื่องที่ถูกเพิ่มเข้ามาในชีวิตพี่ชายผมบ้างรึเปล่า

“แล้วท่านพี่ล่ะครับ พอมีเพื่อนบ้างมั้ยอะ” ในที่สุดคำถามนี้ก็ได้ถูกพูดออกไป

เด็กหนุ่มเรือนผมสีชมพูส่ายหน้าเชื่องช้า “ไม่มีหรอก พี่เองก็ไม่ได้ไปเรียนที่สถาบันด้วยหรือต่อให้พี่ไปเรียนพร้อมเทรย์ ก็คงไม่มีใครอยากจะเป็นเพื่อนกับคนที่เคยเขียนข่าวใส่ร้ายราชวงศ์ของตนเองหรอกนะ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นช่างหม่นหมองนัก ทำเอาคนฟังห่อเหี่ยวและอยากตบหัวตัวเอง ถามทำไม!

“ท่านพี่...ผมขอโทษที่ถามนะครับ อีกอย่างพี่ไม่ได้เป็นคนทำเสียหน่อยคนที่ทำคือฝั่งพระสนมต่างหาก! ท่านพี่เลยต้องมารับกรรมเช่นนี้อย่างไรเล่า” ผมอดไม่ได้ที่จะแว้ดเสียง นึกถึงคนพวกนั้นทีไรก็หัวร้อนขึ้นมาทุกทีเพราะพวกเขาพี่ชายผมเลยต้องมาเจอเรื่องพวกนี้

“ฮ่าๆ พอพูดชัดก็เอาใหญ่เชียว” อีกฝ่ายที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมแค่นหัวเราะ “ก่อนที่จะทำพี่ยอมรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวแล้วล่ะ ต่อให้พี่ไม่มีเพื่อนก็ไม่เป็นไรเลยเพราะพี่มีเทรย์อยู่แล้วอย่างไรเล่า ต้องสนใจอะไรอีก” พี่ชายผมยักไหล่

“ผมรู้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นท่านพี่ก็ควรจะมีเพื่อนที่อายุไล่เลี่ยกับท่านพี่” ผมเม้มริมฝีปากพลางวางช้อนลง ก่อนเงยหน้าสบตาผู้เป็นพี่ชาย “ผมอยากให้มีคนเข้าใจท่านพี่เหมือนที่ผมเข้าใจท่านพี่บ้าง ไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกอย่างขอเพียงแค่เข้าใจการกระทำของท่านพี่ว่าสิ่งที่ท่านพี่ทำนั้นดีและถูกต้องเสมอ”

จังหวะนั้นที่ผมพูดจบลินคอล์นก็หุบยิ้มลงเล็กน้อยพยายามที่จะฝืนยิ้มต่อ แววตาที่ฉายให้เห็นนั้นวูบไหวดั่งคลื่นน้ำ ผมรู้ดีว่าลึกๆพี่เองก็อยากจะมีเพื่อนเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กเราต่างก็อยากจะมีคนที่รู้ใจไม่ต่างจากครอบครัว

“ไปเรียนกับผมดีหรือไม่ล่ะครับท่านพี่” ผมเอ่ยเชิญชวน “อย่างน้อยก็ได้เจอกันนี่นา อีกอย่างท่านพี่จะได้มีเพื่อนหรือหากมีผู้ใดทำร้ายท่านพี่ ผมจะปกป้องท่านพี่เองครับ!” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจพร้อมกับถกแขนเสื้อโชว์ความแข็งแกร่งของตนเอง

“ฮ่าๆ จะปกป้องพี่ด้วยแขนเล็กๆข้างนั้นหรือ”

“อย่าดูถูกผมนะ!”

“ต้องเป็นพี่สิไม่ใช่เทรย์ พี่ต้องปกป้องเทรย์ตราบจนกว่าชีวิตพี่นั้นจะหาไม่ เทรย์น่ะจงมีความสุขกับการใช้ชีวิตไปเถิดอย่าห่วงพี่เลย” ลินคอล์นกล่าวลางส่งยิ้มเล็กๆให้ด้วยความเอ็นดู พี่ชายผมนี่นะคนอะไรชอบเสียสละตัวเองพี่น้องกันต้องปกป้องกันและกันมั้ยล่ะ น่ามันไส้ชะมัด

ผมยู่ปาก “อะไรกันผมว่าที่องค์รัชทายาทนะ ผมจะต้องปกป้องพี่สิรอผมโตเท่าพี่ก่อนเถอะ” ว่าจบผมก็ตักเนื้อไก่ที่ชุ่มฉ่ำใส่ปากเคี้ยวจนแก้มยุ้ยออกมา ก่อนจะหยิบยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดปากด้วยท่าทีที่ทุลักทุเล ผมจะไม่ยอมให้มาดามเข้ามาช่วยผมเช็ดเด็ดขาดเลย เดี๋ยวพี่ชายผมล้ออีก

“เล็กพริกขี้หนูจังนะ พี่จะตั้งตารอดูเทรย์ตัวสูงเทียบเท่าพี่ก็แล้วกัน” คนตรงหน้าผมกล่าว หลังจากนั้นพวกเราทั้งสองคนก็ทานอาหารเที่ยงร่วมกันจนอิ่ม ผมต้องเตรียมตัวที่จะไปเรียนต่อในส่วนของพี่ชายผมนั้นก็จะต้องเตรียมตัวออกเดินทางไปที่สถาบัน

ข้อสรุปที่ได้สนทนากันระหว่างมื้ออาหารนั้นก็คือท่านพี่ของผมนั้นยินยอมที่จะไปเรียนที่สถาบันเช่นเดียวกันอีกทั้งทางสถาบันเองก็ไม่น่าจะมีปัญหากับลินคอล์นเท่าไหร่ ขอเพียงทำตามข้อตกลงได้ก็สามารถเข้าเรียนได้สบายๆ ผมรู้ดีนะว่าทางสถาบันแอสเพนต้องการตัวพี่ชายสุดแสนจะอัจฉริยะของผมขนาดไหน

คนเก่งแบบนั้นเป็นใครต่างก็ต้องการตัวทั้งนั้น ไม่ใช่แค่สถาบันแอสเพนหรอกสถาบันเลื่องชื่อที่อื่นในจักรวรรดิต่างก็ต้องการองค์ชายหนึ่งคนนี้ไปเรียน

“เอาล่ะองค์ชายเทรย์เวอร์ กระหม่อมมีคำถามพ่ะย่ะค่ะ” อาจารย์ขยับหน้าหนังสือไปมาเพื่อหาคำถาม ทำเอาคนที่นั่งรอเช่นผมลุ้นจนเหงื่อแตกพลั่ก “ซอร์ดมาสเตอร์คนใดในจักรวรรดิคือผู้สร้างปรากฏการณ์หยาดพิรุณแห่งศาสตร์อรรณพหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ยามผมได้ยินคำถามคนแรกที่เข้ามาในหัวของผมเลยก็คือ “แร็คน่าร์! เฮ้ย ไม่สิ ผิดแล้วๆ!” ผมรีบปิดปากทันควันขณะที่อาจารย์นั้นเลิกคิ้วสงสัยด้วยความมึนงง ผมรีบรวบรวมสติและตอบคำถามของอาจารย์ไม่อย่างทันท่วงที “เอลอนโซ อวาลอนบุตรชายคนรองของท่านเคาท์อวาลอนครับอาจารย์!”

“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมตกใจหมดที่ในตอนแรกพระองค์ทรงตอบผู้ใดก็มิทราบได้” อาจารย์พูดขึ้นพลางเก็บสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของตนเองเอาไว้ ผมที่เพิ่งตอบถูกไปทำได้เพียงแค่พรั่งพรูลมหายใจออกมาราวกับยกภูเขาออกจากอก

ศาสตร์อรรณพคือชื่อคัมภีร์โบราณที่ปัจจุบันถูกเก็บไว้ที่ห้องสมุดหอคอยเวทย์ เจ้าคัมภีร์นี้มีไว้สำหรับผู้ที่สามารถปลดล็อกพลังเวทย์ธาตุน้ำได้อีกทั้งมีความสามารถมากพอที่จะยกระดับตนเองให้มาอ่านเจ้าคัมภีร์นี้โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาลูกแก้วแปลภาษาโบราณ

ที่ผมตอบแร็คน่าร์เพราะเธอเป็นทั้งซอร์ดมาสเตอร์ผู้เก่งกาจและเป็นผู้ที่สามารถอ่านคัมภีร์นี้ออกได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาลูกแก้วแปลภาษา นอกจากเอลอนโซเป็นซอร์ดมาสเตอร์คนแรกที่สามารถอ่านได้แล้วนั้นก็มีแร็คน่าร์นี่แหละที่สามารถทำได้เป็นคนที่สอง

อันที่จริงแล้วซอร์ดมาสเตอร์ส่วนใหญ่จะมีเพียงแค่ฝีมือในการใช้คมดาบและอาวุธการต่อสู้เท่านั้น ทว่าจะมีซอร์ดมาสเตอร์บางคนที่สามารถปลดล็อกพลังเวทย์ของตนเองได้เช่นเดียวกับนักเวทย์ เท่าที่ผมรู้นั้นมีหนึ่งเลยแร็คน่าร์ตามด้วยพี่ชายผมลินคอล์น เอลเลียต และเอลอนโซนี่แหละ ส่วนตัวผมในเนื้อหาต้นฉบับไม่ได้กล่าวไว้

แร็คน่าร์เป็นนายเอกนิยายคนหนึ่งที่ผมยกย่องเพราะเธอนั้นเก่งจริงๆสมคำล่ำลือ การต่อสู้ที่ไม่น่าผิดหวัง ฉลาด มีไหวพริบและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี มีแผนสำรองเพื่อรับมือกับทุกสถานการณ์ที่เผชิญ แต่กระนั้นความสามารถเหล่านี้ก็โดนเอลเลียตกลบจนหมดสิ้น

การกระทำของเอลเลียตทำให้แร็คน่าร์ที่ฉลาดเฉลียวแทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนโง่ ไร้หนทางในการต่อสู้และต่อกรกับเจ้าตัวทั้งๆที่แร็คน่าร์สามารถทำได้ด้วยซ้ำ ที่มันทำแบบนี้ก็เพราะอะไรน่ะเหรอ เหตุผลเดียวเลยคือมันกลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถควบคุมแร็คน่าร์ได้

คนอะไรเลวแล้วเลวอีก

“อะแฮ่ม ไหนพระองค์ทรงลงอธิบายประวัติมาพอสังเขปหน่อยพ่ะย่ะค่ะ” อาจารย์กระแอมไปทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิดที่ไร้สาระเกี่ยวกับเอลเลียต ผมส่ายหัวไปมาและเรียบเรียงความคิดของตนเองเพื่อที่จะอธิบายอาจารย์ได้อย่างถูกต้อง

“แร็คน่าร์— เอ๊ยไม่ใช่”

“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ทรงกล่าวถึงใครอีกแล้วหรือ” อาจารย์รีบแทรกเข้าถามทันที

“มะ...ไม่มีครับ ผมพูดไปเรื่อยครับอาจารย์! เอลอนโซเดิมทีเป็นเพียงแค่นักดาบธรรมดาคนหนึ่งครับ แล้วหลังจากที่เกิดเหตุการณ์จลาจลที่ทางตอนใต้...” ผมรีบร่ายยาวประวัติของท่านซอร์ดมาสเตอร์เอลอนโซผู้เป็นมือขวาขององค์จักรพรรดิแห่งเนธิลอร์ที่แปดให้อาจารย์อย่างรวดเร็ว

จะบ้าตายรายวัน ผมเอาแร็คน่าร์ออกไปจากหัวไม่ได้เลย

 

 

_____