เพราะความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นั้นช่างปลอมเปลือก ผมคนนี้จะขอเป็นคนมอบความรักที่แท้จริงให้แก่นายเอกผู้น่ารักเอง

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา - Chapter 12 ความกล้าที่ควรมี โดย เจ้านายสาเกกอดองุ่น @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ดาร์ค,ตะวันตก,แฟนตาซี,ผมตกหลุมรักนายเอกครับ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ดาร์ค,ตะวันตก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผมตกหลุมรักนายเอกครับ

รายละเอียด

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา โดย เจ้านายสาเกกอดองุ่น @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เพราะความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นั้นช่างปลอมเปลือก ผมคนนี้จะขอเป็นคนมอบความรักที่แท้จริงให้แก่นายเอกผู้น่ารักเอง

ผู้แต่ง

เจ้านายสาเกกอดองุ่น

เรื่องย่อ

โปรดอ่านรายละเอียดก่อนอ่านเนื้อเรื่องหลักกันด้วยนะคะ 

 

เล่นแท็ก #ผมตกหลุมรักนายเอกครับ

 

 

 

‘แม็กซ์’ หนุ่มCEOลูกครึ่งไฟแรงผู้ประสบความสำเร็จและยืนอยู่บนจุดสูงสุดตั้งแต่อายุยังน้อย เบื้องหน้าดูเป็นคนน่าเกรงขามเป็นที่เคารพแก่คนในองค์กรและบริษัท แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังแม็กซ์เป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่รักการอ่านนิยายเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะวายพีเรียดตะวันตก

นิยายเรื่องพันธนาการรักของดยุกปีศาจ ได้เข้าไปต้องตาต้องใจแม็กซ์เข้าเพราะมีความนิยมมากจนว่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ต ทว่าหลังอ่านจบถึงกับอุทานออกมาดังๆ ว่าอะไรวะ ความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นายเอกนั้นช่างปลอมเปลือกยิ่งเสียกว่าอะไร ตอนจบที่สมบูรณ์แบบนั้นสำหรับแม็กซ์มันเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวง

‘ถ้าเขาได้เข้าไปในนิยายละก็นายเอกของเรื่องจะได้เจอกับความสุขที่แท้จริง เขาจะแย่งนายเอกมาจากพระเอกของเรื่องเอง!!’ จบคำพูดนั้นแม็กซ์ก็ได้เข้าไปอยู่ในนิยายเรื่องนั้นจริงๆ

 

 

 

 

 

 

 

Warning

- นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่รุนแรง มีการบรรยายเกี่ยวศพ (Body) , ความตาย (Death) , การกระทำที่น่ารังเกียจและขนลุก (Creepy Behavior) , การล่วงละเมิดทางจิตใจและอารมณ์ (mental and emotional abuse) , ฆาตกรรมสังหารหมู่ (Murder) , คำหยาบคาย (Rude) , ความคิดที่บิดเบี้ยว (Cognitive Distortions) , การข่มขืน (Ravishment) , การดูถูกเหยียดหยาม (Contemptibility) , การชักจูงทางจิตวิทยาหลอกเหยื่อ (Manipulator) , การปั่นหัวให้สับสนทางความคิด (Gaslighting) , ซึมเศร้า (Depression) , ความเชื่อทางศาสนา (religion)

- ผู้ชายสามารถท้องได้ (Mpreg)

- สถานที่ ความเชื่อ เหตุการณ์ต่างๆ มาจากจินตนาการของผู้แต่งทั้งหมด

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและห้ามลอกเลียนแบบ

 

 

 

 

หมายเหตุ

- เรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองของพระเอก การกระทำความคิดทุกสิ่งทุกอย่างเป็นมองผ่านมุมมองของพระเอกทั้งหมด

- เนื้อเรื่องจะแบ่งเป็นทั้งหมด 2 arcนะคะ arcนึงเกือบร้อยตอนค่ะ(อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าขึ้นอยู่กับเนื้อหา) แน่นอนว่าเนื้อหาของนิยายยาว กว่าเหล่าตัวเอกจะรักกันย่อมใช้เวลาโดยที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะค่อยๆ ขยับเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เพราะเริ่มแรกพระเอกจะเป็นเด็กก่อนค่ะกว่าจะเติบโตและพบเจอกันจะต้องใช้เวลา แต่เนื้อหาระหว่างทางก่อนจะไปเจอกันสนุกอย่างแน่นอนค่ะ

- ก่อนอื่นเรื่องนี้ในช่วงตอนแรกๆนั้นนายเอกจะค่อนข้างค่าตัวแพง แต่จะโผล่มาบางช่วงให้หายคิดถึงค่ะเนื่องจากช่วงแรกเป็นวัยเด็กของพระเอกจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของพี่ชายกับพระเอกก่อนเป็นอันดับแรก ค่อยตามด้วยความสัมพันธ์ของพระ-นายค่ะ

- มีการใช้ไทม์สคริปบ่อยครั้งในช่วงตอนแรกๆของเนื้อเรื่อง เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงอายุของพระเอกนั้นหลากหลายและทางเราอยากให้นักอ่านได้รับรู้ช่วงเวลาชีวิตของพระเอกไปพร้อมกันจึงมีการใส่ไทม์สคริปหลายครั้งค่ะ

- การกระทำหลายอย่างของตัวละครนั้นบิดเบี้ยว มีหลายสิ่งที่ทำแล้วไม่ถูกต้องอีกทั้งยังมีเนื้อหาบางจุดที่ละเอียดอ่อน ผู้อ่านโปรดกรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านเป็นอย่างมาก

ปล.เนื้อหาที่ลงในเว็บยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์อักษร ถูกแก้ไขผ่านการตรวจทานคร่าวๆ ของผู้แต่งเท่านั้น

 

 

 

**สุดท้ายนี้สามารถติชมเราได้เสมออีกเช่นเคยค่ะ อาจจะผิดพลาดไปบ้างแต่เราเชื่อว่านักอ่านทุกท่านจะสนุกไปกับมันค่ะ อย่าลืมกดติดตามเราไว้เพื่อที่จะได้ไม่พลาดตอนใหม่ๆ ทุกครั้งเวลาอัพ

อัพทุกวัน อังคาร พฤหัสบดี 

ช่องทางการติดตามเพิ่มเติมเพื่อติดตามข่าวสารและงานแฟนอาร์ตของนิยาย : @Sagehuggrape30

สารบัญ

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Prologue นายเอกผู้อาภัพ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 1 เกิดใหม่เป็นองค์ชาย,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 2 ถูกกีดกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 3 อากาศหนาว,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 4 ความสัมพันธ์,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 5 คนในฝัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 6 พิธีประกาศนาม,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 7 ไว้เจอกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 8 รับโทษ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 9 การเจรจา,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 10 การศึกษาเล่าเรียน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 11 สิ่งที่ควรได้รับ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 12 ความกล้าที่ควรมี,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 13 ใช้เวลาร่วมกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 14 คำสัญญา

เนื้อหา

Chapter 12 ความกล้าที่ควรมี

คุณโรเซตต้ามึนงงกับคำพูดของผม เหมือนไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นคืออะไรกันแน่ “องค์ชายสองหมายความอย่างไรหรือคะ ดิฉันตอบไปตามความจริงนะคะองค์ชาย” เธอเอ่ยเสียงใสประหนึ่งว่าไม่รับรู้ถึงการกระทำของตนเอง

“ถ้าจะตอบตามจริงแบบนี้ไม่ต้องดีกว่าครับ ผมไม่ชอบเลยครับทีกับผมทำไมถึงตอบดีนักพอเป็นพี่ชายผมกลับเหน็บแนมและแสดงท่าทีเหมือนจะไม่อยากตอบคำถามเท่าไหร่” ผมว่าต่อ พลางส่งสายตาจดจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาของเธอ

“เอ่อ ก็องค์ชายยังเด็กอยู่เลยนี่คะ แน่นอนว่าต้องให้ความสำคัญและตอบคำถามอย่างดี” เธอคลี่ยิ้มเหงื่อกาฬเริ่มไหลย้อยเล็กน้อย

“พี่ชายผมก็สำคัญ!” ผมกอดอกพูด ตอนนี้โมโหจนควันเริ่มจะออกหูแล้ว “ต่อให้ที่นี่เท่าเทียมและผมบอกให้ทำตัวสบายๆก็ใช่ว่าคุณจะมีสิทธิ์แสดงกิริยาที่ไร้มารยาทเช่นนี้ออกมา อย่าลืมว่าพี่ชายผมก็มีสายเลือดจักรพรรดิกรุณาให้เกียรติด้วย! เป็นอาจารย์ของสถาบันชั้นนำระดับโลกแท้ๆแต่กลับทำตัวไม่ต่างจากพวกไร้การศึกษาเลย”

กล่าวจบนักเรียนและผู้คนที่เดินผ่านไปมาตรงโถงทางเดินถึงกับเงียบและหยุดเดินพากันหันมามองเป็นตาเดียว หญิงสาวตรงหน้าผมนั้นหน้าเสียทันทีก่อนจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปเจ้าหล่อนก็รีบคุกเข่าลง มือที่ใหญ่กว่ากุมมือของผมไว้ด้วยความกลัว

“อะ...องค์ชายเพคะ หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะหม่อมฉันไตร่ตรองไม่ดีเอง ได้โปรดอย่ากริ้วไปเลยนะเพคะหม่อมฉันจะปรับปรุงตัว จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกเพคะ” หญิงสาวเรือนผมสีฟ้าอ่อนกล่าวพร้อมกับมือที่สั่นระริก แววตาฉายความวิตกกังวลออกมาให้เห็น

“คนที่ควรขอโทษคือพี่ชายผมไม่ใช่ผม คนที่ถูกกระทำในครั้งนี้คือเขาดังนั้นกรุณาขอโทษให้ถูกคนด้วย ผมไม่อยากพูดเป็นครั้งที่สองหรอกนะ” ผมเอ่ยต่อ บรรยากาศโดยรอบตอนนี้ไม่ดีเอาเสียเลย ผู้คนที่ยืนล้อมรอบต่างพากันจดจ้องและพูดคุยกันไม่หยุดปาก

ผมไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอกนะแต่ถ้าไม่สั่งสอนก็จะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ต่อให้เธอปฏิบัติกับนักเรียนคนอื่นหรือผมดีแค่ไหนเธอก็ไม่ควรที่จะลืมปฏิบัติตนกับลินคอล์นให้ดีด้วย พี่ชายผมเองก็เป็นเพียงคนผู้หนึ่งเหมือนกันเขาควรได้รับความเท่าเทียมเหมือนคนอื่น ซึ่งนั่นก็คือการให้เกียรติ

ทำไมกะอีเรื่องแค่นี้ถึงทำกันไม่ได้ เป็นเด็กที่เกิดจากสนมแล้วอย่างไร ถูกจักรพรรดิทอดทิ้งแล้วอย่างไร เขาก็ยังคงมีศักดิ์เป็นองค์ชายผู้สูงส่งอยู่ดีและตำแหน่งจะยังคงอยู่จนกว่าจะถูกปลด เพราะฉะนั้นสิ่งที่เธอทำเท่ากับไม่ให้เกียรติราชวงศ์ อย่าคิดว่าเป็นอาจารย์ของสถาบันนี้แล้วผมจะทำอะไรไม่ได้นะ

“เทรย์...ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ พี่ไม่ว่าอะไรเลยยังไงเสียคำถามของพี่ก็ไม่ได้มีความสำคัญขนาดนั้นหรอกที่จริงไม่จำเป็นต้องตอบก็ยังได้เลย” เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังผมนั้นเปล่งเสียงออกมา พร้อมขยับมือไปมาเป็นการแสดงออกว่าเขานั้นไม่เป็นไรเลย พี่ไม่เป็นแต่ผมเป็น

“ขอประทานอภัยเพคะองค์ชายหนึ่ง หม่อมฉันจะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีกเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้วจริงๆเพคะได้โปรดให้อภัยหม่อมฉันด้วย” เธอรีบลุกขึ้นและโค้งตัวกล่าวขอโทษลินคอล์นไม่หยุดหย่อน จนพี่ชายของผมนั้นตั้งรับไม่ทัน

“ไม่เป็นไรเลยครับ ทีหลังอย่าทำเช่นนี้อีกก็พอแล้วครับ” เจ้าของน้ำเสียงที่อ่อนโยนผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายผมนั้นยิ้มแห้งและเกาหัวด้วยความเกรงอกเกรงใจ

ดูเหมือนว่าท่าทีที่ดูหยิ่งทะนงในยศศักดิ์ของพี่ชายผมจะลดลงไปเยอะอย่างน่าใจหาย ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนเกิดขึ้นพี่ชายผมคงไม่คาดหวังให้ใครมาเคารพอีกต่อไปแล้วต่อให้ตนเองมีตำแหน่งที่สูงส่งก็ตามที แม้กระทั่งสาวใช้ที่วังพี่ชายผมก็แทบจะไม่เรียกใช้หากไม่จำเป็นมากจริงๆ

ตอนนี้เขาไม่เหมือนกับในเนื้อหานิยายอีกต่อไปแล้วจากคนที่บ้าอำนาจเกลียดคนที่ชอบดูถูกเหยียดหยามตนเองสู่คนที่แม้กระทั่งเกียรติของตนเองคนจะดูถูกเท่าไหร่หรือทำอะไรก็ไม่เป็นไร ไม่กล้าเรียกร้องขอความยุติธรรมให้ตนเอง ไม่กล้าที่แม้แต่จะออกคำสั่ง ใครพูดอะไรก็ทำตามไปหมดอีกทั้งยังยินดีรับฟังคำพูดที่กล่าวถึงตนเองในเชิงลบ

เนื้อหาในนิยายเปลี่ยนไปมากผมย่อมดีใจแต่กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะให้พี่ชายของตนเองเปลี่ยนไปในทางด้านนี้ สิ่งที่ผมต้องการมีเพียงแค่พี่ชายของผมนั้นปรับปรุงตัวไม่คิดที่จะเป็นทรราช ใช้ชีวิตเป็นพี่ชายที่แสนดีรักใคร่กลมเกลียวกับผมตลอดไปก็เท่านั้น

กลับกลายเป็นว่าตอนนี้พี่ชายของผมปล่อยให้ตนเองโดนคนอื่นข่มเหงรังแกและไม่คิดที่จะโต้คืน ไม่ใช่ว่าผมปกป้องพี่ชายของตนเองไม่ได้ทว่าผมเองก็อยากให้พี่ชายผมของนั้นเข้มแข็งและพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อตนเองมากกว่านี้

ผมคงจะต้องหาทางแก้ไขในภายหลัง อาจจะต้องแก้ไขความคิดพี่ชายของผมนิดหน่อย

“ขอบพระทัยเพคะ นี่เพคะทั้งสองพระองค์นี่คือตารางเรียนที่ท่านทั้งสองลองเรียนเป็นเวลาเจ็ดวัน เลขตัวแรกคือตึก เลขที่สองคือชั้น เลขที่สามคือลำดับของห้องไม่ต้องกังวลว่าจะทรงหาไม่เจอนะเพคะ เลขของตึกใหญ่มากเพคะ” เธอกล่าวและรีบสาวเท้าออกไปจากตรงนี้ทันที

ทำเอาผมไม่เข้าใจสักนิดทิ้งไปดื้อๆเช่นนี้เลยเหรอ แต่ก็เอาเถอะในเมื่อไปแล้วก็ไปขอแค่อย่าให้เห็นว่าทำแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สองละกันไม่งั้นผมคงจะจัดการให้เข้มงวดกว่านี้ เมื่อเสร็จสิ้นเรื่องราวตรงนี้ผู้คนจากที่ยืนอยู่บริเวณรอบๆก็เริ่มทยอยเดินไปที่จุดหมายปลายทางของตนเอง

ผมทำได้เพียงแค่ถอนหายใจเท่านั้นและหันกลับไปสบตาคนตัวสูงกว่า “ท่านพี่ ทำไมท่านพี่ถึงไม่สู้เพื่อตนเองเลยล่ะครับ ท่านพี่เป็นถึงองค์ชายคนที่มาดูหมิ่นท่านพี่เช่นนี้ท่านพี่ควรจัดการนะครับ” ผมว่าพลางเท้าเอวมองเจ้าอดีตตัวร้ายในนิยายที่ตอนนี้แทบจะไม่เหลือคราบตัวร้ายแล้ว

“พี่มีสิทธิ์เรียกร้องเกียรติของพี่ด้วยหรือเทรย์ คนเช่นพี่มันสมควรโดนเรื่องพวกนี้อยู่แล้วนี่นา” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความเศร้า เขาตัดพ้อจนผมละเหี่ยใจ พี่ชายที่แสนอ่อนโยนของผมต้องไม่ใช่คนแบบนี้ดิ เขาต้องร้ายเพื่อตนเองบ้าง

“มีสิท่านพี่ก็ท่านพี่เป็นองค์ชายนี่นา อีกอย่างท่านพี่เป็นพี่ชายของผมย่อมมีอำนาจและผู้คนควรให้ความเคารพ ท่านพี่จะปล่อยให้คนมาทำร้ายท่านพี่ไม่ได้ที่สำคัญสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนท่านพี่ไม่ได้ผิดอะไรเลย ท่านพี่เองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ” ผมว่าไปตามหลักความจริง

“…” เด็กหนุ่มตรงหน้าผมเงียบ ไร้ซึ่งสีหน้าใดๆเหลือเพียงแววตาเท่านั้นที่เจือความเศร้าปะปนอยู่ให้เห็น

ถ้ามัวแต่โทษตนเองแล้วเมื่อไหร่คนอื่นจะผิดบ้างล่ะท่านพี่” ว่าจบผมก็เดินเข้าไปกอดเอวผู้เป็นพี่ชาย อีกฝ่ายเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนที่จะสับสนเหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นก็เลื่อนมือเข้ามาลูบกลุ่มผมของตัวผมแผ่วเบา

“เข้าใจแล้ว ช่างน่าขายหน้าที่ให้คนตัวเล็กกว่าเช่นเทรย์มาเตือนสติและปกป้องพี่เช่นนี้” อีกฝ่ายผลิยิ้มออกมาหลังจากนั้นก็ตัดสินใจเดินเล่นเพื่อชมบรรยากาศของสถาบันกันเล็กน้อยเนื่องจากยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องเข้าเรียน อีกทั้งผมยังอยากจะแน่ใจว่าไม่มีใครจ้องจะทำร้ายพี่ชายผมอีก

เวลาผ่านพ้นไปเข้าสู่ช่วงวิชาแรกที่ผมจะต้องเรียน หลักสูตรที่ผมลองเรียนนั้นมีทั้งหมดสองหลักสูตร โดยที่หลักสูตรแรกนั้นคือเหล่าการเมืองการปกครองและเศรษฐกิจต่างๆ ในส่วนของหลักสูตรที่สองคือหลักสูตรการใช้อาวุธเพราะกษัตริย์ต้องสามารถปกป้องประชาชนได้ ดูเหมือนว่าท่านพ่อจะส่งข้อมูลที่ผมเรียนที่วังมาให้ทางสถาบันจัดการให้

ยามก้าวเท้าแรกเข้าไปภายในห้องเรียนก็พบกับบรรยากาศที่เรียบง่ายไร้ซึ่งความวุ่นวาย เด็กๆส่วนใหญ่จะนั่งที่กันเรียบร้อยสงบนิ่ง มีเล่นบ้างประปรายตามประสา พอเสียงฝีเท้าของผมดังขึ้นทุกสายตาก็พากันจดจ้องมากันเป็นตาเดียวด้วยความสนใจ

“นั่น! องค์ชายเทรย์เวอร์ใช่มั้ย!” เสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นจากโต๊ะแถวแรก เด็กๆที่เหลือต่างกันจ้องมองและพยักหน้ากับคนที่เปิดบทสนทนาเป็นคนแรก ส่วนผมที่ได้ยินก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าและส่งยิ้มให้ก็เท่านั้น ไม่เห็นต้องตื่นเต้นกันขนาดนั้นเลย เขินเป็นนะ

“ใช่จริงๆด้วย ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะค่ะ!” เด็กสาวจากโต๊ะแถวที่สองลุกขึ้นมาและเดินตรงมาทางผม ดวงตากลมโตสดใสมองมาที่ผมพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตร ก่อนเอ่ยแนะนำตัว “ถวายบังเพคะองค์ชาย ฉันไอวี่จากตระกูลมาเรนค่ะฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”

“คะ...ครับ” ผมตะกุกตะกัก เธอสูงกว่าผมเล็กน้อย มีเรือนผมสีน้ำตาลสลวยนัยน์ตาสีส้มสว่างคล้ายแร่แอมเบอร์ มัดผมแกละใบหน้าแต่งแต้มด้วยแก้มอมชมพู ริมฝีปากอวบอิ่มน่ารักพร้อมลักยิ้มทั้งสองข้างที่เพิ่มเสน่ห์มากยิ่งขึ้น เป็นเด็กที่เห็นแล้วโตไปต้องสวยมากอย่างแน่นอน

“ผมวินเซนต์จากตระกูลเกรย์พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ อ๊าก ทำแบบนี้รึเปล่านะ” เด็กหนุ่มผมสีเขียวอ่อนเลิ่กลั่กและโค้งด้วยท่าทีที่เงอะแงะ ก่อนที่จะส่งยิ้มแหยมาให้ผมด้วยความเขินอาย ตามด้วยเด็กคนอื่นๆมากมายที่เข้ามาหาผมกันเพื่อแนะนำตัว

“ดะ...เดี๋ยวสิครับ ไม่ต้องทำอะไรแบบนี้หรอกไม่ถือนะ พวกเราเท่าเทียมกันนี่นา” ผมทำท่าห้ามปรามให้ทุกคนหยุดแนะนำตัวอย่างเป็นทางการและโค้งคำนับผม

“ได้อย่างไรกันเพคะ คุณแม่ของฉันสอนไว้ค่ะว่าเมื่อพบปะองค์ชายเทรย์เวอร์ต้องถวายความเคารพอย่างดี” เด็กหญิงผู้มีนามว่าไอวี่กล่าวเช่นนั้น ก่อนที่จะจับชายกระโปรงของชุดสถาบันและย่อตัวลงเชื่องช้า “องค์ชายสมควรได้รับเกียรติเพคะ”

“ใช่ครับ! ไม่ว่าอย่างไรพวกผมก็จะต้องให้ความเคารพแก่องค์ชาย คุณพ่อของผมน่ะชื่นชมองค์ชายให้ผมฟังเสมอและให้เอาเป็นเยี่ยงอย่างดังนั้นฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ” ประโยคที่ปะปนราชาศัพท์ถูกเปล่งออกมาจากปากเด็กน้อยตรงหน้า ถ้าพูดไม่ถนัดก็อย่าฝืนเลยเพื่อน

แต่เดี๋ยวนะท่านพ่อวินเซนต์เหมือนจะคุ้นๆนะ ผมคุ้นตั้งแต่นามสกุลเกรย์แล้วเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อนจนกระทั่งนึกไปนึกมาก็ไปสะดุดคนผู้หนึ่งในหัว ซึ่งคนนั้นก็คืออาจารย์ของผมเองพอมาลองสังเกตดีๆแล้วสองคนนี้สีผมเหมือนกันอย่างกับแกะ ไหนจะหน้าตาอีก

“นายเป็นลูกของอาจารย์ที่สอนผมหรือ” ผมถามเพื่อยืนยัน

“ใช่ครับ! คุณพ่อบอกผมเสมอเลยว่าองค์ชายนั้นช่างปราดเปรื่อง มากไปด้วยไหวพริบและตั้งใจเรียนมาก ไม่ว่าคุณพ่อผมจะถามอะไรก็สามารถตอบได้ทั้งหมด ทั้งๆที่ตัวผมยังตอบไม่ได้เลยเพราะคำถามที่คุณพ่อถามมักจะยากเสมอ” วินเซนต์เชยชมไม่หยุดปากผมจนเหลือบหน้าหนีเล็กน้อย คำถามมันง่ายจริงๆนะผมเลยตอบได้

“อย่างนี้นี่เอง ขอบคุณที่ชมนะครับที่จริงผมก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นหรอก” ผมเกาท้ายทอยและเอ่ยอย่างถ่อมตัว “ที่สำคัญทุกคนพูดกับผมแบบปกติดีกว่านะครับ ผมไม่ค่อยชินเท่าไหร่เลยหากพูดทางการมา พวกเรามาเป็นเพื่อนกันดีกว่านะ”

ว่าจบเด็กๆก็ตาลุกวาวราวกับว่าการได้เป็นเพื่อนกับองค์ชายนั้นเปรียบเสมือนของขวัญล้ำค่า พวกเขาดีใจกันยกใหญ่โดยเฉพาะวินเซนต์ที่แทบจะร้องไห้ออกมา ส่วนไอวี่นั้นเธอฉีกยิ้มกว้างพลางดึงผมเข้าไปกอด นี่แรงเด็กห้าขวบเหรอเนี่ยทำไมมันเยอะขนาดนี้

ผ่านไปเพียงครู่เดียวก็ได้มีผู้มาใหม่เดินเข้ามาภายในชั้นเรียนหากให้คาดเดาก็คงจะเป็นอาจารย์สอนให้กับเหล่าเด็กๆสินะ ยามเธอเดินเข้ามาเด็กๆทุกคนก็เริ่มพากันกลับไปนั่งที่ ผมกวาดสายตาหาที่นั่งเพื่อที่จะเตรียมตัวเรียน เหล่าเด็กหลายคนโดยเฉพาะวินเซนต์และไอวี่ต่างพากันตบเก้าอี้ข้างๆเพื่อให้ผมไปนั่ง

ก่อนผมจะตัดสินใจนั่งแถวแรกซึ่งก็คือแถวหน้าห้องเรียน เก้าอี้ที่ผมนั่งลงนั้นอยู่ตรงกลางระหว่างเจ้าเด็กหัวเขียวจอมซนกับเด็กหญิงที่มีสีผมสีน้ำตาลสดใสพอดิบพอดี อาจารย์ผู้หญิงท่านนี้มอบยิ้มละไมให้แก่ผมพลางกล่าวสวัสดี

“ดิฉันเทียน่าค่ะ เป็นอาจารย์สอนคาบเรียนนี้เองยินดีที่ได้พบเจอกันนะคะองค์ชาย หวังว่าหลังปิดเทอมพักร้อนจะได้เจอองค์ชายที่นี่นะคะ” เธอว่าด้วยความยินดีและคาดหวัง ผมเองก็ยิ้มรับไม่วายพยักหน้าว่าจะกลับมาเรียนที่นี่อย่างแน่นอน

“หลังปิดเทอมพักร้อนเลยหรือ รอนานเลยน่ะสิ!” ไอวี่บ่นอุบอิบ

ไม่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงบ่นเพราะนี่เพิ่งจะต้นฤดูใบไม้ร่วงนี่นา ปิดเทอมใหญ่ของสถาบันจะปิดช่วงเดือนที่สองของฤดูใบไม้ผลิจนถึงช่วงเดือนแรกของฤดูร้อนราวๆสองเดือน ก่อนอื่นอย่างที่รู้กันจักรวรรดิเนธิลอร์นั้นฤดูที่ยาวนานที่สุดคือฤดูใบไม้ร่วงใช้เวลาห้าเดือน

ส่วนฤดูที่สั้นก็จะมีฤดูร้อนกับฤดูใบไม้ผลิที่ใช้เพียงแค่ฤดูละสองเดือนเท่านั้น แต่พืชผลและป่าไม้นั้นออกดอกออกผลเติบโตทันเพราะฤดูร้อนของจักรวรรดิไม่ได้ร้อนขนาดนั้นสภาพอากาศไม่ต่างจากฤดูใบไม้ผลิเท่าไหร่เพียงแค่มีฝนตกน้อยกว่าก็เท่านั้นเอง

มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากมีเทศกาลมากมายเกิดขึ้นช่วงสองฤดูนี้อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ทางสถาบันจึงมีการปิดเทอมพักร้อนขึ้นมาเพื่อให้เด็กๆกลับบ้านไปพักผ่อนกับเที่ยวเทศกาลภายในเมืองให้เต็มที่

และปิดเทอมพักร้อนนี้ก็คือการขึ้นปีการศึกษาใหม่อีกด้วย เด็กๆเหล่านี้หลังจบการศึกษาปีนี้พอเปิดเทอมพักร้อนก็จะได้เลื่อนชั้นขึ้นไปอีกหนึ่ง มันก็เหมือนการศึกษาโลกที่ผมจากมานั่นแหละไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก แถมตอนนี้เพิ่งเปิดภาคเรียนได้มาเดือนสองเดือนเอง

ผมคงจะต้องรอปีการศึกษาหน้าแหละ อันที่จริงผมสามารถเข้าเลยก็ได้แต่มันจะดูเป็นเด็กเส้นเกินไป ผมรอเปิดรับสมัครแล้วค่อยเข้ามาสมัครดีกว่าตอนนี้ลองเรียนไปก่อน เมื่อลองเรียนจบก็กลับไปเรียนที่วังรอจนกว่าจะเริ่มปีการศึกษาใหม่ อาจจะนานแต่ผมรอได้อยู่แล้ว

“นี่เพิ่งเข้าฤดูใบไม้ร่วงมาเองอ่า ฮือ พวกผมจะได้เจอองค์ชายอีกทีปีการศึกษาหน้าเลยหรือครับอาจารย์” วินเซนต์ที่นั่งข้างผมโอดครวญจนอาจารย์ถอนหายใจ ผมเองก็ไม่ต่างกันอดระบายลมหายใจไม่ได้เลย ขอโทษทีนะเพื่อนคงจะต้องเจอกับปีการศึกษาหน้าจริงๆ

“ยังไงเดี๋ยวก็ต้องได้เจอกันอยู่แล้วครับวินเซนต์อย่ากังวลเลยไปไอวี่เองก็ด้วย” ผมปลอบใจทั้งสองคนจากนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ “อีกเดี๋ยวก็จะถึงวันเกิดผมแล้ว หากอยากจะเจอผมก็ให้มาที่วังหลวงก็แล้วกันนะ คงจะพอคลายความคิดถึงได้บ้าง”

ทั้งคู่ตาลุกวาว ปกติแล้วต่อให้งานวันเกิดผมจะถูกท่านพ่อจัดให้อย่างยิ่งใหญ่แต่กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะเชิญแขกทุกคนเข้าไป เนื่องจากมันเป็นงานวันเกิดของเด็กไม่มีอะไรมากมายเหมือนพวกงานเดบูตองค์ งานเลี้ยงประจำปี หรือแม้กระทั่งงานครบรอบการครองราชย์ของท่านพ่อแถมงานวันเกิดนี้ไม่ค่อยเหมาะกับเหล่าชนชั้นสูงเท่าไหร่ด้วย

ด้วยเหตุนี้การเชิญชวนทั้งสองคนไปถือว่าเป็นเรื่องที่พิเศษสุดๆ ไว้เดี๋ยวผมจะชวนเด็กคนอื่นๆไปด้วยงานจะได้สนุกมากยิ่งขึ้นที่สำคัญผมอยากให้พวกเขาได้พบปะกับพี่ชายของผมด้วย มันคงจะไม่เป็นอะไรหรอกมั้งเพราะปีนี้ผมจะให้พี่ชายมาร่วมงานวันเกิดด้วย

“ยินดีมากเลยล่ะค่ะ! เช่นนั้นฉันจะขอพาพี่สาวฉันไปด้วยนะคะพี่สาวฉันน่ะนะชอบเอาแต่อยู่ในบ้านไม่ยอมออกไปไหนเลย ครั้งนี้จะต้องพาออกไปให้ได้!” เธอบ่นถึงพี่สาวตนเอง ผมที่ได้ยินก็ครุ่นคิดถ้ามีคนโตกว่ามาด้วยลินคอล์นจะได้เพื่อนเพิ่มด้วยรึเปล่านะ ถ้าได้ก็คงจะดีสิ

“ถึงผมจะลูกคนเดียวแต่ผมก็ยินดีมากที่ได้ไปครับ คุณพ่อน่ะไปทุกปีเลยไม่เคยพาผมไปเลยสักครั้งเดียว!” วินเซนต์ทำสีหน้าแสดงถึงความมุ่งมั่นแต่ก็แฝงไปด้วยความงอนพ่อของตนเองนิดๆ มันก็จริงอย่างที่เจ้าตัวว่านะเพราะผมเห็นหน้าอาจารย์ตั้งแต่วันเกิดปีแรก

จบบทสนทนาทั้งหมดอาจารย์ก็เริ่มสอนเนื้อหาที่จะเรียนในวันนี้ทันที จากที่ผมดูแล้วเนื้อหาก็ไม่ต่างจากที่เรียนตอนอยู่ที่วังจริงๆ เป็นพื้นฐานเล็กๆที่เด็กอายุรุ่นราวประมาณนี้สามารถเรียนได้ แถมแต่ละคนนั้นต่างตั้งใจเรียนกันสุดๆ

ทั้งๆที่อายุเพียงหกขวบแท้ๆ แต่ผมก็พอเข้าใจได้เพราะที่นี่ค่อนข้างผลักดันการศึกษาแถมจักรวรรดิเนธิลอร์นั้นเป็นจักรวรรดิที่มีคนอายุน้อยก็เริ่มทำงานกันทว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยศักยภาพ ดังนั้นเด็กๆทุกคนที่เกิดมาจึงมีไฟในการทำงานกันตั้งแต่เด็กเพื่อผลักดันประเทศชาติตัวเองให้ไปได้ไกล

แถมบุคลากรแต่ละคนที่เติบโตไปนั้นทำงานกันได้อย่างดีเยี่ยม ถึงแม้สวัสดิการจะยังไม่ดีมากเท่าที่ควรอย่างที่ผมต้องการ แต่เมื่อผมโตขึ้นผมจะเป็นคนบริหารจัดการเรื่องเหล่านี้เอง ประชาชนคือบุคคลสำคัญในการขับเคลื่อนให้ประเทศไปข้างหน้าจึงต้องให้ความสำคัญกับพวกเขามากๆ

“เอาล่ะค่ะข้อนี้ใครตอบได้บ้างคะ” อาจารย์ถามขณะที่มือรอเขียนคำตอบบนกระดานดำ

ผมรีบยกทันที คราวนี้ถึงตาของผมแล้วปล่อยให้คนอื่นตอบมาเยอะแล้ว “ข้อนี้ตอบฤดูใบไม้ร่วงครับ เพราะฤดูนี้เป็นฤดูที่ยาวนานที่สุดของจักรวรรดิและสวยงามมาก ทุกคนจึงพากันหลั่งไหลเข้ามาที่จักรวรรดิเป็นจำนวนมากครับ”

“ถูกต้องค่ะองค์ชายเก่งสมกับที่ถูกใครหลายคนชื่นชมไว้จริงๆนะคะ” อาจารย์สาวกล่าวคำชมผมอย่างที่ทำกับเด็กคนอื่นๆ พร้อมกับเสียงปรบมือทีทำให้บรรยากาศภายในห้องน่าเรียนยิ่งกว่าเดิม ผมยิ้มรับอย่างนอบน้อมการเรียนในห้องเรียนที่นี่สนุกจริงๆ

แม้ว่าเด็กจะตอบผิดหรืออย่างไรก็ช่างก็มักจะได้เสียงปรบมือเสมอเพราะถือว่ามีความกล้ามากในการที่จะยกมือขึ้นเพื่อตอบคำถาม อย่างน้อยขอเพียงแค่มีความกล้าไม่มีความจำเป็นต้องตอบถูกก็สมควรได้รับคำชื่นชมเช่นเดียวกัน

ถือว่าดีเลยทีเดียวการเรียนการสอนที่สถาบันนี้ผมยอมรับเลยว่าดีมาก ทีนี้ผมก็สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้แล้วล่ะว่าทำไมเลขานุการของท่านพ่อถึงได้พูดฉะฉานขนาดนั้น มีความกล้าที่จะพูด อีกทั้งแสดงความคิดเห็นกับองค์จักรพรรดิ

เพราะเขาปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆแล้วนั่นเอง โดยเฉพาะการตั้งคำถามและมีความกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นของตนเอง

“องค์ชายเก่งมากเลยล่ะครับ ผมอยากเรียนกับองค์ชายตลอดจนจบการศึกษาที่นี่เลยได้โปรดพิจารณามาเรียนที่นี่เถอะนะครับ” วินเซนต์หันมาส่งสายตาออดอ้อนคล้ายกับลูกหมา ดูเหมือนจะเป็นลูกหมาขนสีเขียวซะด้วยสิตัวนี้

“โห ไม่ขนาดนั้นหรอกครับวินเซนต์ นายเองก็เก่งเหมือนกันนะตั้งใจเรียนมากพ่อคงภูมิใจ” ผมเอ่ยพลางส่งยิ้มไปให้

“ผมน่ะอยากจะโตไปเป็นเหมือนคุณพ่อ เป็นอาจารย์ที่เก่ง เด็กๆรักและเป็นผู้ดูแลกระทรวงศึกษาที่ดี ท่านพ่อน่ะเท่ที่สุดเลยล่ะครับ น่าเอาเยี่ยงอย่างมาก!” เจ้าตัวร่ายยาวสาธยายถึงพ่อของตนเองจนไอวี่ต้องมาหยุดไว้ ถึงจะเริ่มเรียนต่อได้

ผมเชื่อแหละ เพราะพ่อของวินเซนต์เขาเก่งจริงๆตอนผมเรียนกับเขาผมไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย เขาเป็นอาจารย์ที่ดีมากเข้าใจผมแทบทุกอย่างเลย อีกทั้งยังมีไฟในการสอนผมมากเตรียมกิจกรรมมาให้ผมทำระหว่างเรียนเพื่อไม่ให้ผมเบื่อ

“เอาล่ะ ต่อไปอาจารย์จะกล่าวถึงเนื้อหาของพืชผลที่ทุกคนทานกันนะคะ ไหนใครชอบทานอะไรกันบ้าง” อาจารย์เริ่มสอนอีกครั้งและเปลี่ยนหัวข้อเป็นหัวข้อใหม่ แน่นอนว่าเด็กๆทุกคนย่อมให้ความสนใจกับหัวข้อที่ถูกยกขึ้นมาและเริ่มยกมือกันขึ้นพูดเรื่องของตนเอง

เรียนสนุกมากเลยแฮะ ทำเอาอยากรู้ว่าฝั่งของพี่ชายผมนั้นจะเรียนเป็นยังไงบ้าง

ผมได้แต่ภาวนาขอให้มีคนเข้าใจพี่ชายของผมไม่พากันแกล้งหรือรุมรังแกเขา ถ้าทำขึ้นมาผมก็จะขอให้ท่านพี่ของผมผู้นี้นั้นฮึดขึ้นสู้เพื่อปกป้องเกียรติยศของตนเอง เนื่องจากการเรียนที่นี่นั้นมันดีมากจริงๆผมอยากให้พี่ชายได้สัมผัสบรรยากาศของคำว่าสถานศึกษามากๆ

“แล้วองค์ชายล่ะคะชอบทานผลไม้อะไร?” ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิดยามได้ยินเสียงอาจารย์เรียก

“อ้อ ผมชอบสตรอว์เบอร์รีครับเป็นพืชเมืองหนาวที่รสชาติดีแถมยังดีต่อสุขภาพอีกครับ” ผมตอบคำถาม อันที่จริงสตอรว์เบอร์รีคนที่ชอบมากกว่าผมคือแร็คน่าร์ต่างหาก เมนูโปรดของเธอคือพายสตรอว์เบอร์รีทานกับช็อกโกแลตร้อนยามบ่ายช่วงเหมันต์ฤดูบอกเลยว่าให้บรรยากาศดีสุดๆ

กว่าจะรู้ตัว คำตอบที่ผมตอบออกไปแต่ละอย่างก็มีแร็คน่าร์เข้ามาเกี่ยวตลอดเลย

 

 

 

_____