เพราะความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นั้นช่างปลอมเปลือก ผมคนนี้จะขอเป็นคนมอบความรักที่แท้จริงให้แก่นายเอกผู้น่ารักเอง

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา - Chapter 13 ใช้เวลาร่วมกัน โดย เจ้านายสาเกกอดองุ่น @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ดาร์ค,ตะวันตก,แฟนตาซี,ผมตกหลุมรักนายเอกครับ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ดาร์ค,ตะวันตก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผมตกหลุมรักนายเอกครับ

รายละเอียด

เพราะความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นั้นช่างปลอมเปลือก ผมคนนี้จะขอเป็นคนมอบความรักที่แท้จริงให้แก่นายเอกผู้น่ารักเอง

ผู้แต่ง

เจ้านายสาเกกอดองุ่น

เรื่องย่อ

โปรดอ่านรายละเอียดก่อนอ่านเนื้อเรื่องหลักกันด้วยนะคะ 

 

เล่นแท็ก #ผมตกหลุมรักนายเอกครับ

 

 

 

‘แม็กซ์’ หนุ่มCEOลูกครึ่งไฟแรงผู้ประสบความสำเร็จและยืนอยู่บนจุดสูงสุดตั้งแต่อายุยังน้อย เบื้องหน้าดูเป็นคนน่าเกรงขามเป็นที่เคารพแก่คนในองค์กรและบริษัท แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังแม็กซ์เป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่รักการอ่านนิยายเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะวายพีเรียดตะวันตก

นิยายเรื่องพันธนาการรักของดยุกปีศาจ ได้เข้าไปต้องตาต้องใจแม็กซ์เข้าเพราะมีความนิยมมากจนว่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ต ทว่าหลังอ่านจบถึงกับอุทานออกมาดังๆ ว่าอะไรวะ ความรักที่พระเอกในนิยายมอบให้นายเอกนั้นช่างปลอมเปลือกยิ่งเสียกว่าอะไร ตอนจบที่สมบูรณ์แบบนั้นสำหรับแม็กซ์มันเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวง

‘ถ้าเขาได้เข้าไปในนิยายละก็นายเอกของเรื่องจะได้เจอกับความสุขที่แท้จริง เขาจะแย่งนายเอกมาจากพระเอกของเรื่องเอง!!’ จบคำพูดนั้นแม็กซ์ก็ได้เข้าไปอยู่ในนิยายเรื่องนั้นจริงๆ

 

 

 

 

 

 

 

Warning

- นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่รุนแรง มีการบรรยายเกี่ยวศพ (Body) , ความตาย (Death) , การกระทำที่น่ารังเกียจและขนลุก (Creepy Behavior) , การล่วงละเมิดทางจิตใจและอารมณ์ (mental and emotional abuse) , ฆาตกรรมสังหารหมู่ (Murder) , คำหยาบคาย (Rude) , ความคิดที่บิดเบี้ยว (Cognitive Distortions) , การข่มขืน (Ravishment) , การดูถูกเหยียดหยาม (Contemptibility) , การชักจูงทางจิตวิทยาหลอกเหยื่อ (Manipulator) , การปั่นหัวให้สับสนทางความคิด (Gaslighting) , ซึมเศร้า (Depression) , ความเชื่อทางศาสนา (religion)

- ผู้ชายสามารถท้องได้ (Mpreg)

- สถานที่ ความเชื่อ เหตุการณ์ต่างๆ มาจากจินตนาการของผู้แต่งทั้งหมด

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและห้ามลอกเลียนแบบ

 

 

 

 

หมายเหตุ

- เรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองของพระเอก การกระทำความคิดทุกสิ่งทุกอย่างเป็นมองผ่านมุมมองของพระเอกทั้งหมด

- เนื้อเรื่องจะแบ่งเป็นทั้งหมด 2 arcนะคะ arcนึงเกือบร้อยตอนค่ะ(อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าขึ้นอยู่กับเนื้อหา) แน่นอนว่าเนื้อหาของนิยายยาว กว่าเหล่าตัวเอกจะรักกันย่อมใช้เวลาโดยที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะค่อยๆ ขยับเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เพราะเริ่มแรกพระเอกจะเป็นเด็กก่อนค่ะกว่าจะเติบโตและพบเจอกันจะต้องใช้เวลา แต่เนื้อหาระหว่างทางก่อนจะไปเจอกันสนุกอย่างแน่นอนค่ะ

- ก่อนอื่นเรื่องนี้ในช่วงตอนแรกๆนั้นนายเอกจะค่อนข้างค่าตัวแพง แต่จะโผล่มาบางช่วงให้หายคิดถึงค่ะเนื่องจากช่วงแรกเป็นวัยเด็กของพระเอกจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของพี่ชายกับพระเอกก่อนเป็นอันดับแรก ค่อยตามด้วยความสัมพันธ์ของพระ-นายค่ะ

- มีการใช้ไทม์สคริปบ่อยครั้งในช่วงตอนแรกๆของเนื้อเรื่อง เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงอายุของพระเอกนั้นหลากหลายและทางเราอยากให้นักอ่านได้รับรู้ช่วงเวลาชีวิตของพระเอกไปพร้อมกันจึงมีการใส่ไทม์สคริปหลายครั้งค่ะ

- การกระทำหลายอย่างของตัวละครนั้นบิดเบี้ยว มีหลายสิ่งที่ทำแล้วไม่ถูกต้องอีกทั้งยังมีเนื้อหาบางจุดที่ละเอียดอ่อน ผู้อ่านโปรดกรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านเป็นอย่างมาก

ปล.เนื้อหาที่ลงในเว็บยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์อักษร ถูกแก้ไขผ่านการตรวจทานคร่าวๆ ของผู้แต่งเท่านั้น

 

 

 

**สุดท้ายนี้สามารถติชมเราได้เสมออีกเช่นเคยค่ะ อาจจะผิดพลาดไปบ้างแต่เราเชื่อว่านักอ่านทุกท่านจะสนุกไปกับมันค่ะ อย่าลืมกดติดตามเราไว้เพื่อที่จะได้ไม่พลาดตอนใหม่ๆ ทุกครั้งเวลาอัพ

อัพทุกวัน อังคาร พฤหัสบดี 

ช่องทางการติดตามเพิ่มเติมเพื่อติดตามข่าวสารและงานแฟนอาร์ตของนิยาย : @Sagehuggrape30

สารบัญ

Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Prologue นายเอกผู้อาภัพ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 1 เกิดใหม่เป็นองค์ชาย,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 2 ถูกกีดกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 3 อากาศหนาว,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 4 ความสัมพันธ์,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 5 คนในฝัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 6 พิธีประกาศนาม,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 7 ไว้เจอกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 8 รับโทษ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 9 การเจรจา,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 10 การศึกษาเล่าเรียน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 11 สิ่งที่ควรได้รับ,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 12 ความกล้าที่ควรมี,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 13 ใช้เวลาร่วมกัน,Between you and me เปลี่ยนเรื่องราวระหว่างเรา-Chapter 14 คำสัญญา

เนื้อหา

Chapter 13 ใช้เวลาร่วมกัน

กริ๊ง!

เสียงกริ่งดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่าถึงเวลาพักทานอาหารกลางวันแล้ว ยอมรับเลยว่าช่วงเช้าเป็นการเรียนที่สนุกมากถึงแม้เวลาผมตอบอะไรจะโยงไปถึงแร็คน่าร์เสมอเลยก็ตาม ทำไงได้ล่ะก็คนมันรักอยากให้แร็คน่าร์มาเรียนที่เดียวกับผมจังเลย

สถานการณ์ตอนนี้ที่ฝั่งของโซลาสต้าจะเป็นอย่างไรบ้างนะตลอดเวลาที่ผ่านห้าปีเกือบหกปีนี้ผมได้แต่หวังว่าแร็คน่าร์จะสามารถทำให้ครอบครัวที่เคยเป็นพิษกลับมาเป็นครอบครัวที่ดีได้ ถึงเนื้อเรื่องทางฝั่งนี้จะเปลี่ยนไปเยอะผมขอแค่ฝั่งนั้นอย่าเปลี่ยนไปมากก็พอเพื่อให้แร็คน่าร์สามารถมีความสุขกับครอบครัวได้

เพราะถ้าไม่เหลือครอบครัวแร็คน่าร์ก็จะไม่เหลือใครอีก เช่นพี่ชายคนโตที่แสนดีที่คอยรับฟังปัญหาของตัวเธอ หรือพี่สาวคนรองที่คอยอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจเวลาแร็คน่าร์นั้นประสบพบเจอกับปัญหา ครอบครัวของแร็คน่าร์มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้แร็คน่าร์สามารถก้าวต่อไปได้

แต่สุดท้ายสิ่งที่แร็คน่าร์ทำมาทั้งหมดก็สูญเปล่าเพราะคนๆเดียว

“นี่องค์ชายครับ ไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันดีหรือไม่ครับ คุณพ่อบอกว่าสถาบันมีที่ทานข้าวที่เหมาะแก่เด็กอย่างพวกเราด้วยนะครับ” จบคาบวินเซนต์ก็พุ่งเข้ามาหาพร้อมควงแขนผมไว้ คำพูดของเขาเหมือนคำขอก็จริงทว่ามือและแขนของเขากลับล็อกผมไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ช่างสวนทางกันจริงๆ

“อร่อยมากเลยนะคะ ตั้งแต่เปิดภาคเรียนมาฉันมักจะไปทานเสมอเลยค่ะถึงแม้ปกติจะไปทานกับพี่สาวซะมากกว่าก็ตาม แต่ครั้งนี้ฉันจะอยากจะไปทานกับองค์ชายค่ะ!” ไอวี่แย้มยิ้มสดใสมือทั้งสองไขว่หลัง เธอแสดงความตื่นเต้นออกมาชัดเจนมากแถมท่าทียังบอกอีกว่าไปด้วยกันเถอะ

ผมทำได้ไงล่ะ แน่นอนว่าไม่ปฏิเสธอยู่แล้วแต่ผมขอไปหาพี่ชายผมก่อนสิ “ได้สิครับทั้งสองคน ก่อนอื่นผมขอไปหาพี่ชายผมก่อนนะครับ ผมอยากรู้ว่าพี่ชายของผมนั้นเป็นอย่างไรบ้าง” ยามผมพูดจบทั้งสองก็เหมือนกันงุนงงเล็กน้อยก่อนที่จะเข้าใจ

“หมายถึงองค์ชายหนึ่งที่มีชื่อว่าลินคอล์นใช่มั้ยคะ” เธอถามเพื่อความแน่ใจ ผมพยักหน้าเป็นการให้คำตอบจากนั้นเด็กสาวตรงหน้าผมก็ชี้นิ้วไปทางด้านหลัง “ใช่คนด้านหลังรึเปล่าคะ ฉันเหมือนจำได้ว่าองค์ชายลินคอล์นนั้นมีเรือนผมสีชมพู งดงามเหมือนดอกคามิเลีย”

“ฮะ! ท่านพี่มาแล้วหรือ?” ผมรีบหันหน้าไปตามทิศทางที่เธอชี้ทันที นัยน์ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเพราะสภาพพี่ชายผมทำไมมันไม่ดีเท่าไหร่เลย เสื้อที่ถูกจัดแต่งมาเรียบในตอนเช้านั้นดูยับยู่ยี่เหมือนกับถูกฉุดกระชากมา นี่มันหมายความว่ายังไงกัน

“เรียนสนุกมั้ยเทรย์ ส่วนสองคนนี้คือเพื่อนของเทรย์หรือน่ารักน่าชังกันจังเลยนะ” ลินคอล์นเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ฝ่ามือหนาแสนอบอุ่นทาบลงมาบนหัวผมแผ่วเบาและค่อยๆขยับเขยื้อน ผมเงยหน้าจดจ้องสำรวจร่างกายของพี่มากกว่าเมื่อครู่

จนอดไม่ได้ที่จะถามออกมา “ท่านพี่ไปโดนอะไรมา ถ้าโกหกผมนะผมจะตีท่านพี่แน่!”

“แฮะๆ ไม่มีอะไรหรอกพี่โดนคนกลุ่มหนึ่งจากหลักสูตรฝึกต่อสู้ชนนิดหน่อยน่ะ ตอนแรกพวกเขาจะหาเรื่องพี่แต่ได้รุ่นน้องคนหนึ่งช่วยไว้เลยไม่มีปัญหาอะไรมาก” เขาหัวเราะแห้งพลางละมือจากหัวผมไปเกาท้ายทอย แค่ชนต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ พวกนี้เป็นบ้าอะไร

“แย่จริงๆเลยนะคะ ทำไมถึงได้กล้าที่จะหาเรื่องคนอื่นเช่นนี้” เธอยืนเท้าเอวขยับปากบ่นอุบอิบ “ท่านพ่อของฉันบอกว่าการที่จะโตไปเป็นอัศวินที่ดีอย่างแรกเลยต้องเคารพและเข้าใจผู้อื่นก่อนไม่ใช่มาทำตัวกร่างเช่นนี้ ถ้าสังกัดของคุณพ่อฉันละก็ เจอแน่!”

ผมที่ได้เสียงเสียงเธอพูดก็หันหลับไปมองและถามด้วยความอยากรู้ “ตระกูลมาเรนของเธอเป็นตระกูลเกี่ยวกับอัศวินเหรอ” ที่ผมถามเพราะผมเองก็ยังไม่รู้ตระกูลขุนนางมากพอหากให้เทียบกับพี่ชาย ผมรู้แค่บางตระกูลที่มีโอกาสได้เจอเท่านั้น

เธอพยักหน้าพลางคลี่ยิ้ม “ใช่ค่ะองค์ชาย คุณพ่อนั้นเป็นหัวหน้าหน่วยอัศวินสีครามค่ะ ซึ่งตอนนี้คุณพี่ชายกำลังฝึกงานอยู่ที่นั่นค่ะเพราะเพิ่งจบที่ไปปีที่แล้ว ส่วนคุณพี่หญิงก็กำลังเรียนอยู่ที่นี่อยู่หลักสูตรเวทมนตร์ค่ะ” ไอวี่เล่าให้ฟังอย่างออกรส

อัศวินสีครามอย่างนั้นเหรอ!? ผมถึงกับอึ้งที่แท้ตระกูลหนึ่งในสี่อัศวินคุ้มครองจักรวรรดินี่เอง พ่อของเธอคงเป็นท่านมาร์ควิสคลาร์ก มาเรนสินะ ที่ผมรู้จักก็เพราะว่าตระกูลโอลีนเดอร์ของฟินน์นั้นก็เป็นหนึ่งในสี่อัศวินคุ้มครองเช่นกันแค่คนละหน่วย ซึ่งหน่วยที่พ่อของฟินน์ดูแลอยู่นั้นคือหน่วยอัศวินสีทองนอกจากดูแลเรื่องการทหารแล้วยังเป็นหัวหน้าหน่วยอัศวินอีก

กล่าวก่อนว่าที่จักรวรรเนธิลอร์นั้นได้ก่อตั้งสี่หน่วยอัศวินขึ้นมายาวนานร้อยปีกว่าแล้ว โดยทั้งสี่หน่วยจะดูแลแต่ละทิศของจักรวรรดิมีเหนือ ตะวันออก ตะวันตกและใต้ หน่วยอัศวินสีทองนั้นจะดูแลทางทิศตะวันออกใกล้ท่าเรือที่ส่งออกสินค้า

ต่อมาหน่วยอัศวินสีชาดจะดูแลทางทิศใต้ที่ติดทะเลเช่นเดียวกัน ทว่าทางนั้นเป็นการเดินเรือโดยสารของผู้ที่เข้าและออกจักรวรรดิเป็นเสียซะส่วนใหญ่ซึ่งจะแตกต่างจากทางทิศตะวันออกที่หน่วยอัศวินสีทองนั้นดูแล

หน่วยที่สามคือหน่วยอัศวินสีปีกกาทางนี้จะดูแลทางทิศตะวันตก เป็นฝั่งที่คิดว่างานหนักอยู่พอสมควรนะทั้งปกป้องดูความสงบภายในเมืองและพิทักษ์ป่า เนื่องจากภูมิประเทศแถบทิศตะวันตกของจักรวรรดินั้นจะเป็นป่ากว้างปกคลุมแทบทั้งหมดอีกทั้งมีงานเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงที่ใหญ่รวมถึงงดงามตระการตาที่สุดในจักรวรรดิ

มาที่สุดท้ายซึ่งก็คือหน่วยอัศวินสีครามที่งานหนักไม่แพ้กันเพราะมีหน้าที่ดูแลปกป้องทางตอนทิศเหนือและควบบริเวณชายแดนเหนือทั้งหมดของจักรวรรดิ บริเวณที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปียิ่งเข้าฤดูหนาวอุณหภูมิถึงกับติดลบกันเลยทีเดียว

พวกเขาจะคอยจัดสรรและดูแลหลายๆอย่างที่นั่นโดยเฉพาะผู้คนที่อพยพเข้ามาผ่านทางเขตแดนเหนือของจักรวรรดิ ซึ่งแน่นอนว่าเหล่าหน่วยอัศวินทั้งสี่นี้ย่อมทำงานร่วมกับขุนนางที่ดูแลหัวเมืองตามบริเวณนั้นเช่นเดียวกัน แบ่งหน้าที่กันไปเพื่อช่วยให้ประชาชนอยู่ได้อย่างสุขสบายเต็มที่

“ฉันลืมไปบอกไปค่ะ คุณแม่น่ะ...ที่จริงเป็นเพื่อนของจักรพรรดินีด้วยนะคะ เนื่องจากคุณแม่เล่าให้ฟังว่าที่จริงแล้วท่านอพยพเข้ามาทางเขตแดนเหนือพร้อมกับองค์จักรพรรดินี โดยที่คุณแม่นั้นเลือกที่จะยังอยู่บริเวณแดนเหนือต่างจากองค์จักรพรรดินีที่อยากมาอยู่แถวบริเวณเมืองหลวง” เธออธิบาย

“เหมือนท่านพ่อจะเล่าให้ผมฟังอยู่นะ ว่าเคยพาท่านแม่ไปเจอคุณแม่ของเธอด้วยไอวี่” ผมตอบกลับ พลางนึกถึงเหตุการณ์อดีตหลายๆอย่างที่องค์จักรพรรดิผู้เป็นพ่อนั้นเล่าให้ฟัง ฝั่งของลินคอล์นที่เหมือนนึกอะไรได้ก็ล้วงมือเข้ากระเป๋าสะพายข้างคู่ใจของตนเองเพื่อควานหาอะไรสักอย่าง

“นี่ไงเจอแล้ว” เขากล่าวก่อนย่อตัวลงแล้วโชว์ภาพหนึ่งให้พวกผมดู “นี่คือรูปสลักเวทย์ขององค์จักรพรรดินีกับ...อ่ามาร์เชอเนสลอเรนซ่า มาเรน แม่ของเธอชื่อนี้ใช่หรือไม่ครับ” พี่ชายของผมถามพร้อมกับรอยยิ้ม ซึ่งไอวี่ที่เห็นภาพดังนั้นก็ตกใจพยักหน้าถี่รัว

รูปภาพที่อีกฝ่ายให้ผมและผองเพื่อนดูนั้นคือผู้ชายคนหนึ่งหน้าสละสลวยมากผมสีเหลืองอร่ามงดงามนัยน์ตาสีเขียวสดใสสวมชุดที่ประดับประดาไปด้วยอัญมณีที่ดูเรียบแต่แพงมาก กำลังยืนกอดกับหญิงสาวอีกคนที่เรือนผมสีขาวโทนเหลืองอ่อนนัยน์ตาสีส้มแสนจะงดงามสวมชุดแต่งงาน

ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทที่อพยพมาเนธิลอร์ด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างยิ่งใหญ่หนึ่งคนเป็นภรรยาหัวหน้าหน่วยอัศวินอีกคนเป็นจักรพรรดินีผู้เป็นที่รักของจักรวรรดิ แต่แล้วตอนนี้ท่านแม่ก็มาจากไปท่านมาร์เชอเนสคงจะเสียใจไม่น้อยเลย

ว่าแต่พี่ชายผมคนนี้มีภาพหายากเช่นนี้ได้ไง?

“ท่านพี่มีภาพนี้ได้ยังไงหรือครับ” ผมถามตาใส พลางชี้นิ้วไปทางรูปภาพ

“อ๋อ รูปนี้หรือ” ท่านพี่จรดสายตามาที่ผมก่อนยิ้มละไมแล้วกล่าวต่อ “รูปนี้ท่านน้าเป็นคนให้พี่มาเองกับมือ บอกพี่ไว้ว่าหากมีโอกาสก็เอาให้เทรย์ดูว่าหน้าตาของมารดาผู้ให้กำเนิดเทรย์เป็นคนเช่นไร หน้าตาแบบไหน ถึงเทรย์จะเห็นมาแล้วเมื่อมาห้าปีก่อนก็ตามเถอะนะ”

“ผมขอดูใกล้ๆได้หรือไม่ครับท่านพี่!” ผมออดอ้อนพี่ชายของตนเอง ลินคอล์นพยักหน้าก่อนยัดรูปภาพใส่มือของผม วินเซนต์และไอวี่ก็พากันเข้ามามุงดูด้วยความสนใจ พวกเราต่างพากันจดจ้องและเพ่งพินิศเพื่อดูรูปของทั้งสองคนที่เคยเจอกันเมื่อนานมาแล้ว

ดูเหมือนว่าแม่ของผมจะเป็นจักรพรรดินีก่อนที่มาร์เชอเนสจะแต่งงาน เขาช่างเป็นคนที่งดงามมาก ผมเข้าใจเลยว่าทำไมท่านพ่อถึงคลั่งรักท่านแม่ปานฉะนั้น โดยเฉพาะนัยน์ตาคู่นั้นที่มองมาให้ความรู้สึกอบอุ่นและจริงใจคงจะเป็นคนที่ใจดีโอบอ้อมอารีมากที่สุดในโลกนี้เลย

ผมอยากรู้เรื่องราวของท่านมากกว่านี้เพราะในเนื้อหาต้นฉบับนั้นแทบจะไม่กล่าวถึงผู้เป็นมารดาของผมเลย มักจะเกริ่นให้เหล่านักอ่านรู้เพียงว่าหลังจากที่ให้กำเนิดผมนั้นก็ได้เสียชีวิตลง องค์จักรพรรดิเสียพระทัยมากที่สูญเสียภรรยาอันเป็นที่รักก่อนที่จะเริ่มละทิ้งลินคอล์น ก่อให้เกิดเรื่องราวร้ายๆมากมายขึ้นหลังจากนั้น

แต่ข้อมูลนั้นก็มีน้อยนัก ท่านพ่อในบางครั้งก็เล่าไม่หมดเล่าเท่าที่ตนเองจะเล่าได้เพราะหากเล่ามากไปก็จะเสียใจหรือบางทีที่เล่าไม่หมดก็เพราะติดงานมีเอกสารเข้ามาให้ตรวจสอบและเซ็นไม่หยุดหย่อน ส่วนพี่ชายผมนั้นก็ไม่ค่อยได้เอ่ยถึงแม่ของผมให้ฟังเท่าไหร่

“เอาล่ะ ไปทานข้าวเที่ยงกันเถิดนะประเดี๋ยวเข้าช่วงยามบ่ายจะหิวเอา” จู่ๆลินคอล์นก็พูดขึ้นมา ทำให้ผมที่เหม่อลอยจากการมองรูปภาพสลักเวทย์นั้นได้สติกลับคืนมา ผมคืนรูปภาพให้แก่พี่ชายตนเองก่อนที่จะจูงมือพี่ชายพลางกวักมือเรียกเพื่อนๆเพื่อไปทานข้าวด้วยกัน

ถึงจะมีที่แยกโซนไว้ให้เด็กแต่ละช่วงวัยได้ทานข้าวกระนั้นผมก็ไปทานข้าวกับพี่ชายของผมอยู่ดีโดยที่มีสองเพื่อนใหม่ของผมนั้นตามติดไปด้วย วินเซนต์นั้นพูดไม่หยุดเลยตลอดทางอีกทั้งยังถามไถ่ลินคอล์นเรื่องเนื้อหาเกี่ยวกับที่ตนเองเรียนไม่ก็ที่คุณพ่อของเขานั้นสอนให้เขา

“ตอบฝิ่น ถึงแม้มันจะเป็นสารเสพติดแต่ก็ยังคงมีหลายภูมิภาคภายในจักรวรรดิที่ปลูกมันโดยเฉพาะทางใต้เพื่อส่งออกไปนอกจักรวรรดิ” ลินคอล์นอธิบายหลังจากที่ยกน้ำดื่ม ส่วนวินเซนต์นั้นยู่ปากวางช้อนส้อมลงแล้วกอดอก

“ฝิ่นไม่เป็นสารเสพติดนะครับองค์ชาย!” วินเซนต์โต้เถียง

“สำหรับขุนนางหลายคนอาจจะคิดเช่นนั้น แต่ตามเนื้อหาในหนังสือมันเป็นสารเสพติดนะซึ่งเรากำลังคิดอยู่ว่าเมื่อไหร่องค์จักรพรรดิจะเพิ่มกฎหมายเกี่ยวกับฝิ่นเสียที ประโยชน์มันมีเรารู้ในทางกลับกันมันเองก็มีโทษซึ่งขุนนางส่วนใหญ่มักจะใช้ทางด้านโทษมากกว่านำไปใช้ให้เกิดประโยชน์” เขาอธิบายให้ฟัง

“จริงค่ะ ฉันเห็นด้วยบางครั้งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นปัญหาค่ะ!” ไอวี่รีบกลืนอาหารก่อนที่จะเสริมทันควัน วินเซนต์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าถึงแม้จะแสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ทว่าเจ้าตัวกลับตั้งใจสิ่งที่ลินคอล์นพูดอย่างดีเลยทีเดียวเชียว ที่นี่แปลกดีเด็กห้าขวบมานั่งหารือและถกเถียงอะไรกับเด็กสิบหกล่ะเนี่ย

ผมนั่งทานข้าวเงียบๆพลางกวาดสายตามองรอบๆไปพลาง ระหว่างนั้นทำให้ผมได้เห็นสายตามากมายหลากหลายจดจ้องมาที่โต๊ะของผม แน่นอนว่าร้อยละเจ็ดสิบห้าจากสายตาเหล่านั้นพากันแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจที่ลินคอล์นจะมาเรียนที่นี่ แต่ทำอะไรมากไม่ได้เพราะมีผมนั่งอยู่ด้วย

ลินคอล์นเขาผิดอะไรนักหนาถึงได้พากันเกลียดไม่หยุด เรื่องข่าวที่ผมถูกใส่ร้ายว่าเป็นกาลกิณีก็ไม่ได้แพร่งพรายออกไปสู่โลกภายนอก รับรู้กันแค่ในวังก็เท่านั้นเพราะมาดามนั้นไม่ยอมให้หลุดออกไปโดยเด็ดขาดเดี๋ยวจะมีคนเข้าใจพี่ชายตัวร้ายของผมคนนี้ในเชิงลบมากกว่าเดิม

“องค์จักพรรดิทรงคิดอะไรอยู่กันถึงได้ให้องค์ชายผู้นั้นมาลองเรียนที่นี่” เสียงซุบซิบดังขึ้น ว่าไม่ทันขาดคำพวกคำติติงนินทาก็เริ่มขึ้นแล้ว ถึงแม้พี่ชายของผมเขากำลังพูดคุยกับวินเซนต์อยู่ก็ตามใช้ว่าเสียงคำครหาจะถูกกลบไปได้

“คงไปบีบบังคับองค์ชายสองผู้แสนน่าสงสารของพวกเราน่ะสิ เห็นว่ามาวันแรกก็ก่อวีรกรรมเข้าให้แล้วต้องลำบากให้เจเอ็นเข้าไปช่วยออกมา ถ้าไม่ได้เธอคงสร้างปัญหาให้ที่นี่มากกว่านี้แน่” วงสนทนาเริ่มเพิ่มมากขึ้น ผมที่นั่งฟังถึงกับขมวดคิ้ว

ใครคือเจเอ็นกัน?

รุ่นน้องที่ท่านพี่บอกอย่างนั้นเหรอแสดงว่าคงไม่ธรรมดาสินะ ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ก็มีบุคคลใหม่ๆที่ผมนั้นไม่รู้จักเพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่ตอนนี้ค่อยให้ความสนใจมันทีหลังผมต้องหาทางจัดการกับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ก่อน มันต้องมีสักวิธีสิที่ไม่ทำให้พี่ผมเดือดร้อนไปมากกว่านี้

จนกระทั่งไอวี่พูดขึ้นมา “องค์ชายไปสนามเด็กเล่นกันดีหรือไม่คะ ฉันอยากไปเล่นค่ะกินแล้วรู้สึกมีพลังมากเลย” เด็กสาวเชิญชวนได้ถูกจังหวะพอดิบพอดี ผมเห็นโอกาสจึงพยักหน้าลินคอล์นที่ได้ยินจึงหยุดสนทนาและหันมาให้ความสนใจ

“โถ่ ผมยังอยากจะคุยกับองค์ชายต่อนะ ไอวี่เนี่ยวันๆก็คิดแต่จะเล่น” วินเซนต์แสดงท่าทางที่ไม่พึงพอใจออกมา ต่างจากไอวี่ที่ไม่สนใจไยดีท่าทีของเขาเลยสักนิดเดียว

“ถึงคิดแต่ละเล่นแต่ตอนทำแบบทดสอบฉันได้คะแนนมากกว่านายก็แล้วกัน” เธอสวนกลับพลางกอดอกยิ้มเยาะเย้ยอีกฝ่าย ทำเอาวินเซนต์เงียบไปผ่านไปเพียงครู่เดียวก็โวยวายออกมาตามประสา ทางด้านไอวี่หัวเราะลั่นและแลบลิ้นใส่ก่อนจูงมือผมกับพี่ชายพาออกไป

ยามมาถึงสนามเด็กเล่นและบริเวณพักผ่อนของสถาบันผู้คนมากหน้าหลายตาต่างพากันมารวมตัวที่นี่เพื่อพักผ่อนหย่อนใจก่อนที่คาบเรียนช่วงบ่ายจะเริ่มต้นขึ้น นี่คงเป็นอีกข้อดีของสถาบันที่ผู้ปกครองหรือเหล่าขุนนางผู้เป็นพ่อแม่นั้นไว้ใจให้เด็กๆมาเรียนกันที่นี่

บรรยากาศเรียกได้ว่าดีเลยทีเดียวอากาศกำลังดีไม่ร้อนมากจนเกินไป ไอวี่เอ่ยปากเรียกผมเชื้อเชิญให้ไปเล่นด้วยกันแน่นอนว่าผมไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว ตอนนี้ผมเพิ่งจะห้าขวบถึงแม้เด็กๆจะเริ่มพากันเรียนและศึกษาหาความรู้ กระนั้นเด็กวัยเช่นพวกเรานั้นก็ยังคงต้องสนุกไปตามวัย

ก่อนที่โตขึ้นจะไม่ได้ใช้ความสนุกและความสุขเหล่านี้อีก ช่วงระยะเวลานี้คือช่วงระยะเวลาที่ควรจะกอบโกยให้ได้มากที่สุดเนื่องจากไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคิดอะไรมากมาย ทำเอานึกถึงตอนที่พี่ชายผมเคยพูดไว้เลยแฮะ เก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้เยอะๆไม่งั้นมันก็จะไม่มีอีกเพราะเราย้อนเวลากลับมาไม่ได้อีกแล้ว

“ฮ่าๆ ขอบคุณนะคะองค์ชาย แกว่งแรงกว่านี้อีกได้หรือไม่คะ” เด็กสาวเรือนผมสีน้ำตาลเปล่งเสียงหัวเราะสดใสพร้อมรอยยิ้ม ตอนนี้ตาเธอเล่นชิงช้าแล้วหลังจากที่เสียสละให้ผมได้มีโอกาสเล่นก่อน พอได้รับสิทธิพิเศษจากการเป็นองค์ชายบ่อยๆบางทีก็ไม่ชินแฮะ

“องค์ชายครับแกว่งให้ผมด้วยสิ!” วินเซนต์ที่นั่งรออยู่ด้านข้างเขย่าขาสั้นๆเป็นการเรียกผมให้ไปหา

“ได้ครับ เดี๋ยวผมไปแกว่งให้เดี๋ยวนี้แหละ ฮึบ!” ว่าจบผมก็จัดการแกว่งให้เจ้าตัวทันที ซึ่งหนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกันผมว่าผมแข็งแรงอยู่นะทำไมอยู่ดีๆอ่อนปวกเปียกล่ะ

ระหว่างที่แกว่งอยู่นั้นจู่ๆวินเซนต์ก็ได้ถามคำถามผมหนึ่งอย่างขึ้นมา “ปกติอยู่ที่วังนอกจากเรียนแล้วองค์ชายได้เล่นอะไรแบบนี้กับองค์ชายลินคอล์นหรือไม่ครับ” ผมที่ได้ยินถึงกับสะอึก เงียบไปชั่วครู่หนึ่งแล้วค่อยส่ายหน้าปฏิเสธไป

“ผมกับท่านพี่ไม่เคยเล่นอะไรแบบนี้ด้วยกันเลยครับ” ผมให้คำตอบปะปนน้ำเสียงเศร้าสร้อย ทั้งสองที่ได้ยินนั้นก็ทำท่าทางเสมือนว่าไม่เชื่อรูหูของตนเอง แต่เรื่องที่ผมตอบไปนั้นเรื่องจริงนะส่วนหนึ่งเลยที่ไม่ได้เล่นอะไรแบบนี้กันเพราะลินคอล์นเขาถูกนำตัวไปอยู่ที่วังหลัง

อีกทั้งองค์จักรพรรดิผู้เป็นพ่อยังกำชับและให้องครักษ์คอยดูแลรอบวังผมอย่างเข้มงวด ดังนั้นการไปหาลินคอล์นได้ก็ถือว่ามากเพียงพอแล้ว พอไปถึงก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการอ่านหนังสือ ไม่ก็ให้ลินคอล์นท่องตำราเวทย์หรือประวัติศาสตร์ให้ฟัง

ผมกับพี่ชายมีเรื่องสนุกๆเช่นนี้ในวัยเด็กน้อยมาก ส่วนใหญ่จะอยู่กันแต่ในห้องสมุดเสียซะมากกว่าถึงแม้ตอนนี้เจ้าตัวจะได้กลับมาอยู่ที่วังเจสเปอร์หมือนเดิมแล้วก็ตาม ทว่าท่านพ่อยังคงคอยจับตาดูผมกับพี่ชายอยู่เสมอๆ เฝ้าดูว่าลินคอล์นจะทำอะไรผมรึเปล่า

“ถ้ามีโอกาสอยากจะเล่นด้วยกันหรือไม่คะองค์ชาย” ไอวี่ชะลอชิงช้าให้แกว่งช้าลงและหันมาถาม “ฉันไม่ค่อยรับรู้เรื่องในวังเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่รู้เลยคือการได้ใช้ชีวิตสนุกๆกับครอบครัวมันดีมากเลยนะคะ ก่อนที่จะมาเรียนที่นี่ฉันมักจะเล่นกับพี่สาวบ่อยๆ มันมีความสุขสุดๆไปเลยล่ะค่ะ”

“ผมก็เห็นด้วยนะ ผมเองก็คิดว่าองค์ชายหนึ่งท่านไม่ได้แย่เลย ท่านดูรักองค์ชายเทรย์เวอร์มากเลยนะครับจนผมเองอยากจะมีพี่บ้างเช่นเดียวกัน” วินเซนต์ฉีกยิ้มตามประสาเด็ก ทางด้านผมที่ได้ยินประโยคเหล่านี้ก็ใจชื้นขึ้นมา

“หากมีโอกาสแน่นอนว่าผมคงตอบว่าเล่นอย่างไม่ลังเลเลยล่ะ ผมขอบคุณทั้งสองคนมากเลยนะที่ไม่เกลียดพี่ชายผมเช่นคนอื่น” ผมก้มหน้าขณะที่มือยังคงแกว่งชิงช้าให้เด็กหุน่มตัวน้อยที่เป็นเพื่อนผม “เพราะคนอื่นๆมักจะบอกว่าคนเช่นท่านพี่ไม่ควรมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ตั้งแต่แรก”

ไอวี่ส่ายหน้า “ไม่หรอกค่ะ องค์ชายลินคอล์นน่ะเป็นคนที่ดีสุดๆไปเลยคนที่พูดเช่นนั้นกับองค์ชายลินคอล์นก็คงมีแต่คนไร้หัวคิด” ถ้าไอวี่พูดแบบนั้นคงมีคนในจักรวรรดิมากมายที่เป็นคนไร้หัวคิดโดยเฉพาะคนในวังเพราะผู้คนเหล่านั้นทำร้ายจิตใจพี่ชายผมมากมาย

ถ้าผมไม่สู้เพื่อว่าที่ตัวร้ายคนนี้ แล้วใครเล่าจะสู้เพื่อเขาอีก

จังหวะนั้นก็มีเสียงดังเกิดขึ้นบริเวณม้านั่งใต้ต้นไม้ที่ไม่ห่างไกลจากผมเท่าไหร่นัก พวกผมทั้งสามคนหันไปมองด้วยความตกใจก่อนภาพตรงหน้าจะปรากฏเป็นพี่ชายของผมที่ถูกรายล้อมด้วยกลุ่มเด็กนักเรียนชาย ผมชะลอชิงช้าของวินเซนต์ทันทีก่อนละมือออกวิ่งเข้าไปทางลินคอล์นทันที

เมื่อผมเข้าไปใกล้ก้พบว่ามีเด็กนักเรียนชายสองสามคนกำลังนอนโอดโอยอยู่กับพื้นอยู่ ขณะที่เด็กหนุ่มผู้ครอบครองใบหน้าหล่อเหลาคมคายและมีเรือนผมสีชมพูนั้นกำลังยืนมองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง มือข้างหนึ่งปรากฏเป็นไอเวทย์ที่หมุนเวียนไปมารอการใช้งาน

“นี่แกกล้าทำเช่นนี้กับพวกเราได้อย่างไรกัน เรื่องนี้จะต้องถึงหูอาจารย์ใหญ่แกโดนเฉดหัวส่งกลับวังแน่องค์ชายนอกคอกและพาน้องชายที่ไร้ประโยชน์ของแกกลับไปด้วย!” เสียงขู่ของเด็กหนุ่มร่างใหญ่ดังกึกก้องท่ามกลางคนที่เหลือที่พยักหน้าเห็นด้วยเต็มที่

“ท่าน...ท่านพี่” ผมเอ่ยเรียกและพยายามเข้าไปใกล้

ทว่าลินคอล์นกลับไม่ได้ยินเสียงผมเลยสักนิด สีหน้าของเจ้าตัวมืดและอึมครึมมากกว่าเดิมพลางชูมือที่มีการควบคุมไอเวทย์ไว้ขึ้นไปทางเจ้าของประโยคเมื่อก่อนหน้านี้ ปากของเด็กหนุ่มร่างใหญ่ถูกบังคับให้หุบเงียบไว้ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างตัวเริ่มสั่นเทิ้มด้วยความกลัวจากตอนแรกที่ดูห้าวหาญนัก

“จะครหา จะด่าหรือจะทำอะไรเราแน่นอนว่าเราไม่เคยว่าเพราะเรารู้ตัวดีว่าเราไม่ได้มีเกียรติให้เคารพถึงขนาดนั้น แต่น้องชายเราคือว่าที่องค์รัชทายาทและในอนาคตเขาจะเป็นผู้ปกครองจักรวรรดินี้ แกไม่มีสิทธิ์มาด่าน้องชายเราว่าไร้ประโยชน์หรอกนะ” นัยน์ตาที่หมองหม่นจนน่ากลัวจดจ้องไปที่คนที่ถูกควบคุมพร้อมกับน้ำเสียงเฉยชาราวกับไร้ความรู้สึก

“อึก-!” คนที่ถูกควบคุมพยายามดิ้นพล่าน ในขณะที่เด็กคนอื่นๆนั้นพยายามช่วยแงะปากของเขาต่อให้ใช้เวทย์ที่เรียนมาร่ายแก้ก็ไม่ได้ผล ที่เป็นแบบนั้นเพราะพวกเขาใช้เวทย์เก่งสู้ลินคอล์นที่เป็นอัจฉริยะด้านนี้ไม่ได้อย่างไรล่ะ

“พวกแกบอกว่าจะไปบอกอาจารย์ใหญ่ใช่หรือไม่ ก็ดีเลย พอไปถึงเล่าเรื่องที่แกพูดถึงน้องชายเราให้อาจารย์ใหญ่ฟังด้วยล่ะ มาดูกันว่าระหว่างองค์ชายสองผู้เป็นดั่งแสงสว่างของจักรวรรดิกับเด็กที่ปากไม่มีหูรูดเช่นแก อาจารย์ใหญ่จะเลือกให้ใครเป็นฝ่ายผิด” เขากดเสียงต่ำจนคนได้ยินเริ่มหวาดผวา นัยน์ตาเริ่มรื้นคล้ายจะร้องไห้ออกมา

ในใจผมตอนนี้อยากจะปรบมือให้ดังลั่นชะมัด พี่ชายผมแม่งอย่างเท่อะ ในที่สุดพี่ก็ไม่เกรงใจคนอื่นสักทีถึงแม้จะเป็นเพราะเรื่องของผมก็เถอะ

 

 

 

_____