อกหักมาตั้งไม่รู้กี่รอบก็ไม่ตายสักที แต่หัวใจก็ชักบอบช้ำเกินทน ดังนั้นเขาจึงเลือกมอบหัวใจให้ใครคนหนึ่งดูแล

ฝากหัวใจให้คุณดูแล - 01 ตอนที่ 1 โดย ที่รักของพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,ไทย,โรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ฝากหัวใจให้คุณดูแล

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรแมนติก

รายละเอียด

อกหักมาตั้งไม่รู้กี่รอบก็ไม่ตายสักที แต่หัวใจก็ชักบอบช้ำเกินทน ดังนั้นเขาจึงเลือกมอบหัวใจให้ใครคนหนึ่งดูแล

ผู้แต่ง

ที่รักของพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

ฝากหัวใจให้คุณดูแล -00 บทนำ,ฝากหัวใจให้คุณดูแล -01 ตอนที่ 1,ฝากหัวใจให้คุณดูแล -02 ตอนที่ 2,ฝากหัวใจให้คุณดูแล -03 ตอนที่ 3,ฝากหัวใจให้คุณดูแล -04 ตอนที่ 4,ฝากหัวใจให้คุณดูแล -05 ตอนที่ 5 (จบ)

เนื้อหา

01 ตอนที่ 1

ตอนที่ ๑

 

         “คนนี้เพื่อนพี่ ชื่อลี อายุยี่สิบแปดปี ปัจจุบันทำงานเป็นเอชอาร์อยู่บริษัทเดียวกับพี่ โสดมาก”

         ลิขิตเหล่เพื่อนเล็กน้อยเพราะท่าทางพร้อมขายเขาเต็มที่สมกับตำแหน่งเซลล์ตัวท็อปของบริษัท ทว่าดูเหมือนปรายฟ้าน้องสาวของโปรดปรานก็พร้อมขายเพื่อนมากเหมือนกัน

         “ส่วนยัยคนนี้ชื่อเพชร อายุยี่สิบห้าปี เป็นพนักงานขายร้านกระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรูหราหมาเห่า พูดกับลูกค้าเก่ง แต่พูดกับผู้ชายไม่เก่งเท่าไรค่า” ปรายฟ้าหัวเราะเสียงใส แม้จะถูกเพื่อนแอบหยิกอยู่ใต้โต๊ะก็ตามที

         แล้วเขากับอวิกาก็สบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย สีหน้าของพวกเขาคงแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต่างฝ่ายต่างเขินมากพอดู

         “ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ฝ่ายสุภาพบุรุษอย่างเขาจึงเอ่ยปากทักทายก่อน

         “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”

         “รู้จักกันไว้ไม่เสียหลายเนอะ” ปรายฟ้ายิ้มกว้างกับพี่ชาย

         “คิดงั้นเหมือนกัน รู้จักกันไว้ไม่เสียหลาย” โปรดปรานที่อาสาหาสาวให้เขา ทั้งที่แค่บ่นออกไปอย่างไม่คิดอะไรแท้ๆ

          ตลอดช่วงเวลาที่นั่งกินดื่มฟังเพลง เขากับอวิกาพูดน้อยมาก แน่นอนว่าเป็นเพราะยังไม่รู้สึกคุ้นเคยกัน แถมอีกฝ่ายก็คุยกับผู้ชายไม่เก่งอย่างเพื่อนบอกไว้จริงๆ ทว่าสุดท้ายก็แลกช่องทางการติดต่อกันเอาไว้

         แต่...ไม่มีใครโทรหรือส่งข้อความหากันเลย จนผ่านไปเป็นเดือนๆ กระทั่งถึงงานแต่งของมาริษา หญิงสาวที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมและยังเป็นคนที่เขารัก ทว่าตอนนี้ความรักของเขาก็ดำเนินมายังจุดสิ้นสุดแล้ว

         “ยินดีด้วยนะษา” เขากล่าวแสดงความยินดีกับเจ้าสาวซึ่งกำลังยืนรับแขกด้วยสีหน้าท่าทางมีความสุขข้างเจ้าบ่าวที่ใครๆ ต่างก็บอกว่าแสนเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก

         “ขอบคุณนะลี คราวหน้าต้องเป็นงานลีบ้างนะ”

         “อาจจะละมั้ง” เขารู้ว่าเพื่อนก็แซวไปอย่างนั้นเอง จึงไม่ได้คิดอะไรมาก ก่อนจะยืนให้ช่างภาพเก็บภาพเขากับบ่าวสาวไว้เป็นที่ระลึก

         มาริษานั้นต้องต้อนรับแขกอีกมากมาย ดังนั้นเขาจึงรีบเดินจากมา เพื่อมาร่วมกลุ่มกับเพื่อนๆ สมัยมัธยมที่บางคนไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว

         “ไอ้ผู้ใหญ่ลีอกหักเป็นไงบ้าง นางมาโดนคนอื่นคว้าไปแล้ว” เพื่อนๆ ต่างหัวเราะอย่างครื้นเครง เพราะสมัยก่อนเขากับมาริษามักถูกล้อว่าเป็นแฟนกันก็เพราะชื่อของเขานี่แหละ

         “พวกมึงเลิกเหอะวะ จะล้อกูกับษาไปจนแก่เลยหรือไง” ลิขิตทำเสียงรำคาญเพื่อน แต่คนอื่นไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด สุดท้ายก็ยังล้อไม่เลิกจนชายหนุ่มต้องปล่อยให้ล้อจนพอใจ

         ความจริงเพื่อนๆ ก็ล้อกันไปเรื่อย โดยที่ไม่รู้หรอกว่าเขาน่ะชอบมาริษาอยู่จริงๆ มีเพียงโปรดปรานและเพื่อนอีกคนที่แชร์บ้านกันอยู่เท่านั้นแหละที่รู้ว่าเขาชอบหญิงสาว เพราะเคยเผลอเมาแล้วพล่ามออกมาจนหมดเปลือก

         ดังนั้นวันนี้แม้ว่าเขาจะเมา แต่จะไม่ยอมให้ตัวเองพล่ามไปเรื่อยอีก พอเริ่มมึนก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ก่อนหนีไปเรียกรถรับจ้างจากแอปฯ แล้วกลับบ้าน

         ทว่าสุดท้ายแล้ว...

เขาก็เผลอไปพล่ามให้ใครบางคนที่โทรหาเขาฟังเข้าน่ะสิ!

*****

         วันไหนที่งอนกับแฟนจนไม่อยากเห็นหน้า ปรายฟ้าก็จะหนีมานอนค้างที่คอนโดของอวิกา และทุกครั้งก็จะมาพร้อมกับของกินเต็มไม้เต็มมือ ถือเป็นค่าเช่าพื้นที่บนเตียงหนึ่งคืน

         “งอนอะไรกันอีกเหรอ” อวิกาเอ่ยถามพลางทาครีมลงบนหน้าของตัวเอง

         “ก็จับได้น่ะสิว่าอีคุณแฟนแชตคุยกับแฟนเก่า” ปรายฟ้าเบะปากก่อนจะเล่า

         “เหรอ ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นล่ะ”

         “ตอนแรกยัยนั่นแชตมาปรึกษาเรื่องงาน เพราะพวกเขาทำงานสายไอทีเหมือนกัน ตอนหลังก็คุยตั้งแต่เรื่องดินฟ้าอากาศยันเรื่องหมาแมว แล้วยัยแฟนเก่าก็ดันชวนคุยถึงอดีต แล้วถามว่าอยากจะกลับมาคบกันไหม แต่แฟนเรายังไม่ตอบนะ ถ้าไม่อยากกลับไปคบก็ต้องตอบไปแล้ว แสดงว่านี่คงลังเลอยู่”

         “แล้วถ้าแฟนแกเขาตอบว่าไม่อยากกลับไปคบล่ะ”

         “จะตอบว่าอะไร เราก็รอเวลาเลิกจ้า ก่อนคบเรากับแฟนตกลงกันแล้วว่าจะไม่กลับไปคุยกับแฟนเก่าของตัวเองเด็ดขาด เราถึงกับบล็อกแฟนเก่าเราทุกทางเลยนะ แล้วดูมันทำตัวสิ วันนี้ยังไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน วันหน้าก็อย่าหวัง”

         “ตัดใจง่ายขนาดนี้ แกมีคนมารอต่อคิวเป็นแฟนใหม่แล้วใช่เปล่าเนี่ย”

         “ว้าย! รู้ดี สมกับเป็นเพื่อนกันมานาน น้องใหม่ที่แผนกเราเอง ชอบหน้าแดงเวลาที่เรามอง เลิกกับแฟนเมื่อไร ถ้าน้องเขาไม่กล้าจีบเรา เดี๋ยวเราจีบน้องเขาเอง”

         “ทำไมเวลาแกหาแฟน มันดูง่ายจัง”

         “อยากมีแฟนล่ะสิ ถ้าอยากมีแฟนก็โทรหาพี่ลีเขาสักที” ตั้งแต่ปรายฟ้ากับโปรดปรานแนะนำคนทั้งคู่ให้รู้จักกัน นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว

         อวิกานึกถึงชายหนุ่มที่หน้าตาดีพอสมควร แต่หุ่นสูงโปร่งไหล่กว้างแบบที่เธอชอบ แล้วก็หน้าแดงขึ้นมา โชคดีที่กำลังทาครีมปรายฟ้าจึงไม่รู้ว่าเธอกำลังเขิน

         “พี่เขาคงมีแฟนไปแล้วมั้ง”

         “ยังจ้า ยังไม่มี พี่โปรดรับรองได้” ปรายฟ้าทำหน้าเจ้าเล่ห์ “เพชรปลดล็อกมือถือแกหน่อย เรามีอะไรจะทำให้ดู”

         หญิงสาวรับโทรศัพท์ตัวเองที่เพื่อนยื่นมาให้แล้วปลดล็อกแบบงงๆ “จะทำอะไรเหรอ”

         “อ๋อ จะโทรหาพี่ลีให้แกไง” ปรายฟ้ากดหาเบอร์ลิขิตด้วยความเร็วและโทรออก ก่อนจะวิ่งหนีอวิกาออกไปนอกห้องนอน

         “ยัยปราย! อย่าเล่นแบบนี้” อวิกาวิ่งไล่จับเพื่อนไปรอบห้อง แต่ก็จับไม่ได้

         “พี่ลีรับสายแล้ว” ปรายฟ้าส่งโทรศัพท์คืนเพื่อนและทิ้งให้
อวิกายืนทำหน้าเหวออยู่ตามลำพังที่กลางห้อง ส่วนตัวเองหนีกลับเข้าห้องนอน

         เสียงของลิขิตที่ดังให้ได้ยินว่า ฮัลโหลๆ ได้ยินผมไหมครับ คุณเพชร ทำให้เธอต้องแนบโทรศัพท์กับใบหูและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ

         “ค่ะ คุณลี เพชรเอง”

“ดีใจที่คุณโทรมานะครับ ผมกำลังอยากหาคนคุยด้วยอยู่พอดี คุณเพชรว่างคุยกับผมไหมครับ” แม้จะรู้สึกว่าเสียงของเขาฟังดูยานคางนิดๆ แปลกๆ แต่หญิงสาวก็รู้สึกดีใจที่เขายินดีกับการที่เธอโทรหา (แม้ว่าความจริงจะเป็นยัยปรายที่โทรก็เถอะ)

“ว่างค่ะ คุยได้เลยค่ะ”

“ถ้าจะให้เล่าก็คงยาวหน่อยนะครับ”

“ยาว เพชรก็ฟังได้ค่ะ” อยู่ๆ เธอก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อย อยากรู้นักว่าเขาจะเล่าเรื่องอะไรให้เธอฟัง

*****

         น้ำเสียงอ่อนหวานของหญิงสาวปลายสายที่บอกว่ายาวก็ฟังได้ ราวกับกดปุ่มสวิตช์บางอย่างในตัวของลิขิต ชายหนุ่มที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ปลายเตียงทิ้งตัวนอนราบไปกับที่นอนพลางเอ่ย...

         “วันนี้ผมไปงานแต่งของเพื่อนสนิทมาครับ ถ้าเป็นแค่เพื่อนสนิททั่วไปผมก็คงไม่รู้สึกเศร้าเสียใจหรอก แถมยังจะยินดีกับเพื่อนด้วย แต่เพื่อนสนิทคนนี้ ดันเป็นคนที่ผมแอบชอบอยู่ครับ”

         ลิขิตรู้สึกว่าอีกฝ่ายเงียบกริบ จึงถามออกไปเพื่อเช็กว่าอวิกายังคงอยู่ในสาย

         “คุณเพชรยังอยู่หรือเปล่าครับ”

         “ฟังอยู่ค่ะ” เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานฟังรื่นหูเหมือนเมื่อครู่ “เพื่อนสนิทเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ”

         “ผู้หญิงครับ”

         “ค่ะ เชิญคุณลีเล่าต่อได้เลยค่ะ”

         ชายหนุ่มที่อยู่ในอาการเมามายนิ่งไปเล็กน้อย เพราะกำลังหวนนึกถึงความหลัง เมื่อครั้งได้เจอกับมาริษาเป็นครั้งแรก

         “พวกเรารู้จักกันครั้งแรกตอนเรียน ม.4 อยู่ห้องเดียวกันน่ะครับ แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไม อาจารย์เกือบทุกวิชาชอบจับกลุ่มให้ผมกับเธอได้อยู่กลุ่มเดียวกัน ผมกับเขาก็เลยสนิทกันไปโดยปริยาย เพราะต้องทำงานด้วยกันบ่อยๆ แล้ววันหนึ่งพอเริ่มมีคนเรียกผมว่าผู้ใหญ่ลี เพราะผมเป็นหัวหน้าห้อง” เขาได้ยินเสียงเธอหัวเราะเบาๆ

         “เพื่อนเรียกน่ารักดีนะคะ”

         ลิขิตยิ้มบาง เมื่อหวนนึกถึงช่วงเวลาเหล่านั้น “ถ้าเรียกผมแค่ผู้ใหญ่ลีคนเดียวก็คงน่ารักดีครับ แต่พอมีผู้ใหญ่ลีแล้วก็ต้องมีนางมาด้วยน่ะสิครับ แล้วเพื่อนสนิทของผมก็ดันชื่อจริงว่ามาริษาพอดี ทีนี้ก็เลยกลายเป็นคู่ผู้ใหญ่ลีกับนางมา แถมอาจารย์ประจำชั้นก็จับผมกับเธอถือพานวันครูด้วยกันอีก เลยยิ่งถูกล้อสนุกปากไปกันใหญ่ แรกๆ ก็รำคาญ แต่หลังๆ กลายเป็นว่าผมชอบที่ถูกเพื่อนจับมาคู่กัน เพราะเด็กผู้ชายคนอื่นเข้าใจว่าผมกับเธอเป็นแฟนกันเลยไม่ค่อยมีคนมาจีบเขา ทั้งๆ ที่เป็นคนที่หน้าตาน่ารักมากคนหนึ่งในโรงเรียน”

         “ชอบเขาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วเหรอคะ”

         “อาจจะมั้งครับ แต่กว่าจะรู้ตัวจริงๆ ว่าชอบยัยนั่นก็เป็นตอนที่เข้าเรียนมหา’ลัยแล้วครับ เพราะเขามีแฟนคนแรก ผมถึงได้รู้ซึ้งว่าอกหักเป็นยังไงก็ตอนนั้นแหละครับ”

         “ทำไมไม่สารภาพไปล่ะคะว่าชอบเธอ”

         “พูดมันง่าย แต่พอจะทำจริงมันยากน่ะสิครับ เพราะผมกับเธอสนิทกันจนเกินไป สนิทขนาดที่ว่าไปเที่ยวกันสองคน นอนห้องเดียวกันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาไว้ใจผมมากในฐานะเพื่อน ถ้าบอกไปแล้วไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันก็คงมองหน้ากันไม่ติดแน่ๆ”

         “นั่นสิคะ อาจจะเป็นอย่างที่คุณลีว่าก็ได้ เพราะไม่มีอะไรมาการันตีว่าจะใจตรงกัน”

         “จริงครับ เพราะอย่างนั้นผมถึงต้องทนเห็นเขาเลิกกับแฟนแล้วก็คบคนใหม่ที่ไม่ใช่ผมวนไปเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด พอเขาเลิกกับแฟนก็ดีใจ สุดท้ายอีกไม่นานก็จะมีแฟนใหม่ที่ไม่ใช่ผม” ลิขิตเริ่มสะอื้นงอแงเบาๆ

         “โอ๊ะๆ อย่าร้องสิคะคุณลี”

         “ผมไม่ร้องหรอกครับ” แต่เสียงที่ตอบเธอไปนั้นกลับสั่นเครือมาก “แต่ตอนนี้มันถึงจุดสิ้นสุดแล้วล่ะครับ เพราะนางมาของผมเขาแต่งงานไปแล้ว”

         ปลายสายนั้นฟังเขาร้องไห้เงียบๆ และพูดเพ้ออะไรที่ฟังไม่ได้ศัพท์อยู่อีกหลายสิบนาที จนกระทั่งเขาหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาในตอนสาย

         ลิขิตนั่งมึนงงอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะยกมือขึ้นกุมขมับ “นี่มันเรื่องห่าเหวอะไรวะเนี่ย” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูบันทึกการโทรเข้าโทรออก อวิกาเป็นฝ่ายโทรมาและคุยกับเขาอยู่เป็นชั่วโมง

         ความจำที่เลือนรางค่อยๆ ชัดเจนขึ้น เขาพล่ามเรื่องมาริษาให้อวิกาฟังไปแทบหมด อุตส่าห์รีบหนีกลับมานอนแล้วแท้ๆ เชียว ก็ยังหยุดให้เขาพล่ามเวลาเมาเอาไว้ไม่ได้

         แต่ก็โชคดีที่อีกฝ่ายเป็นอวิกา หญิงสาวคงไม่เอาไปเล่าให้คนอื่นฟังต่ออย่างแน่นอน อย่างมากก็อาจจะเล่าให้ปรายฟ้า น้องสาวของโปรดปรานฟัง ไม่ต้องกลัวว่าเพื่อนของเขาจะรู้ เพราะมันนั้นรู้อยู่แล้ว

         ชายหนุ่มลุกขึ้นเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำที่ใช้ร่วมกับโปรดปราน ส่วนห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัว เป็นห้องของเพื่อนอีกคนที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ซึ่งแบ่งปันให้พวกเขามาเช่าอยู่ด้วยกัน

         “อ้าว! วันนี้ทำไมมึงตื่นเช้าแท้วะ” ลิขิตเอ่ยปากทักเพื่อนเจ้าของบ้านที่มักจะตื่นสายเพราะทำงานฟรีแลนซ์อยู่กับบ้าน

         สรัลหัวเราะ “เช้าห่าอะไร นี่เกือบจะเที่ยงแล้วไอ้คุณลี”

         ลิขิตถอนหายใจเฮือกใหญ่ “มิน่าปวดหัวฉิบหาย” เขาเดินผ่านเพื่อนไปยังห้องน้ำ ไหนๆ ก็สายป่านนี้แล้ว เดี๋ยวอาบน้ำจนตาสว่างค่อยโทรไปลางาน

         ซึ่งหลังจากน้ำเย็นๆ ช่วยเรียกสติสตางค์กลับมาจนครบ เขาก็โทรไปลางาน ผู้จัดการไม่ได้ต่อว่าต่อขานอะไรแม้แต่นิดเดียว เพราะปกติลิขิตไม่เคยเหลวไหล พอเห็นเขาไม่มาทำงานโดยไม่บอกกล่าวก็คิดแล้วว่าคงป่วยกะทันหันแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงตามน้ำไปว่าป่วย

         นอกจากนี้แล้วเขาก็รู้สึกผิดกับอวิกาเป็นอย่างมากที่ไปรบกวนเธออยู่เกือบชั่วโมงเศษๆ ดังนั้นเมื่อกินมื้อเที่ยงอย่างข้าวผัดที่สรัลทำและแบ่งเอาไว้ให้จนเรียบร้อยแล้วก็ตั้งใจจะโทรไปขอโทษ

         ทว่าพอนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้อวิกาน่าจะกำลังทำงานอยู่ พนักงานขายอย่างเธอน่าจะไม่สะดวกคุยในระหว่างทำงานอย่างแน่นอนและเขาก็ไม่ได้คิดจะขอโทษแบบผ่านๆ ด้วย พอคิดใคร่ครวญได้อย่างนั้นแล้วก็สรุปว่าจะโทรไปหาเธอในช่วงเวลาประมาณเดียวกับเมื่อคืน เพราะมั่นใจว่าอีกฝ่ายน่าจะว่างคุยกับเขาอย่างแน่นอน

         ลิขิตฆ่าเวลาในช่วงบ่ายด้วยการทำความสะอาดบ้าน เอาเสื้อผ้าออกมาซักและรีดเสื้อเชิ้ตสำหรับใส่ไปทำงานกับกางเกงแต่ละตัวด้วยตัวเอง

         ส่วนช่วงเย็นโปรดปรานที่รับปากว่าจะแวะซื้อมื้อเย็นมาฝาก ก็กลับมาพร้อมอาหารตามที่เขากับสรัลส่งข้อความไปบอกให้ซื้อมากิน แต่พวกเขาไม่ได้นั่งกินด้วยกัน เพราะไม่ได้หิวพร้อมกัน ต่างคนก็ต่างกินคนละเวลาตามแต่ใครจะสะดวก

         เมื่อเวลาที่ควรจะโทรหาอวิกามาถึง ลิขิตก็นั่งทำใจอยู่หลายนาที เหมือนกับเด็กที่กลัวความผิด แต่จำต้องสารภาพผิดเพื่อรับโทษ

         ทว่าเขาก็ตัดใจโทรออก...ไปหาอวิกา