อกหักมาตั้งไม่รู้กี่รอบก็ไม่ตายสักที แต่หัวใจก็ชักบอบช้ำเกินทน ดังนั้นเขาจึงเลือกมอบหัวใจให้ใครคนหนึ่งดูแล

ฝากหัวใจให้คุณดูแล - 02 ตอนที่ 2 โดย ที่รักของพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,ไทย,โรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ฝากหัวใจให้คุณดูแล

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรแมนติก

รายละเอียด

อกหักมาตั้งไม่รู้กี่รอบก็ไม่ตายสักที แต่หัวใจก็ชักบอบช้ำเกินทน ดังนั้นเขาจึงเลือกมอบหัวใจให้ใครคนหนึ่งดูแล

ผู้แต่ง

ที่รักของพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

ฝากหัวใจให้คุณดูแล -00 บทนำ,ฝากหัวใจให้คุณดูแล -01 ตอนที่ 1,ฝากหัวใจให้คุณดูแล -02 ตอนที่ 2,ฝากหัวใจให้คุณดูแล -03 ตอนที่ 3,ฝากหัวใจให้คุณดูแล -04 ตอนที่ 4,ฝากหัวใจให้คุณดูแล -05 ตอนที่ 5 (จบ)

เนื้อหา

02 ตอนที่ 2

ตอนที่ ๒

 

         ลิขิตรออยู่หลายอึดใจ สุดท้ายสายก็ตัดไป...

         ชายหนุ่มยกมือขึ้นเกาหัว ไม่รู้ว่าอวิกาไม่อยากรับสายหรือว่าไม่สะดวกที่จะรับสายตอนนี้กันแน่ เขาขอเข้าข้างตัวเองก็แล้วกันว่าเธออาจจะยังไม่สะดวกรับสายตอนนี้

         ในขณะที่กำลังคิดเรื่อยเปื่อย เขาก็ต้องสะดุ้ง! เพราะโทรศัพท์ในมือกำลังสั่นไหวเพราะมีคนโทรเข้า และชื่อที่เขาบันทึกไว้ก็คือเพชร(อวิกา) เพราะมีคนในแผนกชื่อเล่นเหมือนหญิงสาว เขาจึงต้องวงเล็บชื่อจริงเอาไว้ด้วย

         “ฮัลโหลครับคุณเพชร สะดวกคุยกับผมหรือเปล่าครับ”

         “สะดวกค่ะ” เธอยังคงมีน้ำเสียงอ่อนหวานชวนฟังเหมือนเดิม นี่คงเป็นหนึ่งในเสน่ห์ของเธอที่มีผลดีกับงาน เห็นปรายฟ้าบอกเดือนหนึ่งหญิงสาวได้ค่าคอมมิชชั่นจากการขายเยอะกว่าเงินเดือนประจำตำแหน่งเสียอีก

         “ผมขอเวลาไม่มากหรอกครับ ไม่เท่าเมื่อคืนแน่นอน” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

         “ตอนนี้สบายใจขึ้นหรือยังคะ จริงๆ เพชรค่อนข้างตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เงียบอย่างเดียว ตอนที่คุณลีร้องไห้น่ะค่ะ”

         “ไม่เป็นอะไรแล้วครับ ขอบคุณที่ฟังผมระบายความในใจ แล้วก็ผมต้องขอโทษที่รบกวนเวลาของคุณเพชรมากๆ ครับ”

         “ไม่เป็นไรค่ะ คุณลีอย่าคิดมากเลยนะคะ”

         “ไม่คิดมากได้ยังไงล่ะครับ เล่าไปซะหมด” ลิขิตคร่ำครวญ “ตอนนี้คุณเพชรคงคิดว่าผมเป็นแค่ผู้ชายขี้แพ้ที่ไม่ยอมเสี่ยงพูดกับเพื่อนไปตรงๆ ว่ารู้สึกยังไง”

         “ไม่เห็นจะเป็นคนขี้แพ้เลยนี่คะ เรื่องความรักมันไม่มีแพ้ชนะหรอกค่ะ มีแค่จังหวะเวลาที่ใช่หรือไม่ใช่ค่ะ”

         “แต่ในเมื่อเขาแต่งงานไปแล้ว ผมก็คงได้เวลาตัดใจอย่างเด็ดขาดแล้วรอเลี้ยงหลานแหละครับ”

         ในที่สุดอวิกาก็หัวเราะเสียงใสออกมา “นั่นสิคะ คงต้องรอเลี้ยงลูกของเพื่อนแล้วล่ะค่ะ”

         “ถึงยังไงผมก็ยังรู้สึกผิดนะครับ ก็เลยอยากจะขอเลี้ยงอาหารคุณเพชรสักมื้อ ไม่ทราบว่าคุณเพชรจะสะดวกหรือเปล่า”

         “ก็สะดวกนะคะ ส่วนใหญ่เลิกงานแล้วเพชรก็กลับคอนโด ไม่ค่อยได้ออกไปไหน นอกจากไปยิมค่ะ”

         “คุณเพชรชอบอาหารประเภทไหนหรือร้านอาหารแบบไหนเป็นพิเศษ บอกผมได้นะครับ”

         “เพชรเป็นคนกินง่ายค่ะ ได้หมดทุกอย่างเลยค่ะ”

         “ถ้าอย่างนั้นผมจะพาไปร้านที่ผมเคยไปแล้วคิดว่าอร่อยแล้วกันนะครับ”

         “ได้ค่ะ”

         “ถ้ายังไง เป็นพรุ่งนี้เลยได้ไหมครับ เดี๋ยวผมไปรับคุณเพชรที่คอนโด”

         “ได้ค่ะ แต่บอกเพชรสักหน่อยได้ไหมคะว่าเป็นร้านแบบไหน เพชรจะได้เลือกเสื้อผ้าถูก”

         “เป็นร้านอาหารริมคลอง บรรยากาศสบายๆ ครับ”

         “โอเคค่ะ แล้วเจอกันนะคะคุณลี”

         “แล้วเจอกันครับ”

         หลังจากวางสาย ความกังวลก็ถูกยกออกจากอก อวิกาไม่โกรธ แถมยังดูเข้าอกเข้าใจเขาเป็นอย่างดีอีก สมกับที่โปรดปรานเคยบอกเอาไว้ว่าเธอเป็นสาวหวาน ใจดี น่ารัก

*****

         วันนี้อวิกาเลิกงานแล้วก็ตรงกลับคอนโดของตัวเองทันที ไม่ได้แวะที่ไหนเพื่อซื้อมื้อเย็นกลับไปกินเพียงลำพังเหมือนเช่นทุกวัน

หลังหญิงสาวอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมาเป่าผมให้แห้งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรวบผมยาวลอนสีน้ำตาลขึ้นเป็นหางม้า จากนั้นจึงหยิบชุดจัมป์สูทแขนกุดสีเทาอ่อนมาสวม แล้วแต่งหน้าเพียงบางๆ เท่านั้น

เมื่อเหลือบมองดูเวลาว่าใกล้หนึ่งทุ่มตามที่นัดกับลิขิตไว้ อวิกาจึงลงมานั่งรอที่ล็อบบี้ของคอนโด ทว่านั่งเพียงไม่ถึงห้านาทีชายหนุ่มก็โทรมาบอกว่ามาถึงหน้าคอนโดของเธอแล้ว หญิงสาวจึงเดินออกไปขึ้นรถของลิขิตที่เป็นรถเก๋งคันใหม่ป้ายแดง

อวิกายิ้มให้ชายหนุ่มที่เผลอเล่าเรื่องความรักของตัวเองให้เธอฟังทั้งหมดเพราะเมา หลังจากเปิดประตูขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว

“คุณลีเพิ่งซื้อรถใหม่เหรอคะเนี่ย”

“ครับ” ลิขิตยิ้ม “ยังไม่มีใครได้นั่งเลยนอกจากผม”

         “เพชรโชคดีนะคะเนี่ย ได้นั่งรถใหม่ด้วย”

         “ถ้าต้องใช้คันเก่ามารับคุณเพชรคงอายแย่ วันดีคืนดีก็ดื้อไม่ยอมวิ่งซะอย่างนั้นจนต้องส่งซ่อมบ่อยๆ”

         รถคันเก่าของลิขิตนั้นเป็นรถเต่ารุ่นคุณปู่ที่มาริษาชอบเป็นอย่างมาก หญิงสาวตื๊อขอซื้อต่อหลายหนเขาก็ไม่ใจอ่อนขายให้ เพราะเธอจะชอบมาขอนั่งให้เขาขับพาไปไหนมาไหนด้วยกัน(ในช่วงที่เธอโสด) ทว่าสุดท้ายแล้วเมื่ออยากจะตัดใจก็เลือกที่จะขายมันให้เพื่อนสนิทไปเสีย เพราะเธอคงจะไม่ได้มานั่งอยู่ข้างกันอีกแล้วและเรื่องนี้เขาก็เผลอเล่าให้อวิกาฟังไปด้วย

         เมื่อทั้งสองมาถึงร้านอาหารก็ตรงไปยังโต๊ะที่ลิขิตโทรมาจองไว้ เป็นจุดที่มีวิวดีๆ ริมน้ำ ชวนให้เพลิดเพลินระหว่างรับประทานอาหารมื้อนี้ด้วยกันนั่นเอง

         “ที่นั่งตรงนี้ถ้าไม่โทรมาจองล่วงหน้า ต้องโชคดีมากจริงๆ ถึงจะได้นั่งครับ” ลิขิตเอ่ยปากบอกหลังบริกรหยิบป้ายที่มีคำว่าจองออกจากโต๊ะและรับออเดอร์ไปด้วย

         “บรรยากาศดีมากค่ะ แต่ทางที่มาลึกลับอยู่เหมือนกันนะคะ คุณลีรู้จักร้านนี้ได้ยังไงคะ”

         “เพื่อนเป็นคนพามาครับ”

         “คุณคนนั้นเหรอคะ”

         “เปล่าครับ” ลิขิตรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไอ้สน เพื่อนที่ผมกับไอ้โปรดเช่าบ้านมันอยู่น่ะครับ สนิทกันมาตั้งแต่สมัยมหา’ลัย ช่วงแรกๆ ที่มันลาออกมาทำงานฟรีแลนซ์ก็เลยอยากได้รายได้ที่เข้าบัญชีทุกเดือนด้วย เลยชวนผมกับไอ้โปรดมาเช่าบ้านมันอยู่ ตอนเย็นๆ บางทีก็ออกมาหาอะไรกินด้วยกัน แล้วมันถึงได้พามาที่ร้านนี้ครับ”

         “อ๋อค่ะ เป็นแบบนี้นี่เอง” เธอยิ้มรับเบาๆ

         “บอกตามตรงนะครับ ผมตั้งใจจะตัดใจจริงๆ แต่ถ้าวันหน้าผมพาคุณเพชรไปร้านที่ผมเคยไปกับเขา ไม่ใช่เพราะผมอยากจะรำลึกความหลัง แต่เป็นแค่ที่ที่ผมอยากพาคุณไป”

         อวิกามองเขาตาแป๋ว ดวงตากลมโตของเธอจ้องเขานิ่ง “วันหน้าเหรอคะ”

         “ผมคิดว่าต้องมีวันหน้าแน่ๆ ครับ อย่างน้อยๆ ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนกันแล้ว คุณเพชรอยากเป็นเพื่อนกับผมไหมครับ” ชายหนุ่มที่ดูหน้าดุหากไม่ยิ้ม ขยับยิ้มกว้าง ทำให้ใบหน้าของเขาดูดีขึ้นจนพาให้ใจของอวิกาเต้นตึกตักๆ ขึ้นมา

         “ค่ะ ด้วยความยินดี” ทว่าในใจของหญิงสาวกลับไม่ค่อยกล้าคาดหวังไปมากกว่านี้ เพราะกลัวว่าลิขิตจะอยากเป็นแค่เพื่อนกับเธอเท่านั้นจริงๆ

         อาหารที่ทยอยมาเสิร์ฟขัดจังหวะการพูดคุยของอวิกากับลิขิตพอดี หลังจากนั้นในระหว่างรับประทานอาหารด้วยกัน เรื่องที่คุยจึงเปลี่ยนไปเรื่องเรื่อยเปื่อยไปจนกระทั่งอิ่มและเดินทางกลับ

*****

         “แกกับพี่ลีไปกันถึงไหนแล้ววะ” ปรายฟ้าที่วันนี้ไม่ได้ทะเลาะกับแฟนหนุ่มคนล่าสุดแต่อย่างใด แค่ชายหนุ่มไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว เจ้าตัวเลยมาค้างกับเพื่อนเพราะอยู่คนเดียวแล้วเหงา

         อวิกากับลิขิตตกลงเริ่มคุยทำความรู้จักกันอย่างจริงจังมาได้ราวๆ เดือนหนึ่งแล้ว แต่ความสัมพันธ์ก็ยังเป็นแค่คนคุย ดูชักช้าไม่ทันใจปรายฟ้าสักเท่าไร

         “ยัยปราย แกใจเย็นๆ ได้ไหม ให้เวลาเรากับพี่ลีได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้หน่อย นี่แฟนคนแรกเลยนะ เราก็อยากมั่นใจมากกว่านี้อีกนิด”

         “เออก็จริงว่ะ แต่ก็อย่าคุยให้นานจากเดือนเป็นปีนะแก”

         “คงไม่ขนาดนั้นหรอก”

         “อย่าประมาทนะแก บางคนเป็นได้แค่คนคุยไปทั้งชาติก็มี”

         “รู้น่า แต่รับรองว่าถ้าเผลอคุยๆ ถึงปี แล้วพี่ลีเขาไม่ชัดเจน เราก็ว่าตัวเองคงเหมาะจะเป็นสาวโสดมากกว่า”

         “อะไรแกเพิ่งจะอายุเท่านี้ ตั้งเป้าจะอยู่เป็นโสดละ อย่างน้อยๆ ลองแซ่บกับผู้ชายสักครั้งหนึ่งก่อนเถอะ”

         “แกนี่ อย่าลากลงเรื่องใต้สะดือได้ไหม” หญิงสาวเอ็ดเพื่อน

         “จากทรงของพี่ลี โสดแต่ไม่สดแน่นอน” ปรายฟ้าทำหน้าทะเล้น

อวิการู้สึกอยากจะตีเพื่อนสักทีสองที แต่เสียงของโทรศัพท์กลับดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน เธอจึงได้แต่ค้อนเพื่อนและเดินหนีออกจากห้องนอนไปคุยกับลิขิตที่โทรมาหา

         “คะพี่ลี ขอโทษที่รับช้านะคะ ตีกับยัยปรายนิดหน่อย” หญิงสาวเปลี่ยนจากเรียกคุณลีเป็นพี่ลีแล้ว หลังจากที่เริ่มคุยกันมาได้ระยะหนึ่ง

         “อยู่ที่คอนโดด้วยกันเหรอครับ”

         “ค่ะ อยู่ด้วยกันที่คอนโดเพชรนี่แหละค่ะ แฟนไอ้ปรายไปต่างประเทศค่ะ มันเหงาก็เลยมาค้างกับเพชร”

         “นี่พี่ก็จะไปต่างประเทศเหมือนกัน ปีนี้บริษัททำกำไรโตสุดในรอบสิบปี ให้โหวตว่าอยากไปประเทศไหนที่สุด สรุปว่าได้ไปญี่ปุ่นกันน่ะ พี่เลยจะมาถามว่าอยากได้อะไรเป็นของฝาก รับหิ้วพิเศษสำหรับน้องเพชรคนเดียว” น้ำเสียงของชายหนุ่มทำให้อวิกาจินตนาการว่าเขากำลังยิ้ม

         “เพชรชอบพวกเครื่องรางถุงผ้าจากวัดญี่ปุ่นค่ะ สะสมเอาไว้เยอะเหมือนกัน ทั้งเรื่องงาน เรื่องความรัก เรื่องสุขภาพ แมวกวักก็ชอบนะคะ ขอสักตัวก็พอค่ะ”

         “ได้ครับ” เขารับคำด้วยน้ำเสียงจริงจัง อวิกาเดาว่าคงได้แมวกวักตัวใหม่มาตั้งคู่กับตัวที่เธอเคยซื้อมาด้วยตัวเองแน่ๆ จากนิสัยเอาจริงจริงเอาจังของลิขิต “แต่ช่วงที่ไปพี่อาจจะขาดการติดต่อไปบ้างนะครับ เพราะพี่รับหน้าที่เป็นหัวหน้าประจำกลุ่ม นอกจากดูแลตัวเองยังต้องดูแลคนอื่นอีกนิดหน่อย”

         “ไม่เป็นไรค่ะ เพชรเข้าใจ พี่ลีเที่ยวให้สนุกเถอะค่ะ”

         “มันไม่สนุกน่ะสิ” ชายหนุ่มถอนหายใจ

         “อ้าวเหรอคะ นึกว่าอยากไปเที่ยว”

         “คนอื่นอาจจะชอบ แต่พี่ไม่ชอบไปเที่ยวกับบริษัทสักเท่าไร รู้สึกวุ่นวาย เหมือนไม่ได้มาพักหรอก แถมตารางก็แน่นมาก แวะหลายที่เพราะหลายคนบอกอยากเอาคุ้ม แต่พี่ชอบแบบที่แช่อยู่กับที่ที่หนึ่งนานๆ”

         “เอาไว้เราหาวันลาพักร้อนไปด้วยกันดีไหมล่ะคะ รับรองว่าพี่ลีได้พักผ่อนเต็มที่แน่ๆ”

         “พี่ก็สนใจนะ เอาเป็นว่าพี่กลับจากญี่ปุ่นเมื่อไร เราลองมาคุยเรื่องวันลากับที่ที่จะเที่ยวกันอีกทีดีไหมครับ”

         “ดีค่ะ”

         “เอาเป็นว่าอยากจะไปที่ไหนบ้าง น้องเพชรก็ลองเลือกๆ ไว้ก่อน แล้วเดี๋ยวเรามาสรุปกันอีกทีว่าจะไปกี่วัน”

         “ได้เลยค่ะ” อวิกาเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจ

         “แต่ก่อนจะไปเที่ยว พี่มีร้านอาหารที่อยากพาน้องเพชรไปดินเนอร์ก่อนนะครับ”

         “ร้านสไตล์ไหนเหรอคะ”

         “เป็นร้านอาหารบนดาดฟ้า วิวดีเหมาะแกการแต่งชุดสวยๆ ไปถ่ายรูปครับ”

         “โอเคค่ะ”

         อวิกาใช้เวลาคุยกับลิขิตประมาณชั่วโมงหนึ่งเหมือนทุกทีแล้วก็จะวางสายในช่วงราวๆ สี่ทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาเข้านอนโดยปกติของเธอ ส่วนปรายฟ้าผู้แสนหลับง่ายดาย ถ้าไม่มีอะไรทำก็มักจะนอนหลับสนิทไปก่อน ดังนั้นเมื่อเปิดประตูเข้าห้องจึงไม่มีเสียงล้อเลียนจากอีกฝ่ายให้ได้ยินแม้แต่คำเดียว