ซื้อบ้านผีสิงมารีโนเวท เจอผีสาวตนหนึ่งไล่เปิงเท่าไหร่ก็ไม่ไปฉันเลยจับเธอทำเมีย "อย่ามาทำสะดีดสะดิ้งจะเอาไหมผัว หรือจะไปอยู่ในท่อระบายน้ำ"

Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย - ตอนที่ 4 ผีสาวในบ้านร้าง โดย พีโอนี @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หญิง-หญิง,ตลก,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ไทย,ผี,ตลก,สยองขวัญ,นิยายยูริ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

หญิง-หญิง,ตลก,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ตลก,สยองขวัญ,นิยายยูริ

รายละเอียด

ซื้อบ้านผีสิงมารีโนเวท เจอผีสาวตนหนึ่งไล่เปิงเท่าไหร่ก็ไม่ไปฉันเลยจับเธอทำเมีย "อย่ามาทำสะดีดสะดิ้งจะเอาไหมผัว หรือจะไปอยู่ในท่อระบายน้ำ"

ผู้แต่ง

พีโอนี

เรื่องย่อ

‘อภิญญา’ หรือ ‘มิวเซียม’

หญิงสาววัย 25 ปี ผู้เกิดในเทวีฤกษ์ เธอเปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์แห่งทุกข์ทั้งหลายของเหล่าภูตผีที่บรรจุความทรงจำน่ากลัวเหล่านั้นไว้ตั้งแต่จำความได้ ทำให้ตอนนี้การเห็นหรือสัมผัสได้ถึงวิญญาณกลายเป็นเรื่องปกติราวกับเจอสุนัขที่มีไปทั่วทุกมุมถนน

แต่ไม่รู้เพราะโชคชะตาหรืออะไรที่ทำให้หญิงสาวหัวสมัยใหม่อย่างเธอซื้อบ้านผีสิงมารีโนเวท บ้านหลังนั้นมีผีสาวหนึ่งตนที่ไล่เปิงเท่าไหร่ก็ไม่ไป เธอเลยหาวิธีอยู่ร่วมกันเพื่อสงบศึก แต่นั่นกลับเป็นการฝ่าฝืนคำเตือนของแม่หมอที่บอกว่าเธอจะ ‘ฉิบหาย’ เพราะสิ่งลี้ลับ

สารบัญ

Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย-0 บทนำ,Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย-ตอนที่ 1 ฉิบหาย,Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย-ตอนที่ 2 1313 เลขคงจะมงคล 1,Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย-ตอนที่ 3 1313 เลขคงจะมงคล 2,Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย-ตอนที่ 4 ผีสาวในบ้านร้าง,Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย-ตอนที่ 5 สาวนักไล่ผี,Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย-ตอนที่ 6 แพ้สกิลอ้อน

เนื้อหา

ตอนที่ 4 ผีสาวในบ้านร้าง

‘คอตก’

อภิญญาได้รับรู้ถึงอาการคอตกอีกครั้งตั้งแต่ช่วงเช้าหลังจากตื่นนอนเดินเอาเท้าเขี่ยๆ พวกผีห่าซาตานที่ขวางทางเข้าห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำและออกมาหาอะไรทานรองท้องก่อนไปสัมภาษณ์งานในตำแหน่งครีเอทีฟที่บริษัทแห่งหนึ่ง คอตกครั้งแรกของวันนั่นคือเธอไปไม่ทันร้านหมูปิ้งที่ส่งกลิ่นหอมฉุยตั้งแต่ด้านล่างมาถึงด้านนอกระเบียงห้องนอนของเธอ

ขนาดว่ารถเข็นเล็กๆ นั่นตั้งอยู่หน้าทางเข้าประตูอพาร์ทเม้นท์แท้ๆ แต่เธอกลับไปไม่ทันให้เป็นรางไม่ดี และคอตกที่สองนั่นก็คือผลสัมภาษณ์งานของเธอ ไม่ต้องรอฟังผลก็ดูออกว่าฝ่ายบุคคลเขาคงไม่ติดต่อมาหาเธอแน่นอน ประวัติการทำงานของเธอนั้นแทบจะไม่มีเลยเพราะก่อนหน้านี้เธอทำงานไม่ตรงสายกับที่เรียนมา พอจบการสัมภาษณ์ปุ๊บฝ่ายบุคคลมีอายุหน่อยๆ ก็รีบเก็บแฟ้มแล้วเดินจากไปทันที แถมยังเอาแฟ้มของเธอไว้ด้านล่างสุดซะด้วย

ตอนนี้ร่างสูงในชุดสุภาพเลยมานั่งจ๋องประชดชีวิตอยู่ที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำมองเจ้าตัวเงินตัวทองมันว่ายน้ำเล่น พร้อมกับรำพึงรำพันก่นด่าฟ้าดินไปทั่วก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

ใช่สิ...เมื่อคืนอยู่ๆ ก็มีลูกค้าคนแรกโทรมาบอกว่าได้เบอร์ของเธอจากเพจ เขาขอให้เธอไปช่วยไล่ผีที่บ้านร้างให้ เพราะผีตนนั้นทำให้เขาขายบ้านไม่ออกแถมยังส่งโลเคชั่นมาแล้วด้วย ถึงวันนี้จะยังไม่ได้งานประจำ แต่งานไล่ผีงานแรกก็ถือเป็นก้าวที่สำคัญ บางทีเธออาจจะเอาดีทางด้านนี้ก็ได้ใครจะไปรู้

ไม่มัวรีรอ อภิญญากะว่าจะไปเยี่ยมดูบ้านหลังนั้นสักหน่อยว่าหน้าตามันจะเป็นอย่างไร จะเฮี้ยนสมกับที่ลูกค้าต้องบากหน้ามาพึ่งคนที่ไม่มีอะไรรับประกันว่าไม่ได้เปิดเพจเพื่อหลอกลวงอย่างเธอหรือไม่ กระเป๋าสะพายข้างถูกหยิบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ขายาวๆ ก้าวไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ด้วยสีหน้ามุ่งมั่นว่างานนี้ถ้าเธอทำได้เธออาจจะได้เงินรับประกันความมั่นคงในชีวิตสักก้อนไว้หาที่อยู่ใหม่ก็เป็นได้ ส่วนห้องพักที่มีแต่พวกอสุรกายเอเลี่ยนก็ให้ยัยเจ๊ยาหยีนั่นเก็บไว้ดูต่างหน้าไปเถอะ

รถญี่ปุ่นสีดำจอดสนิทที่ทางเข้าก่อนสุดซอย ได้ยินมาว่าบ้านหลังที่ว่านั้นอยู่หลังสุดท้ายเลย แต่เพราะตอนนี้ข้างทางมันมีแต่เศษกิ่งไม้และต้นหญ้าสูงรกไปหมด ความที่รักรถมากจึงทำให้อภิญญาต้องจอดมันไว้ห่างจากบ้านหลังนั้นมาประมาณ 20 เมตร ละแวกนี้ซอยนี้มีแต่บ้านร้างเต็มไปหมดจนน่าขนลุก จะมีก็แค่สองสามหลังใกล้ทางเข้าโครงการหมู่บ้านเท่านั้นที่ยังมีคนอาศัยอยู่ เรื่องที่ว่าบ้านหลังนั้นมีผีเฮี้ยนมากคงไม่น่าจะใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้บ้านขายไม่ออกแล้วล่ะ คิดดูสิคนปกติที่ไหนเขาจะมาซื้อบ้านในโครงการที่ไม่มีเจ้าของดูแล แถมบ้านร้างเรียงกันหน้าสลอนเต็มไปหมดแบบนี้

เธอค่อยๆ เดินยกเท้าหลีกพวกกิ่งไม้ที่โดนลมพายุจนร่วงกระจัดกระจายตรงดิ่งไปยังบ้านหลังนั้น เป็นบ้านกึ่งปูนกึ่งไม้สไตล์โคโลเนียลสีฟ้าอ่อนที่โทรมซีดลงไปเพราะกาลเวลาตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางสนามหญ้าของบ้าน อภิญญามองเข้าไปด้านในด้วยความประหลาดใจว่าทำไมบ้านที่ดูสวยและอบอุ่นขนาดนี้ถึงได้ถูกเจ้าของมันทิ้งร้างไป ไม่สิ...มันถูกขายมาเป็นทอดๆ แต่ก็ไม่มีใครสามารถอยู่อาศัยได้จนรกร้างไป

แม้ว่าบรรยากาศโดยรอบจะดูสยองขวัญ แต่หากว่าหมู่บ้านนี้มีคนอยู่ครบทุกหลังมันคงจะเป็นหมู่บ้านที่คนอยู่มีความสุขไม่น้อย เธอรู้ประวัติของหมู่บ้านนี้แค่เล็กน้อยเท่านั้น มันไม่ใช่หมู่บ้านที่ทางโครงการสร้างบ้านเอาไว้ขาย แต่เป็นโครงการที่จัดสรรที่ดินไว้ให้ลูกบ้านปลูกบ้านเรือนอาศัยกันเสียมากกว่า

ระหว่างที่เดินๆ แต่สายตามองเข้าไปยังตัวบ้านนั้นอภิญญาก็สังเกตเห็นว่าชั้นสองมีหน้าต่างบานหนึ่งเปิดอยู่ ไม่ใช่สิมันน่าจะผุพังและโดนลมพัดร่วงลงมาข้างล่างหรือไม่ก็มีใครพิเรนทร์เข้าไปทำลายมันเสียมากกว่า ซึ่งตรงนั้นมันไม่ได้มีแต่ความว่างเปล่า แต่ดันมีร่างหนึ่งกำลังยืนร่ำไห้อยู่เป็นเงารางๆ เสียงคร่ำครวญสะอื้นดังคลอเบาๆ ในความเงียบด้วยว่าบริเวณล้อมรอบพื้นที่แห่งนี้มีแต่รั้ว ป่า และบ้านร้างอย่างว่า

“นั่นผีหรือคนวะนั่น” อภิญญาหยีตามอง เพราะในบ้านมันมืดมากจากการที่หน้าต่างประตูถูกปิดสนิทเกือบทั้งหมด บวกกับว่าร่มเงาต้นไม้ใหญ่ในบ้านนั้นบดบังแสงแดดจนเกิดเป็นตะไคร่น้ำที่ฐานบ้าน แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่เล็กจนโต มันก็บอกได้เลยว่าคงไม่มีใครอยากจะมายืนร้องไห้เพราะแฟนทิ้งหรืออะไรในบ้านผีสิงแน่ ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว นั่นสินะ...หล่อนเป็นผู้หญิง

หยับ...เสียงนุ่มๆ หนืดๆ ที่เท้าดังขึ้นเล็กน้อยหลังจากเท้าซ้ายอันเป็นสิริมงคลของเธอก้าวเข้าไปใกล้รั้วบ้านมากขึ้นเพื่อจะได้เห็นร่างนั้นให้ใกล้กว่าเดิม ใบหน้าสวยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะก้มลงมองที่เท้าตัวเองแล้วก็ต้องเม้มปากข่มอารมณ์เมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่เธอเหยียบลงไปนั้นคืออะไร ไม่ใช่พวกสมองเละๆ ชิ้นเนื้อยุ่ยอยู่เหนือฟอร์มาลีน แต่เป็นขี้หมา...ใช่แล้ว เพราะหมู่บ้านนี้ไม่มีรถสัญจรและกว้างขวางเงียบสงบเลยทำให้มีสุนัขจรจัดมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ตอนเธอเข้ามาพวกมันก็พากันหอนไม่พักเลย

“แม่งเอ๊ย! ขี้หมา มาอยู่ตรงนี้ได้ไงวะ”

อภิญญาโวยวายพร้อมยกเท้าขึ้นมาดูด้วยสีหน้าขยะแขยงอยากจะอาเจียน

เสียงสะอื้นเย็นๆ เงียบลงไป เธอไม่โกรธน้องหมาที่มาอึเรี่ยราดตรงนี้ แต่กลับกล่าวโทษว่าเป็นความผิดเจ้าของบ้านเสียมากกว่า ทีกับคนหลอกหลอนเก่งจริงๆ แต่พอหมามาขี้หน้าบ้านตัวเองหล่อนกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่สนใจ

“เฮ้ย! ยัยจูออน...เป็นผีประสาไรวะปล่อยหมามาขี้หน้าบ้าน!”

อภิญญาตะโกนเรียก ทันทีที่ยัยผีจูออนตัวขาวซีดหันมามองพร้อมทำหน้างงๆ ใส่เธอก็เริ่มใส่ยับไปอีกหลายประโยค คนอย่างมิวเซียมไม่กลัวหรอกนะพวกผีสางนางไม้น่ะ ถ้าทำให้ไม่พอใจแม่จะด่าเปิงไม่ว่าใครหน้าไหน

“เธอนั่นแหละยัยจูออน ยัยผีแมลงทอด เดี๋ยวฉันจะกลับไปล้างรองเท้าแล้วจะกลับมาด่าเธออีกทีรอเจอฉันได้เลย เป็นผีบ้าอะไรวะไม่เฝ้าบ้านตัวเอง ผีไร้ประโยชน์แบบนี้อยากจะจับยัดใส่ขวดน้ำยาล้างจานแล้วเขย่าเล่นให้เข็ดจริงๆ ...ฝากไว้ก่อนเถอะ”

ขณะเดียวกันในบ้านหลังใหญ่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับด้านนอกตัวบ้านของเธอ ขวัญจิรายกมือทาบอกตัวเองเพราะตกใจที่อยู่ๆ ก็มีคนมาทำเหมือนกับว่ามองเห็นเธอ ‘อะไรของเขา’ หรือหล่อนคนนั้นจะมองเห็นกันจริงๆ

เธอมองตามร่างสูงจนหล่อนขึ้นรถตัวเองขับออกไป ท่าทางโมโหสะบัดนั่นออกจะดูน่าหมั่นไส้ แต่ในความน่าหมั่นไส้และงงงวยอยู่นั้นวิญญาณสาวก็เริ่มมีหวังว่า การที่มีใครสักคนสามารถสื่อสารกับเธอได้มันอาจจะนำไปสู่หนทางแห่งการปลดปล่อยตัวตนของเธอก็เป็นได้ ผีสาวที่ถูกจองจำอยู่ในห้วงลึกสุดของหลุมดำอย่างเธออาจจะได้แหวกว่ายขึ้นไปสู่แสงสว่างอันสวยงามสักที


.....


“วันนี้มันวันเฮงซวยอะไรวะ”

อภิญญาถอดรองเท้าเน่าๆ ของตัวเองใส่ถุงพลาสติกโยนไว้ท้ายรถแล้วสวมรองเท้าแตะแทนด้วยใจที่รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย อันที่จริงวันนี้ยังไม่ใช่ธุระอะไรของเธอที่ต้องมาเหยียบขี้หมาหน้าบ้านลูกค้า แต่เพราะอกหักจากเรื่องงานหรอกนะถึงได้ซวยทั้งวันแบบนี้ แต่ก็ช่างเถอะอย่างน้อยก็ได้รู้ว่าหมู่บ้านนี้ต่อให้เธอไล่ผีตนนี้ไปก็ไม่น่ามีใครมาซื้อบ้านของลูกค้าหรอก

ร่างสูงสอดส่ายสายตามองพื้นอย่างระมัดระวังก่อนก้าวขาขึ้นรถแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ค่อยๆ ขับออกไปพร้อมกับเชื่อมต่อสายไปหาเจ้าของบ้านลูกค้าคนแรกเพื่อจะรายงานความคืบหน้า เมื่ออีกฝั่งรับสายก็เข้าเรื่องโดยทันทีไม่อารัมภบทใดๆ

“คุณสิธา บ้านของคุณมีผีจริงด้วยค่ะ แต่ท่าทางจะรับมือยากนะ”

“ผมบอกแล้ว ผมอยากขายแต่ขายไม่ได้เลยเพราะมีผีอยู่ แล้วหมอดูก็บอกว่าถ้าไม่รีบทำให้บ้านนี้เป็นของคนอื่นจะทำให้ดวงผมตก แต่ยังไงคุณก็ช่วยบอกให้เขาออกไปให้ทีนะครับผมจะได้รีบขาย”

“ได้ค่ะ งั้นวันเวลานัดเดิมเรามาเจอกันที่ทางเข้าหมู่บ้านนะคะถ้าคุณสิธาไม่กล้ามาคนเดียว แต่ฉันมีอยากบอกอะไรสักอย่างที่คุณอาจจะไม่อยากยอมรับนะ เต็มใจฟังไหมคะ”

“ครับ ว่ามาได้เลย”

“ต่อให้ฉันไล่ผีตนนี้ไปได้บ้านของคุณก็อาจจะขายออกยากมากหรืออาจจะขายไม่ได้เลย ยกเว้นคุณจะได้ลูกค้าที่ชอบอะไรแบบนี้”

“เอาเท่าที่คุณทำได้ครับ ยังไงผมก็ต้องหาวิธีให้ได้อยู่แล้ว”

สายของลูกค้าคนแรกวางลงไปแล้ว คนที่ตั้งใจขับรถกลับห้องตัวเองเพื่อไปฟังเสียงสัมภเวสีก็นึกหาวิธีไล่ยัยผีสาวตนนั้นทันที ไม่รู้ว่าแค่ด่าหล่อนจะยอมออกไปไหม เพราะดูท่าทางแล้วคงจะผูกพันกับที่นั่นไม่น้อย แต่พอนึกถึงความผูกพันระหว่างผีสางกับสถานที่สิงสถิตก็พลางนึกถึงความรู้สึกในวินาทีแรกที่ได้เห็นสิ่งไม่มีชีวิตดวงนั้นที่ริมหน้าต่างขึ้นมา

ดวงตาคมนัยน์ตาสีน้ำตาลหรี่ลงเล็กน้อยเพื่อมองเรือนร่างสาวให้ชัดอีกครั้ง ผมยาวสลวยแม้จะดูไม่มีชีวิตชีวาแต่มันก็เสริมกับรูปโครงใบหน้าได้ดี แม้ว่าภาพที่เธอเห็นจะดูเป็นผีสาวที่ตัวขาวซีดเนื้อตัวแห้งกร้านเสื้อผ้าก็ดูโสโครก แต่ถ้าอยู่ในสภาพนั้นแล้วยังดูดีนั่นแสดงว่าช่วงเวลาที่หล่อนยังมีชีวิตจะต้องสวยมากแน่ๆ

แต่ว่าเป้าหมายของการที่เธอมาที่นี่นั่นก็คือการมาขับไล่ไสส่งหล่อนออกไป แม้ว่าจะต้องใช้ความรุนแรงทางด้านคำพูดหรือการทำร้ายให้เจ็บกาย นั่นคือหน้าที่ของเธอโดยสิ้นเชิงเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเงินทอง แต่ทว่าความหม่นหมองที่สัมผัสได้จากตาเนื้อนั้นมันช่างสร้างความสงสารให้เธอขึ้นมาอย่างฉับพลัน โครงหน้าเหงาหงอยกลิ่นของความอาดูรโชยมาแต่ไกล ดูน่าทะนุถนอมปลอบโยนมากกว่าจะฟาดฟันกันเพื่อแย่งบ้านโทรมๆ หนึ่งหลัง

เดี๋ยวๆ แล้วนี่เธอจะไปสนใจหล่อนทำไม รถยนต์ที่ขับมาอย่างระมัดระวังหักเลี้ยวเข้าจอดสนิทริมทางเท้าจับพวงมาลัยนิ่งพยายามเรียกสติตัวเอง

“ตั้งสติสิวะมิวเซียมนั่นผีนะเว้ย” เสียงสวยโพล่งขึ้นมาท่ามกลางความเงียบในห้องโดยสารเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองชักสนใจแม่นั่นมากเกินไปเสียแล้ว อย่าลืมสิว่าต่อให้จะน่าสงสารแค่ไหนแต่งานของเธอก็คือการเอาสิ่งไม่มีชีวิตนั่นออกไปให้พ้นจากบ้านของลูกค้าให้ได้