ซื้อบ้านผีสิงมารีโนเวท เจอผีสาวตนหนึ่งไล่เปิงเท่าไหร่ก็ไม่ไปฉันเลยจับเธอทำเมีย "อย่ามาทำสะดีดสะดิ้งจะเอาไหมผัว หรือจะไปอยู่ในท่อระบายน้ำ"

Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย - ตอนที่ 6 แพ้สกิลอ้อน โดย พีโอนี @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หญิง-หญิง,ตลก,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ไทย,ผี,ตลก,สยองขวัญ,นิยายยูริ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

หญิง-หญิง,ตลก,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ตลก,สยองขวัญ,นิยายยูริ

รายละเอียด

Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย โดย พีโอนี @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ซื้อบ้านผีสิงมารีโนเวท เจอผีสาวตนหนึ่งไล่เปิงเท่าไหร่ก็ไม่ไปฉันเลยจับเธอทำเมีย "อย่ามาทำสะดีดสะดิ้งจะเอาไหมผัว หรือจะไปอยู่ในท่อระบายน้ำ"

ผู้แต่ง

พีโอนี

เรื่องย่อ

‘อภิญญา’ หรือ ‘มิวเซียม’

หญิงสาววัย 25 ปี ผู้เกิดในเทวีฤกษ์ เธอเปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์แห่งทุกข์ทั้งหลายของเหล่าภูตผีที่บรรจุความทรงจำน่ากลัวเหล่านั้นไว้ตั้งแต่จำความได้ ทำให้ตอนนี้การเห็นหรือสัมผัสได้ถึงวิญญาณกลายเป็นเรื่องปกติราวกับเจอสุนัขที่มีไปทั่วทุกมุมถนน

แต่ไม่รู้เพราะโชคชะตาหรืออะไรที่ทำให้หญิงสาวหัวสมัยใหม่อย่างเธอซื้อบ้านผีสิงมารีโนเวท บ้านหลังนั้นมีผีสาวหนึ่งตนที่ไล่เปิงเท่าไหร่ก็ไม่ไป เธอเลยหาวิธีอยู่ร่วมกันเพื่อสงบศึก แต่นั่นกลับเป็นการฝ่าฝืนคำเตือนของแม่หมอที่บอกว่าเธอจะ ‘ฉิบหาย’ เพราะสิ่งลี้ลับ

สารบัญ

Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย-0 บทนำ,Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย-ตอนที่ 1 ฉิบหาย,Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย-ตอนที่ 2 1313 เลขคงจะมงคล 1,Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย-ตอนที่ 3 1313 เลขคงจะมงคล 2,Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย-ตอนที่ 4 ผีสาวในบ้านร้าง,Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย-ตอนที่ 5 สาวนักไล่ผี,Ghost House ซื้อบ้านแถมเมีย-ตอนที่ 6 แพ้สกิลอ้อน

เนื้อหา

ตอนที่ 6 แพ้สกิลอ้อน

“ฮ่าๆๆๆ”

“ขำบ้าอะไรของเธอ มีอะไรน่าขำด้วยเหรอ!” ขวัญจิราแหวใส่วางตัวไม่ถูก เพราะเธอยังคงตื่นเต้นกับการที่มีใครสักคนมองเห็นเธอหลังจากที่ตายไปแล้วร่วมสิบปี ไหนจะอาการขำจนตัวงอกุมท้องแทบลงไปนอนกลิ้งกับพื้นสกปรกนั่นอีก ไม่รู้เป็นอะไรนักหนาคนคนนี้

“ก็ขำเธอไง แม่งหน้าตาตลกฉิบหาย แบบนี้ยังจะกล้าหลอกหลอนคนอื่นอีกเหรอ เคยส่องกระจกดูหน้าตัวเองบ้างหรือเปล่าว่าทุเรศแค่ไหน”

“กรี๊ดดด! หยุดขำฉันเดี๋ยวนี้นะ” เสียงกรีดร้องด้วยความไม่พอใจของอดีตคุณหนูเมื่อยังมีชีวิตอยู่ดังขึ้นจนแสบแก้วหูพร้อมกับนิ้วชี้ที่จ่อหน้าคนปากไม่ดีคล้ายจะอยากหักคอจิ้มแจ่วปลาร้าเดี๋ยวนี้ ทำเอาคนที่ได้ยินเสียงนั้นใกล้ๆ ถึงกับต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดหูตัวเองกลัวว่าแก้วหูจะแตกเสียก่อน

“โอเคๆ ฉันก็ปวดท้องเหมือนกัน ขอโทษที่แซวนะคนสวย”

“แล้วตกลงเธอมาทำไมอีก” ขวัญจิรายอมสงบลง เห็นแก่คำขอโทษและไม่อยากจะผูกจิตอาฆาตกับใครให้ยืดเวลาไม่ได้ไปผุดไปเกิดของเธอ ร่างที่เคยงดงามปานนางเอกหนังกอดอกแล้วหย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้หวายตัวโปรดของคุณพ่อที่ยังเหลืออยู่ ดวงตากลมโตก็จับจ้องคู่สนทนาไม่เบนไปไหน

“มาเจรจา...ฉันจะมาเจรจาให้เธอออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ แต่ถ้าเจรจาไม่รู้เรื่องฉันอาจจะด่าเธอบ้างนะ แต่ถ้ายังไม่ได้อีกเธออาจจะต้องเจ็บตัว”

“จะบ้าเหรอ ฉันไม่ไปหรอก นี่บ้านของฉัน ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ยังมีชีวิตจะให้ฉันไปไหน” คนไม่มีชีวิตกอดอกสะบัดหน้าเชิดใส่ บ้านหลังนี้เป็นเรือนหอของพ่อกับแม่ตั้งแต่พวกท่านแต่งงานกัน เธอเองก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดจนตาย แม้ตายไปแล้วก็ยังผูกจิตสถิตอยู่ที่นี่ ถ้าให้ออกไปอยู่ที่อื่นสู้ให้เธอไปเกิดใหม่จะยังดีเสียกว่า แต่ก็ติดอยู่อย่างหนึ่ง...นั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้เธอไปเกิดไม่ได้นั่นแหละ

“ก็ไปเกิดไง”

“ไปเกิดไม่ได้” ขวัญจิราไม่ยอม นี่มันเรื่องอะไร อยู่ดีๆ ก็โดนไล่ออกจากบ้านตัวเอง

“ทำไมไปไม่ได้ อ๋อ...หรือเธอบาปหนามากจนไปไหนไม่ได้ ถ้าออกไปกลัวจะโดนจับไปลงนรกใช่ไหมล่ะ” หนึ่งคนกอดอกทำหน้ายียวน แต่อีกคนคลายกอดลุกพรวดพราดอย่างไม่พอใจ ใบหน้าสวยที่โทรมซีดนั้นแสดงออกว่าไม่ชอบใจฝ่ายตรงข้ามเป็นที่สุด

“ยัยปากเสีย ฉันล่ะอยากจะง้างปากเธอจริงๆ ว่ามีหมาอยู่กี่ตัวในนั้น”

“มีเยอะ พอจะกัดเธอได้จนตายรอบสอง...”


โครม!

ไม่ทันที่ร่างสูงชะลูดจะได้เอนสะโพกพิงโต๊ะวางของฝุ่นเกรอะดีๆ เครื่องไม้เก่าๆ ที่โดนปลวกแทะจนไม่เหลือเนื้อในก็ผุกร่อนสลายลงในพริบตาเมื่อโดนแรงกดทับ ทำให้มันพังโครมลงไปกองบนพื้นพร้อมกับร่างสูงที่หวังจะยียวนกวนประสาทกัดแทะอีกฝ่ายให้เจ็บใจมากขึ้น

“คิกคิก” ขวัญจิรามองสภาพเหมือนลูกหมาของอีกฝ่ายแล้วแอบยกมือปิดปากขำใส่อย่างไม่ปิดบัง รู้สึกสะใจที่หล่อนโดนเสียบ้าง จะได้รู้ว่าการโดนหัวเราะเยาะมันน่าอายแค่ไหน

“แม่งเอ๊ยเสียฟอร์มหมด” อภิญญานิ่วหน้าเพราะเจ็บก้นกบที่ล้มกระแทก แต่เจ็บหรือจะสู้อาย คนเสียฟอร์มรีบลุกปัดฝุ่นที่ติดตามเสื้อผ้าของตัวเองก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะคิกๆ จากยัยตัวหวงบ้านคล้ายจะสมเพชเธอ “อย่ามาหัวเราะใส่ฉันนะ!”

“ทำไมฉันต้องฟังเธอด้วย ทีเธอยังหัวเราะฉันได้เลย” คนที่หยุดอายุตัวเองไว้แค่ที่ 25 มาสิบปีแล้วกอดอกขำใส่ต่อ การได้เห็นกรรมตามทันอีกฝ่ายเป็นเงาตามตัวมันทำให้รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย

“ก็นั่นมันตลกจริงๆ”

“งั้นเธอก็ตลกเหมือนกัน”

“เฮ้อ พอๆ มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า...ถ้าเธอไม่ยอมออกไปตอนนี้ฉันจะใช้มาตรการรุนแรงแล้วนะ” อภิญญาตัดฉับเปลี่ยนอารมณ์ทันที ตอนนี้มันผ่านมาหลายนาทีแล้วที่เธอปล่อยให้คุณสิธาเขารอด้านนอก เพราะนี่เป็นงานแรกความน่าเชื่อถือจึงจำเป็นเอามาก ฉะนั้นภายในสิบนาทีหลังจากนี้เธอจะต้องไล่แม่ผีตนนี้ออกไปให้ได้ แม้หล่อนจะน่าสงสารเท่าไหร่ก็ตาม

“เธอจะทำอะไร ฉันไม่กลัวหรอกนะ”

“เดี๋ยวก็รู้”

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้า ก่อนที่มือขวาจะล้วงเอาของศักดิ์สิทธิ์ที่พกมาด้วยออกมาดูทีละอย่าง เพื่อเลือกว่าจะใช้อันไหนก่อนดีในการขับไล่แม่ผีสาวเบ้าตาแดงตนนี้ออกไปจากบ้านลูกค้าของเธอ บอกไว้ก่อนว่ามิวเซียมคนนี้โหดไม่แพ้ใคร โดนสักชิ้นเข้าไปหล่อนได้ตายรอบสองแน่

“น...นั่นอะไร เอาออกไปไกลๆ เลยนะ อยากโดนหักคอเหรอ” คนที่เห็นข้าวของหน้าตาแปลกๆ พวกนั้นขู่ออกไปแต่ข้างในดันกลัวๆ ร่างเล็กกว่าขยับถอยหนีทีละน้อยเพราะรู้ดีว่าตัวเองเป็นผี และคนที่มาต่อกรกันถึงถิ่นได้ขนาดนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่

“หึ เมื่อกี้ยังเก่งอยู่เลยนี่” ร่างสูงชูขวดแก้วใสๆ ที่ด้านในบรรจุน้ำเอาไว้จนเต็มให้อีกฝ่ายดูแล้วไขข้อข้องใจ “นี่น้ำมนต์ปลุกเสกจากว่านศักดิ์สิทธิ์ผ่านการทำพิธีมาแล้วเจ็ดวันเจ็ดคืน ถ้าเธอโดนเข้าไปเธอต้องร้องหาแม่แน่”

เรียวปากบางยกขึ้นยิ้มเยาะ แต่ท่าทางแม่ผีสาวหน้าตาซื่อบื้อนี่จะไม่คล้อยตาม แถมยังพ่นประโยคชวนกุมขมับออกมาอีกต่างหาก

“ว่านอะไร ว่านชักมดลูกเหรอ” ขวัญจิรามองมันด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น แต่อีกคนกลับทำหน้าจริงจังใส่พยายามให้ตัวเองดูน่ากลัวที่สุดแต่ก็ได้เท่านั้น

“ไม่ตลก ออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ จะออกไปดีๆ หรือต้องให้มีน้ำตาซะก่อน” อภิญญาเปิดขวดนั้นแล้วยกขึ้นทำท่าจะสาดเข้าใส่ หวังให้หล่อนกลัวจนเตลิดหนีออกไปก่อนที่จะได้เจ็บตัวจริงๆ เพราะเอาเข้าจริงของทั้งหลายที่เธอมีก็แค่มีไว้ป้องกันตัว ไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าจะต้องเอามาใช้ทำร้ายใคร โดยเฉพาะผีที่ดูไม่มีภัยกับใครอย่างหล่อนตรงหน้า ดูซื่อๆ เซ่อๆ แบบนี้ให้ทำร้ายจนเจ็บกายมันก็ทำใจยากอยู่

“เธอจะทำอะไร จะสาดใส่ฉันเหรอ บาปนะ” ผีสาวทำตัวแข็งสายตาจดจ้องทุกอิริยาบถอีกฝ่ายเพราะเกรงกลัวต่อของในมือหล่อน เธอเคยเห็นในละครว่ามันจะเผาไหม้วิญญาณราวกับโดนสาดน้ำกรดหากโดนเข้าไปเพียงนิด

“งั้นก็ออกไปดีๆ สิฉันจะได้ไม่สาด ไม่ต้องมีใครเจ็บตัว ฉันได้เงิน ลูกค้าของฉันได้บ้านคืน ส่วนเธอก็ไปเกิดซะมันยากตรงไหน อย่าดื้อไปหน่อยเลยน่า”


‘หน็อย คิดว่าเป็นนางฟ้านางสวรรค์มาจากไหนอยู่ๆ ก็ถือน้ำมนต์มาไล่’

ผีสาวเม้มปากตัวเองจ้องมองของในมืออีกฝ่ายแล้วจึงงัดเอาสกิลออดอ้อนบิดามารดาสมัยที่ตัวเองยังมีชีวิตออกมาใช้ ที่ไม่ว่าจะใช้มันเมื่อไหร่ก็มักจะได้ผลเสมอ ถึงแม้คนตรงหน้าจะไม่ใช่พวกท่านแต่ลองสักครั้งก็ไม่เสียหาย

“เธอคะ...อย่าไล่เค้าไปเลยนะเค้าไม่มีที่ไป เธอโกหกคุณเขาไปก็ได้ว่าเค้าไม่อยู่ที่นี่แล้ว” จากน้ำเสียงที่แข็งขืนพร้อมสู้เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเสียงหวานออดอ้อน หวังว่าหล่อนเองก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันอาจจะใจอ่อนเห็นใจกันขึ้นมาบ้าง

แม้ประโยคหวานหวิวนั้นจะชวนให้ขนลุก แต่สำหรับอภิญญาแล้วมันชวนให้เสียวซ่านในใจแปลกๆ ดวงตาเฉียบคมเบิกกว้างอย่างตกตะลึงเมื่อร่างผีสาวนั้นทรุดลงกับพื้นแล้วคลานเข่าเข้ามากอดแข้งกอดขาสัมผัสตัวกันได้ทั้งที่หล่อนไม่มีกายหยาบ มิหนำซ้ำใบหน้าหวานยังขยับเข้ามาคลอเคลียแข้งขาไม่หยุดก่อนจะเงยหน้ามองกันด้วยแววตาเว้าวอนสุดชีวิต ราวกับว่าตัวเองนั้นเป็นลูกแมวข้างถนนที่กำลังอ้อนวอนว่าที่ทาสคนใหม่ให้รับมันไปเลี้ยงดู

“เค้าสัญญาว่าจะไม่หลอกใครอีกแล้ว แต่เธออย่าทำอะไรเค้าเลยนะ”

หัวใจอภิญญาเต้นตุบตับๆ เพราะโดนล่อซื้อสำเร็จ ก่อนจะมีเสียงสบถดังขึ้นมาในหัวตัวเองเบาๆ

‘แม่งเอ๊ย จะมาไล่ผี แต่ดันสงสาร!’