มนุษย์เลี้ยงสัตว์ไว้เป็นอาหารฉันใด แวมไพร์ก็เลี้ยงมนุษย์ไว้เป็นอาหารฉันนั้น เป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ?
รัก,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,นิยายรัก,แฟนตาซี,โรแมนติก,แวมไพร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Vampires per Day #ต่อชีวิตแวมไพร์มนุษย์เลี้ยงสัตว์ไว้เป็นอาหารฉันใด แวมไพร์ก็เลี้ยงมนุษย์ไว้เป็นอาหารฉันนั้น เป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ?
|
“หยุดให้หมดทุกคน...แม่ของนางอุตส่าห์ดูแลเก็บซ่อนนางไว้อย่างดี เราก็ควรทำเช่นเดียวกัน” อาโนฟาลิสกล่าว
“เห็นว่ามนุษย์เปิดเพลงให้วัวฟังแล้วทำให้มันอร่อยขึ้นหนิ...ดังนั้นหากเลี้ยงนางดี ๆ หน่อย เลือดของนางอาจจะอร่อยขึ้นก็ได้” อาอีดีสเสริม
“จะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าให้นางเพ่นพ่านเกินไปนัก...ผมไม่ชอบเห็นอาหารที่ยังไม่ตาย” และนี่คำพูดจากปากอาร์มีกริซ
“นี่คือข้อเสนอที่เราจะให้ และเธอไม่ควรปฏิเสธนะ...เบเรนส์”
|
*นิยายเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือสถานที่ใดที่มีอยู่จริงทั้งสิ้น เป็นเพียงจิตนาการของผู้เขียน*
**โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน**
|
#ต่อชีวิตแวมไพร์
|
*** ถ้าชอบผลงานของเราคอมเมนท์บอกกันได้ตามสะดวก จะสติ๊กเกอร์ จะกดหัวใจได้หมดเลยนะคะ
หากจะกันติเตือนกันได้โปรดเป็นคำสุภาพนะคะ ถึงเราจะเป็นคนหยาบช้า แต่จิตใจลิตเติ้ลโพนี่ค่ะ ***
|
twitter : hischool.b
@bhischools
วันที่ 8 เดือน IX 20 ปีหลังพระเจ้าอุนัสปกครอง
“นายยังอ่านบทความพวกนี้อยู่รึ”
ชายหนุ่มที่พึ่งเข้ามาถึงยังโรงน้ำชายามเช้าในตลาดกลางเมืองตะวันออกกล่าวทักทายคนแปลกหน้าที่นั่งจิบกาแฟอยู่ด้านข้างบาร์สั่งเครื่องดื่ม
คนถูกทักยิ้มรับ พลางวางกระดาษพิมพ์หน้าเดียวที่อ่านอยู่เมื่อครู่ลงบนโต๊ะ เผยให้เห็นเนื้อหาที่เขาอ่าน มันเขียนไว้ว่า ‘บทความว่าด้วยเรื่อง ‘แวมไพร์’ โดย Lady Hischooly ฉบับวันที่ 1 เดือน III 10 ปีหลังพระเจ้าอุนัสปกครอง’
“ไม่น่าเชื่อนะว่าในยุคสมัยนี้แล้วนางยังหากินกับเรื่องทำนองนี้ได้อยู่” ชายคนเดิมพูดเสริม
“นี่ฉบับเก่าน่ะ ผมก็อ่านฆ่าเวลาไปอย่างนั้น” เขาตอบในที่สุด “เหมือนนางจะไม่ได้พิมพ์ฉบับใหม่มาหลายเดือนแล้ว”
“งั้นเหรอ ผมไม่ค่อยได้ติดตามอ่านอะไรพวกนี้หรอก หลังจากที่ทางการจ่ายวัคซีนให้แก่เรา” ชายหนุ่มว่า พลางหันไปขอบคุณบริกรที่นำเครื่องดื่มมาให้ ก่อนจะยกมันขึ้นดื่ม
บทสนทนาทั้งคู่เงียบไปไม่นาน ชายหนุ่มผู้อัธยาศัยดีก็หันไปหาคู่สนทนาใหม่ ผู้ที่อ่านหนังสือพิมพ์ออกเสียงดังมาจากอีกข้างของตัวเขา
“ทางการยุติการไล่ล่าแวมไพร์อย่างสมบูรณ์! เป็นข่าวที่น่ายินดียิ่ง เพราะนั่นแปลว่าวัคซีนมันได้ผลจริง ๆ”
“ก็ใช่น่ะสิ นอกจากวัคซีนที่ทางการคิดค้นจะได้ผลแล้ว ทางการยังทำงานได้ไวจริง ๆ บ้านเมืองกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ ยังสามารถปูพรมแจกจ่ายวัคซีนให้แก่ประชาชนได้ทั้งหมดภายในเวลาไม่กี่ปี” เขาว่า เสียงที่ดังอย่างมีความสุขของเขาเชิญชวนทุกคนภายในร้านให้เข้ามาร่วมวงสนทนาได้ไม่ยากเลย
“ฉันยังรู้สึกผิดที่ต่อยคนของทางการตอนมาบุกบ้านฉันยามดึกพร้อมเข็มฉีดยาแหลม ๆ อยู่เลย”
“ลูกชายที่รับราชการของฉันเป็นหนึ่งในคนที่ไปแจกจ่ายวัคซีนด้วยแหละ”
“ดูเอาเถิด ตอนนี้ใครบ้างที่ไม่ได้รับวัคซีน หายากพอ ๆ กับหาไข่มังกร...เผลอ ๆ ไข่มังกรอาจหาง่ายกว่า”
คนที่ได้ยินดังนั้นก็พากันหัวเราะ
“นายก็ช่างเปรียบเหลือเกิน” มีคนหนึ่งพูดขึ้น “ว่าแต่ไอ้ฉันก็ยังไม่เข้าใจนักว่าวัคซีนเข็มเดียวนี้ มันป้องกันเราจากแวมไพร์ได้อย่างไร”
“ก็พวกแวมไพร์น่ะ มันได้กลิ่นเลือด เลือดมนุษย์เป็นสิ่งที่หอมหวานสำหรับพวกมัน ซึ่งวัคซีนนี้มันจะช่วยให้เลือดพวกเรากลายเป็นของเหม็นสำหรับพวกมันแทน และถึงแม้มันจะฝืนกินเข้าไป แวมไพร์ตัวที่กินเลือดคนที่ได้รับวัคซีนแล้วก็จะตายในที่สุด ราวกับกินยาพิษเลยทีเดียว”
คนภายในโรงน้ำชาพากันพยักหน้า ส่งเสียงรับในคอว่าเป็นอันเข้าใจ
มีใครคนหนึ่งถามขึ้นมาว่า
“แล้วเช่นนั้นพวกแวมไพร์จะอยู่ยังไง”
“ยัยนักเขียนที่นายชอบอ่านก็เคยบอกเอาไว้นี่ ว่าแวมไพร์มันกินเลือดสัตว์อื่นเป็นอาหารได้ หรือถ้าไม่ได้มันก็อดตายไปเอง โดยที่ทางการไม่ต้องเหนื่อยจัดการอีก”
“ถึงว่า หมูในเล้าบางตัวมันดูผอม ๆ ไป”
“เลือดหมูคงขายดีทีเดียว”
ผู้คนต่างหัวเราะชอบใจ
ณ ป่ารกร้างแถบชานเมืองตะวันออกที่ค่อนข้างห่างไกลผู้คน มีคฤหาสน์ใหญ่โตตั้งตระหง่านอยู่ แม้จะดูไม่เก่าหรือทรุดโทรม แต่ดูจากการออกแบบก็พอจะทราบว่ามันคงถูกสร้างมานานมากแล้ว
หากมองลึกผ่านหน้าตาทรงโค้งเข้ามาในตัวบ้าน แม้จะสัมผัสได้แต่ความเงียบเหงา เย็นยะเยือก ถึงกระนั้นก็มีใครกำลังพูดคุยกันอยู่ในห้องขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง ท่ามกลางห้องหับอีกมามาย
“ว่ามาพ่อบ้านฟลู”
สิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ที่กำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่เอ่ยขึ้นเสียงเข้ม และหากไล่พินิจจากศีรษะลงไปยังปลายเท้าก็ไม่พบสิ่งใดผิดแผกไปจากคนปกติ ผมของเขามีสีดำสนิท ส่วนที่ตกลงมาปรกหน้าผากเล็กน้อยและแสกกลางเผยให้เห็นคิ้วดกคมเข้มไปทางเดียวกับสีผม ตา หู จมูก ปากครบถ้วนเข้ารูปกับใบหน้าเรียวยาว ไม่มีตรงไหนขาด ตรงไหนเกิน อาจจะติดก็ตรงที่รูปร่างของเขาดูสูงใหญ่ ช่วงตัวดูกว้างผิดมนุษย์มนาไปหน่อย ทั้งหมดนี้ถูกซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยสูทสีกรมท่า ที่สุดของความสมบูรณ์แบบยากจะหาใครเทียบ
“อาหารในคลังของเราเหลือพอสำหรับปีครึ่ง ส่วนแหล่งอาหารใหม่กระผมยังคงเร่งหาอย่างสุดความสามารถ แต่...” อีกสิ่งคล้ายมนุษย์ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเอ่ยตอบ ร่างเขาสูงใหญ่ไม่ต่างจากอีกคน เพียงแต่ใบหน้าตอบ ร่างกายออกไปทางซูบผอม และผิวหนังมีซีดกว่ามาก
“ยังไม่พบสินะ”
“ครับ” เขาดูลำบากใจจะตอบ “การหาคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนนั้นยากกว่าที่เราคิด เพราะอย่างที่คุณทราบ ทางการออกนโยบายวัคซีนเชิงรุก ไล่ปูพรมบังคับฉีดวัคซีนทุกพื้นที่ และสำเร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว แบบที่ประชาชนเองก็ยังไม่ทันตั้งตัว เราก็เลยเตรียมตัวรับมือได้ช้าไปเสียหน่อย”
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะหายากขนาดนี้... การตัดสินใจที่เด็ดขาด และความกล้าได้กล้าเสียขององค์ราชาของเรานี่น่ากลัวจริง ๆ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าวัคซีนให้ผลร้าย สิ่งที่ท่านทำไม่เป็นการฆ่าล้างโคตรมนุษย์แทนหรอกรึ” ชายหนุ่มว่าเสียงเครียด
“แล้วเราจะทำยังไง ถ้าเกิดหาไม่เจอจริง ๆ ก็เท่ากับพวกเรากำลังนั่งรอวันตายเท่านั้น...หรือจะให้เอาเลือดหมูมากินจริง ๆ ...”
“ก็ถ้าพวกคุณ ๆ ทั้งสามลองดู ก็คงไม่ต้องลำบากหา...”
“...”
ชายในนามพ่อบ้านไม่สามารถเอ่ยได้จบประโยคที่ตั้งใจ เมื่อเห็นสายตาคมกกริบอันน่าหวาดกลัว โดยเกรงว่าหากเขาพูดต่อจนจบคงได้ตายซ้ำอีกรอบแน่ คุณพ่อบ้านจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“อันที่จริง เรามีอีกทางเลือกหนึ่งครับ”
“ยังไง”
“คุณหมอเฟร็ดบอกว่า มีมนุษย์บางคนที่ถึงแม้ได้รับวัคซีนแล้ว แต่วัคซีนไม่ออกฤทธิ์ ทำให้เลือดไม่กลายเป็นพิษ ยังสามารถนำมาทานได้”
“แล้วจะหาตัวคนพวกนั้นเจอได้ยังไง”
“หาได้จากกลิ่นครับ”
“...”
“เพราะเหมือนว่า...กลิ่นเลือดของคนพวกนั้นจะหอมหวานขึ้นหลายเท่าตัว”