เรื่องราวของ คู่แห่งโชคชะตา เป็นคำพูดที่ดูจะเพ้อภพสำหรับ เขา อัลฟ่าที่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะแพ้ให้กับใครในโลกใบนี้ จนกระทั้งวันหนึ่ง... ‘ผมไม่เคยรู้สึกแพ้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ’
ชาย-ชาย,รัก,ไทย,Omegaverse ,น่ารัก,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)เรื่องราวของ คู่แห่งโชคชะตา เป็นคำพูดที่ดูจะเพ้อภพสำหรับ เขา อัลฟ่าที่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะแพ้ให้กับใครในโลกใบนี้ จนกระทั้งวันหนึ่ง... ‘ผมไม่เคยรู้สึกแพ้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ’
เรื่องราวของ คู่แห่งโชคชะตา เป็นคำพูดที่ดูจะเพ้อภพสำหรับ เขา อัลฟ่าที่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะแพ้ให้กับใครในโลกใบนี้
จนกระทั้งวันหนึ่ง...
‘ผมไม่เคยรู้สึกแพ้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ’
ธีรัช
เรื่องราวของ คู่แห่งโชคชะตา เป็นคำพูดที่ดูไกลห่างสำหรับ เขา โอเมก้า ที่ไม่เคยย่างก้าวออกจากอาณาเขตของตน
จนกระทั้งวันหนึ่ง...
“คุณทะเลของทัชใจดี”
ทัชชา
You make me feel so safe whenever I’ m with you.
🎐
I’ m smitten with you
🌅
พูคคุย: นิยายเรื่องนี้ ฟิลกูด ฮีลใจ ที่สุดเท่าที่เคยเขียนเลยค่ะ คุณธีรัช เดบิลเป็น ไมโครเวฟ สร้างความอบอุ่นหัวใจ น้องทัช เดบิลเป็น ดวงอาทิตย์ สาดส่องความสดใส
#ธีรัชทัชชา
⚠️นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งไม่ได้มีการอ้างอิงถึงความเป็นจริงใดใดทั้งสิ้น อาจมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ⚠️
บทที่ ๑
แรกกลิ่นคะนึ่งหา
“ ไม่มีอะไรขาดเหลือนะตัวเล็ก”
“ไม่มีครับ พี่ทิกลับไปทำงานต่อเถอะครับ”
ทัชชาที่กำลังใช้แรงดันประตูห้องให้ปิดลงชะงักเมื่อมือของพี่ชายจับขอบประตูเอาไวใบหน้าของน้องชายยับย่นไม่พอใจเขาอย่างแรงจนทิวากรที่ยืนอยู่หน้าประตูยกยิ้มบาง
“พี่ทิเดี๋ยวกลิ่นติด น้องจะนอนไม่หลับ!”
“ฮาฮาฮา พี่อยู่แต่ตรงหน้าประตูมันจะได้กลิ่นไปถึงห้องนอนเราเลยเหรอ…โอเคพี่ไม่แกล้งแล้ว”
ทิวากร ที่กลั่นแกล้งน้องด้วยการจับกรอบประตูไม่ให้ปิดอยู่หน้าห้องจนพอใจก็ถอยห่างจากห้องเมื่อเจ้าตัวเล็กของเขาทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ให้ดูถ้าเขายังไม่ยอมถอย
ใบหน้าเล็กมู่ทู่เช่นนั้นมันน่าแกล้งน้อยเสียที่ไหนกัน...
“พี่ทิอย่าแกล้งทัชสิ…ทัชขอล่ะ”
สำหรับทัชชาแล้วมันไม่สนุกเลย กลิ่นโฟโรโมนของอัลฟ่ามันคือฝันร้าย มันทำให้เขารู้สึกอึดอัด หวาดกลัว และวิตกกังวล โดยเฉพาะกลิ่นฟีโรโมนที่รุนแรง เมื่ออัลฟ่าหลั่งออกมาด้วยความโกธร โมโห หวงถิ่น หรือติดสัตว์ มันอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตของเขาได้เลยถ้าได้สัมผัส อัลฟ่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับทัชชา…..หลังเหตุการณ์นั้น
แม้แต่ทิวากรผู้เป็นพี่ชายแท้ ๆ ยังไม่สามารถเข้าหน้าทัชชาได้ด้วยความที่เป็นอัลฟ่า ดีที่พักหลังมานี้ ทัชชามีพัฒนาการที่ดีขึ้นมากแต่เจ้าตัวก็ยังไม่พร้อมที่จะออกไปผจญโลกภายนอกอยู่ดี ได้แต่ใช้ชีวิตอยู่ในห้องที่ครอบครัวจัดหาไว้ให้ แม้จะดูเป็นชีวิตที่ถูกจับขังไว้อยู่ในกรงแต่ก็เป็นกรงที่ทัชชาพอใจที่จะอยู่
ทิวากรก็ได้แต่หวังว่า...สักวันทัชชาจะพร้อมก้าวออกจากห้อง...ข้ามผ่านเรื่องราวเลวร้ายในอดีตได้
“ชู่ ตัวเล็กไม่มีอะไรแล้ว....พี่อยู่ตรงนี้”
ฝ่ามือของทิวากร วางลงบนศีรษะของทัชชาคล้ายจะปลอบขวัญเรียกทัชชาออกจากภวังค์ความคิดที่กำลังทำให้เจ้าตัวเล็กของเขาสั่นไหว
“อ้ะ!”
“…”
ทัชชาผวาถอยหลังจนเกือบล้มตามสัญชาตญาณที่ร้องเตือน ร่างกายสั่นเทา ใบหน้าซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้างมองพี่ชายด้วยความหวาดกลัว ทิวากรใจหายวาบเมื่อเห็นสีหน้าของน้องชาย เขาเกร็งนิ้วก่อนกำมือแน่น ค่อยวางมันกลับข้างลำตัวทำได้เพียง พยายามกลั้นรอยยิ้มเจ็บปวด และฝืนส่งรอยยิ้มบอกเป็นกรายว่าตนเองไม่เป็นไร ให้กับน้องชายที่มองมาอย่างขอโทษ
ดวงตาคมหลุบลงมองแขนของทัชชาที่ยกขึ้นกอดตัวเอง น้องค่อย ๆ ที่จะก้าวถอยหลัง ถอยห่างจากตัวเขาโดยที่เจ้าตัวเองก็คงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอแสดงอาการหวาดกลัวเขาออกมา…
เฮ้อ..…คิดว่าจะเข้าใกล้กันได้มากกว่านี้เสียอีก…เป็นตัวเขาเองที่ผิด….ผิดทั้งตอนนี้และตอนนั้น ทิวากรได้แต่กล่าวโทษตัวเองในใจ
“มันจะไม่เกิดขึ้นอีกพี่ให้สัญญา”
ทิวากรให้สัญญาเหมือนเดิมทุกครั้งเมื่อมาพบน้องชาย เพื่อตอกย้ำถึงความผิดพลาดของตนเอง…ที่รู้ดีว่าไม่อาจกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว…
“….อือ”
ทัชชาพยักหน้ารับปลายคางชิดอก ไม่กล้าสบตาผู้เป็นพี่ชายได้แต่ครางรับในลำคอ…อยู่เหมือนเขาทำให้บรรยากาศวันนี้แย่ลงอีกแล้ว
“พี่จะไปแล้วนะ…เราจะได้พักผ่อนขาดเหลืออะไรโทรหาก็แล้วกัน ขอให้เป็นวันที่ดีนะทัชชาของพี่”
ทิวากรเอ่ยลาพร้อมปิดประตูกลั้นกลางระหว่างเขากับน้องชายไม่ได้รอให้น้องเอ่ยคำลาใด ๆ ให้ลำบากใจไปมากกว่านี้ วันนี้ดีมากเท่าไรแล้วที่ทัชชาเปิดประตูออกมาคุยด้วย อีกหนึ่งเหตุผลที่เขาเลือกจะจบบทสนานาลง ก็เพื่อไม่ให้เขาเผลอดึงน้องชายตัวน้อยที่กำลังสั่นกลัวมากอดปลอบ...การทำเช่นนั้นอาจให้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามกับเจตนาของตนโดยสิ้นเชิง
ทิวากรส่งรอยยิ้มให้กับประตูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนถอยหลังก้าวเดินออกมา หวังว่าจะมีสักวันที่ได้จับจูงมือกันไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ …จะได้ตะครองกอดน้องดั่งเช่นวันวาน
ทิวากรไม่อยากถูกน้องมองด้วยสายตาหวาดกลัวราวกับตนเป็นอสูรร้ายเช่นนั้นอีกแล้ว…บางครั้งทิวากรก็นึกเกลียดตัวเองที่เป็นอัลฟ่า...ต้นเหตุของเรื่องราวร้าย ๆ ที่น้องพบเจอ
เบื้องหลังประตูที่ปิดลง ร่างกายที่ฝืนบังคับตัวเองไม่ให้หวาดกลัวพี่ชายตัวเองของทัชชาทรุดลงกอดตัวเอง แพขนตาหนากระพริบไล่น้ำตาที่เริ่มคลอหน่วง…เขายังไม่พร้อมจริง ๆ
ทัชชาไม่ได้อยากหวาดกลัวผู้เป็นพี่ชายแต่เขาไม่อาจห้ามร่างกายของตนเองที่หวาดกลัวอัลฟ่าได้ สองเท้าน้อยพยุงกายเข้าห้องนอนที่เปรียบดั่งหลุมหลบภัยอันแสนปลอดภัยในความคิดของทัชชา เดินไปทิ้งตัวบนโซฟาที่เต็มไปด้วยกองหมอน และตุ๊กตาหมี ที่ถูกสุมเป็นกองบนโซฟาเกยทับกันจนล้นทั้งบนพนักวางแขน และพนักพิงหลัง มีพื้นที่เพียงเล็กน้อยให้เจ้าตัวเล็กได้มุดไปนั้ง
ทัชชาอยู่สึกปลอดภัยยามนั่งอยู่ท่ามกลางพวกมัน เจ้าตัวนอนกอดเข่าเอนหนุนตักตุ๊กตาหมีตัวโตที่กินพื้นที่ไปแล้วครึ่งของโซฟา
เอื้อมกดรีโมทคอนโทรลหาช่องพาเที่ยวที่ตนกดดูค้างไว้…หวังให้เรื่องที่ตนชอบจะกลบฝังอารมณ์ที่เริ่มไม่สงบนิ่งของตัวเอง
ดวงตากลมมองท้องทะเลในโทรทัศน์อย่างหลงใหลทัชชาชอบทะเล…สีของน้ำทะเลส่องประกายระยิบระยับยามเมื่อดวงอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้าช่างเป็นภาพที่ชวนให้หลงใหล โทนสีของท้องฟ้าที่ไล่จากฟ้าคราม ม่วง ชมพู เหลือง แดง ฟรุ้งด้วยปุยเมฆบางเบา ท้องฟ้าและพื้นน้ำถูกแต่งแต้มได้อย่างลงตัว ภาพของดวงอาทิตย์ที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำทะเลสีฟ้าพร่าเลือนคล้ายประตูสู่วังวนชวนให้เหม่อมอง
ทัชชา ส่องดูรายการที่นำเสนอทะเลมาหลายอาทิตย์จนเจ้าตัวนึกหลอนว่าได้กลิ่นอายของทะเลผ่านทะลุเข้ามา จมูกที่ขึ้นสีแดงระเรือขยับดมฟุดฟิต กลิ่นที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่นค่อย ๆ ขับกล่อมให้ทัชชาที่กำลังเครียดรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ลืมเลือนเรื่องของพี่ชายที่พบเจอในวันนี้
ทัชชาเป็นโอเมก้าที่ขี้ระแวงต้องสอดส่องรังของตนเองไม่ให้มีกลิ่นประหลาดหลุดรอดเข้ามา บางครั้งเมื่อหลับตาลงเพื่อจะนอนก็มักจะฝันร้ายกว่าจะหลับได้แต่ล่ะครั้งจำต้องใช้ยานอนหลับหรือยากล่อมประสาทช่วย…แต่ครั้งนี้กลับจมลงสู่ห่วงนิทราได้อย่างง่ายดายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
.
.
.
อีกด้านหนึ่ง
(“อาจารย์ห้องพออยู่ได้ไหมคะ ”)
“ได้ครับ ถ้ามีปัญหาอะไรผมจะติดต่อไปแล้วกันครับ”
ธีรัช กดวางสาย ผู้ดูแลสาวที่ถูกจัดหาให้มาดูแลเขาในช่วงนี้ คอนโดใหม่ของเขาที่ให้ทางผู้ดูแลคนใหม่จัดหาให้เป็นห้องชุดยกหลังคาสูงทำให้ห้องดูโปร่งโล่งหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำและห้องโถงใหญ่ที่มีมุมห้องครัวฝรั่งแม้จะดูแคบกว่าห้องเก่าที่เขาเคยอยู่มากแต่อุปกรณ์ในห้องก็ดูครบครันไม่ขาดเหลืออะไรห้องถูกจัดตกแต่งตามที่เขาต้องการโทนสีฟ้าและสีขาวสะอาดตา
ธีรัชเดินลึกเข้าไปสำรวจห้องนอนที่ถูกกลั้นด้วยประตูบานเลื่อนและผ้าม่าน ข้างเตียงใหญ่มีประตูบานเลื่อนกระจกที่ใช้ออกไปยังระเบียง ระเบียงของห้องค่อนข้างใหญ่คล้ายให้คนออกมานั่งสังสรรได้ เมื่อมองออกไปจะเห็นภาพของตึกรามบ้านช่องน้อยใหญ่ตั้งเรียงราย รถวิ่งผ่านไปมาได้คล่องตัวมองดูแล้วเพลินตาไม่ได้ติดขัดเฉกเช่นในเมืองใหญ่ที่เขาเคยอยู่
ตอนนี้ใกล้ค่ำแล้วแสงไฟจากหลอดไฟริมทางและบ้านเรือนเริ่มส่องสว่างให้แสงแทนดวงตะวันที่ลาลับขอบฟ้า
แสงสีและความสว่างไสวช่วยตกแต่งค่ำคืนที่มืดมิดให้งดงามได้ไม่น้อย
“หืม..?”
ธีรัชร้องครางอย่างประหลาดใจยามเมื่อเลื่อนเปิดประตูกระจกกลิ่นหอมของบางสิ่งอบอวลขึ้นมา แทนที่จะเป็นกลิ่นของควันและฝุ่นอย่างที่เขาคิด เมื่อเมี่ยงมองไปรอบด้านก็พอเดาที่มาของกลิ่นได้ ระเบียงข้างกันที่ห่างกันเพียงเอื้อมมือ เต็มไปด้วยแปลงของดอกไม้ นานาชนิด ท่ามกลางแปลงดอกไม้มีหมีตัวโตที่กำลังนั่งอยู่บนเกาอี้ไม้โยก ใบหน้าอ้วนกลมของมันกำลังหันมามองเขา
ธีรัชยกยิ้มขำ ถ้าออกมาดูดึกกว่านี้เขาคงมีตกใจเป็นแน่ เจ้าของตุ๊กตาหมีลืมเก็บมันหรือไรกันนะ ปล่อยให้นั่งเหงาเชียว ธีรัชเชื่อไปกว่าครึ่งแล้วว่าข้างห้องเขาต้องเลี้ยงเด็กเป็นแน่ แต่สิ่งที่ดึงดูดเขาจนไม่อาจล่ะความคิดออกจากห้องข้าง ๆ คงเป็นกลิ่นหอมที่ทำให้ธีรัชรู้สึกผ่อนคลายจนเผลอหลุดยิ้มออกมาคล้ายคนมัวเมาบางสิ่ง ข้างห้องเขาปลูกดอกไม้อะไรกัน
“ดูแล้วเราคงต้องหาดอกไม้พวกนั้นมาปลูกบ้างแล้ว”
กล่าวกับตัวเองเสร็จก็เดินเข้าห้องเพื่อหวังจะเคลียร์ของและงานอีกเล็กน้อย ก่อนจะพักผ่อน
ธีรัช เป็นอัลฟ่าที่ถือว่ามีหน้ามีตาในสังคมพอสมควรอาจเพราะฐานะทางตระกูล หรืออาจจะรู้จักเขาในฐานะของอาจารย์เจ้าของผลงานหนังสือแนวทางธุรกิจต่าง ๆ ที่เขาเขียน หรือแม้แต่หนังสือประโลมโลกอย่างนวนิยาย แน่นอนว่าอย่างสุดท้ายผู้คนรู้จักเพียงแค่นามแฝงของเขาเท่านั้น
การที่ต้องเขียนหนังสือเล่มใหม่ให้ทางสำนักพิมพ์ที่เรียกร้องมาหลังเขาหายหน้าไปถึงสองปีทำให้เขาต้องสรรหาโลเคชั่นใหม่ ๆ เพื่อดึงไอ้เดียออกมาหรือเพื่อปรับเปลี่ยนอารมณ์ของตัวเองให้มีไฟเขียนขึ้น
…ขอแค่เป็นผลงานของเขาไม่ว่าจะเป็นหนังสือแบบไหนทางสำนักพิมพ์ก็ต้องการทั้งนั้น...
จรดพบค่ำใกล้เข้าเวลานอนของชายหนุ่ม ธีรัชกลับไม่อาจข่มตาหลับได้ทั้งที่เหนื่อยกับการเดินทางไกลมาก็ตาม ร่างกายเขากำลังเรียกร้องหาบางอย่างที่เขาเองก็งงตัวเองว่ากำลังต้องการสิ่งใด…สุดท้ายเมื่อไม่อาจหลับได้ธีรัชเลือกที่จะออกมารับลมริมระเบียงเผื่อมันจะทำให้มันรู้สึกง่วงขึ้นได้บ้าง…น่าประหลาดกลิ่นหอมของดอกไม้ข้างห้องช่วยให้เขารู้สึกสบายขึ้น ราวกับได้รับการปลดปล่อยจากอาการกระสับกระส่ายที่เป็นอยู่…..คืนนั้นธีรัชเปิดประตูบานเลื่อนทิ้งไว้เพื่อให้กลิ่นหอมที่ทำให้เขารู้สึกสบายโชยเข้ามาในห้อง...นั่นแหละธีรัชถึงหลับลงแม้เพียงกลิ่นของมันจะบางเบาก็ตาม
ช่างเป็นคืนที่ประหลาดดีในชีวิตของธีรัชที่ถูกล่อลวงด้วยกลิ่นดอกไม้ของเพื่อนบ้านข้างห้อง….พรุ่งนี้เขาคงต้องหาดอกไม้พวกนั้นมาประดับห้องให้จงได้
....
.
.
ทัชชารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความหิว ทิวทัศน์รอบห้องยังคงเป็นแสงสลัวจากโคมไฟน้อยใหญ่ที่รายล้อมบอกเจ้าตัวว่ายังไม่ผ่านช่วงเวลาของค่ำคืน
“ตีสามเลยเหรอนี่”
นาฬิกาดิจิตอลบนผนังห้องบ่งบอกเวลาที่ทัชชาเองยังตกใจ ดูเหมือนเจ้าตัวจะหลับไปนานกว่าที่คิดมาก
“เผลอหลับได้ขนาดนี้เชียวเหรอเรา”
เสียงท้องที่ร้องประท้วงทำให้ต้องลุกขึ้นออกจากโซฟาที่ล้มตัวนอนไปหาของกิน เป็นแซนวิสที่ทำเก็บไว้กับนมอุ่น ๆ ทัชชายังไม่อยากทำอาหารเป็นจริงเป็นจังสองเท้าเดินทอดหน่องพร้อมของกินในมือออกมากินลมชมวิวยามค่ำคืน…เป็นคืนที่ท้องฟ้าดูจะเป็นใจไม่น้อยดวงดาวยังคงส่องแสงสู้กับแสงของเมืองใหญ่แม้จะไม่เห็นแจ่มชัดก็ตาม….ที่ส่องแสงสู้กับแสงในเมืองใหญ่ได้ก็คงมีแต่ดวงจันทร์…ล่ะมั้ง
ทัชชานั่งทับลงบนตุ๊กตาตัวโตทำราวกับตนนั่งตักตุ๊กตาให้ตุ๊กตาตัวโตโอบกอดตนเองไว้…
“โอ้ะทัชขอโทษคุณชอนนี่”
ซอสมะเขือเทศสีแดงสดไหลเยิ้มลงบนขนปุยขาวของตุ๊กตาชอนนี่ ทัชชาตกใจรีบลูบเช็ดเบา ๆ แต่ยิ่งเช็ดก็ดูเหมือนจะยิ่งเลอะเทอะไปใหญ่ เขาได้แต่ถอนหายใจให้กับความซุ่มซ่ามของตัวเอง
“นี่คุณชอนนี่ทัชชาว่าเราควรต้องอาบน้ำกันหน่อยแล้วแหละ”
ทัชชาเงยหน้าขึ้นมองตุ๊กตาตัวโตพร้อมกับส่งยิ้มแห้งให้ ตุ๊กตาหมีตัวโตที่เจ้าตัวตั้งชื่อให้ว่าชอนนี่มันเป็นหนึ่งใน5ตัวตุ๊กตาหมียักษ์ในห้องของทัชชาแน่นอนว่าตุ๊กตาเหล่านี้ล้วนเป็นตุ๊กตาตัวโปรดทั้งสิ้น...ทัชชามองพวกมันเป็นเพื่อนไว้คุยเล่น
“หืม ข้างห้องเขาลืมปิดประตูเหรอ ยุงไม่เข้าไปหามแล้วเหรอนั่น?”
ดวงตากลมโตสอดส่องมองไปรอบ ๆ ไปสะดุดกับผ้าม่านที่ปลิวสไหวรอดออกมา กลิ่นหอมบางอย่างที่ลอยมาตามลมที่เริ่มพัดแรงขึ้น ทำให้ทัชชาเลิกคิ้วสงสัย ราวกับกลิ่นเปลวแดดของท้องทะเล ที่ทำให้รู้สึกสดชื่น ทัชชาหายใจยาวขึ้นเพื่อสูดกลิ่นหอมเข้าปอดให้ได้ลึก ๆ ดูเหมือนเพื่อนบ้านของเขาจะมีกลิ่นสเปรย์ปรับอากาศที่เขาถูกใจเสียแล้ว
จะว่าไปทัชชาเองก็พึ่งเห็นเพื่อนข้างห้องกลับมาใช้ห้องตั้งแต่ซื้อห้องชุดนี้มาทัชชาก็ไม่เคยเห็นใครมาอาศัยอยู่ ตอนที่สอบถามผู้ดูแลก็พอจะได้ความว่าเจ้าของห้องเป็นโอเมก้าเหมือนกันเขาจึงตัดสินใจซื้อห้องนี้มา
คงต้องเริ่มทำความรู้จักกับคนโดยรอบ ดูก็ไม่เสียหายกับโอเมก้าด้วยกัน คงไม่น่ากลัวนักหรอกมั่ง…ทัชชายิ้มรับกับความคิดของตัวเองเดินลุกเอาจานไปเก็บเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอกห้อง ในช่วงตีสี่ของทุกวัน ทัชชาจะลงมาทิ้งขยะข้างล่างหอพักและเดินออกกำลังกายเล็กน้อย ช่วงเวลานี้ผู้คนมีให้เห็นเพียงนับนิ้วเท่านั้นผู้คนส่วนใหญ่ยังคงหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา
ทัชชาลงมาข้างล่างด้วยชุดคลุมมิดทั้งตัวไม่มีส่วนใดของร่างกายโผล่พ้นให้ได้เห็น กระทั้งดวงตาก็ถูกบดบังด้วยแว่นกันแดด
“ทัชชาให้พี่ขึ้นไปเอาขยะห้องเรามาทิ้งให้ก็ได้ จะได้ไม่ต้องลำบาก”
“ไม่เป็นไรฮะพี่อชิ ทัชอยากลงมายืดเส้นยืดสาย”
อชิเป็นนิติที่เฝ้าเคาน์เตอร์ในช่วงเวลาตีสามถึงหกโมงเช้า เขามักเห็นเจ้าตัวเล็กในชุดคลุมทั้งตัวมิดชิดลงมาข้างล่างในช่วงเวลานี้ของทุกวัน วันแรกที่เข้ามาทำงานอชิยอมรับว่าตกใจไม่น้อยนึกว่าเจ้าตัวเป็นโจร ได้ยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูช่วยอธิบายจึงรู้ว่าน้องเป็นโรคกลัวคนโดยเฉพาะพวกอัลฟ่า อชิที่เป็นโอเมก้าเช่นเดียวกับทัชชาจึงเข้าใจได้อย่างไม่ยากเย็นและไม่คิดถามถึงที่มาของโรคกลัวผู้คนนี้
“เฮ้อพี่กลัวว่าเราจะถูกตำรวจรวบเข้าซักวันจริง ๆ ”
“ทัชชาไม่ได้ทำไรผิดเสียหน่อย ทำไมต้องโดนตำรวจจับด้วย”
ทัชชาโคลงศีรษะ อย่างไม่เข้าใจกับคำกล่าวของรุ่นพี่โอเมก้า
“ เอาเถอะ จะว่าไปห้องข้าง ๆ ทัชชามีคนมาอยู่แล้ว เราจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม ”
อชิอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“ไม่เป็นไรครับ ทัชเองก็อย่างลองทำความสนิทกับเพื่อนข้างห้องเหมือนกันจะได้ฝึกเข้าสังคมด้วย”
“สู้ ๆ ไว้ทัชชาสามารถไปไหนมาไหนได้พี่จะพาทัชชาไปเลี้ยงของอร่อยนะ”
“ขอบคุณครับ”
แม้ทัชชาจะสามารถออกมาข้างนอกได้แต่ก็ไม่เคยออกจากบริเวณของคอนโด คนตัวเล็กเดินไปยังบ่อน้ำเล็ก ๆ ข้างตึกพักพร้อมกับโปรยอาหารปลาที่หยิบติดมือมาจากห้องทุกเช้า การให้อาหารปลาทำให้ทัชชารู้สึกสงบใจแม้จะอยู่ข้างนอกห้อง มันเป็นวิธีที่ทัชชาใช้เพื่อฝึกตนเองให้อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ให้จิตใจหวาดกลัวแม้จะอยู่ข้างนอก
แต่ถึงกระนั้นเมื่อมีคนเดินผ่านเจ้าตัวก็อดจะสะดุ้งทุกครั้งเสียไม่ได้
เมื่อเห็นว่าคนเริ่มเยอะเกินกว่าที่ตนเองจะพอไหว ทัชชาก็เดินกลับขึ้นห้อง ลิฟต์ถูกกดเพื่อให้มันมารับ เลขชั้นค่อย ๆ เคลื่อนลงมา ทัชชาภาวนาขอให้คนในลิฟต์ไม่เยอะ เบี่ยงตัวหลบมุมเพื่อไม่ให้ตัวเองกีดขวางคนในลิฟต์ และเป็นการเว้นระยะห่างของตัวเองกับคนที่กำลังออกมาจากลิฟต์
ติ้ง
เสียงสัญญาณของลิฟต์ดังขึ้นเมื่อปะตูลิฟต์เปิดออก
“ผมจะรีบไป”
คนในลิฟต์กำลังคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางรีบร้อน และเดินออกไปอย่างรวดเร็ว กลิ่นหอมที่เหมือนติดอยู่ในความทรงจำของทัชชาลอยฟรุ้งปะทะออกมา
ทัชชานิ่งค้างไป มองเจ้าของกลิ่นฟีโรโมนอย่างเลื่อนลอย แต่ก็รีบดึงสติกลับมาอย่างไม่ยากเย็น เนื่องจากสัมผัสได้ว่าคนคนนั้นเป็นอัลฟ่าและกำลังมีกลุ่มคนเดินเข้ามาสัญชาตญาณที่เกรงกลัวต่อสิ่งที่แข็งแกร่งกว่าและ ปมในจิตใจของทัชชาสั่งให้ร่างกายเดินเข้าลิฟต์และรีบกดปุ่มปิดประตูลิฟต์ทันที
กายบอบบางทรุดลงกับพื้นของลิฟต์ที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นหอมจาง ๆ ของคนผู้นั้น ทั้ง ๆ ที่ทุกทีที่เจอกลุ่มคนกำลังเดินมาทัชชาจะปลีกตัวไปใช้ทางหนีไฟทันทีอย่างไม่ลังเลแต่ครั้งนี้เขากับเลือกที่จะพุ่งตัวเข้าหาลิฟต์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นฟีโรโมนของผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นอัลฟ่า…ราวกับรู้สึกว่า..ตราบใดที่อยู่ภายใต้กลิ่นฟีโรโมนนี้ตัวเองจะปลอดภัย….
เลือดในกายดูร้อนผ่าวไปหมด ใบหน้าของทัชชาขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะร่างกายที่ร้อนวูบวาบ ราวกับกลิ่นนี้ได้กระตุ้นบางอย่างในกายโอเมก้าของเขา
ทัชชารีบวิ่งกลับห้องที่อยู่ริมสุดทันทีเมื่อลิฟต์เปิดออกกลิ่นหอมนั่นยังคงตามเขาไปราวกับเจ้าของกลิ่นได้เดินผ่านแถวนี้
ปึง!
ทัชชาปิดขังตัวเองในห้องซุกกายลงบดเบียดกับตุ๊กตาบนเตียง
คนคนนั้นเป็นใครกันทำไมทำให้ใจสั่นได้ขนาดนี้กัน…อยากได้กลิ่นฟีโรโมนนั้นอีกจัง
ทัชชาไม่ชอบเลยที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้