เรื่องราวของ คู่แห่งโชคชะตา เป็นคำพูดที่ดูจะเพ้อภพสำหรับ เขา อัลฟ่าที่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะแพ้ให้กับใครในโลกใบนี้  จนกระทั้งวันหนึ่ง... ‘ผมไม่เคยรู้สึกแพ้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ’  

ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse) - บทที่ ๗ จะอนุญาตให้ฉันจีบเธอไหมคนดี โดย wah_cherly @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,Omegaverse ,น่ารัก,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

Omegaverse ,น่ารัก,#BL

รายละเอียด

เรื่องราวของ คู่แห่งโชคชะตา เป็นคำพูดที่ดูจะเพ้อภพสำหรับ เขา อัลฟ่าที่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะแพ้ให้กับใครในโลกใบนี้  จนกระทั้งวันหนึ่ง... ‘ผมไม่เคยรู้สึกแพ้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ’  

ผู้แต่ง

wah_cherly

เรื่องย่อ

 เรื่องราวของ คู่แห่งโชคชะตา เป็นคำพูดที่ดูจะเพ้อภพสำหรับ เขา อัลฟ่าที่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะแพ้ให้กับใครในโลกใบนี้ 

จนกระทั้งวันหนึ่ง...

‘ผมไม่เคยรู้สึกแพ้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ’  

ธีรัช  

เรื่องราวของ คู่แห่งโชคชะตา เป็นคำพูดที่ดูไกลห่างสำหรับ เขา โอเมก้า ที่ไม่เคยย่างก้าวออกจากอาณาเขตของตน

จนกระทั้งวันหนึ่ง...

“คุณทะเลของทัชใจดี” 

ทัชชา

 

You make me feel so safe whenever I’ m with you.

🎐

I’ m smitten with you

🌅

  พูคคุย: นิยายเรื่องนี้ ฟิลกูด ฮีลใจ ที่สุดเท่าที่เคยเขียนเลยค่ะ คุณธีรัช เดบิลเป็น ไมโครเวฟ สร้างความอบอุ่นหัวใจ น้องทัช เดบิลเป็น ดวงอาทิตย์ สาดส่องความสดใส 

 

#ธีรัชทัชชา

⚠️นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งไม่ได้มีการอ้างอิงถึงความเป็นจริงใดใดทั้งสิ้น อาจมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ⚠️

 

สารบัญ

ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๑ แรกกลิ่นคนึ่งหา,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๒ ดอกไม้แห่งการขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๓ คุณเชื่อในเรื่องคู่แห่งโชคชะตาหรือไม่,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๔ แพ้โดยสมบูรณ์,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๕ ยินดีที่ได้รู้จัก,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๖ รู้จักฉันรู้จักเธอ,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๗ จะอนุญาตให้ฉันจีบเธอไหมคนดี,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๘ เพื่อนบ้านคนนั้น,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๙ เธอรุกฉันแรงก่อนนะคนดี,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๑๐ ฉันจะไปหาเธอเอง,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-e-Book ว่าด้วยตอนพิเศษ

เนื้อหา

บทที่ ๗ จะอนุญาตให้ฉันจีบเธอไหมคนดี

บทที่ ๗

จะอนุญาตให้ฉันจีบเธอไหมคนดี

 

“ยินดีที่ได้รู้จักครับผมธีรัช คู่แห่งโชคชะตาของทัชชา”

ธีรัชกล่าวแนะนำตัวตนเองด้วยท่าทีที่สุภาพต่อผู้ใหญ่ทั้งสองที่เป็นผู้ให้กำเนิดคู่แห่งโชคชะตาของเขา

“ครับยินดีที่ได้รู้จัก ผมพอได้ยินเรื่องคร่าว ๆ จากเจ้าทิแล้ว...แต่พอมาเห็นจริง ๆ แล้วก็อดจะแปลกใจไม่ได้จริง ๆ ที่เด็กคนนี้ยอมให้คุณใกล้ชิดขนานนี้...ผมทัชชกรครับ เป็นพ่อของทัชชาและทิวากร”

“นั้นสิคะ...น่าตกใจจริง ๆ พอเห็นด้วยตาตนเองแล้วไม่เชื่อก็คงต้องเชื่อ...เรื่องของคู่แห่งโชคชะตาเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์จริง ๆ ฉันทินประภา ค่ะ”

สองสามีภรรยามองลูกโอเมก้าตัวน้อยที่อิงแอบอยู่ด้านหลังธีรัชที่มีกลิ่นอายของอัลฟ่าที่เข้มข้น...สายตาของคนทั้งสองที่จ้องมองลูกโอเมก้าตัวน้อยของตนเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและรู้สึกผิด ธีรัชยกยิ้มให้กับท่าทีที่สุภาพของคนทั่งสองที่มีต่อตนแม้เขาจะมีอายุน้อยกว่า สมแล้วที่เป็นบ้านของเจ้าตัวน้อยของตน เป็นบ้านที่น่ารักและดูอบอุ่นมาก ๆ จริง ๆ อืม..เพราะการเลี้ยงดูของที่บ้านหรือเปล่านะที่ทำให้อีกฝ่ายน่ารักได้ขนาดนี้ฮาฮา ธีรัชคิดอย่างติดตลก..

ธีรัชบีบมือน้อยเบา ๆ ให้กำลังใจคนที่ยังคงหลบอยู่หลังตน ใช้หลังตนเป็นโล่กำบังกาย 

“สบายดีไหมตัวเล็ก”

ทินประภาเอ่ยถามลูกชายที่เอบมองเธอ ทัชชาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสบตากับผู้เป็นแม่ที่จ้องมองมา

“สบายดีฮะ”

ทัชชาเบี่ยงกายออกมายืนข้าง ๆ และเปลี่ยนมากอดแขนธีรัชไว้แน่นแทนการหลบอยู่ด้านหลังเอ่ยตอบผู้เป็นแม่เสียงเบา พยายามควบคุมหัวใจดวงน้อยที่เต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นมารดาผู้ให้กำเนิดกำลังยืนส่งยิ้มมาให้

“ตัวโตขึ้นเยอะเลย...”

ทินประภามองท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ ของลูกชายคนเล็กอย่างเจ็บปวดการที่ทัชชาต้องออกมาอยู่คนเดียวเมื่ออายุได้เพียง 15-16 ต้นเหตุหลัก ๆ ก็อาจจะมาจากเธอ การเป็นอัลฟ่าที่เกิดจากคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นเบต้าทำให้เธอแม้จะเป็นอัลฟ่าแต่ก็ไม่ค่อยสามารถควบคุมสัญชาตญาณตัวเองได้เหมือนอัลฟ่าที่เกิดจากอัลฟ่าหรือโอเมก้า...ฮีทแรกของทัชชาเกิดขึ้นอย่างไม่มีใครคาดคิด จากเด็กที่หวาดกลัวอัลฟ่าอยู่แล้วจากเหตุการณ์ที่ได้ประสบทำให้ไม่สามารถเข้ารวมสังคมได้อย่างปกติ

...ครอบครัวควรเป็นที่พึ่งเดียวที่เหลืออยู่ให้เด็กน้อยได้พักพิงและช่วยเยียวยาบาดแผลใจที่สาหัสของเด็กชาย แต่เธอทำให้ทุกอย่างพังทลาย ทำลายที่พิงเดียวของทัชชาและสร้างบาดแผลใหม่ลงในจิตใจที่บอบช้ำอยู่แล้ว....โดยการกระโจนเข้าใส่ลูกชายตัวน้อยไม่ต่างจากสัตว์ร้ายโชคดีที่ได้ลูกชายคนโตและสามีที่พอควบคุมตัวเองได้จับไว้ทัน...แต่มันก็ได้สายไปแล้ว ครอบครัวที่ควรเป็นที่พึ่งพิงของทัชชาไม่ปลอดภัยอีกต่อไป..ทัชชาไม่อาจอยู่ร่วมกับอัลฟ่าได้อีก....ทัชชาตกอยู่ในอาการโคม่าหยุดหายใจไปชั่วขณะเพราะการกระทำที่ขาดสติของเธอ.ทินประภาเกือบสูญเสียลูกชายคนเล็กของตัวเองไปตลอดการ ด้วยการกระทำที่ขาดสติเพราะถูกสัญชาตญาณควบคุมในครั้งนั้น

“หม่าม้าขอโทษ”

หยดน้ำตาไหลจากดวงตาคู่สวยของอัลฟ่าสาวผู้เป็นแม่คน ทัชชกรดึงภรรยาเข้ามากอดปลอบ...ไม่มีใครโทษว่าเป็นความผิดของทินประภา...ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

“หม่าม้าไม่ผิด...”

“ตัวเล็ก!”

ทินประภาหลุดร้องอยากตกใจเมื่อมือบางเล็กเอื้อมมาจับมือของเธอ ทินประภา กอบกุ่มมือเล็กที่สั่นเทาในฝ่ามือของเธออย่างทนุถนอม

ทัชชารวบรวมความกล้ายื่นมือข้างหนึ่งไปจับมือของผู้เป็นแม่เพื่อหวังปลอบประโยม มืออีกข้างก็ยึดจับแขนของธีรัชไว้เป็นที่พึ่ง

“หม่าม้าไม่ร้องนะ..ฮึก.หม่าม้าไม่ผิด ทัชไม่เคยเกลียดหม่าม้าแต่ร่างกายมันฮึก...ทัชขอโทษ”

ทัชชาเกลียดร่างกายตัวเอง 

“ไหวไหม”

ธีรัชกระซิบถาม โอเมก้าตัวน้อยที่เกี่ยวรัดแขนไว้แน่น ไรผมของคนตัวเล็กชื้นเหงื่อจากการฝืนร่างกายตนเอง

“ไม่ไหว ฮึก..ไม่ไหว ทัชขอโทษ”

ทัชชาดึงมือกลับ หันเข้าซุกอกธีรัช

ธีรัชช้อนกายบางที่แทบจะยืนไม่ไหวขึ้นอุ้ม โอเมก้าตัวน้อยขยับคล้องคอคนตัวสูงตามสัญชาตญาณยืดกายเข้าหากลิ่นอายของทะเลที่ช่วยให้สงบใจและสบายกายฝังหน้าลงกับซอกคอ

“หม่าม้าเข้าใจ ตัวเล็กเก่งมากแล้วค่ะ”

ทินประภาเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า แย้มยิ้มด้วยความดีใจที่รู้ว่าลูกชายคนเล็กไม่ได้เกลียดตน ชาตินี้เธอคิดว่าเจ้าตัวเล็กคงไม่กล้าเข้าใกล้เธออีกแล้ว

“ทัชอยากกอดหม่าม้า อยากกอดป่ะป๊าอยากอ้อนพี่ทิแต่ว่าร่างกายมันไม่ฟังทัชเลยอะ อึกไม่ชอบเลย”

ทัชชาปล่อยโฮออกมา อย่างสุดกั่นเมื่อก่อนทัชชาเป็นเด็กขี้อ้อนมาแต่ไหนแต่ไรเนื่องจากเป็นน้องคนเล็กของบ้าน และเป็นโอเมก้าเพียงคนเดียวท่ามกลางพ่อแม่และพี่ชายที่เป็นอัลฟ่า 

“ทัชชา...โถ่คนดีไม่เป็นไรนะ”

“ลูกรัก”

“...ทัชคนดีของพี่ไม่เป็นไรนะ”

ครอบครัวเทวาวรรณยกยิ้มให้กับความปรารถนาของทัชชา โอเมก้าตัวน้อยของพวกเขา ความทรมานที่ยิ่งกว่าการไม่สามารถเข้าใกล้ใครได้ก็คือความเปล่าเปี่ยวและความเหงาที่เด็กชายต้องเผชิญ  ไม่แม้แต่จะไปออดอ้อนใครได้เช่นกาลก่อน...ไม่ได้รับความอบอุ่นเหมือนเช่นที่เด็กคนหนึ่งควรได้รับ

โดดเดี่ยวคือสิ่งที่ทัชชาเผชิญเสมอมา

มือหนาวางลงบนกลุ่มผมนุ่มที่คลอเคลียใบหน้า

“ไม่เป็นไร เธอเก่งมากแล้วค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปไม่ต้องรีบ ฉันอยู่ตรงนี้ จะคอยช่วยเธอเอง”

ธีรัชเอียงศีรษะแนบกับศีรษะเล็กปลอบคนตัวเล็ก ที่กำลังสะอื้น เช็ดคราบน้ำตาให้อย่างเบามือ

“ฉันขอคุยกับพ่อแม่เธอก่อน อยากกลับไปพักที่ห้องไหม”

“ไม่ฮะ...ทัชอยากอยู่กับคุณทะเล...อยู่ตรงนี้ไม่เป็นอะไร”

ทัชชาส่ายศีรษะปฏิเสธห้องพักผู้ป่วยถ้าไม่มีคุณทะเลถึงกลับไปก็เปล่าประโยชน์

เรียวแขนบางกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นฝังหน้าลงกับจุดที่ทำให้ตนรู้สึกสดชื่น

“ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ แต่คงต้องคุยกันทั้งอย่างนี้ครับ”

“หาที่นั่งก่อนแล้วกัน”

ทัชชกรมองลูกชายคนเล็กที่เกาะกอดธีรัชเป็นลูกลิงไม่ยอมพรากออกจากอกแม่ก็อดจะสงสารชายหนุ่มไม่ได้

“นั่นสิคะ ลำบากคุณธีรัชแล้ว”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ ขอบคุณนะครับ”

ธีรัช เดินลงนั่งที่ที่คุณพ่อของทัชชาเดินนำมา ทัชชาขยับนั่งตักพิงอกธีรัช ไม่ยอมห่างจากแอ่งโฟโรโมนกลิ่นอายทะเลที่ไม่ต่างจากเครื่องช่วยหายใจให้ตน

ทัชชกร ทินประภาและทิวากรนั่งห่างจากชายหนุ่มมาเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ฟีโรโมนของตนทำให้เจ้าตัวเล็กอึดอัด

“อย่างที่พวกท่านเห็น ถ้าอยู่ข้างผมทัชชาจะไม่เป็นอะไร แพทย์จึงแนะนำให้ใช้วิธีการบำบัดเข้าช่วย...”

ธีรัชเกลี่ยปอยผมข้างแก้มของทัชชาที่เงยหน้าขึ้นมองตนทัดใบหูให้ เรื่องนี้ทัชชายังไม่รู้ เพราะงั้นวันนี้ธีรัชจึงพาทัชชามาเดินเล่นอยู่ในสวนตั้งแต่เช้า เพื่อสังเกตอาการและเรียนรู้อาการของทัชชา...ทุกอย่างเป็นไปตามการคาดการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตแพทย์ นี่ไม่ใช่โรคที่เกี่ยวกับร่างกายหรือการแพ้ฟีโรโมนอัลฟ่าแต่เป็นเรื่องจิตใจของทัชชาและความเคยชินของร่างกายทัชชาที่จะตอบสนองต่อฟีโรโมนอัลฟ่าที่เข้ามาใกล้โดยการหายใจให้ช้าลงและกลั่นหายใจจนขาดอากาศหายใจในที่สุด

“อย่างที่ผมได้บอกผ่านคุณทิวากรไปก่อนหน้าผมจะช่วยให้ทัชชาสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ”

การมีธีรัชอยู่ใกล้ ๆ จะช่วยให้ทัชชาคลายกังวลลงได้ ร่างกายก็จะรู้สึกต่อต้านน้อยลงเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางผู้คน หากทัชชารู้สึกอึดอัดธีรัชก็สามารถช่วยเยียวยาได้

ทัชชาจะปลอดภัยถ้ามีธีรัชอยู่ข้างกาย

“และก็อยากขออนุญาตพวกท่าน...จีบเด็กคนนี้น่ะครับ”

ครอบครัวเทวาวรรณล้วนเบิกตาโตอย่างตกใจกับความตรงไปตรงมาของอัลฟ่าหนุ่ม ทิวากรแม้รู้เจตนาของธีรัชอยู่ก่อนแล้วแต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยขอจีบทัชชากับพ่อแม่เขาเหมือนพูดขอขนม...ไม่มีลังเลหรืออาการเขินอายให้เห็น

“เออ เรื่องนี้เป็นเรื่องของทัชชา ผมไม่กีดขวางหากนั่นเป็นความต้องการของลูก...”

“ฉันก็แล้วแต่ลูก ๆ เลยเรื่องความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ฉันเคารพในการตัดสินใจของเด็ก ๆ ...แต่ฉันดีใจที่คุณธีรัชกล่าวกับฉันอย่างบริสุทธิ์ใจ”

ทัชชกร และ ทินประภา กระแอมไอ้ไม่คิดว่า ชายหนุ่มจะเอ่ยขออย่างตรงไปตรงมา

ธีรัชดันคางทัชชาที่เงยหน้าอ้างปากค้างอย่างตกตะลึงให้กลับเข้าที่ ยกยิ้มอย่างเอ็นดู

“ขอบคุณครับ...แล้วเธอละคนดีจะอนุญาตให้ฉันจีบเธอได้ไหม”

“คุณทะเล...จะจีบทัช”

ทัชชาไม่เคยคิดว่าในชีวิตของตัวเองจะมีคนมาประกาศว่าจะจีบกันตรง ๆ เช่นนี้มาก่อน พวงแก้มแดงเห่อร้อน จนต้องยกมือมากุมไว้อย่างช่วยไม่ได้ รีบก้มหน้าที่เงยค้างไว้นานสองนานหลบสายตาของคุณทะเลของตนที่ชวนให้ใจสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่รู้จะหนีไปไหนได้แต่มุดฝังตัวกับอกแกร่งของธีรัชซ่อนใบหน้าและสีหน้าขวยเขิน

“ฮะทัชอนุญาตแต่ว่า...ทัชก็จะจีบคุณทะเลเหมือนกัน”

ทัชชาพึมพำแผ่วเบา แต่ก็ดังพอให้คนที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ยินอย่างแต่ถึงอย่างนั่นธีรัชก็อยากฟังมันให้ชัดเจน

“ฮืม...ว่าอย่างไงนะคนดี”

ธีรัชยกขึ้นกุ่มมือน้อยที่กำขยำเสื้อของตนระบายความเขินอาย ทัชชารวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของฝ่ามืออันอบอุ่น จ้องสบตากับดวงตาที่ทอดมองอยู่ก่อนแล้ว

“อนุญาตให้ทัชจีบคุณทะเลเหมือนได้ไหมฮะ”

“หึหึ...ไม่..”

ทัชชาหน้าเสียลง

“ไม่จำเป็นเลยคนดี แค่นี้ฉันก็หลงเธอจนหาทางออกไม่ได้แล้ว”

ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขวยเขินจนต้องมุดกลับไปซ่อนที่เดิม

ทินประภากระแซะไหล่สามีที่เหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่างไปแล้ว คนเป็นแม่ส่ายหัว ก่อนจะหลุดยิ้มกับภาพที่มีเพียงสองเราของลูกชายกับว่าที่ลูกเขยที่ออกตัวแรงจนคนในบ้านตั้งรับไม่ถูก ก่อนลุกขึ้นตบบ่าลูกชายคนโตที่ช็อกค้างไปไม่ต่างจากผู้เป็นสามี

“งั้น ‘แม่’ ขอตัวกลับกันก่อนนะ ฝากดูแลน้องด้วยนะ ถ้ามีอะไรก็ติดต่อหาแม่ได้เสมอ นี่เบอร์โทรแม่จ้ะ”

ธีรัชยิ้มให้กับคำแทนตัวของคุณผู้หญิงแห่งบ้านเทวาวรรณ เขาคงต้องเข้าทางแม่ยายสินะ

“ครับ ขอบคุณครับคุณแม่”

ธีรัชไม่ลืมที่จะตอบรับคำอย่างรู้งาน

“แม่!”

ทิวากรได้สติเรียกผู้เป็นแม่ เสียงเข้ม อยู่ ๆ แม่ของตนยอมรับธีรัชเป็นลูกอีกคนเสียแล้ว

“อ่าวไปจ้ะหนุ่ม ๆ อย่ามาปล่อยฟีโรโมนแถวนี้น้องยังอยู่นี่ ทัชชาคนเก่งแม่จะไปคุยกับคุณหมอก่อนนะจ้ะ เหงาก็โทรหาแม่ได้ตลอดนะคะ แม่ต้องไปแล้วพาคุณพ่อหนีประชุมมากันด้วยคงต้องรีบกลับ”

ทินประภาดันหลังทั้งลูกชายและสามีให้เดินออกมา ก่อนที่ทั้งสองคนจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ที่เห็นเจ้าตัวน้อยของพวกเขากำลังทำท่าทีน่ารักสร้างบรรยากาศหวานแหววกับว่าที่ลูกเขย

“หม่าม้าจะกลับแล้ว...กลับดี ๆ นะครับ”

ทัชชาเงยหน้ากลับหันมามองพ่อแม่และพี่ชายของตนที่ลุกขึ้นเตรียมจะกลับก็อดรู้สึกใจหวิว ๆ ไม่ได้ แต่เมื่อคิดอีกทีให้พวกท่านอยู่ต่อก็มีแต่จะทำให้พวกท่านเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์

“รักป่ะป๊ากับหม่าม้านะครับ”

“รักลูกเช่นกันจ้ะคนเก่ง”

“..เฮ้อให้ตายสิ ใครรังแกเราก็โทรมาฟ้องพี่ได้ตลอดนะ จะมาจัดการให้อย่างรวดเร็วเลย”

ทิวากร ยีผมตัวเอง ก้าวเดินออกมาตามแรงดันหลังของผู้เป็นแม่ ไม่ลืมที่จะจ้องอัลฟ่าข้างกายน้องอย่างฝากผังและฝากคำเตือนกลาย ๆ  เขาอดจะยอมรับให้ความหน้าหนาของธีรัชไม่ได้จริง ๆ แต่ก็นับถือในความตรงไปตรงมาของอีกฝ่าย แต่ก็ยังคงไม่วางใจที่จะฝากน้องชายของตนอย่างเต็มร้อย จะต้องศึกษากันมากว่านี้ 

“เดินทางปลอดภัยนะครับ”

ทัชชากล่าวอวยพรครอบครับที่ก้าวเดินออกไป พร้อมกับความใจหายของเขาที่เริ่มทวีขึ้น รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าจึงเด็มไปด้วยความกล่ำกลืน

“จ้าฝากดูแลลูกแม่ด้วยนะ”

“ครับ สวัสดีครับคุณแม่”

“แม่”

ทิวากรเอ่ยเรียกมารดาที่เดินลั้งท้าย ให้รีบเดินออกมาก่อนที่จะโดนลูกรักคนใหม่ของผู้เป็นแม่ล่อลวงมากกว่านี้!

“จ้าไปแล้วจ้า”

....

ทัชชาทอดมองส่งครอบครัวไปจนลับตา

“ครอบครัวของเธอน่ารักจริง ๆ ”

“อืมม ทัชรักพวกเขาที่สุดเลย”

ทัชชาเงยหน้ายิ้มส่งให้ ก่อนทิ้งกายพิงอกแกร่ง ปล่อยจิตใจให้ล่องลอยไปกับบรรยากาศอันผ่อนคลายรอบกายของชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่แห่งโชคชะตาและผู้ที่กำลังจีบกันอย่างเป็นทางการ

“อยากขึ้นไปพักที่ห้องหรือยัง”

“ขออยู่แบบนี้อีกหน่อยได้ไหมฮะ”

สายลมเย็น ๆ พัดเอากลิ่นอายของทะเลให้ฟุ้งกระจายไปทั่ว ทัชชาหลับตาลง ซึมซับบรรยากาศรอบกายที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของธีรัชที่แสนปลอดภัยและอบอุ่น

ธีรัชยิ้มรับคนตัวน้อยที่ดูค่อย ๆ จมลงสู่ห้วงนิทรา เมื่อโดนสายลม และ ฟีโรโมนของเขาขับกล่อม

“นั่นสินะ ฉันก็อยากจะอยู่ตรงนี้อีกสักพักเหมือนกัน”

ธีรัช กดจูบลงบนกลุ่มผม สูดกลิ่นอายของลิลลี่ออฟเดอะวัลเลย์ ที่ดูเหมือนเจ้าของกลิ่นอายจะหลับใหลไปเสียแล้ว  

หูฟังไร้สายถูกเสียบใส่หู เปิดลิตล์เพลงที่ช่วงนี้หาโหลดเอาไว้ใหม่เสียหลายเพลง น้ำเสียงนุ่มทุ้มคลอไปกับท่อนเพลงที่กำลังเล่น

"I ain’ t playing no games"

"Every word that I say is coming straight from the heart"

"So (if you) if you (tryna) tryna lay in these arms"

 

(คำแปล ฉันไม่ได้เล่นเกมอะไรทั้งสิ้น ทุกคำที่ฉันพูดออกมา มันมาจากหัวใจของฉันเอง

ถ้าคุณอยากได้อ้อมแขนนี้ ก็เข้าไปเอนกายได้เลยส่วนหนึ่งของเพลง Leave the Door Open โดย Bruno Mars, Anderson.Paak, Silk Sonic)