เรื่องราวของ คู่แห่งโชคชะตา เป็นคำพูดที่ดูจะเพ้อภพสำหรับ เขา อัลฟ่าที่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะแพ้ให้กับใครในโลกใบนี้  จนกระทั้งวันหนึ่ง... ‘ผมไม่เคยรู้สึกแพ้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ’  

ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse) - บทที่ ๘ เพื่อนบ้านคนนั้น โดย wah_cherly @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,Omegaverse ,น่ารัก,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

Omegaverse ,น่ารัก,#BL

รายละเอียด

เรื่องราวของ คู่แห่งโชคชะตา เป็นคำพูดที่ดูจะเพ้อภพสำหรับ เขา อัลฟ่าที่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะแพ้ให้กับใครในโลกใบนี้  จนกระทั้งวันหนึ่ง... ‘ผมไม่เคยรู้สึกแพ้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ’  

ผู้แต่ง

wah_cherly

เรื่องย่อ

 เรื่องราวของ คู่แห่งโชคชะตา เป็นคำพูดที่ดูจะเพ้อภพสำหรับ เขา อัลฟ่าที่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะแพ้ให้กับใครในโลกใบนี้ 

จนกระทั้งวันหนึ่ง...

‘ผมไม่เคยรู้สึกแพ้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ’  

ธีรัช  

เรื่องราวของ คู่แห่งโชคชะตา เป็นคำพูดที่ดูไกลห่างสำหรับ เขา โอเมก้า ที่ไม่เคยย่างก้าวออกจากอาณาเขตของตน

จนกระทั้งวันหนึ่ง...

“คุณทะเลของทัชใจดี” 

ทัชชา

 

You make me feel so safe whenever I’ m with you.

🎐

I’ m smitten with you

🌅

  พูคคุย: นิยายเรื่องนี้ ฟิลกูด ฮีลใจ ที่สุดเท่าที่เคยเขียนเลยค่ะ คุณธีรัช เดบิลเป็น ไมโครเวฟ สร้างความอบอุ่นหัวใจ น้องทัช เดบิลเป็น ดวงอาทิตย์ สาดส่องความสดใส 

 

#ธีรัชทัชชา

⚠️นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งไม่ได้มีการอ้างอิงถึงความเป็นจริงใดใดทั้งสิ้น อาจมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ⚠️

 

สารบัญ

ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๑ แรกกลิ่นคนึ่งหา,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๒ ดอกไม้แห่งการขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๓ คุณเชื่อในเรื่องคู่แห่งโชคชะตาหรือไม่,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๔ แพ้โดยสมบูรณ์,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๕ ยินดีที่ได้รู้จัก,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๖ รู้จักฉันรู้จักเธอ,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๗ จะอนุญาตให้ฉันจีบเธอไหมคนดี,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๘ เพื่อนบ้านคนนั้น,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๙ เธอรุกฉันแรงก่อนนะคนดี,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-บทที่ ๑๐ ฉันจะไปหาเธอเอง,ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)-e-Book ว่าด้วยตอนพิเศษ

เนื้อหา

บทที่ ๘ เพื่อนบ้านคนนั้น

บทที่ ๘

เพื่อนบ้านคนนั้น

 

คุณหมออนุญาตให้ทัชชากลับบ้านได้เมื่อเห็นว่าอาการของโอเมก้าตัวน้อยเริ่มทรงตัว และดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อน เสียด้วย

“รบกวนคุณธีรัชแล้วครับ”

ทิวากรที่มาส่งน้องกลับคอนโด กล่าวตอบอัลฟ่าหนุ่มที่อาสามาขับรถพาทัชชากลับ ตอนแรกเขาติดต่อคนขับรถที่เป็นเบต้ามาช่วยขับรถพาน้องกลับหอพักไว้แล้วเช่นทุกทีที่จะมาโรงพยาบาลกัน แล้วเขาจะขับรถตาม

 แต่รอบนี้ ธีรัชอาสามาอย่างสมัครใจโดยไม่ต้องร้องขอ

ทิวากรยังคงไม่ชอบหน้าธีรัชที่วนเวียนอยู่รอบตัวน้องชายของเขาได้อย่างสบายไม่ต้องกลัวถูกมองเขม่นเหมือนตน เขาไม่ปิดบังเลยว่าเขารู้สึกอิจฉาธีรัช และ แอบหมั้นไส้กับความตรงไปตรงมาของอัลฟ่าตรงหน้า…

“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ”

ธีรัชยิ้มตอบพี่ชายของเจ้าโอเมก้าตัวน้อยคู่แห่งโชคชะตาของเขาที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ธีรัชก็พอเข้าใจความรู้สึกของทิวากรที่น้องชายไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ก็ทำไงได้ตอนนี้ทัชชากล้าเข้าใกล้แต่เพียงเขาเพียงผู้เดียวถึงแม้จะเป็นอัลฟ่าก็ตาม…ธีรัชไม่ปฎิเสธว่าในใจเขาก็แอบดีใจและอยากให้มันเป็นเช่นนี้ไปตลอด แต่การให้ทัชชากลับมาใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวได้อย่างปกตินั้นจะดีกับทัชชาที่สุด เขาเองก็ไม่อยากเห็นท่าทีหงอย หูลู่หางตกของเจ้าตัวเล็กเวลามองครอบครัวเหมือนกัน

“โอเครพี่จะขับรถตามหลังนะ มีอะไรก็โทรหาพี่นะตัวเล็ก”

ทิวากรกล่าวสั่งเมื่อมาส่งน้องขึ้นรถของธีรัช ก่อนจะเดินกลับมาที่รถของตนเอง

“จริง ๆ ทัชกลับกับคุณทะเลสองคนก็ได้ พี่ทิจะได้ไม่ต้องลางานมาให้ลำบาก ขับรถไปกลับหลายวันแล้วเหนื่อยแย่เลย”

โอเมก้าตัวน้อยบ่นอุบ

“หึ คุณทิวากรเขาเป็นห่วงเธอน่ะ เขาคงอยากมาเห็นด้วยตา รับรู้ด้วยตนเอง มันสบายใจกว่าน่ะ ถ้าเป็นฉันที่มีน้องน่ารักอย่างเธอ ก็คงทำไม่ต่างกัน”

“คุณทะเลเป็นลูกคนเดียวเหรอครับ”

ทัชชาพยักหน้ารับความคิดเห็นของธีรัชที่ดูจะเข้าใจพี่ชายของตนที่ยอมลำบากลางานขับรถไปกลับเทียวมาดูเขาที่โรงพยาบาล

“ฉันเป็นลูกคนสุดท้อง มีพี่ชายหนึ่งคน อายุไล่เรี่ยกันเกินไปหน่อย เลยค่อนข้างจะเหมือนเพื่อนกันมากกว่าน่ะ”

ธีรัชที่ประจำที่คนขับ โน้มกายไปหาคนถามที่ยังคงไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

“โอ้! ทัชลืมเลย”

ปกตินั่งแต่ด้านหลังไม่ได้มานั่งคู่กับคนขับนานมาก จนลืมไปแล้วว่าต้องคาดเข็มขัดนิรถัย

ทัชชาหายใจยาวเมื่อได้กลิ่นฟีโรโมนกลิ่นอายทะเลที่ตนหลงใหลในระยะประชิด

ธีรัชยกยิ้มเอ็นดู มือที่ช่วยคาดเข็มขัดนิรภัยให้เข้าทีเรียบร้อยยกขึ้นเกลี่ยปลายจมูกเล็กแผ่วเบา

“ฉันต้องขับรถ ตอนนี้เป็นเก้าอี้ให้เธอไม่ได้หรอกนะคนดี”

“อ้ะ”

ทัชชาคล้ายได้สติชักมือที่ยกมือขึ้นคล้องคอธีรัชอย่างเผลอไผลกลับมา ใบหน้าขาวนวลขึ้นริ้วแดงอย่างเขินอาย กำสายเข็มขัดนิรภัยรถแน่นก้มหน้าชิดอกเพื่อซ่อนใบหน้าของตนเอง

ทัชชาเจ้าคนน่าไม่อาย!!!! งื้ออออ

“ฮึฮึ รถฉันคันนี้ไม่เคยให้ใครขึ้นมาก่อน มันน่าจะอบอวลไปด้วยฟีโรโมนของฉัน…”

เมื่อวานเมื่อรู้ว่าต้องพาทัชชากลับคอนโดธีรัชจึงกลับบ้านไปเปลี่ยนเป็นรถที่มีเพียงเขาที่ขึ้นมานั่งมันและขับรถเล่นอยู่นานเพื่อหวังให้ฟีโรโมนของเขาติดอยู่ภายในรถมากที่สุด...เจ้าระฆังน้อยของเขาจะได้รู้สึกดี

ทัชชาขบเม้นริมฝีปากของตนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ภายในรถมันอบอวลไปด้วยฟีโรโมนของธีรัชอย่างเข้มข้น บ่งบอกให้รู้ว่าธีรัชเป็นเจ้าของรถคันนี้อย่างไม่ต้องสงสัย…แต่การที่ธีชัชบอกว่านอกจากเขาผู้เป็นเจ้าของรถก็ไม่เคยมีใครได้ขึ้นรถคันนี้มันยิ่งทำให้ทัชชา ตื่นตกใจระคนดีใจอย่างประหลาด…ใบหน้าที่ขึ้นริ้วแดงอยู่ก่อนแล้วร้อนเห่อขึ้นคล้ายจะระเบิดเสียให้ได้ มือน้อยยกฝ่ามือขึ้นปิดหน้า เขินอายแต่ไม่มีที่มุดหนีนี่มันลำบากสุด ๆ ทัชชาโอดครวญในใจ

ธีรัชยิ้มเอ็นดูกับท่าทีของเจ้าโอเมก้าตัวน้อยที่ซุกมือตัวเอง ปิดแก้มที่แดงปลั่ง แต่ใบหูเล็กกลับแดงระเรื่อให้เห็นเด่นชัด จนอดที่จะล่ะมือข้างหนึ่งไปเกลี่ยเบา ๆ เสียไม่ได้

“ถ้าเธอยังรู้สึกไม่ดีอยากได้เสื้อของฉันไหม”

ทัชชาพยักหน้ากับมือของตัวเองจนหัวสั่น ไม่ใช่รู้สึกไม่ดี แต่จะเอามามุดหนีคุณธีรัชที่ทำเอาตัวเขาจะระเบิดอยู่แล้ว

ธีรัชถอดเสื้อคุมตัวนอกของตัวเองออกส่งให้ โอเมก้าตัวน้อยรับไปคุมหัวอย่างรวดเร็ว

“คุณทะเลของทัชไม่อ่อนโยน”

เมื่อได้ผ้ามาคุมหัวทัชชาก็รู้สึกกล้าขึ้นมาเล็กน้อยที่ว่ากล่าวออกไปเสียงเบาแต่ภายในรถที่เงียบและแคบธีรัชสามารถได้ยินมันอย่างชัดเจน

“.หืมม?”

ธีรัชเลิกคิ้วสูงขึ้นเขาก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตนเองนักหรอกแต่ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นผู้ชายที่สุภาพอ่อนโยน

“ไม่อ่อนโยนกับหัวใจทัชเลย”

เจ้าโอเมก้าตัวน้อยที่มีผ้าคุมหัวยกมือกุมหัวใจที่น่าจะเต้นระรั่วของตนเอง ธีรัชที่ได้ยินเช่นนั้นชะงักค้างอย่างคิดไม่ถึง

“ฮะฮาฮาฮา โธ่เจ้าระฆังน้อยของฉัน”

ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากที่ยิ้มกว้างของตัวเอง กอดพวงมาลัยรถทอดมองไปยังเจ้าตัวเล็กเมื่อรถติดไฟแดง

คู่แห่งโชคชะตาของเขาน่าเอ็นดูเกินไปแล้ว เกินไปจริง ๆ

“ว่าแต่ฉันไม่อ่อนโยน เธอก็ใจร้ายเหมือนกัน”

ฝ่ามือหนาของธีรัชอดไม่ได้ที่จะยื่นไปยีหัวของเจ้าตัวเล็กผ่านเสื้อผ้าของเขาที่ทัชชาใช้คุมศีรษะ

ก้มลงกระซิบที่ข้างใบหูเล็กผ่านเนื้อผ้า

“ทำฉันหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว คนดี”

มือของเจ้าตัวน้อยยกขึ้นมาปิดหน้าของตัวเองพร้อมเสียงงื้อด้วยความเขินอายของทัชชาดังรอดออกมาให้ได้ยิน ธีรัชยกยิ้มและกลับมาตั้งใจขับรถเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว

แต่ขับไปได้ไม่นาน เสียงสัญญาณของสายเรียกเข้าที่เชื่อมตัวรถก็ร้องขึ้น ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทัชสกรีนของตัวรถ ทำให้รู้ว่าปลายสายที่โทรเข้ามาคือ คุณแม่ของเขา

“ฉันขอรับโทรศัพท์ของคุณแม่ได้ไหม ”

ธีรัชเอ่ยถามคนที่ร่วมเดินทางมา เจ้าก้อนผ้าขยับหัวขึ้นลงเป็นเชิงอนุญาตธีรัชอมยิ้มกดรับสายผ่านจากตัวรถก่อนจะ ตัดสัญญาณที่เชื่อมกับตัวรถให้เปลี่ยนมาที่แอร์พอร์ตเพื่อไม่ให้รบกวนคนตัวเล็กให้รู้สึกอึดอัด

“สวัสดีครับคุณแม่”

ธีรัชกล่าวทักทายปรายสาย

(“เป็นไงบางตาธี ลูกสะใภ้แม่ออกจากโรงพยาบาลหรือยัง แล้วสานสัมพันธ์ไปถึงไหนแล้ว พ่อแม่ฝั่งโน้นเรียกสินสอดเท่าไร..แล้ว”)

“ใจเย็นครับคุณแม่”

ธีรีชกล่าวปรามมารดาที่ไม่เว้นจังหวะให้เขาได้เอ่ยตอบกลับ ขยับยิ้มเมื่อเหลือบไปเห็นลูกสะใภ้ที่คุณแม่เขาถามถึงเจ้าตัวนอยแอบมองเขาผ่านเนื้อผ้าที่แยกสาบออก

“ผมกำลังไปส่งน้องครับตอนนี้…ส่วนความสัมพันธ์ตอนนี้…ก็ดีครับ..”

“กรี้ดดด แม่อยากคุยกับน้อง ขอคุยกับน้องได้ไหม เราหวงแม่เกินไปแล้ว รูปก็ไม่ส่งให้แม่ดู”

“..ไว้ถ้าน้องอนุญาตผมจะส่งให้ดูนะครับ”

ธีรัชเคารพสิทธิส่วนบุคคลของทัชชา เขาเพียงแต่บอกเล่าให้คุณแม่ฟังว่าได้พบคู่แห่งโชคชะตาของตนเองและบอกเล่าเรื่องราวให้ร่วมถึงขอคำปรึกษาจากผู้เป็นแม่ที่เป็นถึงเจ้าของมูลนิธิเพื่อโอเมก้า และมีความรู้เกี่ยวกับโอเมก้ามากกว่าใคร ๆ ที่เขารู้จัก และน่าไว้ใจที่จะเอ่ยเล่าเรื่องราวของทัชชา แม่ของเขายังเป็นผู้แนะนำให้เขาเข้าทางผู้ใหญ่เข้าไว้เนื่องจากทัชชาเป็นโอเมก้าคนเดียวและเป็นลูกเล็กของบ้าน บ้านนั้นย่อมห่วงลูกน้อยและน้องน้อยตนอย่างแน่นอน ใจจริงคุณแม่ของเขาจะขอเบอร์โทรครอบครัวของฝั่งทัชชามาไปดำเนินการเอง แต่เขาก็คิดว่ามันเร็วเกินไป เขาอยากสร้างความสัมพันธ์กับทัชชาให้แน่นแฝงกว่านี้ ให้น้องได้รู้จักเขาและตัดสินใจว่าจะก้าวเดินหน้าความสัมพันธ์ของเราไปถึงปลายทางหรือไม่…แม้ชะตาจะลิขิตให้เราคู่กัน แต่ธีรัชอยากให้น้องได้เลือกความรักของตัวเอง

“ครับ? สักครู่นะครับคุณแม่”

แรงสะกิดน้อยตรงข้อศอกทำให้ธีรัชหันความสนใจไปยังคนสะกิด ที่ยังคงใช้ผ้าของเขาคุมศีรษะน้อยไว้แต่แยกสาบออกให้เห็นดวงหน้ามน

“ทัช…ทัชขอคุยกับคุณแม่คุณทะเลได้ไหม ทัชมีเรื่องจะขอท่าน”

ธีรัชกระพริบตาปริบ เจ้าตัวน้อยทำเขาคิดไม่ถึงอีกแล้ว น้องคงพอจับใจความได้ว่าเขาคุยกันเรื่องของเจ้าตัว

(“เกิดอะไรขึ้นตาธี”)

แอร์พอร์ตของเขาคุณภาพสมราคาดูเหมือนจะตัดเสียงหงุงหงิงของทัชชาออกไปเจ้าแอร์พอร์ตนี่ช่างไม่รู้จักเสียงน่ารักเสียแล้ว

“ทัชชาอยากคุยกับคุณแม่น่ะครับ”

(“กรี๊ดดด ลูกสะใถ้จะคุยกับฉัน เปิดโฟน ไม่สิ เปิดกล้องเปิดกล้องเดี๋ยวนี้ตาธี ขอจอใหญ่ ๆ ชัด ๆ ”)

“เปิดกล้องได้ไหม คุณแม่อยากคุยกับเราแบบเห็นหน้าน่ะ”

ทัชชาพยักหน้า แม้จะรู้สึกเขินเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ติดอะไร มันเป็นการพูดคุยผ่านกล้องไม่ได้สร้างภาระให้กับร่างกายของเขาแต่อย่างไร การคุยแบบเห็นหน้าก็ดูจะรู้สึกจริงใจมากกว่าการคุยผ่านทางเสียงอย่างเดียว

ธีรัชเอี่ยวตัวไปหยิบไอ้แพตตนเองจากเบาะด้านหลัง เพื่อให้เจ้าโอเมก้าตัวน้อยหยิบถือได้สะดวก และให้คุณแม่ของเขาเห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้ได้ถนัดตาตามคำกล่าวสั่งของผู้เป็นมารดา

(“ฮึฮึมม สวัสดีจ้ะหนูทัชชา อาการป่วยเป็นยังไงบ้างคะ”)

ทัชชาส่งสายตาขึ้นมองธีรัช คุณแม่ของธีรัชรู้ชื่อของตน และกล่าวทักทายอย่างเป็นมิตร

“ฉันขอคำปรึกษาเรื่องของเธอกับคุณแม่ท่านน่ะ เลยเล่าเรื่องที่เราพบกันให้ท่านฟังให้ท่านฟัง”

ทัชชาพยักหน้ารับเข้าใจกลับมายิ้มส่งให้คู่สนทนาอย่างรวดเร็ว และกล่าวทักทายเสียงใส

“สวัสดีครับคุณแม่ของคุณทะเลของทัช”

(“อุ๊บ คุณทะเลของทัช น่ารักไม่ไหว ”)

ปลายสายยกมือขึ้นอุดปากที่กำลังจะกรีดร้องให้กับความน่ารักของว่าที่ลูกสะใภ้ ได้ยินเสียงว่าน่ารักแล้วเห็นผ่านกล้องแล้วยิ่งน่ารักเกินบรรยาย ปากเล็กจมูกหน่อย ตาโต ๆ คู่แห่งโชคชะตาของธีรัชขน่ารักสมกับเจ้าที่ลูกชายมันมาเพ้อเคลมให้ฟังจริง ๆ วันนั้นไม่นึกไม่ฝันว่าเจ้าลูกชายที่โลกส่วนตัวสูงปรี้ดจะโทรมาขอคำปรึกษากับตนแถมยังเล่าถึงคู่แห่งโชคชะตาด้วยถ้อยคำน่ารักเสียไม่มี

‘เขาดูน่าถนุถนอม จนผมอยากจะวางเขาไว้บนฝ่ามือโอบประคองเอาไว้’

วันดีคืนดีก็

‘แม่ครับผมไม่เคยรู้สึกแพ้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ’

‘แม่ครับเขาน่ารักมากจริง ๆ ครับ’

‘แม่ครับเขานอนจับมือผม มือเขาเล็กมากเลยครับ’

‘แม่ครับเขาเรียกผมว่าคุณทะเล มันน่ารัก น่ารักจริง ๆ ผมหลงเขาไม่ไหวแล้วครับ’

คำเดียวที่เธอมอบให้กับอากการลูกชายของเธอ ลูกเธอคลั่งรักทัชชาระยะสุดท้ายแล้ว นี่ไม่ใช่แค่เพราะเป็นคู่แห่งโชคชะตาแล้ว นี่เป็นเรียกอาการตกหลุมรัก ยิ่งได้รู้จัก ก็ยิ่งหลงเขาจนโงหัวไม่ขึ้น สิ้นลายคนบอกว่าจะแต่งงานกับหนังสือไปเสียสนิท

(“หนูทัชแม่ชื่ิอรัชนีย์เรียกคุณแม่เหมือนคุณทะเลของหนูได้เลยค่ะ”)

“ขอบคุณครับ คุณแม่รัชนีย์..คุณแม่สวย แล้วก็ดูเท่ห์มากเลย ”

ในสายตาของทัชชาเมื่อเห็นรัชนีย์ ผ่านหน้าจออีกฝ่ายให้ความรู้สึก แข็งแกร่ง เท่ สมาร์ท ไม่ต่างจากผู้เป็นลูกอย่างธีรัชเลย อาจเป็นเพราะดวงตาของทั้งสองคนที่เหมือนกันทัชชาจึงคิดว่าคุณทะเลได้คุณแม่มาเต็ม ๆ

 ลุคการแต่งกายของคุณแม่เองก็เน้นความคล่องตัวเรียบแต่โก้หรูมีระดับ ผมตัดสั้นดูภูมิฐาน และดูมั่นใจตัวเองสุด ๆ สง่างามมาก ๆ

รัชนีย์ ปิดปากที่จะกรีดอย่างดีใจที่ลูกสะใภ้ชมเธอ อาจจะเพราะเธอเป็นอัลฟ่าที่ร่างกายสูงใหญ่บึกบึนตามพื้นฐานของร่างกายอัลฟ่านอกจากสวยเธอจึงดูเท่ห์ในสายตาลูกสะใภ้ด้วย

(“หนูเองก็น่ารักมากเลยจ้ะ แม่อยากเจอเราตัวเป็น ๆ เสียแล้วสิ”)

เธออย่างจะกอดและฟัดแก้มแดง ๆ นั่นเสียจริง

รัชนีย์อยากมีลูกเป็นโอเมก้ามาตลอดแต่เป็นไปไม่ได้เนื่องสายเลือดตระกูลเธอและสามีคลั่งสายเลือดอัลฟ่ากันเสียจะเป็นจะตายกัน เธอกับสามีถูกจับคลุมถุงชนให้แต่งกันก็เพราะเป็นอัลฟ่าและฐานะสมกันโชคดีที่เข้าใจกันดี ความลำบากที่ต่างเผชิญกันมามันช่างเหมือนกันยิ่งนักจึงรู้สึกถูกชะตาและอยู่ร่วมครองรักกันได้

 ทั้งชีวิตเจอแต่อัลฟ่าจนขยาดแล้ว เธอเลยอยากได้ลูกเป็นโอเมก้าน่ารักน่าเอ็นดูมาเยียวยาหัวใจ แต่เธอก็อัลฟ่ายีนเด่นคู่สามีก็อัลฟ่ายีนเด่นคู่ ลูกออกมาจึงเป็นอัลฟ่าไม่มีสิทธิ์บิดเป็นอื่นได้เลย หมดหวังไปตามระเบียบ คู่ครองของลูกชายเธอก็ไม่อยากบังคับเพราะโดนมากับตัวทั้งเธอและสามีจึงรู้ดีว่ามันรู้สึกแย่แค่ไหน

สุดท้ายก็ได้แต่อธิฐานว่า ให้เจ้าลูกชายสักคนมีลูกสะใภ้โอเมก้า หรือหลานโอเมก้าให้สักคนสองคน ได้เยียวยาจิตใจอัลฟ่ามนุษย์แม่ผู้เหี่ยวเฉา

ในที่สุดฝันของเธอก็ดูเหมือนจะเป็นจริง

“คุณแม่ครับ”

ธีรัชกล่าวปรามมารดา ทัชชายังไม่พร้อมจะพบใครเนื่องจากอาการป่วยของเจ้าตัวอย่าว่าแต่คุณแม่ของเขาเลย ครอบครัวของเจ้าตัวเล็กก็อยากกอดอยากหอมเจ้าโอเมก้าตัวน้อยกันทั้งนั้นแต่มีเพียงเขาที่ร่างกายของทัชชาไม่ต่อต้าน

(“ จ้าจ้า ไว้หนูทัชหายดีก่อนก็ได้ ไม่ต้องคิดมากนะคะคนเก่ง ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป คนข้าง ๆ หนูนี่ก็หวงหนูจริง ๆ ”)

“ครับ ทัชขอบคุณครับ”

ทัชชายิ้มรับใบหน้าของคุณแม่รัชนีย์ที่ยิ้มละไมส่งให้อย่างเข้าใจเขา ไม่ได้เอ่ยเร่งรัด และไม่วายเอ่ยแซวลูกชายที่เอ่ยปรามทิ้งท้าย

(“ว่าแต่หนูทัชมีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณแม่คะ ”)

ทัชชาเหลือบตาขึ้นมองสารถีจำเป็นของตัวเองตอนนี้ ก่อนกลับมามองหน้าจออีกครั้ง พลางหายใจเข้าปอดลึก ๆ เรียกความกล้าของตนเอง

“หนูอยากจะขออนุญาตจีบคุณธีรัชของคุณแม่ได้ไหมครับ”

ธีรัชเคยเอ่ยขอจีบเขากับคุณแม่ทัชชาเองก็อยากที่จะทำตามเช่นกันเพื่อเป็นการให้เกียรติธีรัชเหมือนที่ธีรัชทำให้กับตน

อัลฟ่าหนุ่มมีใบหน้าตื่นไม่ต่างจากผู้เป็นแม่ ก่อนที่ทั้งสองจะอมยิ้มออกกับความน่าเอ็นดูของอีกฝ่าย

(“หนูทัชลูกกกก หนูจะน่ารักเกินไปแล้วลูกจ้า คุณแม่อนุญาตค่ะคนดี จีบเลยลูก เอาให้ลูกแม่หลงจนโงหัวไม่ขึ้นเลยลูก”)

ซึ่งตอนนี้ก็ดูจะไปไหนไม่รอดแล้ว ไม่ต้องแพลนกล้องไปหาเจ้าลูกชายก็รู้ว่าคงยิ้มจนแก้มแทบปริแล้วมั้ง

“ขอบคุณครับ ”

ไม่วายเห็นมือลูกชายยื่นมายีหัวลูกสะใภ้ของเธอผ่านผ้าที่ใช้คุมศีรษะ ไม่สินี่มันเสื้อลูกชายเธอนี่น่า

(“หนูทัช ทำไมเอาเสื้อพี่เขามาคุมหัวล่ะจ้ะ เป็นอะไรหรือเปล่า”)

“อ่า….ทัช…อันนี้ทัช..เขินคุณทะเลน่ะครับ ถ้ามองกันตรง ๆ แล้วหัวใจทัชต้องหลุดออกมาแน่ ๆ ”

ทัชชาปรายขึ้นมองผู้ที่อันตรายต่อหัวใจของตนแล้วก็รีบหลบสายตาด้วยใบหน้าที่เห่อร้อน เอ่ยขอจีบคุณธีรัชกับคุณแม่เขาก็รู้สึกเขินจะตายอยู่แล้ว ยิ่งโดนสายตายิ้มกริ่มมองมาเขายิ่งใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ได้แต่หวังให้เสื้อได้เป็นเกาะกำบังบาง ๆ ให้เขาได้ซุกหนีอาย

(“โอ้ย หนูทัชของแม่น่าเอ็นดูอีกแล้ว…”)

รัชนีย์ เอ็นดูว่าที่ลูกสะใภ้ของตนไม่ไหว

“คุณแม่ครับ แค่นี้ก่อนนะครับ ใกล้จะถึงแล้ว เดี๋ยวคุณพี่ชายเขาจะเป็นห่วงเอาถ้าไม่รีบลงจากรถ”

ธีรัชกล่าวบอกผู้แม่เป็นเมื่อใกล้ทางเข้าคอนโดและตอนนี้เจ้าตัวน้อยเขินจนคุยไม่ออกแล้ว

(“ฮาฮา ด่านคุณพี่ชายนี่หินน่าดูเลย นั่นสินะหนูทัชน่ารักขนาดนี้ พี่ชายเขาก็หวงเป็นธรรมดาสู้ล่ะ ดูแลน้องดี ๆ หนูทัชเดี๋ยวแม่จะฝากพี่เขาให้เบอร์แม่กับหนูนะคะ ไว้หนูว่าง ๆ เหงา ๆ อยากได้เพื่อนคุยหรือมีปัญหาอะไรติดต่อหาแม่ได้ทุกเมื่อเลยค่ะคนดี”)

ธีรัชรู้สึกว่าน้ำเสียงที่ผู้เป็นแม่ใช้กับตนช่างแตกต่างกับคุยกับคู่แห่งโชคชะตาของเขายิ่งนัก เสียงสองเสียงสามจนเขาได้แต่ส่ายหัว

“ขอบคุณครับ สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับคุณแม่”

ทัชชาและธีรัชเอ่ยลาปลายสาย สายถูกตัดไปพอดีกับที่ธีรัชเลี้ยวเข้ามาจอดในลานจอดรถของคอนโด ธีรัชเดินเร็วอ้อมมาเปิดประตูให้กับทัชชาและตะครองกอดไว้หลวม ลานจอดรถแม้จะไร้วี่แววผู้คนแต่บรรยากาศก็ชวนให้อึดอัด เพราะฝุ่นควันและฟีโรโมนที่ผสมปนเปกัน…เนื่องจากอากาศไม่ค่อยถ่ายเท

“เด็กดีพี่กลับก่อนนะคะ มีอะไรก็โทรหาพี่ได้เสมอ”

ทิวากรไม่ได้ออกจากรถ เปิดกระจกเอ่ยลาน้องชายที่เตรียมขึ้นห้อง เขาต้องรีบกลับให้ทันประชุมบ่าย คงต้องกลับเลยเมื่อเห็นว่าน้องถึงคอนโดอย่างปลอดภัยก็ว่างใจได้ในระดับหนึ่ง

“ฝากดูแลทัชชาด้วยนะครับ ”

“ด้วยความยินดีครับ”

ธีรัชกล่าวรับคำพี่ชายของทัชชาที่ดูเหมือนจะอยู่ในชั่วโมงเร่งรีบ ถ้าอีกฝ่ายไม่รีบคงตามส่งทัชชาถึงหน้าห้อง

“เดินทางปลอดภัยครับพี่ทิ”

ทัชชาเอ่ยลาพี่ชายและมองส่งไปจนสุดสายตา กระชับเสื้ิอสูทตัวนอกของธีรัชที่ย้ายจากบนศีรษะมาคุมบนไหล่ให้แน่นขึ้นเมื่อรู้สึกโหว่ง ๆ ในใจ ทัชชาไม่เคยชินกับการที่ต้องจากลาพี่ชายในแต่ละครั้ง

“ฉันขอไปส่งเธอหน้าห้องได้ไหม”

ทัชชาพยักหน้ารับ ในตอนแรกทัชชาเองก็เกรงใจอยู่ไม่น้อยว่าจะให้ธีรัชส่งเขาขึ้นลิฟท์ก็พอแต่เมื่อคุณทะเลของเขาขันอาสาไปส่งถึงหน้าห้องทัชชาก็ไม่อยากที่จะปฏิเสธน้ำใจของอัลฟ่าคู่แห่งโชคชะตา อีกอย่างการมีคุณทะเลอยู่ข้างกายนั้นดีที่สุดแล้ว…

“ถ้าไม่รบกวนคุณธีรัชมากเกินไป..ก็อยู่แล้วครับ ขอบคุณนะครับ ทัชเกรงใจคุณทะเลจัง แค่นี้ก็รู้สึกรบกวนเวลาคุณทะเลมากแล้ว”

ใบหน้าของทัชชาซึ่มลงเมื่อคิดได้ว่าธีรัชเองก็มีสิ่งที่ต้องทำ เขาไม่อาจยึดเวลาทั้งหมดของธีรัชมาเป็นของตนได้

“อย่าได้เกรงใจฉันเลย ฉันกำลังจีบเธออยู่นะคนดี ย่อมอย่างอยู่ข้าง ๆ เอาใจเธอเสมอ”

ธีรัชบอกคนตัวเล็กที่เริ่มซึ่ม พลางลูบศีรษะน้อยอย่างเอ็นดู ก่อนจับจูงขึ้นลิฟท์เมื่อประตูเปิดออก ทัชชาพยักหน้ารับด้วยใบหน้าที่เห่อร้อน เอื้อมกดเลขชั้นหกของตนเอง

 ลิฟท์ถูกหยุดรับคนที่ชั้นสองที่เป็นสวนสาธารณะขนาดย่อมของทางคอดโคและศูนย์รวมห้องนันทนาการ ธีรัชดึงทัชชาเข้ามาชิดลำตัวกักกอดคนตัวเล็กไว้กับตัวขยับไปทางริมมุมลิฟท์

ก้มกระซิบที่ข้างใบหูเล็ก.

“เธอโอเครใช่ไหม”

ทัชชาพยักหน้าชิดอก ก้มหน้าที่ขึ้นริ้วแดงอย่างเขินอายเมื่อต้องแนบชิดกับธีรัช ผู้มาใหม่มีเพียงคนเดียวและเหมือนจะเป็นเบต้าจึงไม่ค่อยมีผลกันตนเท่าอัลฟ่า คนคนนั้นลงในชั้นสี่ ธีรัชจึงคลายการกักกอดอีกคนออก ให้ยืนได้สบายขึ้น ไม่นานก็ถึงชั้นห้องของตน ทัชชาเดินนำมาหยุดที่หน้าห้อง 601 ของตนเอง

“ถึงห้องของทัชแล้วครับ ขอบคุณนะครับ”

ทัชชา หันกลับไปกล่าวขอบคุณคุณทะเลของตนที่พาตนมาส่งถึงห้องดูแลอย่างดีไม่ต่างจะผู้พิทักษ์

“เธออยู่ห้อง601 อย่างนั้นเหรอ”

ธีรัชเอ่ยถามขึ้นอย่างประหลาดใจ

“ใช่ครับ นี่ห้องทัชเอง”

คนตังสูงที่มีใบหน้าประหลาดใจ เปลี่ยนมาระบายยิ้ม ทอดมองไปยังคู่แห่งโชคชะตาของตนสลับกับเลขห้อง…เพื่อนบ้านคนนั้น

“เป็นเธอนี่เอง…”

ทัชชามีสีหน้างงงวยในตอนแรก ก่อนจะใจหายเมื่อธีรัชหมุนกายกลับหลังก้าวเดินกลับไปยังลิฟท์ โดยไม่เอ่ยคำลา….เขายังอยากคุยกับคุณทะเลอยู่…

ก่อนจะต้อเบิกตาโตอย่างตกใจเมื่ออัลฟ่าหนุ่มยกครย์การ์ดที่คุ้นตาขึ้นแตะประตูของห้องพัก 602 ห้องที่อยู่ข้างห้องของตน

“ฝากตัวด้วยนะครับคุณเพื่อนบ้าน ตัวน้อยของฉัน”

กลิ่นที่เขาได้กลิ่นจนรู้สึกขาดไม่ได้แท้จริงแล้วไม่ใช่กลิ่นของดอกไม้เพื่อนข้างบ้าน แต่เป็น กลิ่นของเพื่อนข้างบ้านตัวหอม…

พระเจ้าช่างเล่นตลกกับเขาแล้ว ความบังเอิธที่เขาเป็นเพื่อนบ้านกับคู่แห่งโชคชะตานี่ช่างไม่ตลกเลย…เขารู้ว่าทัชชาอาศัยอยู่ในคอนโดแห่งนี้แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเจ้าของห้องที่เข้ามากวนหัวใจเขาตั้งแต่ต้น

ตึกนี้มีทั้งหมด 20ชั้น 100 ห้อง ความน่าจะเป็น คือ 1 ใน ร้อย เพราะห้องของทัชชาคือห้องริมสุด

อันตราย อันตราย จริง ๆ คู่แห่งโชคชะตาของฉัน โชคชะตาของสองเราจะมีอะไรให้เซอร์ไพร์กว่านี่ไหมนี่ มันจะบ้ามากแน่ ๆ ถ้าฉันเคยเจอเธอมากก่อน….เพราะนั่นหมายถึงว่า พระเจ้าคงอยากให้เราได้คู่กันเป็นแน่…ธีรัชไม่ลืมที่จะคิดเข้าข้างตัวเองอย่างอารมณ์ดี

“สนใจจะเข้ามาดื่มกาแฟทำความรู้จักกันในห้องผมไหมครับ..คุณเพื่อนบ้าน”