เรื่องราวของ คู่แห่งโชคชะตา เป็นคำพูดที่ดูจะเพ้อภพสำหรับ เขา อัลฟ่าที่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะแพ้ให้กับใครในโลกใบนี้ จนกระทั้งวันหนึ่ง... ‘ผมไม่เคยรู้สึกแพ้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ’
ชาย-ชาย,รัก,ไทย,Omegaverse ,น่ารัก,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ระฆังกลางใจสมุทร (#omegaverse)เรื่องราวของ คู่แห่งโชคชะตา เป็นคำพูดที่ดูจะเพ้อภพสำหรับ เขา อัลฟ่าที่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะแพ้ให้กับใครในโลกใบนี้ จนกระทั้งวันหนึ่ง... ‘ผมไม่เคยรู้สึกแพ้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ’
เรื่องราวของ คู่แห่งโชคชะตา เป็นคำพูดที่ดูจะเพ้อภพสำหรับ เขา อัลฟ่าที่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะแพ้ให้กับใครในโลกใบนี้
จนกระทั้งวันหนึ่ง...
‘ผมไม่เคยรู้สึกแพ้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ’
ธีรัช
เรื่องราวของ คู่แห่งโชคชะตา เป็นคำพูดที่ดูไกลห่างสำหรับ เขา โอเมก้า ที่ไม่เคยย่างก้าวออกจากอาณาเขตของตน
จนกระทั้งวันหนึ่ง...
“คุณทะเลของทัชใจดี”
ทัชชา
You make me feel so safe whenever I’ m with you.
🎐
I’ m smitten with you
🌅
พูคคุย: นิยายเรื่องนี้ ฟิลกูด ฮีลใจ ที่สุดเท่าที่เคยเขียนเลยค่ะ คุณธีรัช เดบิลเป็น ไมโครเวฟ สร้างความอบอุ่นหัวใจ น้องทัช เดบิลเป็น ดวงอาทิตย์ สาดส่องความสดใส
#ธีรัชทัชชา
⚠️นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งไม่ได้มีการอ้างอิงถึงความเป็นจริงใดใดทั้งสิ้น อาจมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ⚠️
บทที่๑๐
ฉันจะไปหาเธอเอง
ธีรัชขยับเวลาตื่นของตัวเองให้เช้าขึ้นอีก เพื่อเตรียมอาหารเช้าให้กับตัวเองและคุณเพื่อนบ้านที่กำลังมาดองกัน..แน่นอนว่าเมนุของเขาวันนี้พิเศษกว่าทุกวัน...ร่างสูงสง่าในชุดที่คุมด้วยผ้ากันเปื้อนขยับยิ้มพลางฮับเพลงตามเพลงที่เปิดใส่หูฟังไว้…แน่นอนว่ามันคือเพลย์ลิลต์ที่เต็มไปด้วยเพลงเกี่ยวกับความรัก
ก้อก ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเมื่อใกล้เวลานัดหมาย วันนี้เขามีนัดไปปิกนิคกับทัชชาที่สวนสาณารณะเล็ก ๆ
ไม่ไกลจากคอนโดที่พักอาศัย
“เสร็จเล้วเหรอ รอฉันแปปนึงนะ”
ธีรัชเปิดประตูให้กว้างขึ้น เพื่อเชิญแขกคนสำคัญของเขาเข้ามาในห้อง รับเอาตะกร้าน้ำดื่มที่ทัชชาเตรียมไว้มาถือไว้ ตอนแรกเขาจะเป็นผู้เตรียมมันทั้งหมดเพราะเป็นผู้เอ่ยชวนแต่ทัชชาก็ร้องขอที่จะช่วยเตรียมมัน..แน่นอนว่าธีรัชไม่อาจปฏิเสธทัชชาได้เลย…
ร่างของโอเมก้าตัวน้อยก้าวเดินมาในห้องของอัลฟ่าที่ช่วงนี้เริ่มคุ้นชิน จมูกน้อยเชิดขึ้นเมื่อได้กลิ่นหอมของขนมปังปิ้งเนยที่ชวนน้ำลายไหล…ข้างกันนั้นก็มีแซนวิชสดที่ตัดเป็นสามเหลี่ยมเตรียมใส่กล่องไว้เรียบร้อย
“เธอมาก็ดีแล้ว…อยากได้เป็นแยมผลไม้หรือนูเทล่าดี”
“ทัชขอเป็นแยมครับ…แต่คุณทะเลเตรียมเยอะจังเลยไหนว่าจะเตรียมแค่แซนวิช”
ที่ตกลงกันไว้ธีรัชจะเตรียมแซนวิช ส่วนทัชชาจะเตรียมเครื่องดื่มอย่าง น้ำเปล่าและน้ำส้มคั้นไป
“มีของคาวแล้วก็ต้องมีของหวานด้วยนะ…พี่ทำแซนวิชโบโลน่าปูอัดไว้ให้เราด้วย อยากได้อะไรเพิ่มไหม..เช่น ชีท”
“ไม่ครับ แค่นี้ก็ดูน่าอร่อยแล้วครับ”
ทัชชายกกล่องแซนวิชขึ้นส่องดูภายในที่ถูกเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบดูน่าประทานมาก
“โอเครครับ เดี๋ยวพี่ขอเอาขนมปังปิ้งใส่กล่องก่อนนะครับ”
ธีรัชขานรับพลางจัดขนมปังปิ้งใส่กล่อง ปิดผาให้สนิทจัดลงตระกร้าหวายของทัชชาที่มีขวดน้ำส้มคั้นและน้ำเปล่าอยู่ก่อนแล้ว รับกล่องแซนวิชและกระปุกแยมที่ทัชชาเลือกไว้มาลงตระกร้าไม่ลืมที่จะเตรียมอุปกรณ์ที่อาจต้องใช้ลงไปด้วยอย่างมีดปาดแย้มและแก้วใบน้อย ก็เป็นอันเรียบร้อยสำหรับตระกร้าปิกนิกของเราในวันนี้
“อืม ทัชว่าตระกร้าปิคนิกเหมือนขาดอะไรไป”
ทัชชามองตระกร้าปิคนิคในมือของธีรัชด้วยใบหน้าครุ่นคิดก่อนจะระบายยิ้มเมื่อคิดสิ่งหนึ่งออก
ผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ ที่กะไว้คุมปิดหน้าเวลาเขินถูกนำมาผูกเป็นโบว์ให้กับตระกร้าหวายให้ดูมีชีวิตชีวา
“นี่สิถึงจะสมเป็นตระกร้าปิคนิค”
ทัชชาหันมาฉีกยิ้มให้กับผู้ร่วมปิคนิคในครั้งนี้….
“หึหึนั่นสิน่ะ สดใสเสียจริงวันนี้…”
ธีรัชหวังว่าทริปเล็ก ๆ นี้จะช่วยให้ทัชชาผ่อนคลายขึ้นและสามารถโผลบินออกมาภายนอกรังไหมของตนในสักวัน…
“พร้อมไหม”
“อือออ”
ทัชชาพยักหน้ารับอย่างกระตือรือร้น ทัชชาเองก็อยากท้าทายตัวเองเช่นกันว่าเขาจะทำมันได้หรือไม่กับการออกนอกสถานที่สาธารณะในครั้งนี้…โอเมก้าตัวน้อยเองก็อยากเป็นอิสระจากพันธนาการที่ทรมานตนเองมานานนับปี…
…
.
สวนสาธารณะ ไม่ไกลจากคอนโดของพวกเขาใช้เวลาไม่นานก็ถึงยังจุดหมาย ธีรัชลงจากรถอ้อมเดินมาเปิดประตูให้กับทัชชา
“ถ้ารู้สึกไม่ดีให้บอกฉันทันที…เข้าใจหรือไม่..อย่าฝืนโดยเด็ดขาด”
ธีรัชกล่าวกำชับเมื่อเปิดประตูรถรับทัชชา ที่คล้ายจะหน้าซีดลงเล็กน้อย..เมื่อเห็นผู้คนเดินควักไคว่ผ่านไปมา ใบหน้าน้อยขยับขึ้นลงตอบรับ จับมือที่ยื่นมาหาอย่างยินดี ก้าวลงจากรถตามการนำพาของอัลฟ่าคู่แห่งโชคชะตาที่มองมาอย่างเป็นกำลังใจ
ธีรัชกระชับมือเล็กในอุ้งมือที่คล้ายสั่นเล็กน้อยให้แน่นขึ้น บีบเบา ๆ อย่างปลอบประโยม
“ฉันอยู่ข้างเธอเสมอ…หากกลัว…ก็อย่าได้เกรงใจที่จะบอกให้ฉันโอบกอดเธอไว้”
ธีรีชยกมือขยี้กลุ่มผมนุ่ม ก่อนจะสวมหมวกที่คล้องคอทัชชาให้เข้าที่…ที่กำบังน้อย ๆ นี่อาจช่วยให้ทัชชารู้สึกสบายใจขึ้น…อย่างน้อยตอนนี้มันก็ช่วยปกปิดแก้มที่แดงระเรื่อของโอเมก้าตัวน้อยไว้อยู่..
มุมปากของธีรัชยกยิ้มอย่างเอ็นดู รับตระกร้าที่ทัชชาอาสาถือประคองขณะนั่งรถ มาถือไว้เอง
ทัชชาก้มมองพื้นจึงเห็นเท้าที่เริ่มก้าวเดินนำและฝ่ามือของตนที่ถูกจับกุมไว้โดยมือใหญ่ ทัชชาระบายยิ้มเมื่อเงยหน้าขึ้นจากพื้นก็เห็นแผ่นหลังอันแข็งแกร่งที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย…
ทัชชายอมรับว่ารู้สึกกังวลและวุ่นวายใจไม่น้อยในการออกมาจากเขตพื้นที่ของตน…ยามเห็นผู้คนที่เดินผ่านไปมาร่างกายคล้ายถูกสั่งในสั่นกลัว…จิตใจฝุงซ่านว่าตนถูกจับจ้องด้วยสายตาอันน่ากลัวมากมาย บรรยากาศและกลิ่นที่ไม่คุ้นเคยคล้ายบีบรัดลำคอให้หายใจลำบากและทรมาน
ธีรัชชะงักฝีเท้า เอี้ยวตัวกลับมายิ้มให้กับทัชชาที่ยังคงยืนนิ่ง…คนตัวสูงระบายยิ้มใจดีที่แสนคุ้นตาชวนให้หลงใหลจ้องมองไม่รู้เบื่อ
“มาเถอะ ร่มตรงโน้นกำลังดีเลย”
ทัชชามองตามดวงตาคู่นั้นไปยังสถานที่ที้ อีกฝ่ายบอกกล่าว…ภาพของระลอกคลื่นในสระที่สะท้อนแสงแดดเป็นประกายแวววาวและต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวขจีที่ตัดกับท้องฟ้าสดใส ประกอบกับใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของธีรัชสะท้อนในดวงตาคู่กลม…
สองเท้าก้าวออกเดินเข้าสู่สวนสาธารณะที่ร่มรื่นปลอดโปร่งขึ้นมาในบัดดล…ยามเมื่อมันประดับด้วยด้วยรอยยิ้มของคุณทะเล…ทุกความกังวลใจราวกับถูกเกี่ยวคลื่นซัดให้จมหายไป
….
.
ปิคนิคที่สวนสาธารณะจบลงด้วยดี แม้ทัชชาจะสะดุ้งตกใจเมื่อมีเสียงผู้คนดังขึ้น แต่เพราะมีธีรัชคอยประกบข้างกายไม่ห่าง…เขาจึงรู้สึกอุ่นใจร่างกายไม่พยายามต่อต้านอย่างเช่นที่เคยเป็น…
ธีรัชไม่รีบร้อนที่จะให้ทัชชาอยู่โดยที่ไม่มีเขา…การค่อย ๆ ให้ทัชชาปรับตัวอย่างช้า ๆ นั้นเป็นผลดีกับเขาเช่นกัน…นั่นหมายความว่าเขาจะได้อยู่ใกล้ชิดทัชชาได้นานขึ้น…
ทัชชามองไปยังคนตัวสูงที่กำลังจัดวางอาหารและน้ำดื่มที่เตรียมมา…ทัชชาอยากเป็นคนเริ่มชวนคุยเล่นแต่เพราะห่างหายจากการเข้าสังคมมานานจึงไม่รู้จะเริ่มบทสนทนาเช่นไรนึกย้อนนึกถึงบนสนทนาน่าสนุกที่ธีรัชเคยใช้ก็ระบายยิ้มออกมา
“คุณทะเล”
.. “ขา~”
ธีรัชตอบรับเงยหน้าขึ้นจากแก้วน้ำที่กำลังรินน้ำส้ม…ผู้ที่เอ่ยเรียกหาเขาเฉหลบดวงตาอย่างไม่กล้าที่จะสบตา พวงแก้มที่ขึ้นริ้วแดงชาดชวนให้เขาอมยิ้มอย่างเอ็นดูท่าทีแสนน่ารักของทัชชา
“มาเล่นต่อบทสนทนาเหมือนตอนนั้นกันครับ”
ทัชชาบอกความต้องการของตนเอง
“เอาสิ… แต่ครั้งนี้เลือกเป็นสิ่งที่ไม่ชอบน่ะครับ”
ทัชชาเอ่ยปรับเปลี่ยนกติกาให้แตกต่างจากครั้งแรกที่เราเล่นกัน
“อือออ ทัชจะล้วงจุดอ่อนคุณทะเลให้ได้เลย”
“…เธอ…”
“ครับ?”
“เธอไงคะ จุดอ่อนฉัน”
บึ้ม หัวของทัชชาคล้ายถูกระเบิดลงอีกครั้ง…คุณทะเลก็เป็นจุดอ่อนของเขาไม่แพ้กันนั่นแหละ!!!
“ทัชขอเริ่มก่อนแล้วกันครับ…อืมมม.กลางวันกับกลางคืนไม่ชอบอันไหนครับ”
ทัชชากอดอกรวบรวมความกล้าเปลี่ยนเรื่องหนีอายอย่างรวดเร็ว
“คงเป็นกลางวันครับ กลางคืนสงบดี”
ช่วงเวลากลางคืนนั่นเงียบสงบยิ่งแล้วกับในชนบทมันสงบสุข ทำให้เขามีสมาธิเขียนงานได้ง่ายขึ้น ธีรัชมีบ้านพักตากอากาศตามภูเขาแถบชนบทอยู่หลายแห่ง….แต่ครั้งนี้เห็นทีเขาอาจต้องหาดูบ้านพักตากอากาศ ติดทะเลไว้บางแล้ว…
“แล้วเธอล่ะคะกลางวันหรือกลางคืน”
ธรัชย้อนถาม
“ทัชชอบกลางวัน ทัชไม่ค่อยชอบความมืด…แต่ทัชชอบคุณดาวนะถึงอย่างนั้นถ้าให้เลือกก็ไม่ชอบกลางคืนอยู่ดี…”
..เพราะบางทีมันก็ทำให้รู้สึกเหงาด้วย ทัชชาไม่ได้เอ่ยเหตุผลขอหลังออกไป เพียงยกยิ้มบางตอนนี้ตอนกลางคืนคงไม่เหงาเท่าไหร่แล้วเพราะมีห้องของคุณทะเลอยู่ข้าง ๆ ที่สามารถวิ่งไปหาได้
“อย่างนั้นสินะ ตาเธอแล้วคนดี”
“อืม ชื่อจริงหรือชื่อเล่นครับ จะว่าไปทัชรู้แต่ชื่อจริงคุณทะเล คุณธีรัช พิพัฒนสกุล แต่ทัชไม่รู้ชื่อเล่นเลย”
ทัชชายกปลายนิ้วนี้แตะปลายคางอย่างขุ่นคิด
“หึ ธี ครับ ตัดมาจากชื่อจริงนั่นแหละครับ คุณแม่ฉันเป็นลูกครึ่งน่ะ ท่านชินกับวัฒนธรรมของฝั่งยุโรปจึงเอาชื่อจริงมาตั้งเป็นชื่อเล่นด้วย อย่างพี่ชายฉัน ชื่อธีรนิล ก็ตัดคำว่านิลมาเรียกเป็นชื่อเล่น…เธอก็เหมือนกันไม่ไช่หรือ”
ธีรัชนึกสงสัยเขาเห็นทัชชาเรียกแทนตัวเองว่าทัชเสมอก็คิดว่าเป็นชื่อเล่นที่ตัดมาจากชื่อจริงเหมือนตน…
“เออ….ชื่อเล่นทัชมัน..”
ทัชชากระอึกกระอักเมื่อนึกถึงชื่อเล่นของตน พวงแก้มขึ้นสีแดงจนธีรัชนึกแปลกใจและสนใจอยู่ไม่น้อยว่าชื่อเล่นของเจ้าโอเมก้าตัวน้อยนั้นเป็นเช่นไรเหตุใดจึงทำท่ากระอักกระอ่วนได้น่ารักเช่นนี้
“…หนู..เอื้อ ฟ้า”
“ครับ??”
เสียงที่เบาหวิวทำให้ธีรัชขยับเยื้องกายเข้าหาเพื่อหวังจะได้ยินมันชัดขึ้น และสังเกตท่าทีน่าเอ็นดูนี้ได้ใกล้ขึ้น…
“ชื่อเล่นทัชคือ หนูเอื้อฟ้าครับ…”
ธีรัชยกมือขึ้นปิดปากที่กำลังอมยิ้มของตน มิน่าถึงได้เขินอายถึงเพียงนี้เป็นชื่อที่น่ารักและเข้ากับเจ้าตัวสุด ๆ คุณพ่อคุณแม่ของทัชชาช่างเข้าใจตั้งเสียจริง
เพราะชื่อเล่นยาวพอกันกับชื่อจริงแถมฟังดูก็ชวนให้เขินอายทัชเลยเรียกแทนตนเองว่าทัช คนจะได้คิดเสียว่าชื่อเล่นของทัชชาคือทัช…แล้วเจ้าตัวจะได้ไม่ต้องแนะนำชื่อแสนน่ารักนี้
ชื่อ หนูเอื้อฟ้า นี้มีเพียงคนในครอบครัวที่เรียกขานกัน….ทัชชาได้ไอ้เดียนี้มาจากทิวากรผู้เป็นพี่ชายที่ตกอยู่ในชะตากรรมคล้าย ๆ กัน
“ห้ามล้อทัชนะครับ…มันน่าอายจริง ๆ ”
“ไม่เลยคนดีมันน่ารักเหมาะกับเธอมาก ๆ หนูเอื้อฟ้า น่าเอ็นดูเกินไปแล้วครับ”
“คุณธี ทัชโกรธจริงนะ”
ทัชชาว่าเสียงแข็ง
“ฮาฮาครับ ไม่แกล้งแล้ว”
ธีรัชโคลงศีรษะน้อยของคนที่ส่งค้อนตาเขียวมาให้อย่างเอ็นดู เป็นเพราะถูกเรียกว่าหนูเอื้อฟ้า คนตัวเล็กของเขาจึงตัวแดงสุกปลั่งไปเสียแล้ว…แต่มันก็น่ารักน้อยเสียทีไหน ใครเขาจะอดใจไม่แกล้งไหวกัน
“พี่ไม่แกล้งแล้วค่ะ หนูน้อยเอื้อฟ้า คำถามหนูพี่ขอเลือกชื่อเล่นค่ะ ไม่ชอบชื่อเล่นหนูเลย หึ” เพราะะชื่อเล่นมันกวนหัวใจจนเจ็บไปหมดแล้ว จนอยากเปลี่ยนสรรพนามที่เรียกกันให้เข้ากันเสียไม่ได้ เมื่อคิดถึงตรงนี้ก็กดยกยิ้ม
ทัชชาตาโตเมื่อได้ยินคำเรียกแทนตัวที่เปลี่ยนไปของธีรัชก่อนจะสติหลุดไปอีกครั้งกับคำถามที่คุณทะเลยิงกลับมา
“พี่ธีหนูทัช หรือ ฉันกับเธอ…ชอบแบบไหนมากกว่ากันหรือคนดี”
ธีรัชชวยหยิบมือของทัชชาขึ้นมาและกดจุมพิตลงไปแผ่วเบา ช้อนตวงตาที่แพรวพราวขึ้นมองทัชชาที่ดูเหมือนจะสติหลุดไปเสียแล้ว
ทัชชารู้สึกเขินจนทำสิ่งใดไม่ถูกโผลเข้ากอดธีรัชเพื่อหวังจะซ่อนใบหน้าที่ระเบิดไปแล้วของตนเพราะโดนรุกอย่างหนัก…กะจะมาล้วงจุดอ่อนเขาแต่กลับพาดท่าแพ้หมดรูป โดนยิงเข้าที่หัวใจไปต่อไม่ถูก
“แกล้งทัชอีกแล้ว…คุณทะเลไม่อ่อนโยนอีกแล้ว”
ทัชชาโวยวายยามซบอยู่บนบ่าของธีรัช ที่ช่วยโอบประคองให้ที่ซุกซบอย่างยินดี
“หึ นั่นไม่ใช่คำตอบนะ ให้เรียกแบบไหนดี หนูทัชของพี่…”
แน่นอนว่าธีรัชเลือกคำตอบไว้ก่อนแล้วและธีรัชก็เชื่อว่าทัชชาจะเลือกมันเช่นกัน
“พี่ธี…หนูทัช ครับ”
“หืม ไม่ชอบอันนี้เหรอคะ”
โจทย์ของคำถามคือเลือกสิ่งที่ไม่ชอบ….ธีรัชรู้ว่าทัชชาหมายถึงสิ่งใดแต่ก็เลือกที่จะแกล้งอีกฝ่ายอีกสักเล็กน้อย
“ไม่…หนูชอบมันพี่ธี ได้โปรด ทัชจะตายแล้วอย่าแกล้งกันเลย”
ทัชชาร่ำร้องอย่างเขินอาย หัวใจของเขารู้สึกว่ามันจะรับไม่ไหวเสียแล้ว
“ฮาฮา หนูทัชของพี่ จะตายหนีกันเสียแล้ว ..พี่เองก็คงตายตามหนูไป ศพเราก็คงเป็นสีชมพูเป็นแน่ครับฮาฮา”
ตายอย่างสงบศพสีชมพูกันไปตาม ๆ กัน ธีรัชนึกขันกล่าวหยอกล้อ
“คุณทะเล!!!”
ได้เสียงหวานแว้ดใส่และฝ่ามือกำปั้นน้อย ๆ ที่ทุบตีตนเบา ๆ แก้เขินของคนในอ้อมแขน
“ว่าไงคะเธอขาา..ฮาฮา พี่ไม่แกล้งแล้ว มาทานแซนวิชของเรากันดีกว่า” ….ก่อนที่มันจะหวานไปมากกว่านี้ล่ะนะ ธีรัชอมยิ้มทอดสายตามองคนตัวน้อยที่ช้อนตาขึ้นมองเพื่อดูท่าทีของตน..ประหนึ่งแมวที่กำลังไม่ไว้ใจ…แก้มกลมขึ้นสีระเรื่ออย่างน่ามอง
อ่าน่าเอ็นดูอีกแล้วคู่แห่งโชคชะตาของเขา
…
…..
“สนุกไหม”
ธีรัชเอ่ยถาม ตอนนี้เขาพาทัชชากลับมาส่งที่หน้าห้อง
“ครับ ทัชไม่ได้ไปสวนสาธารณะนานมากแล้ว ขอบคุณนะครับ”
“ดีใจที่เราสนุกกับมันนะ…”
ธีรัชวางมือบนกลุ่มผมนุ่มของคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู ลูบผ่านแผ่วเบาไม่กล้าที่จะลงแรงให้กระต่ายตัวน้อยตื่นตกใจหนีกลับรัง…แต่นี่ก็ดึกเกินกว่าจะรั้งอีกฝ่ายไว้เสียแล้วก็ได้แต่หักห้ามใจ
“พักผ่อนเถอะ มีอะไรก็เรียกพี่ได้เสมอ”
“ขอบคุณครับ”
ประตูถูกดันปิด…แต่ก่อนที่ธีรัชจะได้หมุนกายกลับห้องประตูก็ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมสัมผัสนุ่มหยุ่นที่แตะลงบนซีกแก้มสาก
ก่อนธีรัชจะได้กล่าวสิ่งใดผู้กระทำก็หนีหายไปเสียแล้ว เสียงประตูปิดลงอีกครั้งพร้อมหัวใจของธีรัชที่สั่นระรัว มือหนายกแตะแก้มที่ถูกจุมพิต
“ใจร้ายใส่กันอีกแล้ว…โอเมก้าตัวน้อยของฉัน”
ธีรัชพึมพำก่อนจะระบายยิ้มออกมา ก้าวชิดประตูที่เขาเชื่อว่ามีร่างน้อยนั่งเขินอยู่ด้านหลัง เพราะกลิ่นอายของทัชชาคละคลุ้งไปทั่วประตูห้อง… ฝ่ามือแนบกับประตู ยกนิ้วชี้เคาะแผ่าเบา เป็นจังหวะขณะค่อยลากลงต่ำ
ตึง
เสียงคล้ายบางอย่างกระแทรกประตูไม่แรงนักทำให้ธีรัชขยับยิ้ม หากให้เดาศีรษะของทัชชาคงกระแทกกับประตูเมื่อได้ยินเสียงจากปลายนิ้วของเขาที่ปลุกทัชชาให้หลุดจากภวังค์ความเขินอาย คนตัวสูง ย่อกายลงคุกเข่าให้เสมอกับคนที่อยู่หลังประตู
“รุกกันอย่างนี้แล้วชิ่งหนีไม่น่ารักเลยน้าา…ให้โอกาสพี่..รุก..เราคืนบางสิคะ…”
“…”
ธีรัชปรับน้ำเสียงให้ลุ่มลึกขึ้น…ขยับยกยิ้มมุมปากยามเมื่อนึกถึงเรื่องน่าสนุก
“คืนนี้ขอดูดาวที่ระเบียงด้วยกันกับหนูเอื้อฟ้าได้ไหมคะ”
ตึง ศีรษะทัชชาคล้ายกระแทรกประตูอีกรอบธีรัชจิตนาการหน้าตาตื่นของทัชชาได้อย่างไม่ยากเย็น…เมื่อถูกเรียกด้วยชื่อเล่นแสนน่าเอ็นดู
“คุณทะเล!”
แว่วเสียงหวานดังแว้ดจากในห้อง
“ฮาฮา พี่หมายถึงว่าพี่จะอยู่ระเบียงพี่ ส่วนหนูก็อยู่ระเบียงหนู...คืนนี้เขาว่าจะมีดาวตกน่ะ…”
“พี่ธีแกล้งทัชอีกแล้ว…ไม่คุยด้วยแล้วครับ”
ทัชชาหน้าแดงเป็นตำลึงสุก ยามได้ยินประโยคนั่นเขาจิตนาการไปไกลเสียด้วย ทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่ต้องถอยทัพอีกครั้ง
….
.
ยามพลบค่ำมาเยือน….ดวงจันทร์ฉายเพียงเสี้ยวเดียวในแนวนอนราวกับจะแย้มยิ้มให้กับผู้มองดูมัน ดวงดาวกระจ่างแวววาวสองดวงที่ประดับคู่กันไม่ไกลจากพระจันเสี้ยว ราวกับดวงตาที่พราวระดับ ส่งให้คืนนี้ท้องฟ้าดูมีความสุขไม่น้อย น่ามองไม่แพ้คืนที่ดวงจันทร์เต็มดวง
ธีรัชโคลงแก้วเหล้ารสอ่อนที่ฟุ้งด้วยความหอมของดอกหอมหมื่นลี้ที่แม่เขาหอบหิ้วมาให้จากแดนไกล…มันช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดี หลังจากต้องเหน็ดเหนื่อยจากงานหน้าคอม ทั้งงานหลวง งานบริษัทของตระกูล ไหนจะงานราชของทางสำนักพิมพ์ เล่นเอาปวดตาไม่น้อย ธีรัชพิงกับขอบระเบียง ลมเย็นพัดโชยเอากลิ่นที่ชวนให้ผ่อนคลายยิ่งกว่าเหล้าในมือมาล่อลวงให้ลุ่มหลงไปกับมัน ดวงตาสีครามเข้มดั่งห้วงสมุดปิดเปลือกตาลง ซึมซับบรรยายกาศที่แสนผ่อนคลายและสุนทรีย์นี้อย่างพอใจ…เสียงของประตูที่เลือนเปิดดังเข้ามาในโสตประสาทของธีรัชพร้อมกลิ่นอายที่เขาชมชอบเข้มข้นขึ้นยามเมื่อลมพัดผ่านอีกระลอก ทำให้เขากระตุกยิ้มมุมปาก
“สายันห์สวัสดิ์ ค่ะ หนูทัช”
“ทัชแค่ออกมาทานขนมเล่นหรอกนะ กินในห้องมดมันขึ้น”
ธีรัชยกยิ้มเอ็นดู เขายังไม่ได้กล่าวสิ่งใดเจ้าตัวน้อยก็เผยพิรุธเลิ่กลั่กเสียแล้ว
“ข้างนอกลมเย็นหาผ้าคุมหน่อยก็ดีนะ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา พี่เป็นห่วงนะ”
ธีรัชไม่คิดเปิดโปร่ง กล่าวเปลี่ยนประเด็นเมื่อเห็นว่าทัชชาอยู่ในชุดนอนตัวบางไม่มีผ้าคุมกันลมติดมือมา
“ห่วงคุณทะเลนั่นแหละ ไม่ต้องว่าทัชเลย”
ทัชชายู่ปากมองการแต่งกายของธีรัชที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่าตนเสื้อเชิ้ตตัวบางถูกปลดกระดุมไปแล้วเสียสามเม็ดโชว์แผ่นอกขาวเนียนกระแทรกตายิ่งกว่าพระจันทร์แขนเสื้อก็ถูกพับขึ้นสูงถึงศอก
ไหนจะเครื่องดื่มเย็น ๆ ในมือ แค่เห็นทัชชาก็รู้สึกหนาวแทนแล้ว
“อีกอย่าง ทัชมีคุณชอนนี่กอดก็อุ่นแล้ว”
ว่าแล้วเจ้าตัวน้อยก็ฝังตัวซุกกอดตุ๊กตาตัวโตที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ และหันมาเชิดหน้ายิ้มอย่างภูมิใจ….ในวิธีการทำให้ตัวอุ่น
“หึ แล้วกอดพี่กับกอดคุณชอนนี่ของหนูใครอุ่นกว่ากันเหรอคะ”
ธีรัชโคลงแก้วเหล้าหอมหมื่นลี้ในมือ เท้าแขนกับขอบระเบียงที่วิวด้านหน้าเป็น เจ้าโอเมก้าตัวน้อยที่กำลังตื่นตระหนกกับคำถามหยอกเอิน แก้มใสขึ้นสีนวลอย่างน่าเอ็นดู…มองดูแล้วช่างชวนให้เข้าไปขบกัด คงนุ่มนิ่มไม่ต่างจากซาลาเปา
“อันนี้ พี่ธีต้องมาให้ทัชทดสอบแล้ว หึ”
ทัชชาที่ตั้งสติได้ โต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ ยกยิ้มเชิดหน้าขึ้นอย่างท้าทาย เขาไม่ยอมแพ้หรอกนะ แพ้หลายยกแล้ว ยกนี้ต้องชนะ ฮา รุกมาก็ต้องรุกกลับ ความพ่ายแพ้จะไม่ใช่ของทัชชาอีกต่อไป แล้วตอนนี้ทัชชาอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง มีระเบียงกั้นอีกตั้งหาก ทำให้เจ้าตัว มีพลังในการท้าทายขึ้นเยอะ
“อย่าท้านะครับ ระเบียงห้องเราห่างกันแค่ช่วงแขน พี่ปีนข้ามสบายเลยนะ”
“…พี่ธี ทัชล้อเล่น! ห้ามปีนมานะ เดี๋ยวตก”
“หึ.พี่ก็ล้อเล่นเหมือนกันครับ”
ธีรัชอมยิ้มเมื่อได้เห็นท่าทีลนลานอย่างน่าเอ็นดูของคู่แห่งโชคชะตา เขตพื้นที่สำหรับโอเมก้า ก็คือรัง ของพวกเขาการจะเข้าไป ก็ต้องได้รับอนุญาตก่อน ธีรัชจะรอให้ทัชชาเป็นผู้เชื้อเชิญเขาเข้าไปหา…ให้ตายสิมันก็ใกล้กันจริง ๆ ถ้าเขาขอซื้อห้องนี้ต่อจากคุณทัดดาวจะได้ไหมนะ หรือ ซื้อทั้งโครงการดี ให้ตายสิ โชคดีจังที่เขาเป็นผู้มาอยู่ข้างห้องทัชชา หากเป็นอัลฟ่านิสัยไม่ดีนี่คงอันตรายน่าดู…
แววตาของธีรัชลุ่มลึกขึ้นฉายถึงความอันตรายที่เก็บซ่อนอยู่ภายใน
“พี่ธี..”
ก่อนจะเลือนหายไปเมื่อได้ยินเสียงหวานของทัชชาที่เอ่ยเรียกหา
“ขา ว่าไงคะหนูทัช”
ทัชชาขบเม้นริมฝีปากแผ่วเขาเมื่อได้ยินคำขานรับของอัลฟ่าหนุ่มที่ชวนให้ใจเต้นตึกตัก ตึกตัก
“พรุ่งนี้ไปอีกได้ไหม…สวนนั่น..ไปเดินเล่นด้วยกัน ลองจับมือกันเดิน..ได้ไหมครับ….ถ้าพี่ธียุ่งก็ไม่..เป็นไรครับ..”
ทัชชาอยากเดินจับมือกับธีรัชเดินเล่นในสวนสาธารณะไม่ใช่แค่นั้งปิกนิกอยู่กับที่เหมือนวันนี้ อยากลองขยับไปอีกขั้น…
“หึ ได้สิคะ ไว้พรุ่งนี้เราไปเดินเล่นด้วยกันนะครับ…สำหรับหนูทัชแล้วพี่มีเวลาให้เสมอค่ะ ไปเดินเล่นด้วยกันทุกวันยังได้ อย่าเกรงใจเลย”
ธีรัชระบายยิ้มอ่อนเมื่อได้ยินความต้องการของทัชชา…ที่พูดไปเล่นแขนตุ๊กตาไป แถมยังช้อนตาขึ้นมองอย่างออดอ้อน ใครมันจะไปปฏิเสธเจ้าตัวได้ลงคอ….บอกได้คำเดียวว่า คู่แห่งโชคชะตาเขาน่ะ น่าเอ็นดู ที่สุดในโลกแล้ว ต่อให้คืนนี้เขาต้องทำงานเผื่อของวันพรุ่งนี้เพื่อเพิ่มเวลาในการอยู่กับทัชชาเขาก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง!
“ขอบคุณครับ แต่ถ้าวันไหนพี่ธียุ่งต้องบอกทัชนะ ห้ามตามใจทัชนะ”
“หืม ไม่ตามใจหนู แล้วพี่จะไปตามใจใครล่ะหืม”
“ไม่เอา เดี๋ยวทัชเสียคนกันพอดี”
ทัชชาว่าเสียงเข้ม ถ้าเขาถูกตามใจจนเคยชิน จะแย่เอาได้ถ้าวันไหนพี่ธีเกิดยุ่งมาก ๆ แล้วตามใจเขาไม่ได้ ทัชชากลัวว่าตัวเองจะงอแง น้อยใจอีกฝ่าย เอาได้อยู่เหมือนกัน…ความเคยชินน่ะอันตรายมาก!
“ฮาฮาฮา ให้ตายสิ กลัวตัวเองเสียนิสัยเสียด้วย หนูทัชของพี่ช่างเป็นเด็กดีเสียจริง…แต่พี่อยากให้หนูเป็นเด็กดื้อบ้างนะคะ”
“….?”
ทัชชาช้อนตาขึ้นมองอย่างสงสัย
“พี่จะได้มีโอกาส ดุ หนู ไงคะ”
บึ้ม
แก้มของทัชชาระเบิดไปแล้ว คำว่าดุนั้นมีอีกบริบทให้นึกถึง..ยิ่งธีรัชเน้นคำในหัวของทัชชาก็คิดไปไกลเสียแล้ว…และแน่นอนว่าเจ้าตัวเล็กคิดถูก…
ให้ตายสิ จะมีวันไหนบ้างไหมนะที่เขาสามารถชนะคุณทะเลได้ พี่ธีของทัชช่างแพรวพราวแตกต่างจากภาพลักษณ์แสนเรียบร้อยลิบลับเลย…
“ทัชง่วงนอนแล้ว! จะไปนอนแล้วครับ”
แพ้อยากราบคราบขนาดนี้ให้อยู่ต่อเขาคง ตัวแดงเป็นกุ้งสุกแน่ ๆ ถอยทัพกลับไปศึกษาค้นกูเกิลมาต่อกรกับคุณทะเลในวันพรุ่งนี้ให้ได้
“ง่วงหรือเขินคะ”
ทัชชาไม่ตอบคนคนตัวสูงที่ช่างแพรวพราว ถลึงตามองอย่างขบขู่ก่อนหมุนตัวเดินเข้าห้อง…
ปัง!!!!
พรึบ
เสียงดัง ที่ดังแว่วมาแต่ไกลทำให้ทัชชาสะดุ้งโย้ง ยังไม่ทันได้หายตกใจเสียงที่ดังขึ้น ภาพทุกอย่างในการมองเห็นก็ดำมืดลง
ความมืดที่เผชิญทำให้ทัชชาสั่นกลัว….นอกจากอัลฟ่าที่ทัชชากลัวแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่มีผลต่ออาการของทัชชาไม่ต่างกับฟีโรโมนคุกคามของอัลฟ่าก็คือ…ความมืดมิด
“ทัชเป็นอะไรไหม!”
แว่วเสียงของธีรัชที่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงทำให้ทัชชาได้สติขึ้นมาเล็กน้อย ว่าตนไม่ได้อยู่คนเดียวกลิ่นอายฟีโรโมนของทะเลซัดสาดให้รู้สึกถึงความปลอดภัยที่ชวนให้โหยหา
“ฮึก พี่ธี คุณทะเล! อยู่ไหน”
เพล้ง
แก้วโกโก้ที่วางอยู่บนโต๊ะถูกมือเล็กที่ขยับปัดปายลนลานเรียกร้องหาเจ้าของกลิ่นอายแห่งความปลอดภัย
“ทัช อยู่นิ่ง ๆ อย่าขยับ”
ธีรัชกล่าวอย่างเป็นห่วงเมื่อได้ยินเสียงแก้วที่หล่นและเสียงที่เรียกหาอย่างน่าสงสารของทัชชาที่ดูจะหวาดกลัวต่อความมืด
“ทัช อึกทัช กลัว พี่ธีอยู่ไหน”
“พี่จะไปหาเราเอง นิ่งไว้คนดี ค่อย ๆ นับ 1 ถึง 5 ช้าช้า ”
ดวงตาของอัลฟ่าไม่นานก็ปรับให้ชินกับความมืดได้อย่างรวดเร็ว กวาดตามองหาเจ้าของกลิ่นฟีโรโมนหอมหวานที่ยามนี้คุดคู้อยู่ข้างโต๊ะ
“หนึ่ง…อึก สอง”
“ใช่อย่างนั้น”
“สาม”
ธีรัชตัดสินใจปีนข้ามระเบียงมายังห้องของทัชชา
ตึง
เสียงกระทบลงน้ำหนักไม่ไกลจากสุดที่ยืน ไม่ได้ทำให้ทัชชาหลุดออกจากสติที่กำลังตั้งใจนับเลข สงบสติ
“ห้า”
สิ้นคำว่า ร่างของทัชชาที่คุดคู้อยู่ใต้โต๊ะก็ถูกโอบกอดด้วยความอบอุ่นของผู้เป็นเจ้าของกลิ่นอายทะเลที่ช่วยซัดพาความน่าหวาดหวั่นให้จางหาย
ธีรัช ค่อย ๆ ลูบศีรษะของคนที่ซุกกอดตนอย่างผวา
“เก่งมากค่ะ ไม่เป็นอะไรแล้วคนเก่ง พี่อยู่ตรงนี้ ไม่มีอะไรมาทำร้านเธอได้ทั้งนั้น”
“ไฟมันดับหมดเลย…”
“ดูเหมือนจะมีรถชนเสาไฟฟ้าไม่ไกลจากจุดนี้…ทำให้ไฟดับหมดเลยน่ะ”
รอบบริเวณคอนโดมีแต่ความมืดมิดราวกับย้อนคืนสู่ยุคสมัยที่ไร้แสงไฟส่องสว่าง
“…พอไฟดับแล้วดูเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้าจะเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิมเสียอีก…”
ธีรัชเงยขึ้นมองสำรวจท้องนภาที่ยามนี้เป็นผู้ให้แสงสว่างที่เด่นชัดที่สุดในคืนนี้
คนตัวสูงรับรู้ได้ถึงแรงขยับของคนในอ้อมแขน ใบหน้าเล็กที่ซุกอยู่ต้องซอกคอเขาขยับออกห่างเล็กน้อย ธีรัชจึงค่อย ๆ คลายออมแขนให้อีกฝ่ายขยับตัวหันออกมา จะยืนก็ดูไม่รู้ว่าไฟจะดับนานไหมจึงนั่งลงบนเก้าอี้และให้ทัชชานั่งอยู่บนตัก กระชับกอดเอวบางไว้ไม่ให้ไหลลงไป
ทัชชาที่ได้ยินว่าดาวสวยรู้สึกสนใจอยู่ไม่น้อย กลิ่นอายของทะเลและความอบอุ่นจากธีรัชก็ช่วยลดทอนความหวาดกลัวไปแล้ว จึงขยับเปิดเปลือกตาที่แพรขนตาชุ่มน้ำตาขึ้นผละใบหน้าออกจากซอกคอของธีรัช ตอนแรกดวงตายังปรับเข้ากับความมืดไม่ได้ มือเล็กจึงกำขย่ำเสื้อของธีรัชแน่นก่อนจะค่อย ๆ คลายออกเมื่อภาพของท้องฟ้าที่ธีรัชกล่าวบอกก่อนหน้าสะท้อนผ่านนัยน์ตา
“สวย”
ธีรัชขยับยิ้มเมื่อได้ยินถ้อยคำพึมพำของคนในอ้อมแขน ค่อย ๆ วางเกยคางของตนลงบนกลุ่มผมที่ขยับไปมาอยู่ใต้คาง
“เก่งมาก”
“ขอบคุณครับ…”
การเอาชนะความมืดมาได้แม้เพียงก้าวเล็ก ๆ ก็นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและสำคัญสำหรับทัชชา
“ไว้พี่พาไปดูดาวบนเขา”
“หนูอยากไปทะเลมากกว่า…”
“ฮาฮา โอเคร ภูไหน ๆ ก็สู้ทะเลในใจหนูไม่ได้จริง ๆ ”
ธีรัชว่าอย่างติดตลกโครงการหาซื้อบ้านพักติดทะเลคงต้องเลื่อนเข้ามาใกล้ ๆ เสียแล้ว เจ้าโอเมก้าของเขาชอบถึงเพียงนั้น ธีรัชระบายยิ้มบาง
“แต่คุณทะเลเป็นที่หนึ่งในใจทัช นะ”
ทัชชาเงยหน้าขึ้นมองธีรัชที่ก้มลงมาหาพอดี ส่งยิ้มที่ดวงตาพราวระยับจากคราบน้ำตาก่อนหน้า
ธีรัชนิ่งค้างไปกับภาพตรงหน้า
ได้จังหวะก็อย่าปล่อยให้หลุดไปอย่างเสียเปล่า และดูเหมือนรอบนี้เขาจะเป็นฝ่ายชนะ ธีรัชทิ้งศีรษะซุกกับแผ่นหลังของทัชชา ใบหูขาวขึ้นสีแดงอย่างน่ามอง บ่งบอกให้รู้ว่าคุณทะเลของเขานั่น เขิน จนตั้งตัวไม่ถูกเหมือนที่เขาเคยเป็นตอนโดนคุณเขารุกแรงอยู่บ่อย ๆ
เจ้าโอเมก้าตัวน้อยรู้สึกพอใจกับชัยชนะนี้เป็นอย่างยิ่ง
“โอเครค่ะ ยกนี้พี่ยอมยกให้”
ดาเมจระยะประชิดนั่น ทำใจสู้ได้ยากเสียจริง
ธีรัชยกธงยอมแพ้ไม่สู้กลับ ให้เจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนเป็นผู้ชนะ
แต่เอาเข้าจริง…ทัชชาก็ชนะมาตั้งแต่ต้นแล้ว…สำหรับธีรัช แค่ทัชชาส่งยิ้มให้ใจเขาก็เหลวลงไปกองอยู่แทบเท้าน้อย ๆ นั่นแล้ว
…
พรึบ
ไฟกลับมาติดอีกครั้ง ทุกอย่างจึงกลับมาสว่าง สว่างไสว
“ปกติอยู่อย่างไรเวลาไฟดับ”
“ไฟฉายโทรศัพท์ แล้วก็โคมไฟที่ใช่ถ่านฮะ แต่เมื่อกี้ทัชไม่ได้ถือติดมือออกไประเบียง…”
นี่เป็นครั้งแรกที่ไฟดับและทัชชาไม่มีเครื่องมือให้แสงสว่างอยู่ในมือ จึงตกใจไม่น้อย…แต่วันนี้ก็ดีกว่าทุกครั้งยามอยู่ท่ามกลางความมืดในอดีตแม้จะมีเครื่องให้กำเนิดแสงอย่างไฟฉาย แต่มันไม่ได้อบอุ่นเหมือนวันนี้ที่ถูกโอบกอด..
เมื่อทุกอย่างดูจะเรียบร้อยแล้ว ทัชชาดูผ่อนคลายขึ้น ธีรัชจึงผละออกเพื่อเตรียมกลับห้องตัวเอง…นี่คือเขตพื้นที่ของทัชชา เขาเข้ามาเพราะเหตุฉุกเฉิน ไม่อยากจะใช้สถานการณ์ที่ไม่ดีนี้ เป็นโอกาสในการเข้ามาในพื้นที่ห้อง…เขาอยากให้น้องเปิดประตูห้องให้ด้วยความต้องการและเต็มใจด้วยตนเองมากกว่า
“นั่นพี่จะทำอะไรครับ”
“ปีนกลับครับ”
“…”
“หึ ถ้าพี่เข้าห้องหนูแล้วพี่กลัวจะหาทางออกไม่เจอครับ”
เขาคงไม่พยายามหาทางออกด้วยซ้ำ….นึกแล้วก็อดจะหัวเราะอยู่ภายในใจ กับอาการหลงทัชชาของตนที่ดูจะหนักข้อขึ้น….หากพี่ชายรับรู้คงหัวเราะจนท้องแข็ง ที่คนอย่างเขาที่ในหัวมีแต่วิชาการและการอยู่กับความจริง อะไรก็จริงจังไปหมดอย่างเขา ตอนนี้จะเป็นได้ถึงขนาดนี้