นางคือองค์หญิงผู้ที่มีคำทำนายว่าจะนำพาหายนะมาสู่วังหลงลวงจึงถูกนำตัวไปอาศัยนอกวังโชคชะตานำให้นางได้พบกับบุรุษผู้หนึ่งและการหวนคืนสู่บ้านที่แท้จริง
จีน,ชาย-หญิง,แฟนตาซี,ผจญภัย,รัก,รักวัยใส,รักข้างเดียว,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ณภายในตำหนักของฮองเฮาซึ่งกำลังทรงครรภ์ฝนได้ตกกระหน่ำลงมาตั้งแต่เย็นจนค่ำ
"ฮองเฮาเพค่ะทรงดื่มยาบำรุงก่อนน่ะเพค่ะ"
อาหลันนางกำนัลคนสนิทของฮองเฮานำยาบำรุงมาถวายฮองเฮา
"ยาบำรุงอีกแล้วต้องดื่มบ่อยขนาดนี้เลยรึอาหลัน"
"มิบ่อยหรอกเจ้าค่ะเป็นเรื่องธรรมดา ครรถ์มังกรย่อมประหงมอย่างดีให้คลอดปลอดภัยพระวรกายแข็งแรง"
ฝ่ามือเรียวรับถ้วยยายกดื่มพลางลูบอุทรนูนป่องช้าๆให้ลูกได้รับรู้ถึงการเคลื่อนไหว ระหว่างนั้นสาวใช้ออกไปข้างนอกชั่วครู่มีนางเพียงลำพังที่กำลังดื่มโอสถให้หมดถ้วย มิทันไรเสียงของชนิดที่ทำจากแก้วตกแตกเสียงดังกระจัดกระจายเป็นเศษออกไปนอกตำหนักพร้อมเสียงโอดร้องอย่างทรมาน
เพล้ง !
"เจ็บ ข้าเจ็บท้อง ช่วยด้วยอาหลัน!!"
หมู่นางกำนัลที่เพิ่มพูนคอยดูแลพระสนมยามตั้งครรภ์วิ่งมาอย่างตื่นตระหนกรีบร้อนถึงการพยุงอีกฝ่ายไปบนแท่นบรรทมให้พร้อม อาหลันตามหมอตำแยมาทำคลอดกับช่วงที่ไม่คาดคิดของสตรีผู้ซึ่งเป็นฮองเฮาจะมีประสูติกาลในเวลาเช่นนี้
หญิงมากอายุสาวเท้าร่างสมส่วนเข้ามาข้างขอบเตียงไม้กดบริเวณหน้าท้องพร้อมกล่าวต่อ การคลอดครั้งนี้ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายเด็กในครรถ์อาจตัวใหญ่แข็งแรงหรือเป็นแฝดย่อมไม่อาจหยั่งรู้ มือเล็กจับกุมผ้าแข็งไว้ออกแรงตามเสียงของข้าราชบริวารที่ผลัดเปลี่ยนอ่างน้ำเล็กแลช่วยเปล่งเสียงให้สุดกำลัง
" ครรถ์ใหญ่เยี่ยงนี้ฮองเฮาต้องออกแรงเบ่งหนัก ,ออกแรงเบ่งเพคะ เบ่ง "
" อื้อ .. อื้อ ลูกข้า"
"ใกล้แล้วเจ้าค่ะ ใกล้แล้ว "
น้ำตาคลอเบ้าไหลออกจากต่อมน้ำเนตรที่ถูกบีบที่อุทรกลมจนแทบทรุดแรงลงกับเสียงที่ต้องการสลบไสลแต่กัลยายังมีสติเพื่อเป้าหมายสำคัญประหนึ่งชีวิตที่กำลังเกิดมา ที่พำนักกลิ่นโลหิตคลุ้งเหม็นคาวหญิงผดุงครรถ์คอยบอกอยู่สม่ำเสมอเมื่อใกล้ถึงความเป็นจริงจึงเบ่งอีกเป็นรอบสุดท้ายแล้วปล่อยลมหายใจออกอย่างหนักมิเป็นจังหวะ
อุแว้ อุแว้!!!
" คลอดแล้วเจ้าค่ะ เป็น เป็นฝาแฝดชายหญิงแข็งแรงดีอ้วนท้วมสมบูรณ์มาก "
เสียงร่ำร้องของทารกบังเกิดถือเป็นแรงให้มาตาลดาที่สูญเสียงแรงและความเจ็บปวดยาวนานเกือบถึงหนึ่งชั่วยาม หมอตำแยล้างกายชำระร่างห่อผ้านวมนุ่มลวดลายสง่าสมความเป็นองค์หญิงน้อยองค์ชายมาให้ได้ทอดมองสายเลือดของตนเอง
ฝ่ามือเอื้อมไปลูบหัวไร้เส้นผมปกคลุมค่อยๆรับร่างเล็กมาอุ้มในอ้อมกอดพร้อมแย้มยิ้มดีใจมาพูดคุยกับเจ้าตัวเล็กได้ไม่นานจึงส่งต่อให้นางกำนัลด้วยใบหน้าซีดเซียวเหนื่อยหน่ายรอคอยให้ตนได้หลับพัก ต่อไปจึงเป็นหน้าที่ของหมอตำแยแลอาหลันที่จะช่วยดูแลดรุณีตัวน้อย
" น่ารักน่าชังเหลือเกิน อาหลันฝากให้เจ้าไปทูลฝ่าบาท ไทเฮาให้ที.. "
ดวงตากลมโตปิดลงสงบเหล่านางกำนัลนำผ้าสะอาดชุบน้ำซับหยาดเหงื่อบนพักตราสง่างามแลแยกย้ายกันคอยเฝ้าดูแลบุตรีแลบุตรชายของนายหญิงชมความสดใสนี้ไปกันยาวนาน อีกครู่หนึ่งนางสนองโอษฐ์ของอิสตรีก็คงจะแจ้งเรื่องมงคลที่เกิดขึ้นให้ทั้งสองตำหนักทราบดี
ณตำหนักทรงงานของฮ่องเต้พลันนางกำนัลของตำหนักฮองเฮารีบร้อนวิ่งเข้ามาเพื่อทีจะมากราลทูลข่าวมงคล
กราบทูลฮ่องเต้ขณะนี้ฮองเฮาทรงมีประสูติกาลราชบุตรฝาแฝดชายหญิงแล้วเพค่ะ"
"ว่าไงน่ะเหยาฟ่านคลอดลูกของข้าเป็นแฝดชายหญิงหรือนี่น่ายินดีนัก"
"ข้าจะไปหานางไปหาลูกของข้ารอพ่อก่อนหนาพ่อจะรับขวัญเจ้า"
ภายในตำหนักของฮองเฮาซึ่งมีประสูติกาลราชธิดาและราชโอรสฝาแฝด
"หลานข้าน่าเกลียดน่าชังนักย่าขออุ้มหน่อยหนา"
ยามที่ไทเฮากำลังจะอุ้มร่างน้อยพลันถูกมือน้อยๆตีเข้าที่มือในทันทีพลางมองคนที่จะอุ้มน้องตนในทันที
"หวงน้องหรอกจ้ะหื้มก็ได้ๆย่าอุ้มเจ้าดีไหมหื้มหลานย่า"
"ต้องอุ้มพร้อมกันเพค่ะหากอุ้มใครคนใดคนหนึ่งอีกคนจะร้องให้ทันทีเพค่ะ"
เหยาฟ่านทูลไทเฮาหากอุ้มบุตรนางต้องอุ้มทั้งสองคนหากอุ้มเพียงคนเดีวยอีกคนจะร้องให้ในทันที
"โอ๋ๆต้องอุ้มทั้งสองคนเลยหรอกหลานย่าก็ได้ๆมาย่าอุ้มเจ้าทั้งสองน่ะ"
ไทเฮาค่อยๆอุ้มราชนัดดาใว้อ้อมแขน ทารกน้อยจ้องมองผู้ที่อุ้มตนก่อนที่จะยิ้มออกมาและทำในสิ่งที่ทุกคนตกตะลึง
"ตายจริงฝากรักย่าซะแล้วน่ะเจ้าตัวเล็ก"
หลังจากสิ้นคำกล่าวองค์หญิงน้อยพลันยิ้มออกมาในทันทีหลังจากที่ฝากรักไทเฮาเสียจนเปียกปอน
"เจ้าเล่ห์นักน่ะหลานย่าดูทำย่าเปียกหมดเลยน่ะเจ้าตัวเล็กของย่า"
องค์หญิงน้อยชูไม้ชูมือขึ้นพลางหัวเราะคิกคักออกมาในทันทีหากแต่ทว่ายามที่ทั้งสองพระองค์กำเนิดมาพลันเกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นมานั้นคือฝนที่ตกลงมาพลันหยุดตกในทันทีและมีเสียงจันทร์ส่องที่มาวรกายขององค์หญิงน้อยเป็นที่อัศจรรย์ใจของฮองเฮานักที่ได้ประสูติองค์หญิงน้อยผู้มีบุญหากแต่ทว่ากาลอัศจรรย์กลับทำให้องค์หญิงต้องถูกเนรเทศไปนอกวัง
"ท่านนักพรตเชิญทำนายดวงชะตาของบุตรของข้าเถิดหนา"
ฮ่องเต้เชิญนักพรตมาทำนายดวงชะตาขององค์ชายและองค์หญิงน้อยหากแต่ทว่าพระสนมเหล่ยกลับสั่งให้คนสนิทนำเงินไปซื้อตัวนักพรตใว้ก่อนแล้ว
"ดวงชะตาขององค์ชายน้อยภายภาคหน้าจะได้ขึ้นเป็นใหญ่และปกครองแผ่นดินให้สงบร่มเย็นหากแต่ทว่าชะตาขององค์หญิงนั้นจะนำพาหายนะมาสู่วังหลวง ต้องส่งนางไปชำระบาป ให้พ้นวัยปักปิ่น จะกำจัดลางร้ายได้พะย่ะค่ะ"
"ว่าไงน่ะลูกสาวของข้าจะนำพาหายนะมางั้นหรือท่านนักพรตที่ท่านทำนายมาถูกต้องหรือ"
นักพรตพยักหน้ารับก่อนจะกล่าวอีกนัยหนึ่งถึงชะตาขององค์หญิงน้อยว่า
"เพราะอาจจะดึงวิญญาณกันและกัน ทำให้ตายแต่ยังเล็กก็ได้ จนเลยวัยปักปิ่นแล้ว กลายเป็นผู้ใหญ่ จิตวิญญาณทั้งคู่มีพลังมากพอ ก็จะสามารถกลับมาอยู่ร่วมวังกันได้พะย่ะค่ะฝ่าบาท"
นักพรตพยักหน้ารับก่อนจะกล่าวอีกนัยหนึ่งถึงชะตาขององค์หญิงน้อยว่า
"เพราะอาจจะดึงวิญญาณกันและกัน ทำให้ตายแต่ยังเล็กก็ได้ จนเลยวัยปักปิ่นแล้ว กลายเป็นผู้ใหญ่ จิตวิญญาณทั้งคู่มีพลังมากพอ ก็จะสามารถกลับมาอยู่ร่วมวังกันได้พะย่ะค่ะฝ่าบาท"
"ฝ่าบาทเพค่ะทรงให้ท่านนักพรตทำนายใหม่เถิดเพค่ะชะตาของลูกเราอาจจะมิเป็นเช่นนั้นก็ได้น่ะเพค่ะ"
"ท่านนักพรตทำนายเช่นนี้ถูกต้องแล้วหนาเหยาฟ่านเจ้าตัดใจเสียเถอะน่ะหากลูกเราถึงพ้นวัยปักปิ่นสู่วัยผู้ใหญ่นางก็จะมาท่านแม่ทัพเว่ยมาหาข้าเดีวยนี้"
ฮ่องเต้ปลอบใจฮองเฮาก่อนจะเรียกแม่ทัพเว่ยให้มาหาตนในทันทีก่อนที่มอบองค์หญิงน้อยให้แม่ทัพเว่ยและตรัสว่า
"พานางออกไปหาคนที่ใว้ใจได้เลี้ยงดูนางให้ดีหากนางเข้าสู่วัยเติบใหญ่เมื่อใดข้าจะรับนางกลับวังอย่างสมฐานะ"
"พะย่ะค่ะฝ่าบาท"
ฮองเฮาได้แต่มองยามที่แม่ทัพเว่ยจากไปโดยมีองค์หญิงน้อยที่ร้องให้โยเยอยู่ในอ้อมแขนพร้อมกับเสียงร้องให้ขององค์ชายน้อยที่เหมือนรับรู้น้องสาวตนถูกพรากไปเสียแล้ว
เวลาผ่านไปที่สำนักคุ้มภัยเฟิ่งหรั่น เด็กหญิงตัวน้อยวิ่งเล่นซุกซนกับแม่นมอยู่อย่างมีความสุข จนกระทั่งเด็กหญิงตัวน้อยเห็นว่าผู้ใดเดินมานางจึงหยุดยืนในทันทีก่อนที่จะวิ่งไปหามารดาในทันที
เวลาผ่านไปที่สำนักคุ้มภัยเฟิ่งหรั่น เด็กหญิงตัวน้อยวิ่งเล่นซุกซนกับแม่นมอยู่อย่างมีความสุข จนกระทั่งเด็กหญิงตัวน้อยเห็นว่าผู้ใดเดินมานางจึงหยุดยืนในทันทีก่อนที่จะวิ่งไปหามารดาในทันที
"ท่านแม่ข้าหิวแล้วมีขนมอะไรให้ข้ากินบ้าง หิวใส้กิ่วแล้วด้วย"
ฟางซินยกมือลูบท้องไปมาด้วยความหิวก่อนที่จะตาโตยามที่เห็นขนมที่นางชอบกินมาวางอยู่ตรงหน้าของนางเด็กหญิงหยิบขนมมากินก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้ไปหยิบกระบี่ไม้ทำท่าทางเลียนแบบบิดาแลพี่ชายยามที่ฝึกกระบี่อย่างสนุกสนาน จากเด็กหญิงตัวน้อยพลันเติบใหญ่เป็นดรุณีแรกแย้มงดงามราวกับบุปผางาม เหตุอัศจรรย์กลับเกิดขึ้นมากับนางในวันเกิดของนาง ไม้พลองวิเศษที่ถูกเก็บรักษาใว้ภายในหออาวุธของวังหลวงพลันหายไปมันลอยมาหาเจ้าของที่แท้จริงซึ่งอยู่ที่สำนักคุ้มภัยเฟิ่งหรั่น
"คุณหนูดูโน้นสิเจ้าค่ะอะไรกำลังมาน่ะเจ้าค่ะคุณหนู"
ฟางซินหรี่ตามองก่อนที่จะรีบคว้าพลองวิเศษที่มีน้ำหนักพันชั่งใว้ก่อนที่จะวาดลวดลายราวกับตัวนางนั้นคือฉี้ทียนต้าเซิ่ง
"คุณหนูเก่งมากเลยเจ้าค่ะสมเป็นคุณหนูของสำนักคุ้มภัยจริงๆ"
อีกด้านหนึ่งองค์ชายน้อยเติบโตขึ้นมาเป็นองค์รัชทายาทผู้สง่างามหากแต่ทว่ากลับยังคงคิดถึงน้องสาวผู้ถูกพรากไป
"เจ้าสืบได้หรือยังว่าน้องสาวข้าอยู่ที่ไหน"
เหยาเฟยกล่าวก่อนที่จะเดินไปหยิบกล่องบางอย่างขึ้นมาภายในกล่องนั้นคือผ้าที่เคยเป็นผ้าที่องค์หญิงน้อยเคยสวมใส่
"เจ้าสืบได้หรือยังว่าน้องสาวข้าอยู่ที่ไหน"
เหยาเฟยกล่าวก่อนที่จะเดินไปหยิบกล่องบางอย่างขึ้นมาภายในกล่องนั้นคือผ้าที่เคยเป็นผ้าที่องค์หญิงน้อยเคยสวมใส่
"น้องพี่เจ้าไปอยู่หนใดกันพี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน"
ฟางซินฝึกฝนการใช้กระบองจนชำนาญนางจึงคอยใช้วิชาคุ้มกันสินค้ากับบิดาและพี่ชายเสมอมา
"วันนี้ก็คุ้มภัยได้ราบรื่นดีไม่มีอันตรายเป็นโชคดีจริงๆเเต่ว่าน้องสาวพี่พอมีเจ้ามาการคุ้มภัยก็ราบรื่นไม่มีอันตรายใดๆสงสัยว่าเจ้าคงจะโชคดีมากที่เดีวยน่ะ"
ยามที่ทั้งขบวนคุ้มกันสินค้าผ่านวัดจึงแวะพักผ่อนกันจนกระทั่งได้มีหลวงจีนรูปหนึ่งเดินเข้ามาพลางกล่าวถึงดวงชะตาของดรุณีน้อยในทันที
"เจ้ามีดวงชะตาที่ยิ่งใหญ่ดวงชะตาของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรชนะทั่วสิบทิศที่ถูกใส่ร้ายเวลาที่จะได้พบครอบครัวที่แท้จริงกำลังใกล้เข้ามา"
"หลวงพ่อท่านหมายความว่าอย่างไรรึเจ้าค่ะได้โปรดอธิบายให้ข้าเข้าใจที่เถิดเจ้าค่ะ"
"ลิขิตฟ้าข้ามิอาจกล่าวได้อามิตพุทธ"
ก่อนที่หลวงจีนรูปนั้นจะเดินจากไปในทันทีทิ้งให้ร่างบางยืนงุนงงสงสัยในคำที่หลวงจีนกล่าวถึงดวงชะตาของนาง
"ฟางเอ่อร์เกิดอะไรกับเจ้าหรือเมื่อกี้พี่เห็นหลวงจีนมาหาเจ้า"
ก่อนที่หลวงจีนรูปนั้นจะเดินจากไปในทันทีทิ้งให้ร่างบางยืนงุนงงสงสัยในคำที่หลวงจีนกล่าวถึงดวงชะตาของนาง
"ฟางเอ่อร์เกิดอะไรกับเจ้าหรือเมื่อกี้พี่เห็นหลวงจีนมาหาเจ้า"
"ท่านแค่มาบอกคำทำนายเท่านั้นเอง"
บุรุษหนุ่มพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินมาช่วยน้องสาวที่กำลังทำที่พักในคืนนี้
"แม่คิดถึงน้องเจ้าเหลือเกินนางจะไปอยู่ที่ไหนกันหากมิมีคำทำนายของนักพรตลูกกับน้องคงได้อยู่ด้วยกันแล้ว"
ฮองเฮารำพึงถึงองค์หญิงน้อยที่ถูกแม่ทัพเว่ยนำออกจากวังเพราะคำทำนาย
"ลูกจะตามหาน้องให้พบและพามาหาเสด็จแม่ให้จงได้พะย่ะค่ะ"
"ดีแล้วแม่จะรอจนกว่าจะได้พบน้อง"
ภายในที่พักร่างบอบบางของฟางซินกำลังนอนหลับพลันนางได้ยินเสียงอะไรบ้างอย่างดังขึ้นมาเสียงนั้นดังลอยตามลมมาเป็นเพลงที่นางคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดและภาพที่นางฝันเห็นว่ามีสตรีที่กำลังอุ้มทารกใว้กำลังเห่กล่อมลูกอยู่
"ท่านน้าท่านมาทำอะไรดึกๆดื่นเช่นนี้กันเจ้าค่ะ"
"ข้ารอมานานแสนนานรอเจอบุตรที่หายไปเจ้าช่วยที"
ภายในที่พักร่างบอบบางของฟางซินกำลังนอนหลับพลันนางได้ยินเสียงอะไรบ้างอย่างดังขึ้นมาเสียงนั้นดังลอยตามลมมาเป็นเพลงที่นางคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดและภาพที่นางฝันเห็นว่ามีสตรีที่กำลังอุ้มทารกใว้กำลังเห่กล่อมลูกอยู่
"ท่านน้าท่านมาทำอะไรดึกๆดื่นเช่นนี้กันเจ้าค่ะ"
"ข้ารอมานานแสนนานรอเจอบุตรที่หายไปเจ้าช่วยทีเถิดแม่นางน้อย"
สตรีผู้นั้นกล่าวก่อนที่จะส่งทารกน้อยให้ยามที่นางมองทารกน้อยนางกลับเห็นเป็นใบหน้าของนางเองนางตกใจตื่นขึ้นมาในทันทีพลางเหงื่อที่ออกเต็มตัว
"ฝันอะไรๆแปลกน่ะเราเฮ้อนอนต่อดีกว่า"
รุ่งเช้าในคณะที่ขบวนคุ้มกันกำลังเดินทางกลับจากการทำภารกิจนั้น
ฟางซินคิดถึงคำที่หลวงจีนกล่าวพลางเหม่อมองไปด้านนอกรถม้าพลันนางเห็นบุรุษผู้หนึ่งกำลังจะตกจากหน้าผานางจึงตะโกนให้ขบวนหยุดก่อนที่จะรีบไปช่วยเหลือบุรุษผู้นั้นในทันที
"อย่าขยับน่ะข้าจะช่วยท่านเอง"
ฟางซินพยายามที่จะเอื้อมมือไปช่วยบุรุษผู้นั้นหากแต่กิ่งไม้หักทำให้นางและบุรุษผู้นั้นหล่นลงจากหน้าผาไปด้วยกัน นางส่งเสียงเรียกหากว่าเจ้าสิ่งนั้นมีจริง
"เมฆวิเศษ"
ฟางซินพยายามที่จะเอื้อมมือไปช่วยบุรุษผู้นั้นหากแต่กิ่งไม้หักทำให้นางและบุรุษผู้นั้นหล่นลงจากหน้าผาไปด้วยกัน นางส่งเสียงเรียกหากว่าเจ้าสิ่งนั้นมีจริงก็จงมาหานาง
"เมฆวิเศษ"
พลันมีเมฆพุ่งมารับร่างที่ตกลงมาใว้ทันเวลาพอดีก่อนที่เมฆจะค่อยๆร่อนลงมาในทันที ยามที่บุรุษหนุ่มมองดวงหน้าหวานที่กำลังตื่นตระหนกที่สามารถเรียกเมฆวิเศษได้
"ข้าขอขอบคุณแม่นางที่ช่วยเหลือข้านักมิทราบว่านามของแม่นางคือ"
"น้องสาวข้ามีนามว่าจ้าวฟางซิน"
ฟางไห่กล่าวก่อนที่จะดึงมือน้องสาวให้ดินตามตนไปในทันทีก่อนที่จะมองบุรุษหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ
"เจ้าจะมือถือแขนกับบุรุษไม่ได้น่ะเป็นสาวเป็นนางแล้ว"
"แล้วเวลาท่านพี่จับมือข้าได้ไงข้าเป็นสาวเป็นนางน่ะ"
ฟางไห่ส่ายหน้ากับความแสบของน้องสาวของตนตั้งแต่เยาว์วัยฟางซินซุกซนชอบแกล้งคนอื่นไปทั่วหากแต่ทว่ายิ่งโตน้องสาวของยิ่งมีใบหน้าคล้ายกับคนผู้หนึ่งยิ่งนัก
"ไปกันได้แล้วเดีวยไม่ทันเข้าเมืองกันพอดี"
"รู้แล้วน่าคุณชายขอตัวก่อนน่ะเจ้าค่ะ"
บนรถม้า ร่างบางของฟางซินนั่งมองออกข้างนอกหน้าต่างรถม้าจนกระทั่งมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง
"โหคนเยอะจังเลยพี่รอนานแน่เลยคิดถึงท่านแม่แล้วด้วย"
"ทนเอาหน่อยน่ะเดีวยก็จะถึงบ้านเราแล้วน่ะ"
หลังจากที่ทหารตรวจขบวนขนสินค้าจนเสร็จจึงปล่อยให้เข้าไปภายในเมือง
"ท่านแม่ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะท่านแม่"
"กลับมาแล้วหรอกจ้ะหื้มมีใครขัดใจลูกหรอก"
ภายในห้องโถงใหญ่ของสำนักคุ้มภัยซึ่งกำลังจัดงานเลี้ยงฉลองต้อนรับการกลับมา
"หว่าร้อนๆฟู่ๆลูกชิ้นร้อนก็ไม่บอกน้องปากพองเลย"
"ใครใช้เจ้ากินลูกชิ้นพริกกันล่ะฮ่าๆ"
บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานกันภายในครอบครัว
"ฟางเอ่อร์เจ้าเติบใหญ่งดงามนักวันนี้แม่มีของขวัญจะให้เจ้าน่ะ"
ฮูหยินหม่าหยิบขลุ่ยออกมาก่อนที่จะยื่นมันให้กับบุตรสาวของนางที่รับมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มราวกับเด็กที่ได้ของที่ถูกใจ
"ลองเป่าสิพี่อยากฟังเป่าเลยๆพี่อยากฟัง"
ฟางซินหยิบขลุ่ยขึ้นมาเป่าเป็นท่วงทำนองสนุกสนานตามจังหวะที่พี่ชายเคาะเเก้วสุรา
"วันนี้ข้ามีความสุขที่มีฮูหยินและลูกๆอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา"
หลังจากงานเลี้ยงเลิก ฟางซินกลับเข้ามาภายในห้องนางเก็บขลุ่ยหยกใว้ในกล่องและปิดฝากล่องใว้พลันอาการวิงเวียนก็ปรากฏขึ้นมานางคิดว่าตนเองดื่มสุราในงานเลี้ยงหากแต่ทว่านางเองก็ไม่ได้ดื่มเหล้านอกจากจิบชา อีกด้านหนึ่ง องค์รัชทายาททรงดื่มสุราอยู่พลางพร่ำเพ้อไปต่างๆนาๆ
"ไม่ได้ดื่มสุราสักจอกเลยดื่มแต่ชาทำไหมถึงเวียนหัวได้ขนาดนี้กัน"
ฟางซินเดินเซไปมาก่อนที่ล้มลงกับพื้นในทันทียิ่งองค์รัชทายาทดื่มจอกแล้วจอกเล่าถึงแม้ว่าจะเมาก็เมาไม่มากนักจนกระทั่งรุ่งเช้า
"ท่านแม่เจ้าค่ะข้าขอน้ำขิงแก้เมาหน่อยเจ้าค่ะ"
"เจ้าดื่มสุรารึฟางเอ่อร์ดูสิเมาค้างมากเลยน่ะ"
ดรุณีน้อยวิงเวียนมากจนต้องเดินโซเซไปขอน้ำขิงแก้เมาจากมารดาของตนเองในทันทีเนื่องจากอาการเมาค้างทีแล่นมาจู่โจมนาง
"เจ้ามิได้แตะสุราในงานเลี้ยงเลยหนาไยถึงมีอาการเมาค้างได้เล่า"
"ลูกมิทราบเจ้าค่ะท่านแม่ว่าอาการเมาค้างนี่มาได้เยี่ยงไร"
ร่างบางยกมือขึ้นมานวดหัวตัวเองเพราะตอนนี้นางปวดหัวจนแทบจะระเบิดแล้วนั้นเอง ฮูหยินจึงต้มน้ำขิงให้บุตรสาวในทันที
"ค่อยๆจิบน่ะลูกดูสิคงจะปวดหัวมากเลยสิน่ะจ้ะ"
"ท่านแม่เจ้าค่ะขอกอดหน่อยเจ้าค่ะงื้ม"
ฟางซินอ้อนมารดาขอกอดมารดาในทันทีหากเพราะปวดหัวอย่างหนัก
"ตัวเจ้าก็ไม่ร้อนหรือว่าเจ้าจะไม่ใช่น่ะ"
เนื่องจากว่าความจริงแล้วฟางซินคือองค์หญิงผู้ที่ถูกพรต