รัก,ดราม่า,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“อื้อ อื้อ เบาๆ หน่อยดิพี่”
เสียงครางดังระงมไปทั่วห้องสี่เหลี่ยมของโรงแรมชื่อดัง ภายในห้องสุดหรูที่ถูกเปิดไว้เพื่อทำกิจกรรมอย่างว่าหลังจากไปท่องราตรีมา ชายหนุ่มสองคนกำลังแสดงบทรักอันเร่าร้อนจนแทบร้องขอชีวิต
“อ่าห์ แม่ง โครตดี”
ชายหนุ่มอุทานออกมาเสียงดังลั่นมือท่อนล่างยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างไม่ขาดตอน
“ถ้าถูกใจ ต้องเพิ่มตังให้หน่อยรึป่าว อ่ะ..อ๊ะ "
คนที่นอนราบอยู่ใต้ร่างพูดขึ้นก่อนจะกำมือไปที่ผ้าปูที่นอนแน่นเพื่อระบายความเสียว
“หึ ไม่ต้องห่วงถ้าดีขนาดนี้พี่เพิ่มให้อยู่แล้ว”
“อ่ะ..อาห์ ดีเลยงั้นจะทำให้คุ้มเงินละกัน”
แทนรวบรวมสติก่อนจะดึงพละกำลังทั้งหมดที่มีขึ้นมาเพื่อพลิกจากที่อยู่ใต้ร่างเพื่อมาเป็นผู้คุมเกมนี้ให้จบลงเร็วๆ เสียที
“น้องจะขึ้นเองอ่อ”
คนที่โดนพลิกให้ลงไปอยู่ใต้ร่างแทนพูดขึ้นก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาอย่างพอใจมือจับไปที่เอวขอดของคนที่นั่งอยู่บนตัวเค้าตอนนี้
“พี่จะได้รู้ไงว่าอะไรกันแน่ที่เรียกว่าดี”
ห้องเช่าใต้ถุนบ้านในชุมชนแออัด พื้นปูนเปลือยขรุขระผนังก่ออิฐฉาบปูนหยาบๆ ไม่ได้ทาสี มีคราบน้ำและเชื้อรา เพดานต่ำมองเห็นท่อน้ำและสายไฟ หน้าต่างเป็นช่องบานเกล็ดพลาสติกแตกหักบางส่วน ภายในมีฟูกนอนเก่าๆ วางกับพื้น มุมห้องมีชั้นวางของทำมือ และชั้นวางของทำจากลังไม้ซ้อนกัน มีโต๊ะพลาสติกเก่าๆ วางเตาไฟฟ้าขนาดเล็กใช้ประกอบอาหาร แทน ที่พึ่งกลับมาจากที่ทำงานในเวลาตี3กว่าๆ ค่อยๆ ทิ้งตัวลงที่ฟูกนั้นด้วยความเหนื่อยล้าก่อนจะหยิบเงินที่พึ่งได้จากการทำงานเมื่อกี้ขึ้นมานับดู
“3,000บาท กับอีก 1,500”
ร่างบางพูดพึมพัมกับตัวเองพลางคิดจัดแจงว่าจะเอาเงินไปทำอะไรบ้าง
“จ่ายค่าห้อง 2,500 ค่าน้ำค่าไฟอีก 610 บาท เหลือ 1,390 ก็ยังพอซื้อของมาตุนไว้”
แทนพูดกับตนเองก่อนจะนึกดีใจที่วันนี้หาเงินมาได้เยอะพอที่จะแบ่งจ่ายค่าห้องและค่าน้ำค่าไฟก่อนจะโดนตัดแถมยังพอมีเหลือให้ซื้ออาหารดีๆ กินสักมื้อและยังเหลือพอให้ซื้อมาม่ากับไข่มาตุนไว้ที่ห้องอีกเพียงเรื่องแค่นี้คนแบบแทนก็ดีใจมากแล้ว…
คอนโดมิเนียมหรูใจกลางย่านธุรกิจ ล็อบบี้ตกแต่งด้วยหินอ่อนและไม้สีเข้ม พนังงานต้อนรับในชุดสูทเรียบหรูพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ลิฟท์ความเร็วสูงพาขึ้นสู่ห้องพักที่มีประตูเปิดด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีขาวเทา เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เรียบหรูจากแบรนด์ดัง ห้องครัวติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเอนด์ครบครัน ห้องน้ำหินอ่อนพร้อมอ่างจากุซี่ ระเบียงกระจกมองเห็นวิวตึกและแม่น้ำที่ทอดยาวผ่านกลางเมือง เจ้าของห้องอย่างนนท์ ชายหนุ่มเจ้าของธุรกิจและลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลเศรษฐีชื่อดังที่ตอนนี้กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ในห้องทำงานในมือก็เลื่อนไอแพดรุ่นใหม่ล่าสุดเพื่อเช็กข่าวสารประจำวันและข้อความต่างๆ ที่ตนได้รับทั้งทางช่องทางปกติและทางอีเมล
“วันนี้ ผมเข้าบริษัทคนเดียวได้ครับ คุณชบาพักผ่อนเถอะ”
เสียงพูดตอบกลับของนนท์ ที่กำลังตอบเลขาผ่านทางโทรศัพท์
“ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงผมจัดการได้”
ชายหนุ่มยังคงตอบกลับไปอย่างแน่วแน่
“คุณชบาลาคลอดนะครับไปใช้เวลากับเจ้าตัวเล็กเถอะผมดูแลตัวเองได้ เลิกเป็นห่วงผมเถอะครับ”
“ไว้เดี๋ยวผมจะเข้าไปเยี่ยมหลานนะครับ ส่วนของรับขวัญหลานผมจัดการโอนเข้าบัญชีคุณชบาเรียบร้อยแล้ว”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ”
“ครับ”
ทันทีที่วางสายจากเลขาอย่างชบานนท์รีบเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินตรงไปหยิบกุญแจรถ ยี่ห้อ BMW 7 Series รถคันล่าสุดที่ตนพึ่งไปถอดมาใหม่ๆ สดๆ เพื่อนำมาขับสำหรับไปทำงานโดยเฉพาะ
“ผมไม่อนุมัติครับ ข้อเสนอของพวกคุณใช้ไม่ได้ยังไงผมก็ไม่อนุมัติ” นนท์พูดก่อนจะทิ้งเอกสารที่ตนพึ่งอ่านไปเมื่อครู่ลงที่โต๊ะทำงานเสียงดังลั่นจนคนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะถึงกับสดุ้ง
“แต่ข้อเสนอนี้มีมาตั้งนานแล้วนะครับคุณนนท์”
“เพราะแบบนี้ไงครับบริษัทเราถึงยอดขายตกเพราะมีข้อเสนอบ้าๆ แบบนี้อยู่”
“พูดเกินไปรึป่าวครับ”
“ไม่หรอกครับผมพูดตามความจริง ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้นะครับว่าคุณใช้วิธีไหนคุยกับคุณพ่อท่านถึงยอมรับข้อเสนอนี้แต่ถ้าผมยังเป็นประธานบริษัทนี้อยู่คุณจะไม่ได้รับการอนุมัติจากผม”
“ไอ่นนท์ มันมากเกินไปนะเว้ย”
“มันไม่มากเกินไปหรอกครับพี่กฤษ ผมมองแล้วว่าข้อเสนอของพี่ผลประโยชน์มันไม่ได้เข้าบริษัทเลยสักนิด”
“แต่ก่อนหน้านี้คุณพ่อท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้”
“ผมถึงบอกไงครับว่าไม่รู้ว่าพี่คุยอะไรกับคุณพ่อ ท่านถึงได้ยอม แต่ตอนนี้ผมมีสิทธิ์เต็มที่ในการอนุมัติซึ่งโครงการนี้ผมไม่อนุมัติ”
กฤษทำได้แค่เก็บความโมโหไว้ในใจ ดวงตาลุกวาวด้วยความเกลียดชัง ริมฝีปากสั่นระริกด้วยความโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะตนเป็นแค่ลุกติดของเมียคนที่สองของตระกูลวราภรณ์ไม่ได้มีสิทธ์เท่ากับคนตรงหน้าอย่าง นนท์ วราภรณ์ เมื่อคิดได้แบบนั้นก็ไม่รอช้ารีบหยิบกระดาษบนโต๊ะแล้วเดินออกไปทันที
แปะ แปะ เสียงปรมมือดังขึ้นมาจากคนที่เดินเข้ามาในห้องทำเอาคนที่นั่งหัวเสียกับข้อเสนอสิ้นคิดเมื่อครู่หันไปสนใจ
“ทำไรให้เค้าหัวเสียอีกล่ะ” กร เพื่อนสนิทในกลุ่มและถือว่าเป็นพันธะมิตรทางธุรกิจของนนท์พูดขึ้นหลังจากที่ตนพบคนที่เป็นพี่ชายต่างมารดาของนนท์เดินออกไปจากห้องด้วยอาการหัวเสียซึ่งก็เดาไม่ยากเลยว่าคนที่ทำให้พี่กฤษหัวเสียขนาดนั้นคือนนท์เพื่อนรักของเค้า
“กูไม่ได้ทำอะไร แม่งมาเสนอข้อเสนอสิ้นคิด”
“คิดว่ากูไม่รู้รึไงว่าจะฮุบเงินเข้าตัวเอง”
“มึงมองโลกในแง่ร้ายไปรึป่าว” กรเอยแซวก่อนจะเดินมานั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่สำหรับรับแขก
“เหอะ ถ้ากูมองโลกในแง่ดีแบบมึงมีหวังบริษัทล้มละลาย”
กรไม่ได้ตอบกลับอะไรเพียงแค่หยักใหล่เพื่อเป็นการแสดงว่าตนไม่ได้สนใจกับคำพูดของนนท์
“แล้วมาทำไม”
นนท์เอ่ยถามก่อนจะหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านต่อ
“จะมาชวนไปเที่ยว เย็นนี้”
“มาถึงนี้เพื่อเรื่องนี้!?”
นนท์ละสายตาจากเอกสารก่อนจะหันมาเลิกคิ้วมองใส่เพื่อนตัวดี
“ก็อยากมาชวนเอง เพื่อนไปหมดทุกคนถ้าชวนในไลน์เดี๋ยวมึงก็ปฏิเสธอีก”
“แล้วคิดว่ามึงมาชวนเองกูจะปฏิเสธไม่ได้หรอ”
“โห่ มึงไปเหอะร้านนี้เด็ด ไอ้ชินมันเคยไปล่ะ”
“อะไรที่ว่าเด็ด”
“ก็…เครื่องดื่ม สาวๆ งี้”
“กูไม่ไปอ่ะพวกมึงไปเลย”
“กูอุสามาชวนถึงนี้ไปด้วยกันหน่อยดิ” กรพูดอ้อนวอน ก่อนจะเดินไปเขย่าแขนของคนที่นั่งนิ่งอยู่ตอนนี้
“เออๆ หยุดเขย่าไปก็ไป” นนท์ตอบเพื่อปัดความรำคาญ
“เคดิล งั้นเจอกัน 3ทุ่ม เดี๋ยวส่งโลเคชั่นให้”