'ฉันท้อง' ประโยคบอกเล่าจากโอเมก้าหลายต่อหลายคนเริ่มทำให้เลขาอย่าง 'พิต้า' รู้สึกเอียน เลขาหน้ามนชักกรุ่นโกรธ ประธานเฮงซวยที่ไปไข่ทิ้งไว้ตอนรัท ซ้ำยังทำพันธะไว้ ต้องนึกให้ออกได้แล้วว่าไปนอนกับใครมา!!!
ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,ตลก,ดราม่า,รัก,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ท่านประธานต้องนึกให้ออก(omegaverse)'ฉันท้อง' ประโยคบอกเล่าจากโอเมก้าหลายต่อหลายคนเริ่มทำให้เลขาอย่าง 'พิต้า' รู้สึกเอียน เลขาหน้ามนชักกรุ่นโกรธ ประธานเฮงซวยที่ไปไข่ทิ้งไว้ตอนรัท ซ้ำยังทำพันธะไว้ ต้องนึกให้ออกได้แล้วว่าไปนอนกับใครมา!!!
ชีวิตการเป็นเลขาสารพัดนึกที่คอยจัดการเรื่องต่างๆ ให้เจ้านายมักยุ่งวุ่นวายเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว ยิ่งเป็นท่านประธานสามเดือนจอมมากเรื่องด้วยแล้ว เหนื่อยสุดๆ แต่ถึงเหนื่อยยังไงพอเห็นเงินก็ชื่นใจ ชีวิตเลยไม่ได้แย่ไปเสียหมด หากแต่ไม่ได้มีเรื่องพลิกผันนี้เกิดขึ้น
“กรี๊ดดด ไอ้...ไอ้บ้าเอ๊ย!”
“อึก!”
“คุณพิต้าเป็นอะไรไหมคะ เธอทำอะไรของเธอเนี่ย!!”
“คุณพิต้า!”
บอดี้การ์ดสองคนรีบวิ่งเข้าไปล็อกตัวโอเมก้าสาวที่กำลังอาละวาดด้วยความโกรธเพราะถูกพิต้าเข้ามาขวางขณะที่เจ้าหล่อนคิดจะเข้าไปวุ่นวายในบริษัทเพื่อพบสามเดือนด้วยเหตุผลที่พิต้าฟังจนเอียน
‘ฉันท้อง’
พอพิต้าถามหาหลักฐานดั่งเช่นที่เคยทำ เจ้าหล่อนก็เกิดถกเถียงด้วยความไม่พอใจ พอไม่มีอะไรจะเถียงสู้เลยเลือกใช้กำลังกับเลขาเบต้าที่ดูจะบอบบางกว่าตัวเอง
ในช่วงที่พิต้าเผลอ หล่อนก็ใช้เล็บยาวสีแดงทั้งจิกทั้งข่วนทั้งยังฉุดกระชากผมเลขาจนหลุดร่วงไปหลายเส้น พออีกฝ่ายเสียหลักทรุดตัวหล่อนก็ยกฝ่าเท้าหวังถีบเข้ากลางอกแต่ด้วยทรงตัวได้ยากบนส้นสูง ฝ่าเท้าเจ้าหล่อนจึงถีบไปโดนบริเวณไหล่แทน
พิต้าเจ็บจนนิ่วหน้า ยัยบ้านี่! แน่จริงอย่าเล่นทีเผลอดิ
ดีที่ตอนล้มไม่ได้แรงมาก อีกทั้งโอเมก้าอีกคนที่เห็นเหตุการณ์ก็รีบวิ่งมาช่วยจับประคองทำให้ไม่ได้เจ็บอะไรมาก แต่แผลจากเล็บเจ้าหล่อนก็มีทั่วตัวไปหมด
หลังจากบอดี้การ์ดจัดการลากตัวเจ้าปัญหาออกไปแล้วก็เหลือเพียงพิต้ากับโอเมก้าสาวอีกคน พิต้าจำเธอได้ เธอก็เป็นหนึ่งในคนที่บอกว่าท้องกับสามเดือน แต่เธอดูจะเป็นคนที่ไม่ก่อปัญหาที่สุด รู้สึกจะชื่อ..
“ขอบคุณครับ คุณพรพิน”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณพิต้า...เรียกพินเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ”
“คงไม่เหมาะหรอกครับ คุณพรพินมีเรื่องจะพูดไหมครับ”
พิต้าเลือกที่จะถามอย่างตรงไปตรงมา ถึงจะมาช่วยเขาไว้ แต่เธอก็ยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาในการทำงานของพิต้าอยู่ดี ไม่มีเหตุผลให้ต้องสนิทด้วยหรอก
“พินแค่... อยากเจอ”
“คงไม่ได้หรอกครับ ผมเป็นเลขาของท่านประธาน หากมีเรื่องอะไรก็บอกผ่านผมเถอะครับ”
“...”
แกร๊ง!
เสียงวางถ้วยกาแฟที่ดูจะรุนแรงกว่าทุกวันทำเอาประธานอัลฟ่าสะดุ้งนิด ๆ ดวงตาสีซีเปียเหลือบมองเลขาที่ยังคงสีหน้ายิ้มแย้มแต่เย็นเยือก
โกรธอยู่แน่ ๆ
หลังจากที่ปากอมชมพูอ่านกำหนดการการไปพบแขกคนต่าง ๆ ให้สามเดือนฟังจบแล้วเจ้าตัวก็หันหลังเตรียมเดินออกจากห้องทำงานของประธานไปในทันที สามเดือนเห็นแบบนั้นก็รีบร้องเรียกไว้
“พิต้า”
“เรียก เลขา สิครับ”
“...”
“ผมทำงานอยู่ในฐานะเลขา จัดการทุกเรื่องให้เจ้านาย ถ้าเป็นผมในฐานะพิต้าคงไม่ทำอะไรแบบนี้หรอกครับ”
ถ้าเป็นยามปกติพิต้าก็อาจจะไม่ได้ประชดประชันมากขนาดนี้ เนื่องด้วยกลัวจะตกงานเสียก่อน แต่ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไรอารมณ์เขาถึงได้ขึ้น ๆ ลง ๆ สาเหตุคงมาจากความเหนื่อยจากงานที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวละมั้ง แถมยังต้องมาเหนื่อยกันโอเมก้าที่มาก่อความวุ่นวายอีก
“เรื่องถึงไหนแล้ว”
“ผมก็พยายามเต็มที่อยู่ครับ ขอโทษด้วยครับที่ล่าช้า พอดีพยานคนสำคัญดันไม่รู้อะไรเลยน่ะครับ”
“...”
เมื่อรู้สึกว่าโดนแซะทั้งขึ้นทั้งล่อง สามเดือนเลยไม่รู้จะพูดอะไรดี ถึงพิต้าจะยิ้มอยู่ตลอดแต่การยิ้มอยู่ตลอดนี่แหละที่ผิดวิสัยเลขาหน้ามนคนนี้ ปกติก็เห็นชอบทำหน้านิ่ง ๆ
ในขณะที่หัวกำลังโล่งคิดอะไรไม่ออก ประธานอัลฟ่าก็ได้สังเกตเห็นถึงรอยแผลประปรายตามร่างกายของเลขาที่ถูกทำแผลไว้อย่างลวก ๆ เขาได้รับแจ้งจากบอดี้การ์ดมาแล้วเรื่องโอเมก้าที่มาอาละวาด แต่ไม่คิดว่าพิต้าจะมีแผลเยอะขนาดนี้
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นผมขอตัวนะครับ”
พูดจบเจ้าตัวก็หันหลังเตรียมเดินออกจากห้องทันที
“เดี๋ยว...”
“...”
“ไปทำแผลให้เรียบร้อย”
ถึงแม้ประโยคที่พูดออกมาจะเป็นทำนองไล่ให้ไปทำแผล แต่ความเป็นจริงแล้วสามเดือนกลับเรียกให้ลลินเอากล่องปฐมพยาบาลเข้ามาให้ที่ห้อง ลลินพอเห็นว่าเพื่อนมีแผลเลยอาสาทำแผลให้
ตอนแรกสามเดือนก็ปล่อยให้ลลินทำแผลให้พิต้า แต่เมื่อทนมองภาพทั้งสองคนนั่งชิดทำแผลให้กันไปสักพักก็เกิดหงุดหงิดจนต้องลุกไปทำเองแล้วไล่ให้ลลินไปทำงาน
อาการประธานอารมณ์แปรปรวนเริ่มอีกแล้ว...
“ผมทำเองได้ครับ”
“....”
“ท่านประธาน”
“เงียบเถอะน่า”
เมื่อการทักท้วงไม่เป็นผลพิต้าจึงจำเป็นต้องนั่งเฉย ๆ ดูการทำแผลอันทุลักทุเลของสามเดือน ก็ไม่ได้คาดหวังว่าท่านประธานจะทำแผลเก่งกาจอยู่แล้วล่ะนะ แต่แบบนี้ก็ออกจะแย่ไปหน่อยหรือเปล่า มองดูปลาสเตอร์แปะแผลอันยับยู่ยี่แล้วก็ได้แต่นึกในใจ
แบบนี้แผลเขาจะหายดีหรือเป็นหนักกว่าเดิมกันแน่เนี่ย..
“รอยข่วนแค่นั้นไม่ต้องปิดปลาสเตอร์หรอกครับ จริง ๆ ไม่ต้องทายาด้วยซ้ำ”
พิต้าชิงพูดขึ้นก่อนที่สามเดือนจะติดปลาสเตอร์จนทั่วตัวเขาเสียก่อน แม้แต่รอยถลอกเล็ก ๆ ไม่มีแม้แต่เลือด ท่านประธานก็ยังจะแปะ ขืนปล่อยไว้แบบนี้คนในบริษัทคงได้แตกตื่นคิดว่าเลขาท่านประธานเป็นอะไรร้ายแรงพอดี
“ไม่เจ็บรึไง?”
“ก็เจ็บอยู่ครับ ไม่สิ เจ็บมากเลยครับ แต่ถ้าได้เงินเพิ่มน่าจะหายทันทีเลยครับ”
พิต้าก็แค่พูดเล่น ๆ แต่สามเดือนเอาจริง ประธานอัลฟ่าหันไปหยิบโทรศัพท์มากดไม่กี่ครั้งก็มีเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของเลขาหน้ามนดังขึ้น
--- มียอดเงินเข้า 10,000 บาท ---
ช่วงนี้ท่านประธานแลดูจะมือไวขึ้นนะ ตอนแรกก็แค่เพิ่มเงินให้รวมไปกับเงินเดือน หลัง ๆ ก็มีจ่ายแยก แต่ล่าสุดโอนให้กับมือตัวเองทันที ทั้งยังโอนมาทีหมื่นนึงแบบนี้ออกจะเกินไปหรือเปล่า ไอ้ความรวยนี่มันอะไรกัน
“ถ้าฉันฟ้องยัยนั่นให้ นายจะได้เยอะกว่านี้อีก”
“คุณไม่ทำหรอก”
ประธานอย่างสามเดือนจะไปฟ้องให้เสียเวลาทำไม ตัวสามเดือนเองเจ็บตัวหรือก็เปล่า พิต้าเจ็บตัวจากหน้าที่เลขา เขาจ่ายเงินจ้างคือจบ จะไปฟ้องอีกทำไม เลขาที่รับเงินไปแล้วก็จัดการเองสิ
“ถ้าฉันทำล่ะ”
“สู้คุณจ่ายเงินส่วนนั้นมาเลยดีกว่า เสียเวลา... คุณสามเดือน”
คำเรียกติดปากตั้งแต่สมัยที่สามเดือนยังไม่ได้รับช่วงต่อจากคุณแม่ถูกเอ่ยขึ้น ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ยิน ภาพความทรงจำตอนพิต้าเข้ามาทำงานใหม่ ๆ ฉายผ่านไปแวบนึง ก่อนสติสามเดือนจะกลับมา ณ ปัจจุบันเมื่อรู้สึกถึงมือของคนตัวเล็กกว่าที่คว้าจับอยู่บนมือถือในมือเขา
เอะอะก็จะโอนอีกแล้ว.. ไม่ไหวเด้อ ถึงพิต้าจะอยากได้เงินแต่แบบนี้ก็เกินไป เลขาคนนี้ยังมีความละอายอยู่เหมือนกันนะ
“แผล...ที่คอ”
ด้วยระยะห่างระหว่างกันที่ย่นลงเพราะพิต้าเอนตัวมาคว้าจับโทรศัพท์ไว้ ทำให้ดวงตาสีซีเปียเห็นถึงรอยแผลบริเวณข้างลำคอยาวไปถึงเกือบด้านหลังของเลขา
พิต้าจำต้องเอียงตัวให้สามเดือนทำแผลข้างลำคอให้ ถึงจะรู้จักกับท่านประธานมานาน แต่การมานั่งประชิดกันขนาดนี้ อีกทั้งหน้าท่านประธานก็ยื่นเข้าใกล้มากเสียจนรู้สึกถึงลมหายใจแผ่ว ความรู้สึกวูบไหวแปลก ๆ จึงบังเกิดขึ้น ทำเอาหัวใจเลขาเริ่มเต้นระส่ำ
ให้ตายเถอะ สายตาสั้นนักหรือไงถึงได้จ่อหน้าซะใกล้ขนาดนี้ แล้วไอ้เบ้าหน้าฟ้าประทานนั่นคืออะไร โกงกันชัด ๆ
ยิ่งอยู่ใกล้นานมากขนาดไหน เรื่องที่ไม่อยากนึกถึงก็เริ่มโผล่มามากขึ้นเท่านั้น พิต้าพยายามล้างสมองให้โล่งแต่ภาพเหตุการณ์ก็ยังคงฉายซ้ำ ๆ ในหัว จนแก้มขาวเริ่มขึ้นสีแดงจาง ๆ โดยไม่รู้ตัว
เออ เอาเลย มาทั้งภาพทั้งเสียงเลยสิ ห้ามไม่ฟังอยู่แล้วหนิ ไอ้สมองเฮงซวย
“หอม”
พิต้าเผลอสะดุ้งตัวโยนเมื่อจู่ ๆ เสียงของสามเดือนก็ดังขึ้นราวกับตอบสนองความคิดของเขา
“ตกใจอะไร แล้วทำไมเหงื่อท่วมขนาดนั้น ยาจะละลายหมดเอา”
สามเดือนรีบคว้าหยิบผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้พิต้า พอดีกับที่คนตัวเล็กกว่าหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเหมือนกัน มือหนาหยุดชะงักไปนิดนึงแล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าของตัวเองที่เปื้อนเหงื่อให้พิต้าใช้ซับเหงื่อเอง พร้อมกับชิงเอาผ้าเช็ดหน้าขาวสะอาดจากมือเรียวมาครอง
“ซักผ้าเช็ดหน้ามาคืนฉัน ส่วนอันนี้ฉันยึดก่อนเป็นตัวประกัน”
เล่นอะไรวะครับ พิต้าอยากจะถามออกไปแบบนั้นอยู่เหมือนกัน ใครมันจะไปอยากได้ผ้าเช็ดหน้าท่านประธานเสียจนไม่ยอมคืนกัน ไม่ใช่โรคจิตสักหน่อย ว่าแต่..
“อะไรหอมเหรอครับ”
ประโยคคำถามหยุดชะงักไปนิดหน่อย เมื่อหางตาของเลขาเหมือนจะเหลือบเห็นท่านประธานยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นดมนิด ๆ แต่ก็คงจะแค่ตาฝาดไป ภาพที่เห็นก็ไม่ชัดเจนเพราะเห็นเพียงหางตาเท่านั้นเอง
“อ่อ กลิ่นกาแฟมันฟุ้งไปทั่ว นายเปลี่ยนกาแฟเหรอ มันหอมกว่าปกติ”
พิต้านึกแปลกใจกับคำตอบที่ได้ เขาไม่เห็นจะได้กลิ่นอะไรเลย
“หือ? ผมไม่เห็นจะได้กลิ่นอะไรเลยครับ หรือว่าจะเป็นหวัด? เดี๋ยวผมเปิดหน้าต่างให้อากาศจะได้ถ่ายเท..”
“ไม่ ไม่ต้อง ไม่เป็นไร มันก็หอมดี”
“ได้ยังไงล่ะครับ กลิ่นจะติดเสื้อเอา”
ไม่รอฟังคำทักท้วงหน้าต่างกระจกทรงยาวสี่เหลี่ยมผืนผ้ากรอบดำก็ถูกมือบางดันให้แง้มออก แม้หน้าต่างจะทำมาให้แค่เพียงเปิดแง้มนิด ๆ เท่านั้น แต่ก็เพียงพอให้มีลมเข้าเบา ๆ หมุนเวียนถ่ายเทอากาศในห้อง
กลิ่นหอมค่อย ๆ จางลง แม้จะยังได้กลิ่นแต่ก็ไม่แรงมาก เลขาหน้ามนเดินกลับมาหาท่านประธานพลางก้มดูเวลาแล้วคว้าหยิบเอากล่องปฐมพยาบาลขึ้นถือ ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวไปทำงานต่อ สามเดือนทำเพียงพยักหน้าเบา ๆ
ใบหน้าคมหันมองตามแผ่นหลังพิต้าจนเลขาเบต้าปิดประตูไปสักพักแล้วก็ยังไม่เลิกมอง นัยน์ตาสีซีเปียสะท้อนรับแสงเป็นประกายน่าแปลกตาอีกทั้งยังฉายแววลุ่มลึกที่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่เพียงพักเดียวนัยน์ตานั้นก็ค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาพเดิม
ผ้าเช็ดหน้าที่ยึดจากเลขามาได้ถูกพับเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อ พลันได้กลิ่นกาแฟจาง ๆ อีกครั้งจึงนึกถึงคำเลขาพูด สงสัยจะทำกลิ่นติดเสื้อเสียแล้ว
แม้ว่าจะผ่านไปหลายวัน สามเดือนก็ยังคงได้กลิ่นกาแฟฟุ้งไม่เลิก หน้าต่างก็เปิดไว้แต่ก็ยังได้กลิ่นและยังมีแค่เขาที่ได้กลิ่น พิต้าไปลากพนักงานคนอื่นมาพิสูจน์กลิ่น เพราะตัวเองนั้นไม่ได้กลิ่นอย่างประธานว่าจึงนึกกลัวว่าจะเป็นโรคระบาดที่ดัง ๆ อยู่หรือเปล่า แต่ปรากฏว่าคนอื่นก็ไม่ได้กลิ่น
หรือไอ้ประธานนี่จะหลงคิดไปเอง? ต้องพบหมอไหมเนี่ย?
พิต้าจัดแจงเก็บกวาด ฉีดสเปรย์ปรับอากาศให้หอมฟุ้งจนทั่วห้องประธาน สามเดือนได้แต่นึกแปลกใจว่าพิต้าจะทำอะไรแบบนี้ไปทำไม สามเดือนไม่ได้มีปัญหาอะไรกับกลิ่นกาแฟ แต่พิต้าแลดูจะใส่ใจจนแปลกไป
อย่าว่าแต่สามเดือนเลย เลขาเบต้าก็แปลกใจกับตัวเองเหมือนกัน ที่อยู่ ๆ ก็ดูจะขยันอยากทำขึ้นมาเสียเฉย ๆ ทั้งที่ปกติขี้เกียจจะตาย แปลกชะมัด
วันต่อมาสามเดือนเลือกที่จะสั่งให้พิต้าไม่ต้องทำกาแฟขึ้นมาเสิร์ฟเช่นทุกวัน เนื่องจากถ้าสั่งมาไม่วายเลขาร่างเล็กคงตามมาฉีดสเปรย์ดับกลิ่นอีกตามเคย
ตัวก็เล็กแค่นั้น ขยันไปปีนป่ายฉีดตามซอกมุม ถ้ากลิ่นมันจะหายฉีดกลางห้องก็หายแล้ว แม่บ้านก็มีตั้งเยอะไม่เรียกใช้
ตอนเช้าพิต้าจึงว่างงานเพราะไม่ได้ทำหน้าที่ที่ทำทุกวัน เลขาหน้ามนเลยเดินไปช่วยถือเอกสารให้ลลินที่วันนี้ดูเหมือนว่างานจะเยอะเหลือเกิน
“โดนรุ่นพี่โยนงานมาให้? แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน?”
“เอาน่าต้า นิด ๆ หน่อย ๆ เอง พี่เขามีเรื่องด่วนอะ”
พนักงานสาวได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ให้เพื่อนร่วมงานที่อายุใกล้เคียงกัน ถึงแม้จะอยู่ในตำแหน่งที่ต่างกันพอควร ลลินเพิ่งเข้าทำงานได้เพียงสองปีเท่านั้น ก่อนหน้านี้เธอทำร้านอาหารเป็นของตัวเอง แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี เธอเลยจำต้องเลิกไปและเอาวุฒิการศึกษาที่มีมายื่นสมัครงานแทน
“นิดหน่อยอะไรกัน หน้าเธออิดโรยเสียขนาดนั้น เป็นแบบนี้บ่อย ๆ เดี๋ยวก็แก่ไวหรอก”
“เสียมารยาทนะยะ มาว่าหน้าฉัน ใครจะไปเหมือนเลขาพิต้าละคะ ดูซิ ช่วงนี้หน้าใสผิวผ่องเชียว คุณสามเดือนเขาเลี้ยงดีมากหรือคุณพี่ไปใช้ครีมผีบอกที่ไหนมายะ”
ลลินไล่สายตามองตามใบหน้าและผิวพรรณของเบต้าหนุ่มที่ช่วงนี้ดูจะเปล่งปลั่งผ่องใสผิดลูกหูลูกตา
“มีความรักเหรอ?”
“เพ้อเจ้อ”
พิต้าได้แต่ส่ายหัวให้ความคิดไร้สาระของลลิน เวลาทำงานก็กินหมดวันไปแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปมีความรักใส ๆ หัวใจระริกกัน เพ้อเจ้อไปเรื่อย
ในเวลาเดียวกันสามเดือนก็นั่งอ่านเอกสารไปพลางนึกขึ้นว่าไม่ได้กลิ่นกาแฟดังเคย จนกระทั่งเลขาเบต้าเปิดประตูเดินเข้าห้องมา กลิ่นจาง ๆ ของกาแฟก็ลอยมาเตะจมูกทันที..
ดวงตาคมไล่มองเลขาของตนที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ แล้วหยุดยืนอธิบายงานอยู่หน้าโต๊ะทำงาน พลันริมฝีปากบางก็เผลอหลุดพูดประโยคแปลก ๆ ออกมา ทำเอาพิต้าหยุดชะงักไปในทันที
“ขอดมตัวนายหน่อย”
TBC.