แต่งงานกับคนที่เคยวันไนท์สแตนด์ด้วยเมื่อสามปีก่อนเนี่ยนะบ้ารึเปล่า

คุณภรรยาทำไมเย็นชาจังครับ - บทที่ 1 ขาดคุณสมบัติ โดย จัสเมอร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,รัก,ดราม่า,ครอบครัว,ตลก,แต่งงาน,วันไนท์สแตนด์,รัก,คลั่งรัก,อบอุ่น,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คุณภรรยาทำไมเย็นชาจังครับ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,รัก,ดราม่า,ครอบครัว,ตลก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แต่งงาน,วันไนท์สแตนด์,รัก,คลั่งรัก,อบอุ่น,ดราม่า

รายละเอียด

แต่งงานกับคนที่เคยวันไนท์สแตนด์ด้วยเมื่อสามปีก่อนเนี่ยนะบ้ารึเปล่า

ผู้แต่ง

จัสเมอร์

เรื่องย่อ

เปมิศาท่านรองประธานสาวสวยแสนเย็นชา ทั้งชีวิตทุ่มเทให้กับงานเพื่อหวังว่าพ่อจะยกบริษัทที่เคยเป็นของแม่ที่ตายไปให้ แต่ที่ทำมาทั้งหมดกลับสูญเปล่าเมื่อคนเป็นพ่อบอกว่าเธอยังขาดคุณสมบัติคือยังไม่แต่งงาน และเพื่อหลีกเลี่ยงการคลุมถุงชนจากคนที่แม่เลี้ยงหามาให้ ทำให้เธอจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกคนที่จะแต่งงานด้วยตัวเอง ทว่าผู้ชายที่เธอเลือกกลับเป็นคนที่เคยวันไนท์สแตนด์ด้วยเมื่อสามปีก่อนนี่สิ


เปมิศา (29ปี)

“หืม…ทำไมตอบง่ายจังคะ”


ทิวากร (33ปี)


“แล้วเหตุผลที่อยู่ ๆ คุณมิศามาชวนผมไปแต่งงานมันคืออะไรล่ะครับ”


นางเอกเรื่องนี้ปากอย่างใจอย่างแสดงความรักไม่เป็นเพราะมีปม ส่วนพระเอกก็คลั่งรักเมียมาก จากคนติดงานกลายเป็นคนติดเมีย ดูแลเมียดุจดั่งเจ้าหญิงแต่เมียก็ไม่เคยเอ่ยปากบอกว่ารักสักที


พระเอกธงเขียวจนไม่รู้จะเขียวยังไงล่ะ เรื่องนี้ฟีลกู้ดมีดราม่านิดนึงมั้งนะ 

สารบัญ

คุณภรรยาทำไมเย็นชาจังครับ-บทที่ 1 ขาดคุณสมบัติ,คุณภรรยาทำไมเย็นชาจังครับ-บทที่ 2 คำถามเดิม ๆ,คุณภรรยาทำไมเย็นชาจังครับ-บทที่ 3 แต่งงาน

เนื้อหา

บทที่ 1 ขาดคุณสมบัติ

ร่างระหงในชุดผ้าทวิตสีดำบนไหล่ด้านซ้ายสะพายกระเป๋าหรู ดวงตาคู่สวยกวาดสายตามองผู้คนทั้งชายและหญิงที่ต่างพากันมาเที่ยวกันเป็นคู่เป็นกลุ่มยืนเต้นด้วยใบหน้าที่มีความสุข

 ต่างจากเปมิศาที่มาคนเดียวเพราะว่าเธอเป็นคนไม่มีเพื่อนเนื่องจากถูกพ่อส่งไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่อายุสิบสามปี เพื่อนที่มีในตอนนี้ก็เป็นพวกปลอมเปลือกใส่หน้ากากเข้าหากันเพื่อผลประโยชน์ก็เท่านั้น เจ้าของเรียวขาสวยค่อย ๆ ก้าวเดินตรงไปเคาน์เตอร์บาร์ทันทีที่มาถึงเธอก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้พร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เอาอะไรก็ได้ที่แรงที่สุดค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบใบหน้าไร้อารมณ์

 ไม่นานมากนักเครื่องดื่มที่เปมิศาสั่งก็ถูกนำมาวางอยู่ตรงหน้า มือเรียวบางรีบยกแก้วขึ้นมาดื่มเพื่อลืมความเครียดจากการทำงาน

 เปมิศาเริ่มทำงานจริงจังเมื่อตอนอายุยี่สิบสองปีจนมาถึงตอนนี้เธอก็อายุจะเข้ายี่สิบหกปีแล้ว เพราะด้วยตำแหน่งของเธอในตอนนี้เป็นถึงรองประธานบริษัทผลิตภัณฑ์เสริมความงามและเครื่องสำอาง จึงมีเรื่องมาให้เครียดไม่เว้นแต่ละวัน

คนภายนอกอาจจะมองเห็นเปมิศาในตำแหน่งรองประธานบริษัทที่แสนเพียบพร้อม เป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและเก่งใช้ชีวิตได้อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องเงินแต่ใครจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเธอว่ามันน่าเศร้ามากเพียงไหน

“เอาเหมือนเดิมอีกแก้วค่ะ” น้ำเสียงที่เรียบเฉยในตอนแรกตอนนี้กลับยืดยานเพราะหญิงสาวพูดประโยคนี้มาหลายครั้งแล้ว

เปมิศารู้สึกได้ถึงความผิดปกติของร่างกายเนื่องจากดื่มไปหลายแก้วทำให้ตอนนี้เธออยากเข้าห้องน้ำ ร่างบางลุกออกจากเก้าอี้ ดวงหน้าสวยพยายามมองหาห้องน้ำแต่ก็ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเพราะสายตาเริ่มพร่ามัวจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป

คนที่กำลังเมาเดินอย่างโซซัดโซเซอยู่นานแต่ก็ยังไม่ถึงห้องน้ำสักที จนไปชนเข้ากับอกแกร่งของชายร่างสูงคนหนึ่ง ใบหน้าแดงก่ำช้อนขึ้นมองเจ้าของร่างสูงนัยน์ตาเป็นประกายวาววับตกตะลึงในความหล่อจนเผลอพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป

“หล่อจัง…”

“คุณอยากวันวันไนท์สแตนด์กับฉันไหม”

“ครับ?” เสียงทุ้มเอ่ยถาม คิ้วเข้มขมวดกันเป็นปมด้วยความสงสัย

“……”

คนตัวเล็กกว่ากระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ มือนุ่มประคองใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาประชิดดวงหน้า ริมฝีปากอ่อนนุ่มประทับจูบเป็นคำตอบและสุดท้ายมันก็เป็นไปตามที่เปมิศาต้องการ ในสถานที่แบบนี้มันคงเป็นเรื่องยากที่จะรอด แม้ว่าเธอจะไม่มีสติในขณะที่พูด แต่รู้ตัวอีกทีรองประธานคนสวยก็เผลอมีอะไรกับชายแปลกหน้าที่ผับไปแล้วในคืนนี้

สามปีต่อมา….

ประตูรถหรูถูกเปิดออกเผยให้เห็นรองเท้าส้นสูงราคาแพงสีดำก้าวลงมา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและเย่อหยิ่งแต่มีเสน่ห์ เพราะมีดวงตาเฉี่ยวดังสุนัขจิ้งจอกรับกับจมูกเรียวสวยบวกกับริมฝีปากที่อวบอิ่ม ดูเพอร์เฟคเป็นอย่าง

  ทำให้เธอสวยสะดุดตาคนที่มองมาเสียแต่ว่าเธอไม่ยิ้มเอาซะเลย จึงทำให้เวลาที่เหล่าพนักงานเห็นหน้าเธอก็ต่างขนลุกไปตามกัน

“วันนี้ต้องเป็นวันที่ดีแน่เลยค่ะท่านรอง” รินรดาเลขาคนสนิทเอ่ยทักก่อนจะแสยะยิ้มเล็กน้อย เพราะว่าวันนี้เจ้านายของเธอใส่ชุดสีแดงซึ่งเป็นสีนำโชคของเธอ

“แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าวันนี้ไม่ดีล่ะก็ฉันจะกลับไปเผาชุดสีแดงทิ้งให้หมด”

ว่าจบเจ้าของเครือผมสวยก็รีบเดินตรงไปที่ห้องประชุมอย่างอดใจไม่ไหว วันนี้เป็นวันประชุมยอดขายรายปีซึ่งเป็นวันที่เธอรอคอยมาตลอด

เป็นดังคาดยอดขายทะลุเป้าและมากกว่าปีที่แล้วตามความต้องการของท่านรองประธาน ใบหน้าบูดบึ้งตอนนี้กลับผุดรอยยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ตลอดเวลาหลายปีที่ทุ่มเทกับงานมันไม่เสียเปล่าเลยจริง ๆ

“ทุกคนเก่งมากค่ะ” แค่คำนั้นก็ทำให้เหล่าพนักงานที่ได้ยินต่างก็โล่งใจ เพราะปกติเธอมักจะปิดปากเงียบถึงพูดก็พูดแต่คำชวนขนลุกใช้เพียงสายตาเป็นคำตอบซึ่งมันทั้งน่ากลัวและน่าอึดอัดเป็นอย่างมาก

เปมิศานั่งทำงานด้วยสีหน้ามีความสุข เย็นนี้เธอจะรีบไปบอกข่าวดีกับพงศ์พัฒน์ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นประธานบริษัทแห่งนี้ให้ได้รู้ หญิงสาวหวังว่าเธอต้องได้รับคำชมเป็นแน่

  เจ้าของเรียวขายาวเดินเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยท่าทีมั่นใจ ถึงแม้มันจะเป็นที่ที่เธออยู่มาตั้งแต่เด็ก แต่หลังจากที่เปมิศาไปเรียนต่างประเทศจนจบ กลับมาเธอก็ตัดสินใจย้ายออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียว จะมาที่นี่ก็ต่อเมื่อมีเรื่องสำคัญจริง ๆ

ด้านบนโต๊ะอาหารทำมาจากลายหินอ่อนสีดำขนาดสิบสองที่นั่งถูกจัดเตรียมด้วยอาหารราคาแพงเต็มไปหมด ถึงแม้ว่าจะมีคนกินเพียงแค่สามคนเท่านั้น คงเป็นเพราะว่ารวยถึงแม้จะกินไม่หมดแค่เห็นว่ามีอาหารวางอยู่บนโต๊ะก็สบายใจแล้ว

“เรื่องที่แกจะพูดคืออะไรล่ะ มิศา” ชายวัยกลางคนพูดเสียงเรียบเย็นแต่ดูทรงอำนาจ ทำให้อีกสองคนที่ร่วมโต๊ะอาหารต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเขาเอ่ยถาม

“ปีนี้ยอดขายบริษัทของเรายอดทะลุเป้าแล้วยังมากกว่าปีที่แล้วอีกด้วยค่ะ”

  เธอรวบรวมความมั่นใจพูดออกไปน้ำเสียงสั่นเพราะความตื่นเต้น สายตาสังเกตปฏิกิริยาของผู้ชายที่นั่งหัวโต๊ะอย่างจดจ่อ

“แล้วยังไง?”

“คุณพ่อควรยกบริษัทนี้ให้มิศาได้แล้วค่ะ” ที่เปมิศาพูดอย่างนั้นก็เพราะก่อนหน้ามันเป็นบริษัทของปภินดาผู้เป็นแม่ แต่หลังจากที่แม่ของเธอเสียชีวิตไปก็กลายเป็นพ่อที่ได้รับตำแหน่งประธานบริษัทไปแทน

“ไม่ได้หรอก ตอนนี้แกยังขาดคุณสมบัติอยู่”

“คุณสมบัติอะไรคะ!” เธอขมวดคิ้วประท้วงคำพูดของเขา

“แกยังไม่แต่งงานเลย เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวบริหารบริษัทได้ไม่ดีหรอก”

“อะไรนะคะ!”

คุณสมบัติที่เขาพูดมามันทำให้เปมิศาหัวร้อนเป็นไฟ แต่งงานบ้าบออะไรทั้ง ๆ ที่ตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมาเธอทุ่มเทชีวิตให้กับงานมากขนาดนั้น แต่วันนี้เขากลับพูดว่าขาดคุณสมบัติเพราะว่ายังไม่แต่งงาน งี่เง่าสิ้นดี

นี่มันยุคสมัยใหม่แล้วทำไมผู้หญิงอย่างเธอจะบริหารบริษัทไม่ได้ในเมื่อก็ทำมาได้ตั้งเจ็ดปี

“คุณพ่อก็บอกแล้วไงจ้ะ ว่ามิศายังไม่แต่งงาน” น้ำเสียงอ่อนนุ่มที่เกิดจากการเสแสร้งแกล้งทำพูดขึ้น ใบหน้าเหวี่ยงหันไปมองตามต้นเสียงแค่นี้ยังหงุดหงิดไม่พออีกหรอ

“เอาอย่างงี้ไหมคะ เดี๋ยวนุชจะอาสาหาคนที่คู่ควรกับมิศาให้เอง”

“อืมดีเลย เอาสิ” พงศ์พัฒน์ตอบตกลงโดยไม่หันไปมองใบหน้าของกนกนุชในตอนนี้ด้วยซ้ำ แม่เลี้ยงเหลือบตามองหญิงสาวพลางแสยะยิ้มราวกับเยาะเย้ย แต่ไหนแต่ไรพวกเธอทั้งสองก็ไม่เคยถูกกันอยู่แล้ว

มือเรียวบางวางช้อนและซ้อมกระทบจานเสียงดัง ก่อนจะใช้สองแขนหยัดกายลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์อีกครั้ง น่าผิดหวังเอามาก ๆ

“มิศาขอตัวค่ะคุณพ่อ”

ว่าจบคนที่กำลังโกรธก็รีบก้าวขาออกมาจากโต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยความผิดหวังนั่น เปมิศาแทบอยากจะกรี้ดออกมาสุดเสียงแต่ก็ทำไม่ได้ได้แต่กัดฟันข่มอารมณ์ แค่ต้องการบริษัทสิ่งเดียวที่ผู้เป็นแม่เหลืออยู่ทำไมมันถึงได้ยุ่งยากขนาดนี้

บริษัทที่เปมิศาดำรงตำแหน่งรองประธานในตอนนี้เป็นเพียงบริษัทในเครือของพ่อเธอเท่านั้น เพราะแบบนี้มันยิ่งทำให้เปมิศาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ยกให้เธอสักที หรือบางทีมันก็คงเป็นอย่างที่คิดมาตลอดนั้นก็คือพ่อนั่นเกลียดเธอเพราะว่าเธอเป็นต้นเหตุให้ปภินดาผู้เป็นแม่ต้องตาย

“มิศา ควรยอมแพ้ไหมคะคุณแม่”

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเริ่มแดงก่ำ ใบหน้าสวยแหงนขึ้นมองท้องฟ้าข่มใจไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เพราะหญิงสาวนั่นเกลียดเวลาตัวเองร้องไห้เป็นที่สุดมันเหมือนตอกย้ำว่าเธอนั้นอ่อนแอและไม่มีทางสู้กับปัญหาตรงหน้า