ตำนานที่เล่าขานผ่านกาลเวลา เต็มไปด้วยปริศนาแห่งอดีตชาติ
รัก,แฟนตาซี,ลึกลับ,พญานาค,โรแมนติก,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วงศ์นาคาตำนานที่เล่าขานผ่านกาลเวลา เต็มไปด้วยปริศนาแห่งอดีตชาติ
‘วิรัลวีร์ วงค์ภุชงค์’นักศึกษาปริญญาโทเดินทางไปภาคอีสานเพื่อหาข้อมูลเรื่องความเชื่อพญานาคมาทำงานวิจัย ขณะที่หาข้อมูลกลับมี ‘ภาธร’ชายหนุ่มปริศนาปรากฎตัวขึ้น เขามาพร้อมกับตำนานที่ไม่เคยถูกเปิดเผย ความศรัทธาและสัญญาเก่าของใครบางคนที่รอคอยอยู่กำลังปรากฎขึ้นอีกครั้งท่ามกลางดินแดนแห่งพญานาคที่เต็มไปด้วยตำนานความรักโศกนาฎกรรม แท้จริงแล้วตำนานรักจะพาไปพบกับอะไรกันแน่!?
❗️เรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้เขียนเพื่อความบันเทิงเท่านั้น บางสถานที่ ตำนานและตัวละครไม่ได้มีอยู่จริง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ
เวลาเช้าตีห้าฉัตรดาวและวิรัลวีร์ต้องตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว เพื่อลงไปพบอาจารย์ปุณณ์ที่นัดหมายให้นักศึกษาทุกคนลงไปพบยามเช้า อย่างไม่รู้ว่าคนเป็นอาจารย์คิดจะให้ทำอะไรแต่เช้า เมื่อแต่งตัวเสร็จวิรัลวีร์ก็รีบลงมาหน้าตึก อากาศยามเช้าในฤดูหนาวของอุดรธานี นับว่าไม่เลวเลย อากาศกำลังเย็นสบายไม่ร้อนแต่ก็ไม่ได้หนาว หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือดูเวลา อีกประมาณสิบนาทีจะหกโมงเช้า ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มมีนักศึกษาชายทยอยลงมาพร้อมกับอาจารย์ปุณณ์ที่สวมเสื้อกีฬาและกางเกงวอร์ม
“เช้านี้นะทุกคน อาจารย์จะพาไปออกกำลังกายยามเช้า เสริมสร้างสุขภาพที่ดี” อาจารย์พูดด้วยรอยยิ้มผิดกับนักศึกษาบางคนที่ร้องโห่ด้วยความเซ็งแซ่
“โธ่ อาจารย์คะ แต่เช้าเลยเหรอคะ” อทิตยาบ่น
“ไปกันครับวัยรุ่น”
อาจารย์พานักศึกษาทุกคนไปวิ่งออกกำลังหายที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ซึ่งอยู่ในตัวเมือง ในตอนเช้าก็มีผู้คนมากมายที่มาออกกำลังกายกัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เดิน ไม่ใช่วิ่งแบบพวกเธอตอนนี้ แน่นอนว่าอาหารเช้ามื้อแรกในอุดรธานีอาจารย์ปุณณ์ก็พาไปกินร้านอาหารเช้าแบบเวียดนาม ที่เธอก็ไม่เคยกินในกรุงเทพฯไม่ว่าจะเป็น ขนมปังญวน แกงเส้น ข้าวเปียกหรือก๋วยจั๊บญวน และไข่กระทะ เเม้จะเป็นอาหารง่ายๆ แต่หลังจากออกกำลังหายเสร็จมากินก็ถือว่าเป็นสวรรค์แล้ว วิรัลสีร์ยิ้มอย่างมีความสุขกับมื้อเช้าง่ายๆ
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ก็นั่งรถมาที่หมู่บ้านนาข่าที่นี่มีทั้งผ้าไทยลายหมี่ขิดอันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดและมีวัดที่มีความเชื่อเรื่องพญานาค ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ดึงดูดใจสำหรับพวกเธอก็ต้องเป็นเรื่องพญานาคอยู่แล้ว
“เด็กๆ ครับ นี่ตาล้ำเป็นคุณตาในหมู่บ้านนี้ คุณตาจะเป็นคนเล่าเรื่องให้เราฟังครับ”
นักศึกษาทุกคนยกมือไหว้ ก่อนจะเดินสำรวจรอบๆ ตลาดผ้านาข่า โดยฟังเรื่องเล่าความเชื่อจากคุณตาล้ำไปด้วย
“หมู่บ้านนี้ชื่อหมู่บ้านนาข่า แต่ก่อนพระอาจารย์ท่านตั้งให้ว่าหมู่บ้านนาคา แต่ก็เพี้ยนมาเป็นหมู่บ้านนาข่าทุกวันนี้ หมู่บ้านนาข่ามีวัดหนึ่งที่ชาวบ้านเชื่อว่ามีพญานาคดูแลอยู่ คือวัดนาคาเทวี ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นในวัดมีวังพญานาคผู้หญิง จึงชื่อวัดนาคาเทวี” คุณตาเล่าความเชื่อของชาวบ้านที่มีมานานให้เด็กรุ่นหลานฟัง
“คุณตาครับแล้วทำไมถึงเชื่อว่ามีพญานาคในวัดละครับ”
“ในวัดมีรูขนาดใหญ่เป็นโพรง ซึ่งมีชาวบ้านได้ยินเสียงร้องจากโพรงนี้ พระอาจารย์จึงคิดว่าเป็นนาคีผู้ทรงศีลเป็นผู้ดูแลวัด แล้ววัดนี้ก็มีการขุดพบพระพุทธรูปที่น่าจะอยู่มาตั้งแต่สมัยล้านช้างด้วย”
วิรัลวีร์รีบจดข้อมูลทันที คุณตาล้ำพานักศึกษาและอาจารย์เดินเข้าไปในวัดนาคาเทวีที่อยู่ใกล้กับตลาดผ้านาข่า ภายในวัดมีอุโบสถ์ที่ห้ามผู้หญิงเข้านักศึกษาทุกคนจึงยืนข้างนอกอุโบสถและพนมมือไหว้ขอพรให้ทำงานสำเร็จลุล่วงด้วยดี
ข้างในอุโบสถมีพระประธานเป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยล้านช้างที่คุณตาเล่าว่าหลวงปู่หน่อย ผู้สร้างวัดนี้ได้มีการนำพระพุทธรูปมาซ่อมแซม เพราะตอนขุดค้นพบนั้นมีแต่ลำตัวพระแต่เศียรขาดไป หลวงปู่หน่อยจึงทำการใช้ปูนสร้างเศียรใหม่และประดิษฐานเป็นพระประธานภายในอุโบสถแห่งนี้
“ตำนานวัดนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะอาจารย์ แต่ถ้าของจริงคงต้องไปคำชะโนด เพราะคำชะโนดคือเมืองพญานาค งั้นเราไปคำชะโนดกันเลยไหมคะ?” วิรัลวีร์เสนอ
“อันที่จริง ถ้าพวกหนูอยากไปวัดพญานาคอีกในอุดรมีมากมายเลย แต่วัดที่อยู่ใกล้ๆ นี้น่าจะดีกว่า เพราะถ้าจะไปคำชะโนดต้องไปอีกไกลโขอยู่ ตาจะพาไป” คุณตาล้ำกล่าวแค่นั้น ก่อนจะขึ้นรถตู้ไปพร้อมกับนักศึกษาที่กำลังงงว่ามีวัดไหนอีก เพราะในหมู่บ้านนาข่ามีวัดนาคาเทวีเพียงวัดเดียวที่มีความเชื่อเรื่องพญานาค นั่งรถไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ถึงวัดที่คุณตาแนะนำ ภายนอกดูเป็นวัดโบราณที่ดูมีอายุมานาน ภายในวัดมีรูปปั้นพญานาคเจ็ดเศียรตั้งตระหง่านอยู่อย่างมองเห็นได้ชัด
“วัดอะไรเหรอครับคุณตา ผมไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีวัดนี้ในอุดรฯด้วย” อาจารย์หันไปถามเจ้าถิ่น
“วัดเทวนาคา”
“เทวนาคาเหรอคะ?” อทิตยาถามซ้ำ เพราะได้ยินไม่ชัด
“ไม่ใช่เทวะ อ่านว่าทะเว แปลว่า สอง” คุณตากล่าวคำอ่านที่ถูกต้อง ทำเอาทั้งอาจารย์และนักศึกษางงไปด้วยกัน เนื่องจากไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน เพราะคำที่แปลว่าสองที่พวกเธอเรียนมาเห็นจะมี ทวิ โท แต่ไม่เคยได้ยินทะเว
“วัดนี้เป็นวัดโบราณในเมืองเล็กๆ เพราะมีเทวาลัยอยู่หลังอุโบสถ ภายในเทวาลัยมีรูปปั้นองค์มุจลินท์นาคราช แต่ภายหลังมาทรุดโทรมลงตามกาลเวลา เจ้าอาวาสเลยนิมิตเห็นพญานาคสององค์ ท่านบอกว่าเป็นบริวารขององค์มุจลินท์นาคราช ท่านเป็นผู้ดูแลศาสนาและวัดนี้ ตอนแรกจะตั้งใจสร้างรูปปั้นจำลองของพญานาคสององค์ แต่พญานาคสององค์บอกให้ซ่อมแซ่มรูปปั้นที่เทวาลัยและสร้างรูปปั้นองค์มุลินท์นาคราช เพราะตนเป็นแค่บริวารของท่านเท่านั้น จึงตั้งชื่อวัดว่าเทวนาคา”
“แปลว่าในสมัยก่อนเคยมีคนอาศัยอยู่ที่เมืองนี้ใช่ไหมคะคุณตา แต่สถาปัตยกรรมต่างๆ เหมือนขอมก็ไม่เชิง ล้านช้างก็ไม่ใช่” วิรัลวีร์วิเคราะห์จากสถาปัตยกรรมภายในวัด มีความเหมือนขอมผสมผสานกับล้านช้าง ทำให้วัดนี้ดูพิเศษกว่าที่อื่นๆ ถึงกาลเวลาจะผ่านมานานมากแล้ว แต่สถาปัตยกรรมพวกนี้ยังดูสวยงามราวกับมีคนดูแลตลอดเวลา ไหนจะรูปปั้นองค์มุจลินท์สีทองอร่าม ยังวาววับเหมือนไม่มีฝุ่นเกาะแม้แต่นิดเดียว
“ใช่ เป็นเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง เชื่อว่าเคยเป็นเมืองพญานาคมาก่อน ถ้าพวกหนูสังเกตจะเห็นว่าวัดนี้สะอาดสะอ้าน ดูไม่มีฝุ่นเกาะตามรูปปั้นหรืออุโบสถ เพราะชาวบ้านแถบนี้บอกว่าพญานาคท่านดูแลวัดดี” คุณตาล้ำเสริม
เตชพัฒน์ วิรัลวีร์และคนอื่นๆ รีบจดข้อมูลทันที เพราะตำนานที่นี่ก็ค่อนข้างแปลกใหม่แถมยังดูเหลือเชื่ออีกต่างหาก ขณะที่จดไป ขนในกายของวิรัลวีร์ก็ลุกซู่อย่างไร้สาเหตุ เหมือนกันกับคราวที่เธอคุยกับเตชพัฒน์เรื่องนามสกุลที่กรุงเทพฯ แต่คราวนี้เธอยังรู้สึกแปลกๆ อีกด้วย เธอหันขวับไปมองทางเทวาลัยทันที เพราะรู้สึกเหมือนมีใครยืนอยู่ตรงนั้น แต่เธอมองไม่เห็นอะไรนอกจากความว่างเปล่า
“เป็นอะไรรึเปล่า ไอ้เว” อทิตยาสะกิดเพื่อนสนิทที่มีกิริยาประหลาดไป
“ขนลุกว่ะแก เหมือนตอนที่ฉันคุยกับเนสท์ที่คณะ”
คุณตาล้ำมองกิริยาของวิรัลวีร์ก็อดเหลือบมองไปทางเทวาลัยไม่ได้ พลางคิดว่่าท่านสถิตอยู่ที่นี่แล้วจริงๆ สิ่งใดที่รู้สึกในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สิ่งนั้นย่อมมีที่ไปที่มาสุดแต่กรรมและชะตาจะลิขิตพาไป หากเด็กสาวคนนี้รู้สึกบางอย่างได้ในดินแดนแห่งพญานาค เธอก็ต้องเกี่ยวข้องกับพญานาค
“ถ้าหนูรู้สึกแปลกๆ มาไหว้องค์มุจลินท์ท่านก่อนสิ”
“ค่ะ” วิรัลวีร์รับดอกไม้ ธูปเทียนจากคุณตาแล้วไปนั่งลงต่อหน้ารูปปั้นองค์มุจลินท์ที่อยู่ข้างอุโบสถ พนมมือไหว้ด้วยแรงศรัทธา และขอให้ท่านช่วยปกปักษ์รักษาคุ้มครองรวมทั้งให้งานวิจัยชิ้นนี้สำเร็จด้วยดี
หลังจากอธิษฐานเสร็จ ความรู้สึกแปลกๆ ที่มีก็หายไปในพริบตา จนเธอก็ยังแปลกใจแต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย
จึงนำธูปเทียนไปปักลงในกระถางปักธูป และวางดอกไม้ถวายองค์พญานาค
“ดีขึ้นแล้วใช่ไหมคะพี่เวลา” ฉัตรดาวเข้ามาถาม
“ดีขึ้นแล้ว” วิรัลวีร์เดินไปยังเทวาลัยพร้อมกับคณะ ถึงเทวาลัยจะปิดไม่ให้คนเข้า แต่ก็ยังสามารถให้ผู้มีจิตศรัทธายืนชมความสวยงามจากภายนอกได้ พอได้เห็นใกล้ๆ ถึงรู้ว่ารายละเอียดของเทวาลัยไม่ใช่เล่นๆ เลย เพราะประตูทางเข้ายังแกะสลักเป็นลายพญานาคถวายดอกบัว สมกับที่เชื่อว่าเป็นเมืองพญานาค เพราะงามเกินคำบรรยาย
“ขออนุญาตถ่ายรูปนะคะ” วิรัลวีร์ขออนุญาตเสียงเบา ก่อนจะหยิบมือถือมาบันทึกความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ไว้
“เจ้ผมรู้สึกเหมือนมีคนมองเราอยู่” เตชพัฒน์หันมากระซิบเสียงเบา
“เนสท์ แกก็รู้สึกเหมือนฉันใช่ไหม?” วิรัลวีร์หันไปมองบริเวณโดยรอบก็ไม่เห็นจะมีใครสนใจคณะเธอเลย แต่ทำไมยังรู้สึกเหมือนมีคนมองจริงๆ แต่ใจเธอรู้สึกว่าไม่ได้น่ากลัว
“อาจจะเป็นญาติธรรมก็ได้นะเจ้ คนก็มาไหว้เยอะแยะไป” เตชพัฒน์มองผู้ชายสองคนในชุดสูทดูดีอย่างไม่น่ามาวัด กำลังจ้องมองเทวาลัยและผู้คนในวัดด้วยแววตาเมตตากรุณา แต่เขาไม่ได้เล่าให้รุ่นพี่สาวฟัง เพราะเขาคิดว่าถ้าเข้ามาในดินแดนพญานาคแล้วรู้สึกแปลกๆ นั่นคงเพราะเขากับวิรัลวีร์ใช้นามสกุลเกี่ยวกับพญานาคกระมัง
นัยน์ตาดำฉายความเมตตาหันไปมองชายหนุ่มข้างๆ ที่มีแววตาสงสัยเล็กน้อย เมื่อเตชพัฒน์มองมาราวกับมองเห็น
พวกเขา ทั้งที่มนุษย์ทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้ เว้นแต่จะมีสัมผัสพิเศษทำให้สามารถมองเห็นจิตที่ละเอียดอ่อนได้
เห็นทีจะเป็นอย่างนั้น เพราะมนุษย์ทั่วไปไม่สามารถมองเห็นพญานาคได้ด้วยตาเปล่าแบบนี้
“ภาธร ทำไมมนุษย์หนุ่มคนนั้นมองเห็นเราได้ อีกทั้งผู้หญิงคนนั้นยังรู้สึกถึงพวกเราได้ด้วย” เสียงเข้มเป็นนิจถามเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมานาน
“ที่เตชพัฒน์มองเห็นพวกเรา คงเพราะเขามีกรรมร่วมกับพญานาคมาก่อน ทำให้เขามองเห็นได้ ส่วนวิรัลวีร์
เธอเกี่ยวข้องกับองค์นาคาธิบดีศรีสุทโธ” ภาธรตอบกลับเพื่อนสนิท เขาไม่ทราบหรอกว่าเตชพัฒน์และวิรัลวีร์มีกรรมเกี่ยวกับพญานาคอย่างไรถึงมองเห็นและรู้สึกได้ แต่เขาทราบแค่ว่าถ้าเห็นถ้ารู้สึกย่อมมีบุญสัมพันธ์กันมาบ้างไม่น้อย
“หมายความว่านางเป็นลูกหลานองค์นาคาธิบดีหรือ?” สุธาทัศน์เบิกตาโตด้วยความแปลกใจ
“ไม่ใช่ นางเป็นมนุษย์ นางไม่เคยเป็นพญานาค แต่ผู้มีจิตศรัทธาย่อมมีบุญสัมพันธ์กันได้นะ ท่านลืมหรือ”
“จริงสินะ เราลืมไปได้อย่างไรกัน อีกอย่่างนางเป็นคนธาตุน้ำ น้ำกับพญานาคย่อมคู่กัน นางจึงรู้สึกถึงพญานาคได้ง่าย” สุธาทัศน์ว่าหลังจากที่ตาทิพย์มองเห็นธาตุน้ำในตัวของวิรัลวีร์ ทั้งมีธาตุน้ำและมีบุญสัมพันธ์มิน่าล่ะ ถึงรู้สึกได้ อีกไม่นานก็คงจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่่า ก่อนจะเพ่งไปที่เตชพัฒน์ ในตัวของมนุษย์หนุ่มคนนี้มีธาตุดิน แต่ทำไมถึงมีเเสงสว่างเจิดจรัสในตัวของเขา แปลกยิ่งนัก
“ทำไมเตชพัฒน์ถึงมีเเสงสว่างประกายออกมา... ท่านรู้สึกเหมือนเราไหม?” นาคราชหนุ่มหันไปถามภาธรที่ยืนมองผู้คนในวัดอยู่ เพราะพวกเขามีหน้าที่ดูแลศาสนาและวัดวาอาราม เมื่อมีคนมาทำบุญก็ต้องดูแลและให้พรตามสมควร
“เรารู้สึกว่าเขาแปลกๆ เเสงประกายนั่นคงเป็นของผู้ที่มีบุญญาธิการโขอยู่ อาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองเขาอยู่”
“หรือจะเป็นพญาครุฑ!!” สีหน้าของสุธาทัศน์นาคราชถึงกับซีดเผือด เพราะต่างก็รู้ดีกว่าพญานาคกับพญาครุฑเป็นอริกันมาตั้งแต่พุทธกาล ดังนั้นถ้าหากเตชพัฒน์มีพญาครุฑคุ้มครอง คงไม่เป็นผลดีกับพญานาคแบบพวกเขาแน่
ตอนเย็นนักศึกษาทุกคนกลับมากินอาหารที่โรงแรม เนื่องจากสะดวกและพรุ่งนี้ต้องเตรียมตัวไปจังหวัดหนองคายต่อ
แต่ในใจเธอก็ยังคงคิดถึงแต่วัดเทวนาคา ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ช่างคุ้นตา ช่างเหมือนมีใครมองเธอจากที่นั่นจริงๆ เเต่เธอมั่นใจมองไม่เห็นใคร ถ้าจะถามว่าเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นหรือไม่ เธอเชื่อและไม่ต้องการเหตุผลด้วย ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไร ความรู้สึกเธอก็บอกว่าเขามีเจตนาที่ดี เขาใจดี อ่อนโยน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนมั่นคง ไม่หักเหไปทางไหนง่ายๆ
“เจ้ ผมมีเรื่องจะสารภาพ”เตชพัฒน์ลากรุ่นพี่สาวมาคุยนอกห้องอาหาร เพราะเรื่องที่ตนพบเจอเป็นเรื่องที่ยากจะอธิบายและต้องใช้วิจารณญาณเฉพาะคน
“มีเรื่องอะไร?”
“ตอนที่อยู่วัดเทวนาคา...ผมเห็นผู้ชายสองคนยืนมองผมกับเจ้อยู่ คนนึงสวมชุดสูทสีดำสนิท ดวงตาเขาเข้มนิ่งดูมีอำนาจ ส่วนอีกคนใส่ชุดสูทสีฟ้าเพทาย แต่เขาดูอ่อนโยนกว่า ใจดีกว่า”เตชพัฒน์เล่าให้วิรัลวีร์ฟังหมดเปลือก
“เขาอาจจะเป็นเจ้าที่ที่ปกปักษ์รักษาวัดก็ได้นะ”วิรัลวีร์คาดเดา
“ผมว่าไม่ใช่...ถ้าเข้าไปในดินแดนพญานาคแล้วรู้สึกได้้ ผมว่ามันก็คงจะเกี่ยวกับพญานาค”
พญานาคหรือ? วัดเทวนาคาก็เป็นดินแดนพญานาคเสียด้วย คุณตาล้ำกล่าวว่า วัดเทวนาคาเดิมเคยเป็นเมืองพญานาคมาก่อน หลังจากนั้นก็ล่มสลายลงอย่างไม่มีใครทราบสาเหตุ แต่หลายคนคาดเดาว่า พญานาคล่มเมือง จึงตั้งชื่อหมู่บ้านแถวนั้นว่าหมู่บ้านนาคนคร ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าคนที่มองเธอและเตชพัฒน์ อาจจะเป็นพญานาค แต่เป็นพญานาคแล้วอย่างไร ในเมื่อเธอก็ไม่ได้ไปลบหลู่ดูแคลนอะไร ท่านคงไม่คิดมาทำร้ายเธอหรอก
“ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง ก็คงเป็นเพราะนามสกุลแกกับฉันเนี่ยแหละ เคยได้ยินไหมที่เขาบอกว่าบนโลกใบนี้มีแรงดึงดูด”
วิรัลวีร์ยิ้ม ส่วนรุ่นน้องหนุ่มนั้นได้แต่งงในสิ่งที่รุ่นพี่สาวพยายามจะบอก เพราะไม่เข้าใจว่านามสกุลเกี่ยวอะไรกับทฤษฎี
“แรงโน้มถ่วงเหรอ”
วิรัลวีร์กลอกตามองเพดานด้วยความเหนื่อยใจ
“แรงดึงดูดย่ะ ถ้าเราเป็นคนยังไงโลกก็จะดึงดูดคนที่ศีลเสมอกันมาพบเรา เหมือนกันกับเรื่องของฉันและแกนั่นแหละ เราใช้นามสกุลที่เกี่ยวกับพญานาคเหมือนกัน ฉะนั้นการที่เรามาในดินแดนพญานาคในวันนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
“ผมรู้ ในโลกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญ”เตชพัฒน์เว้นวรรคก่อนจะเสริมต่อ“แต่ผมอยากรู้ว่ามาครั้งนี้ โชคชะตาจะให้มาทำอะไร มาเพื่อพบเจอทำบุญให้ มาแก้กรรมเก่าหรือมา...”
“กลับมารักกันใช่ไหม?”วิรัลวีร์ตอบแทน เพราะเธอเรียนมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มา ทำให้เธอเข้าใจวิถีมนุษย์มากขึ้น และเชื่อว่าทุกอย่างที่เป็นไป ล้วนเป็นไปตามเบื้องบนกำหนดไว้
“นั่นมันบทละครแล้วเจ้”เตชพัฒน์ทำหน้าเซ็ง
“คุยไรกันคะพี่เนสท์ พี่เวลา”ฉัตรดาวที่เดินออกมาจากห้องอาหาร มองหน้าเธอและพี่ชายสลับกัน ก่อนที่เตชพัฒน์จะเป็นคนเล่าให้
น้องสาวฟังเอง ว่าพวกเขารู้สึกแปลกๆตอนไปวัดเทวนาคา ฉัตรดาวฟังแล้วก็ทำหน้านิ่ว เพราะเธอไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย หากว่าเป็นเพราะนามสกุล เธอกับเตชพัฒน์ก็นามสกุลเดียวกัน แต่พอได้ยินว่าพี่ชายเจอผู้ชายปริศนาสองคนในวัด ฉัตรดาวก็เบิกตาโตด้วย
ความประหลาดใจ
“น้ำไม่เห็นรู้สึกแปลกๆเลยค่ะพี่เวลา”
“งั้นคงไม่เกี่ยวกับนามสกุลแล้ว แต่มันเกี่ยวที่แกกับฉันเนี่ย”วิรัลวีร์จ้องหน้ารุ่นน้องหนุ่มที่ขมวดคิ้วอย่างต้องการหาคำตอบ
“ว่าแต่ พี่พญานาคสองคนนั้นน่ะ หล่อไหมอ่ะ? หน้าตาแบบพระเอกซีรีส์เกาหลีรึเปล่า”ฉัตรดาวยิ้มอย่างร่าเริงจนพี่ชายอดเขกหัว
น้องสาวไม่ได้
“คิดแต่เรื่องแบบนี้นะแกเนี่ย! ไม่รู้ล่ะถ้าแกยังเรียนไม่จบ หาใบปริญญามาอวดพี่ไม่ได้ พี่ไม่ให้แกมีแฟนง่ายๆแน่”เตชพัฒน์กอดอกมองน้องสาวที่หน้าตางอง้ำด้วยท่าทีถือไพ่เหนือกว่า แต่คนนอกแบบวิรัลวีร์ก็รู้สึกได้ว่า เตชพัฒน์ขู่น้องสาวไม่ใช่เพราะต้องการหยอกหรือแกล้ง แต่เพราะเป็นห่วงน้องสาวมากกว่า แต่ถึงเข้าใจหนุ่มรุ่นน้องดี เรื่องอะไรเธอจะเข้าข้างมันให้ซาบซึ้งล่ะ เธอยิ่งชอบเป็นหอกข้างแคร่ของเตชพัฒน์เสียด้วย
“เหอะ ก่อนจะบอกน้องน่ะ บอกตัวเองก่อนเถอะไอ้เนสท์ ไว้แกเรียนจบหา ‘ใบปริญญา’มาอวดได้ แกค่อยไปบอกน้อง”
เตชพัฒน์หน้าเสียเล็กน้อย เมื่อโดนวิรัลวีร์เล่นคืนในแพทเทิร์นเดียวกัน วันนี้ล่ะได้เข้าใจประโยคนี้แบบถ่องแท้เลย ‘โอ้ย เจ็บไปทั้งหัวใจ’ มันเป็นแบบนี้นี่เอง
“พี่เวลาสุดยอดเลยค่ะ พี่คือผู้พิทักษ์สันติธรรมของจริง”
“กลับไปได้แล้ว อาจารย์รอแล้วนั่น”วิรัลวีร์สะกิดเตชพัฒน์ให้เดินกลับห้องพัก ส่วนเธอก็เดินไปห้องพักพร้อมกับฉัตรดาวและอทิตยา เมื่อถึงห้องพัก เธอหยิบแล็ปท็อปขึ้นมาเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัดเทวนาคา ท่าทางที่ดูจริงจังทำให้อทิตยาอดเดินเข้ามาถามไม่ได้
“หน้าเครียดจัง เป็นอะไรหรือเปล่า”อทิตยาว่า เพราะท่าทีของวิรัลวีร์จริงจังราวกับตอนทำวิทยานิพนธ์ตอนปริญญาตรี
“ฉันกำลังหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัดเทวนาคาน่ะ วัดเทวนาคา ตั้งอยู่ที่ตำบลราชปรีชา อำเภอนาคนคร ในบ้านนาคนคร จังหวัดอุดรธานี ที่มาของชื่อตำบลราชปรีชา มาจากสมัยก่อนคุณพระยาราชปรีชาได้มาว่าราชการที่นีี่ จึงตั้งชื่อท่านไว้ในชื่อตำบลเพื่อเป็นที่ระลึกและท่านเองก็สนใจเรื่องพญานาคที่วัดเทวนาคา ท่านจึงตั้งชื่อหมู่บ้านนี้ว่า บ้านนาคนคร”วิรัลวีร์เล่าให้ฟังพอสังเขป ก่อนจะอ่านข้อมูลส่วนที่เหลือต่อในใจ
‘ส่วนพญานาคที่วัดเทวนาคานั้นไม่ปรากฎว่าเป็นสายใด หรืออาจจะเป็นสายเดียวกับองค์ศรีสุทโธนาคราชที่คำชะโนด แต่ตามความเชื่อชาวบ้านบอกว่า พญานาคที่วัดนี้เป็นบริวารขององค์มุจลินท์นาคราช บ้างก็ว่าพญานาคสองท่านนี้ไม่ได้ดูแลแค่วัดเทวนาคา แต่ดูแลทุกวัดที่มีรูปจำลองขององค์มุจลินท์’
นาคปรากฎ
-----
เอ๊ เป็นพญาครุฑจริงไหมน้าา ต้องรอติดตามนะอิอิ เพราะเขาจะไม่ออกมาง่ายๆแน่😂
แต่บอกได้เลยว่าเป็นตัวแปรสำคัญแน่นอน
ใครอยากตามรอยวิรัลวีร์ จะแอบแปะพิกัดไว้นะคะ
วัดนาคาเทวี ต.บ้านขาว อ.เมือง จ.อุดรธานี ค่า ข้างๆตลาดผ้านาข่าเยย ใครชอบผ้าไทยสวยๆที่นาข่ามีให้เลือกหลายแบบหลายราคาเลยค่า🍒 ถูกใจคนชอบผ้าไทยแน่ๆค่ะะะ