ตำนานที่เล่าขานผ่านกาลเวลา เต็มไปด้วยปริศนาแห่งอดีตชาติ

วงศ์นาคา - 1 หมู่บ้านนาคา (ต่ออ) โดย ทิพย์ชลาลัย @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,แฟนตาซี,ลึกลับ,พญานาค,โรแมนติก,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วงศ์นาคา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,แฟนตาซี,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พญานาค,โรแมนติก,แฟนตาซี

รายละเอียด

ตำนานที่เล่าขานผ่านกาลเวลา เต็มไปด้วยปริศนาแห่งอดีตชาติ

ผู้แต่ง

ทิพย์ชลาลัย

เรื่องย่อ

‘วิรัลวีร์ วงค์ภุชงค์’นักศึกษาปริญญาโทเดินทางไปภาคอีสานเพื่อหาข้อมูลเรื่องความเชื่อพญานาคมาทำงานวิจัย ขณะที่หาข้อมูลกลับมี ‘ภาธร’ชายหนุ่มปริศนาปรากฎตัวขึ้น เขามาพร้อมกับตำนานที่ไม่เคยถูกเปิดเผย ความศรัทธาและสัญญาเก่าของใครบางคนที่รอคอยอยู่กำลังปรากฎขึ้นอีกครั้งท่ามกลางดินแดนแห่งพญานาคที่เต็มไปด้วยตำนานความรักโศกนาฎกรรม แท้จริงแล้วตำนานรักจะพาไปพบกับอะไรกันแน่!?








❗️เรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้เขียนเพื่อความบันเทิงเท่านั้น บางสถานที่ ตำนานและตัวละครไม่ได้มีอยู่จริง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ

สารบัญ

วงศ์นาคา-1 บทนำ,วงศ์นาคา-1 บทนำ(ต่อ),วงศ์นาคา-2 หมู่บ้านนาคา,วงศ์นาคา-1 หมู่บ้านนาคา (ต่ออ),วงศ์นาคา-2 นาคปรากฎ

เนื้อหา

1 หมู่บ้านนาคา (ต่ออ)

ทำไมจู่ๆคำนี้ก็ขึ้นมาในหัวเธอออย่างไม่ทราบสาเหตุ หลังจากอ่านจบในหัวเธอกลับนึกถึงคำว่า

นาคปรากฎ แต่ไม่ทราบว่าคือที่ไหน เธอรู้แต่เพียงว่าพรุ่งนี้เธอต้องเดินทางไปจังหวัดหนองคาย ที่วัดพระธาตุบังพวน

ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่มานานตั้งแต่สมัยล้านช้าง มีรูปปั้นองค์มุจลินท์นาคราชกลางสระศักดิ์สิทธิ์ มีพระนาคปรกโบราณ และมีพระธาตุที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ ถ้าหากพญานาคที่วัดเทวนาคามีสถิตอยู่ที่มีรูปปั้นจำลององค์มุจลินท์ เธอก็หวังว่าเธอจะได้พบเขา แม้มองไม่เจอด้วยตา ขอให้ได้รับรู้ก็ยังดี

แต่เตชพัฒน์มองเห็นด้วยตาเปล่าได้ ตามที่ทราบมาคนจะมองเห็นพญานาคด้วยตาเปล่าได้ มีแค่คนที่ทำกรรมร่วมกันมา มีญาณบารมีสูงพอที่จะเห็นกายละเอียดของโอปปาติกะหรือคนที่เคยมีคนรัักเป็นพญานาคเท่านั้น เพราะมนุษย์กับพญานาคอยู่คนละภพภูมิกัน แล้วพญานาคก็มีจิตที่ละเอียดกว่าทำให้มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้

‘ถ้าเจ้ามีบุญสัมพันธ์กับเรา สักวันเราจะพบกัน...วิรัลวีร์’

“ใครพูด...”วิรัลวีร์หันมองซ้ายขวาเมื่อรู้สึกเหมือนตนเองได้ยินเสียงแว่วมาแผ่วเบา คล้ายจะอยู่ใกล้กัน แต่ก็ฟังดูแผ่วเบาราวกับมาจากที่ไกลๆ แต่หันมองทั้งห้องก็ไม่เห็นมีใคร อทิตยาก็หลับสนิท สงสัยเธอคงจะอินเรื่องพญานาคมากไปจนเป็นตุเป็นตะ แล้วเอามาฝันว่าเธอจะได้ยินเสียงปริศนาเหมือนในละคร


บุรุษรูปร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีเพทายยืนนิ่งไม่ไหวติงใดๆแม้เวลาจะเข้ายามวิกาลแล้วก็ตาม เบื้องหลังของเขาคือรูปปั้นองค์พญามุจลินท์นาคราชที่แกะสลักลวดลายอย่างงดงาม แต่ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนได้เข้ามาชม เพราะนาคราชแบบพวกเขาไม่อยากให้มนุษย์เข้ามาในเขตเทวาลัยอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพวกเขาสถิตอยู่เพื่อดูแลปกป้องวัดวาอาราม

“นางมนุษย์คนนั้นอยากพบเจ้า เราชักจะสงสัยแล้วสิว่าเจ้ากับนางเกี่ยวพันกันมาอย่างไร ถึงดูเหมือนมีสายใยเชื่อมกันตลอดเวลา”สุธาทัศน์กล่าวเสียงเข้ม พลางสังเกตรอบๆตัวของภาธรว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า

“เราเองก็ไม่รู้ว่าวิรัลวีร์กับเราเกี่ยวพันกันมาอย่่างไร ท่านก็รู้ว่าเราจำอะไรไม่ได้ต่างกับพญานาคตนอื่น ๆ ”ประโยคสุดท้าย เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย เพราะเขาต่างจากพญานาคทั่วไป อย่างไรน่ะหรือ เขาเกิดมาด้วยโอปปาติกะ คือเกิดแล้วโตเลย แต่เขาไม่สามารถอยู่ในวรรณะกษัตริย์หรือขุนนางได้ เพราะอะไรเขาก็ไม่เคยทราบ แต่เขาเป็นเพียงพญานาคธรรมดาตนหนึ่งที่มีอิทธิฤิทธิ์มาก เพราะได้รับบารมีจากการดูแลศาสนามาช้านาน อีกทั้งยังจำอดีตชาติของตนไม่ได้ แม้จะพยายามบำเพ็ญบารมีมากเท่าไหร่ก็ตาม องค์มุจลินท์จึงบอกว่า คงเป็นเพราะเวรกรรมที่เขาทำมา แต่วันนึงมันจะมีหนทางออก

ทำให้เขาไม่สามารถระลึกอดีตชาติได้แม้จะบำเพ็ญเพียรมานานนับพันปี นั่นจึงทำให้ภาธรกลายเป็นพญานาคที่แตกต่างจากใครในเมืองบาดาล ถ้าหากไม่มีเหตุจำเป็นแล้วละก็ เขาไม่มีวันลงไปเมืิองบาดาลแน่ๆ เพราะพญานาคตนอื่นมองว่าภาธรนาคราชผู้นี้เป็นพญานาคที่ประหลาด เกิดมาในวรรณะที่สูงส่ง ราวกับคนมีบุญมาก แต่กลับเป็นได้แค่นาคบริวาร แต่เขาไม่เคยน้อยใจเลยสักครั้งที่ได้เป็นเพียงนาคบริวาร คิดเพียงว่าเขาโชคดีนักที่ได้เป็นบริวารขององค์มุจลินท์นาคราช ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาบารมี 

“วิธีเดียวที่จะทำให้ท่านจำอดีตชาติได้คงมีแค่...ดอกปาริชาติ”สุธาทัศน์นาคราชมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วพนมมือขึ้น เพราะดอกปาริชาติที่ว่าไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์ แต่อยู่ที่...

“ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์อย่างนั้นหรือ”ภาธรกล่าวอย่างเพิ่งนึกได้

“ใช่ ดอกปาริชาติมีฤิทธิ์ทำให้ระลึกชาติได้ หากแรงกรรมอยู่เหนือบารมีที่ท่านสะสมมา สิ่งเดียวที่จะอยู่เหนือแรงกรรมเห็นจะเป็นดอกไม้สวรรค์”

ภาธรคิดตาม แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเขาจะขึ้นไปสวรรค์ได้อย่างไรในเมื่อเป็นนาคบาดาล ไม่ใช่นาคสวรรค์ ไม่ได้มีเหตุหรือกิจธุระใดที่จะขึ้นไปบนสวรรค์ หากผลีผลามไปท้าววิรูปักษ์ผู้ปกครองพญานาคคงจะทำโทษตนแน่ๆ หนทางการไปสวรรค์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับนาคบริวารแบบเขา

“ไปทางป่าหิมพานต์อย่างไรล่ะ ป่าหิมพานต์สามารถขึ้นไปสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาได้ แล้วท่านก็ไปต่อที่ดาวดึงส์”

“แล้วองค์อินทร์จะไม่ว่าเราหรือ ในเมื่อเราไม่ได้มีกิจกับเทวดาองค์ใดในสวรรค์”

“เราเชื่อว่าหากท่านอธิบาย พระองค์จะเข้าใจเพราะพระองค์มีพระเมตตาสูง”สุธาทัศน์ยื่นมือมาตบบ่าสหาย เขาเสนอหนทางให้ ก็อยู่ที่ว่าภาธรจะทำไหม หากเป็นเพราะกรรม ภาธรก็ต้องเห็นอดีตชาติก่อนจึงจะรู้หนทางแก้กรรม ไม่เช่นนั้นกรรมนี้ก็คงไม่จบไม่สิ้น แม้จะผ่านเวลามานานนับพันปีแล้วก็ตาม

“เราจะลองดู เราเองก็ไม่ได้ไปป่าหิมพานต์มานานหลายร้อยปีแล้ว”

“ท่านต้องรู้อดีตชาติเพื่อที่จะแก้กรรม บางทีนางมนุษย์คนนั้นอาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรของท่านก็ได้นะ”

ภาธรส่ายหน้า ในใจของเขาบอกว่าเธอไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวร แต่เธอมีสายใยบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขาอยู่ลึกๆ แต่พอฟังสหายเรียกวิรัลวีร์ว่า ‘นางมนุษย์’แล้วเขารู้สึกไม่พอใจอย่างไรก็ไม่รู้ จึงส่งสายตาตำหนิกลับไป

“เรียกนางตามชื่อเถอะ เรียกนางมนุษย์ ฟังแล้วพิลึกหูตัวเอง”

“โอเค ๆ ”สุธาทัศน์ยังทำหน้านิ่งเป็นนิจ ไม่มีท่าทีขำหรือตลกเลย


คณะของวิรัลวีร์ออกเดินทางตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่ง เพื่อให้ไปถึงที่หมายภายในเวลาเก้าโมง แต่เนื่องจากที่พักของพวกเขาคือนาข่าบุรี ซึ่งไม่ไกลจากจังหวัดหนองคายมาก ทำให้ใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วโมงเท่านั้น รถตู้ของคณะจอดภายในวัดพระธาตุบังพวน ตั้งอยู่ที่ตำบลพระธาตุบังพวน อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ซึ่งสันนิษฐานว่าวัดนี้น่าจะถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยล้านช้าง สถาปัตยกรรมที่นี่จึงมีความขลังและศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ก้าวเข้ามาภายในวัด

“วัดพระธาตุบังพวนเป็นหนึ่งสถานที่ในไทยที่มีสัตตมหาสถาน คือการจำลองสถานที่ต่างๆหลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ได้แก่ โพธิบัลลังก์ อนิมมิสเจดีย์ รัตนจงกรมเจดีย์ รัตนฆรเจดีย์ อชาปาลนิโครธเจดีย์ มุจลินทเจดีย์และราชายตนะเจดีย์”อาจารย์อธิบายให้ฟัง ก่อนจะให้พระอาจารย์ที่วัดเป็นคนสำทับเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆที่สร้างขึ้นมาเพื่อจำลองเรื่องราวของพระพุทธเจ้า

พระอาจารย์พานักศึกษาและอาจารย์เข้าไปกราบไหว้พระประธานปางนาคปรกใหญ่ที่มีอายุมายาวนาน เมื่อสักการะพระประธานแล้ว ก็เดินดูสัตตมหาสถานโดยเริ่มจากโพธิบัลลังก์ เป็นลักษณะการก่ออิฐเป็นฐานวงกลมใหญ่ ที่สร้างขึ้นมาจำลองเหตุการณ์ที่พระพุทธเจ้านั่งประทับใต้ต้นศรีมหาโพธิ์จนตรัสรู้ ต่อมาคืออนิมมิสเจดีย์ กล่าวว่าหลังจากตรัสรู้พระพุทธเจ้าทรงเสด็จประทับยืน ณ อนิมมิสเจดีย์ แล้วทรงทอดพระเนตรต้นศรีมหาโพธิ์เป็นเวลาเจ็ดวันโดยไม่กะพริบตา ต่อมาคือ รัตนจงกรมเจดีย์ ตามพุทธประวัติกล่าวว่า เสด็จประทับยืน ทรงนิมิตจงกรมขึ้นเพื่อพิจารณาบรรดาสัตว์โลกที่พระองค์จะเสด็จไปโปรด 

รัตนฆรเจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงเหลี่ยม มีช่องตรงกล้างคล้ายเรืิอนแก้ว และตามพุทธประวัติกล่าวว่า ทรงประทับในเรือนแก้ว โดยมีเทวดานิรมิตถวายและทรงโปรดธรรมตลอดเจ็ดวัน ต่อมาคือ อชาปาลนิโครธเจดีย์ เป็นสถานที่อันบอกว่าพระพุทธเจ้าทรงชนะมาร ซึ่งตามพุทธประวัติ ขณะที่พระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ใต้ต้นไทร ได้มีมารเข้ามารบกวนพระพุทธองค์ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ไป พระอาจารย์บอกว่าหากญาติธรรมคนไหนมีปัญหาชีวิตไม่ราบรื่น ให้เข้ามา

สักการะอชาปาลนิโครธเจดีย์ แล้วชีวิตจะราบรื่นไร้อุปสรรค วิรัลวีร์พยักหน้าฟังและก้มลงจดข้อมูลต่างๆ ก่อนจะไปสถานที่ต่อไปคือมุจลินทเจดีย์ เป็นเรื่องราวขณะที่พระพุทธเจ้าทรงประทับใต้ต้นมุจลินท์ ณ สระโบกขรณี ขณะนั้นมีฝนตก ได้มีพญานาคนามว่ามุจลินท์นาคราชเข้ามาแผ่พังพานเพื่อป้องกันไม่ให้ลมและฝนกระทบวรกายพระพุทธเจ้า และยังเป็นที่มาของพระพุทธรูปปางนาคปรกอีกด้วย สถานที่สุดท้ายคือ ราชายตนะเจดีย์ กล่าวว่า ขณะที่ทรงประทับใต้ต้นราชายตนะหรือต้นเกตุ มีพ่อค้าเข้ามาพบจึงได้ถวายสัตตุก้อน สัตตุผง และเอ่ยวาจาถึงพระพุทธ พระธรรมเป็นสรณะ 

วิรัลวีร์เขียนสรุปว่า วัดนี้ไม่ได้มีแค่พระปางนาคปรกโบราณแต่มีพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ ทั้งนี้ยังมีสัตต

มหาสถาน ที่สามารถไหว้สักการะ ซึ่งแต่ละสถานที่ก็จะช่วยเรื่องที่ต่างกันออกไป พระอาจารย์พาทุกคนมายืนหยุดสถานที่สุดท้ายคือสระมุจลินท์ เป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ชาวล้านช้างนิยมมาใช้ในงานมงคลตั้งแต่อดีตกาล สระนี้เกิดจากการที่มีคนพบเห็นว่ามีน้ำพุ่งออกมา จึงคิดขุดบ่อน้ำ ภายหลังจึงมีการสร้างรูปปั้นองค์มุจลินท์นาคราชเจ็ดเศียรกลางสระ โดยชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเชื่อว่าบ่อน้ำนี้เป็นทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และเมืองบาดาล สามารถนำน้ำในสระมาพรมตัวเพื่อเป็นสิริมงคลได้ แต่ผู้ที่จะลงไปในสระได้มีเพียงผู้ชายเท่านั้น

“สวยมากเลยค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่มานานตั้งหลายร้อยกว่าปี”อทิตยากล่าวกับอาจารย์ปุณณ์

“น่าแปลกตาใช่ไหมล่ะ จนไม่อยากจะเชื่อว่าคนสมัยก่อนสามารถสร้างสถาปัตยกรรมที่สวยได้ขนาดนี้เหมือนกัน”

ใช่ ทุกอย่างในวัดงดงามมาก แม้จะเวลาจะผ่านมานานแต่ทุกอย่างกลับสมบูรณ์งดงามอยู่เหมือนเดิม พระอาจารย์บอกว่าที่นี่เป็นที่เดียวในโลกที่ยังคงเหลือสัตตมหาสถานอย่างครบทั้งเจ็ดที่ ขณะที่เตชพัฒน์เป็นตัวแทนลงไปนำน้ำในบ่อขึ้นมาเพื่อความเป็นสิริมงคล เธอกลับเห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงข้ามคนละฝั่งกับที่เธอยืนอยู่ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว แต่ใบหน้าเธอมองไม่เห็น เพราะเขาหันหลังอยู่ แต่ในใจเธอกลับเหมือนเคยรู้สึกพบเขามาก่อน ทำไมเหมือนเคยรู้สึกว่าพบเขาที่อุดรนะ แต่เขาอาจจะเป็นเพียงญาติธรรมก็ได้

“พระอาจารย์คะ วันนี้ไม่มีญาติธรรมมาเลยหรือคะ”วิรัลวีร์ถามพระอาจารย์อย่างนอบน้อม

“ปกติวันธรรมดา ญาติธรรมและนักท่องเที่ยวไม่ค่อยมาหรอกโยม วันนี้ก็มีเเค่คณะโยมเท่านั้นที่มา”พระอาจารย์หันไปมองทางเดียวกับที่วิรัลวีร์มอง แล้วก็อมยิ้มเบาๆอย่างรู้ว่าใครมา ใครที่ไม่ใช่ญาติธรรม

“เด็กๆกราบลาพระอาจารย์ เราจะไปบ้านนาคปรากฎกัน”

นาคปรากฎ! วิรัลวีร์เกิดอาหารหูอื้อไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำว่านาคปรากฎ คือที่ไหนกัน แล้วทำไมเธอถึงนึกถึงสถานที่นี้ทั้งที่ไม่เคยมา แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่ เขาอยู่ที่วัดเทวนาคาที่อุดรหรือเปล่า ใจของเธออยากหาคำตอบกับทุกเรื่องในเวลาเดียวกัน แต่ไม่สามารถทำได้ 

เธอกราบลาพระอาจารย์ก่อนจะมองไปที่อีกฝั่งตรงข้าม ทว่าชายปริศนาคนนั้นหายไปแล้ว! เป็นไปได้อย่างไรที่คนทั้งคนจะหายไปเพียงพริบตา!! มันคืออะไรกันแน่เนี่ย

———

แอบข้ามจ.กันนีสนึงง55

**บางสถานที่ไม่มีจริงนะคะ สมมติขึ้นมาค่า สถานที่ไหนมีจริงจะแปะพิกัดไว้ให้ตามรอยน้าา

เอาใจช่วยคูมพระเอกด้วยนะคะ ชายปริศนากับอดีตชาติที่ตามหาา


ตามรอยวิรัลวีร์ : วัดพระธาตุบังพวน ต.พระธาตุบัวพวน อ.เมือง จ.หนองคาย