เพื่อช่วยเด็กแปลกประหลาดคนหนึ่งให้พ้นจากการถูกจับแต่งงานกับนายห้างฝรั่งแก่ หลวงยศถึงกับยอมลงทุนสละตนเองลงไปแปดเปื้อนเพียงเพื่อช่วงชิงตำแหน่งเจ้าบ่าวมาเป็นของตนโดยไม่สนชื่อเสียงหรือคำนินทาใด
ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,ย้อนยุค,ไทย,boylove ,yaoi,วายพีเรียด,mpreg,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เพื่อช่วยเด็กแปลกประหลาดคนหนึ่งให้พ้นจากการถูกจับแต่งงานกับนายห้างฝรั่งแก่ หลวงยศถึงกับยอมลงทุนสละตนเองลงไปแปดเปื้อนเพียงเพื่อช่วงชิงตำแหน่งเจ้าบ่าวมาเป็นของตนโดยไม่สนชื่อเสียงหรือคำนินทาใด
ผู้แต่ง
summer_T
เรื่องย่อ
แปลก
เด็กหนุ่มลูกครึ่งของพ่อผู้มียศถึงคุณหลวงกับเมียฝรั่งคนหนึ่งที่ไม่คิดว่าจะมีบุตรด้วยกัน
แต่นั่นไม่แย่เท่ากับในวินาทีแรกที่เด็กทารกรูปลักษณ์แปลกแยกคลอดออกมา
ความวุ่นวายก็มาเยือนเรือน จนเป็นที่ชังของคนทั้งเรือนพร้อมกับคำเรียกว่า "ตัวกาลกิณี"
เขาเลือกจะอยู่เงียบ ๆ ไม่เรียกร้องอะไร แม้จะไม่เป็นที่รักใคร่แต่การอยู่เป็นคนที่ถูกมองข้ามก็ยังดีกว่าโดนขับไล่ไสส่ง
แต่ทว่าในวันหนึ่งตัวซวยอย่างเขาจะถูกจัดแต่งงานโดยที่ไม่มีใครคิดถามความยินยอม และเขาเองก็ไม่มีสิทธิต่อต้าน
.................
หลวงยศ
คุณหลวงพ่อหม้ายที่ปล่อยตำแหน่งแม่เรือนให้ร้างว่างไว้มาหลายปี ไม่มีวี่แววจะถูกใจหรือไปสู่ขอแม่หญิงคนไหน
ครองตัวโดดเดี่ยวเมินสายตาหวานเชื่อมของหนุ่มสาวท้งพระนคร
ด้วยรูปร่างหน้าตา ยศศักดิ์ ทรัพย์ และชาติตระกูล อีกทั้งท่าทีสุขุมน่าเกรงขาม
ใครจะคิดว่าวันหนึ่งหลวงยศที่วางตัวดีมาเสมอจะยอมสละตัวลงไปแปดเปื้อนให้เสี่ยงต่อการเสื่อมเกียรติ
เพียงเพื่อช่วยเด็กหนุ่มแปลกประหลาดที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวกาลกิณีแค่คนเดียว
.................
Talk : setting ในเรื่องเป็นช่วงประมาณสมัยรัชกาลที่ 5 นะคะ แต่ถึงจะวางไว้เป็นช่วงนั้นอยากบอกว่าวางเรื่องประวัติศาสตร์ลงก่อนได้เลยค่ะ
เพราะอาจจะมีหลายอย่างในเรื่องนี้ที่สายประวัติศาสตร์อาจไม่จอยได้ค่ะ เพราะฉะนั้นอยากให้อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นแนว Mpreg หรือผู้ชายในเรื่องสามารถท้องได้ค่ะ จึงอาจจะมีผู้ที่ไม่ถูกใจแนวนี้อยู่บ้าง
หากไม่ชอบแนวนี้สามารถผ่านเรื่องนี้ได้เลยค่ะ ไว้เจอกันเรื่องใหม่ที่มีแววใจตรงกันนะคะ :)
ยินดีรับคำติชมเสมอสามารถเม้นพูดคุยกันได้เสมอเลยค่ะ
ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะเจ้าค่ะ
เรื่องนี้มี 32 บทและจะติดเหรีญตั้งแต่บทที่ 7 เป็นต้นไปค่ะ
มี E-book ใน meb นะคะ พร้อม 3 ตอนพิเศษเฉพาะในอีบุ๊คเท่านั้น
ผ่านมาเพียงสองวันแต่สำหรับแปลกเขาคิดว่าเวลาหมุนผ่านไปรวดเร็วกว่าปกติเหลือเกิน เมื่อพ้นค่ำคืนนี้ไปพรุ่งนี้เขาจะต้องแต่งเข้าเรือนนายห้างจอร์จแล้ว สองวันมานี้เรือนคุณพระเทิดดูวุ่นวายกว่าปกติขึ้นมาเล็กน้อย บ่าวไพร่วิ่งวุ่นจัดเตรียมงานแต่งของบุตรชายอัปลักษณ์ของหลวงเทพ แม้ไม่ได้ใหญ่โตมากแต่เรือนไทยหลังใหญ่ก็ถูกขัดเงาและประดับประดาด้วยดอกไม้สวยงาม
หลวงเทพมอบหน้าที่ให้คุณอุ่นผู้มีศักดิ์เป็นพี่สาวต่างแม่เป็นคนดูแลจัดการเตรียมตัวสำหรับการออกเรือนให้เขา แม้เธอจะไม่เต็มใจนักแต่ก็ไม่ได้เอ่ยคัดค้านผู้เป็นพ่อ การเสียเวลามาเป็นธุระจัดการเรื่องงานแต่งของน้องชายต่างแม่คนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอยินดีแต่แรก หากให้พูดตามตรงเธอไม่รู้สึกยินดีกับการมีอยู่ของน้องชายคนนี้เสียด้วยซ้ำ ที่ยอมรับคำผู้เป็นพ่อก็เพราะปฏิเสธไม่ได้ หากให้มองเรื่องดีเห็นจะมีเพียงเรื่องเดียวที่เธอมองเห็น คือพ้นจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปเด็กหนุ่มที่เอาแต่นั่งน้ำตาคลอทั้งวี่ทั้งวันจะไม่อยู่ร่วมรั้วเรือนให้ได้รำคาญตาเธออีก
“จะเสียใจทำไมนักหนา ตัวกาลกิณีแบบแกมีคนถูกใจยอมขอไปเป็นเมียต้องถือว่าบุญยังมีเสียด้วยซ้ำ แถมคนมาขอร่ำรวยมากเสียด้วย เลิกร้องห่มร้องไห้เสียทีฉันเห็นแล้วรำคาญตานัก” คุณอุ่นกอดอกมองเด็กหนุ่มที่ถูกรายล้อมด้วยบ่าวสองสามคนลงขมิ้นผงขัดผิวให้เหลืองผ่องก่อนจะถึงวันงานพรุ่งนี้
“คุณพี่อุ่น” แปลกเรียกได้เพียงเท่านั้นก้อนคำที่เหลือก็ถูกกลืนลงคอไปเมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของหญิงสาว
“ฉันนับญาติกับแกรึ อย่าคิดว่าท่านยอมให้เรียกว่าคุณพ่อแล้วจะผยองมาเรียกฉันว่าพี่ อีช้อยกูบอกให้มึงลงมะขามรึ ขาวซีดเป็นศพเพียงนี้ลงขมิ้นเท่านั้นก็พอ เดี๋ยวถ้านายยอดอะไรนั้นไม่เอามันขึ้นมาคุณพ่อจะดุฉันเอาได้”
“เจ้าค่ะคุณอุ่น”
“ฉันจะไปรอที่เรือนเล็ก ลงขมิ้นเสร็จก็ตามไปแล้วกัน อย่าชักช้า” คุณอุ่นสั่งบ่าวที่ลูบผงขมิ้นลงแขนขาวก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากท่าน้ำพร้อมบ่าวคนสนิท
แปลกยอมจำนนต่อโชคชะตาของตนเองแล้ว หากแต่ความทุกข์ใจยังไม่จางหายไปจากใจแม้แต่น้อย แปลกปล่อยให้บ่าวปรนนิบัติผิวให้เขาตามที่ได้รับคำสั่งโดยไม่ขัดขืนหรือเอ่ยอะไร ไม่นานผิวเขาก็เหลืองนวลขึ้นแม้พี่ชื่นหนึ่งในบ่าวเรือนใหญ่ที่ตอนนี้กำลังเช็ดผิวเขาให้แห้งจะเอ่ยชมด้วยสีหน้าจริงใจ เขาก็ไม่รู้สึกยินดีกับคำชมนั้นเลยสักนิด หากความสวยงามนี้ต้องแรกมาด้วยการต้องออกเรือนและอิสรภาพของเขา แปลกผู้นี้ก็ยินดีเหลือเกินที่จะขออัปลักษณ์ต่อไป
เมื่อขึ้นมาบนเรือนเล็ก คุณอุ่นนั่งคอยบนตั่งนั่งหน้าชานอยู่ก่อนแล้ว ตรงหน้าหญิงสาวบ่าวสองคนกำลังคลี่ผ้าโจงสองสามสีให้เธอเลือก แปลกย่อตัวลงนั่งพื้นข้างคุณอุ่นรอคอยให้เธอควบคุมชะตาชีวิต
“เงยหน้าขึ้นให้ฉันดูหน่อย” คุณอุ่นหยิบผ้าโจงทีละสีจากมือบ่าวขึ้นเทียบดูกับใบหน้าขาว
“นุ่งสีนวลแล้วกัน อีชื่นคืนนี้มึงนอนเรือนนี้อีกคืน พรุ่งนี้จะได้ช่วยนุ่งโจง แล้วก็เครื่องประดับของแม่แกคุณพ่อให้ฉันเอามาให้ อย่างไรแกก็ต้องออกเรือนแล้ว คุณย่ากับคุณพ่อยกของแม่แกให้แกติดตัวไว้ คนอื่นเขาจะได้ไม่ว่าได้ว่าคนของเรือนคุณพระเทิดแต่งออกไปแต่ตัว” หลังจากนั้นคุณอุ่นก็สั่งบ่าวเก็บผ้านุ่งที่เหลือเดินตามเธอกลับไปยังเรือนใหญ่
เมื่อไร้แขกบนเรือนเล็กความเงียบก็เข้าปกคลุมเรือนอีกครั้ง แปลกนั่งมองพี่ชื่นบ่าวที่เขาสนิทที่สุดในเรือนนี้นำเครื่องนุ่งห่มเข้าไปเก็บในห้องนอน มือเรียวหยิบหีบใบเล็กขึ้นมาเปิดดู ในนั้นมีเพียงเข็มกลัดทับทิมเม็ดกลางกับสังวาลเข้าชุดกันเท่านั้น เขาหยิบมันขึ้นมาดูนิ้วเรียวสัมผัสอัญมณีสีสวยที่ครั้งหนึ่งแม่เขาคงเคยสวมใส่มัน บัดนี้ของมีค่าของแม่ผู้ล้วงลับได้กลับมาสู่บุตรชายเพียงคนเดียวของเธอแล้ว แปลกไม่รู้ว่าเขาควรรู้สึกเช่นไรดีที่ได้รับของแทนตัวผู้เป็นแม่ในวันเช่นนี้
“คุณแปลกจะให้บ่าวเตรียมสำรับเย็นเลยไหมเจ้าคะ” บ่าวชื่นถามเมื่อจัดเตรียมของที่ต้องใช้ในวันพรุ่งนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“พี่ชื่นไปกินเถิด แปลกไม่หิวสักนิด กินเสร็จค่อยกลับมาเฝ้าต่อก็ได้ แปลกไม่มีที่อื่นให้หนีไปไหนดอก” ชื่นมองชายหนุ่มอ่อนวัยกว่าเธอไม่มาก ในใจนึกเวทนาในโชคชะตาบุตรชายหลวงเทพผู้นี้ แต่ตัวเป็นเพียงแค่บ่าวจะมีปัญญาไปช่วยอะไรได้ ทำได้เพียงทำตามสั่งของเจ้าของเรือนเท่านั้น
“คุณแปลกกินสักหน่อยเถิด พรุ่งนี้จะไม่มีแรงเอาได้ เดี๋ยวบ่าวจะไปเตรียมสำรับให้” แปลกมองตามหลังบ่าวผู้ได้รับคำสั่งมาอยู่เป็นเพื่อนเขาบนเรือนนี้เดินลงบันไดไปหายลับไปทางครัวเรือนใหญ่ แม้แต่บ่าวไพร่ยังรู้ดีว่าเขาไม่มีที่ไปที่ไหนให้หลบหนีจากอำนาจผู้เป็นพ่อได้
ฟ้ามืดลงแล้ว นี้คงเป็นคืนสุดท้ายที่แปลกจะได้นอนในเรือนเล็กหลังนี้ เขาไม่กล้าคิดว่าหลังจากวันพรุ่งนี้ชีวิตเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป แม้ที่นี่การมีอยู่ของเขาจะไม่สร้างความยินดีให้ใครมากนัก แต่อย่างไรที่นี่ก็คือบ้าน คือที่ที่เขาเกิดและเติบโตมา แปลกไม่รู้ว่าการอยู่ให้คนเรือนนี้ดุด่าว่าร้ายหรือเฆี่ยนตีต่อไปกับการออกเรือนไปกับนายห้างฝรั่งรุ่นราวคราวเดียวกับหลวงเทพสิ่งไหนดีกว่ากัน แต่หากเลือกได้เขายอมโดนเฆี่ยนไปทั้งชีวิต อย่างน้อยคุณพ่อและคุณหญิงแก้วคงไม่ตีเขาทุกวัน คงมีวันที่เขาได้แวะออกไปเรือนเจ้าคุณยิ่งให้พอได้พักหัวใจบ้าง
เรือนนายห้างอยู่ไกลออกไปจากที่นี่มากนัก เขาไม่แน่ใจเลยว่าจะได้กลับมาอีกหรือไม่ หรือหากกลับมาจะยังมีใครในเรือนนี้ยินดีต้อนรับเขาหรือ คิดไปถึงตรงนี้น้ำตาก็พลอยจะรื้นขึ้นมาอีก ยิ่งเมื่อนึกถึงคนที่เรือนเจ้าคุณยิ่งจิตใจก็ยิ่งเหี่ยวเฉา ใบหน้าคมสันที่คอยยิ้มให้เขาเสมอเขาจะได้เห็นอีกหรือไม่ จะมีโอกาสได้กินขนมยายพวงที่เรือนแพอีกครั้งไหม คนที่เรือนนั้นจะรู้หรือไม่ว่าเขาเป็นเช่นไรในตอนนี้ จะยังมีใครห่วงใยเขาไหม
น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงบนหมอนจนปลอกผ้าชื้นขึ้นเป็นดวงใหญ่ เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนเล็กนอนสะอื้นกับตัวเองเงียบ ๆ ยิ่งเวลาเช้าใกล้เข้ามาความคิดก็ยิ่งตีรวนจนละทิ้งเหตุผลความเป็นจริง
หัวใจดวงน้อยรู้สึกบีบรัดจนเจ็บปวดที่ไม่มีมีใครยื่นมือเข้ามาช่วย คำของหลวงยศที่เคยบอกกับเขาว่าต่อให้เขามีเรื่องทุกข์ใจแม้เพียงเล็กน้อยเพียงใดยินดีช่วยเสมอ แล้วตอนนี้คนเอ่ยคำนั้นไปไหนเสียแล้ว คนที่คอยย้ำให้เขาเรียกคุณพี่อยู่เสมอ วันนี้ไม่เมตตาน้องคนนี้แล้วหรือใยปล่อยให้เขาโดดเดี่ยวเช่นนี้
“คุณหลวงจะไปจริงหรือขอรับ”
เจิดเอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยเสียงเบาแทบจะคล้ายกระซิบ เมื่อเขาพายเรือมาถึงยังท่าน้ำของบ่าวเรือนคุณพระเทิดตามคำสั่งหลวงยศที่ออกจากห้องมาปลุกเขากลางดึก นายบ่าวสองคนลักลอบออกเรือมายามค่ำคืนจุดหมายปลายทางคือท่าน้ำบ่าวไพร่ของเรือนคุณพระเทิดแห่งนี้
ได้ยินทีแรกเจิดผู้นี้ก็ขนลุกไปทั่วทั้งหลัง เขาไม่รู้ว่าหลวงยศจะทำการอันใดแต่ต้องไม่เป็นผลดีแน่
“เงียบปากเอ็งไว้ พรุ่งนี้ใครถามก็บอกเพียงว่าไม่รู้ กลับเรือนไปอย่าให้ใครจับได้เข้าใจหรือไม่” หลวงยศหันมาสั่งบ่าวเมื่อก้าวเท้าขึ้นท่าเรียบร้อยแล้ว
“คุณหลวง กลับเรือนเถิดขอรับ ถ้าโดนจับได้บ่าวหลังขาดเป็นแน่”
“ก็ข้าบอกอยู่นี่ไงเล่าว่าอย่าให้ใครจับได้ ไม่เข้าใจรึ”
“คุณหลวง” เจิดโอดครวญเสียงเบา เห็นทีชะตาบ่าวคนนี้จะใกล้ขาดเสียแล้ว
“คุณหลวงจะช่วยคุณโปรดได้อย่างไรขอรับ กลับเรือนกับกระผมเถิด”
“หากยังลีลา เอ็งได้หลังขาดตรงนี้แน่ กลับเรือนไปซะ” ไม่ทันได้เอ่ยรั้งนายหนุ่ม เจิดก็ถูกหลวงยศทิ้งไว้บนเรือพายอย่างเดียวดายเสียแล้ว เขามองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินหายลับไปในความมืดของยามราตรี คนชะตาใกล้ขาดถอดถอนหายใจอย่างปลงในชีวิตก่อนที่จะใช้ไม้พายยันบันไดท่าน้ำผลักเรือออกจากฝั่ง พายกลับไปยังเรือนเจ้าคุณยิ่งด้วยความเงียบเฉียบตามคำสั่งของผู้เป็นนายด้วยความจนใจ
ขายาวก้าวเดินไปในความมืดอย่างระแวดระวัง มีหลายครั้งที่หลวงยศต้องเบี่ยงตัวหลบบ่าวไพร่เรือนคุณพระเทิดตามหลังพุ่มไม้ หากในที่สุดเขาก็ลอบมาจนถึงเรือนเล็กหลังหนึ่งซึ่งเจ้าของเรือนคือคนที่ทำให้เขาฝ่าฝืนทุกเหตุผลพาตัวเองออกมาเสี่ยงเช่นนี้
เรือนไทยไม้หลังเล็กยามนี้ไม่มีบ่าวคอยยืนคุมเหมือนสองวันก่อนแล้ว ดูท่าหลวงเทพคงวางใจว่าเจ้าของเรือนไม่คิดหนีไปไหน แม้จะเป็นเรื่องดีในเวลาเช่นนี้ แต่หลวงยศก็อดปวดใจไม่ได้ที่ดูเหมือนว่าคนบนเรือนไม่มีแม้แต่ที่จะให้ตัวเองหนีไปไหน
ผ้าม่านขาวยังคงสะท้อนแสงเทียนอ่อนทำให้รู้ว่าเจ้าของเรือนยังไม่หลับใหล ตาคมสำรวจชานเรือนเมื่อเดินขึ้นมาถึงบนเรือนเล็ก มีบ่าวเพียงสองสามคนแต่ทั้งหมดก็หลับไม่รู้เรื่องว่ามีแขกมาเยือนในเวลานี้ ขายาวเดินตรงไปยังประตูห้องนอนของคนที่เขาแสนห่วงใย หน้าห้องมีบ่าวผู้หญิงที่เขารู้จักดีนอนขวางประตูไว้
“นางชื่น” หลวงยศเอ่ยเรียกเพียงหนึ่งครั้งบ่าวหน้าประตูก็ตื่นลืมตาขึ้น ชื่นไม่ได้มีท่าทีตกใจกับการปรากฏตัวของหลวงยศบุตรชายของเจ้าคุณยิ่งที่โผล่มาบนเรือนกลางดึกเช่นนี้แม้แต่น้อย เธอยกมือไหว้คุณหลวงผู้มาเยือน หล่อนยืดตัวขึ้นผลักบานประตูห้องนอนเจ้าของเรือนอย่างเบามือพยายามให้เสียงเบาที่สุด เมื่อประตูไม้เปิดกว้างพอให้คนร่างใหญ่จะผ่านเข้าไปได้แล้วเธอจึงถอยตัวออกมาเปิดทางให้แขกผู้นี้ก้าวเข้าไปในห้อง เมื่อประตูถูกปิดลงสนิทเช่นเดิม หญิงสาวจึงเอนหลังลงนอนเงียบ ๆ หน้าห้องเช่นเดิมราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น
เมื่อบานประตูปิดลงหลวงยศเดินไปหยุดยืนข้างเตียงนอนของเจ้าของห้องที่หลับใหลอยู่บนนั้น แสงไฟจากตะเกียงยังไม่ถูกดับลง ร่างใหญ่ลดตัวนั่งลงบนฟูกข้างร่างเล็ก มือใหญ่ยกขึ้นเกลี่ยปอยผมที่ลงมาปรกปิดบังใบหน้าขาว แสงตะเกียงวูบไหวสะท้อนรอยสายน้ำตาบนใบหน้าเล็ก ดูท่าคงหลับไปทั้งยังร้องไห้ แม้แต่ผ้าห่มแพรไม่ถูกนำมาห่มคลุมตัวให้ความอบอุ่น
“โปรด ตื่นเถิด พี่มาหาแล้ว” เขาเอ่ยเรียกร่างบางหลวงยศปาดเช็ดรอยน้ำตาให้อย่างเบามือ มือใหญ่วางบนไหล่เล็กตบลงแผ่วเบาราวกับปลุกเด็กอ่อน ไม่นานเจ้าของชื่อก็รู้สึกตัวตื่น ตากลมเบิกโตอย่างตกใจเมื่อตื่นขึ้นมาพบคนที่ไม่น่ามานั่งอยู่ตรงหน้ามองเขานอนเช่นนี้ได้
หลวงยศคว้าปิดปากเล็กนั่นได้ก่อนที่เจ้าตัวจะส่งเสียงจนอาจจะทำคนตื่นทั้งเรือน ดวงตาเขียวสวยสะท้อนเล่นกับแสงไฟตะเกียงคิ้วเรียวขมวดมุ่นเต็มไปด้วยคำถาม
“เงียบก่อน พี่มาช่วย” หลวงยศเอ่ยด้วยเสียงทุ้มนุ่มเหมือนทุกครั้งที่ใช้พูดกับคนตัวเล็ก ปากหยักยกยิ้มใจดีส่งมากให้ เขาไม่อยากทำให้คนตรงหน้าต้องตกใจกลัว แปลกพยักหน้ารับคำ มือใหญ่จึงค่อยคลายลงจากปากเล็ก
“คุณหลวงมาได้อย่างไรขอรับ” แปลกเอ่ยถามเสียงเบา
“ไม่สำคัญเท่าพี่มาแล้ว” ฝ่ามืออุ่นวางลงบนกลุ่มผมนุ่มลูบเบา ๆ เพื่อเรียกขวัญคนตรงหน้าที่คงหนีหายไปตั้งแต่สองวันก่อน ตาคมสบมองนัยน์ตาสีมรกตที่สั่นไหว
“กลัวมากใช่ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถาม แปลกพยักหน้าพร้อมน้ำตาที่หยดร่วงลงมาจากความกลัวที่กดเก็บไว้
“ฟังพี่” หลวงยศแตะคางมนเพียงแผ่วเบาเพื่อเชยให้คนขวัญเสียเงยขึ้นมองหน้า
“อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เมื่อเช้ามาเยือนโปรดจะเจอเรื่องวุ่นวายอีกมาก แต่ขอได้อย่ากลัว เชื่อใจพี่ ทำตามที่พี่บอก ในวันพรุ่งนี้หากเกิดอะไรให้เงียบไว้เท่านั้น” ฝ่ามืออุ่นเกลี่ยน้ำตาหยดเล็กออกให้
“คุณหลวงจะทำอะไรขอรับ”
“พี่จะทำให้งานแต่งยกเลิกไงเล่า”
“อย่างไรขอรับ”
“หากเจ้าสาวมีมลทินกับพี่เสียแล้ว หลวงเทพจะกล้ายกน้องให้ใครได้อีก” หลวงยศยังคงพูดด้วยน้ำเสียงสุขุมปากหยักยังคงยกยิ้มอบอุ่นทั้ง ๆ ที่เพิ่งเอ่ยคำชวนให้ตกใจจบลง
“อย่ากลัวพี่เลย พี่ไม่ทำอะไรโปรดดอก เป็นเพียงแผนลวงเท่านั้น” ร่างสูงอธิบายก่อนที่คนตัวเล็กจะตกใจไปมากกว่านี้
“ไม่ได้ขอรับ ถ้าทำอย่างนั้นคุณหลวงก็จะถูกต่อว่าได้ ทั้งยังทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง คุณหลวงอย่าทำแบบนั้นเพื่อแปลกเลยขอรับ”
แปลกเข้าใจแผนการของหลวงยศทันทีตั้งแต่คนตรงหน้าเอ่ยรอบแรก แม้เขาจะซึ้งใจเหลือเกินที่ในที่สุดคุณหลวงที่เขานึกถึงก็ปรากฏกายเข้ามาช่วย แต่หากทำเช่นนั้นคุณหลวงก็จะต้องเสื่อมเสียไปด้วยว่าลักลอบขึ้นเรือนเขาทั้งที่รู้แก่ใจว่าเขากำลังจะออกเรือนกับชายอีกคน และคงจะเป็นที่ครหานินทาจนเสียไปถึงเจ้าคุณยิ่งได้อีก หากความสุขของเขาต้องแลกมาด้วยความเสื่อมเสียของผู้มีพระคุณ เช่นนั้นเขายอมเดินเข้ากองไฟร้อนเช่นเดิมเสียดีกว่า
“คนเสื่อมเสียคือโปรดต่างหาก พี่สิต้องขอโทษ แต่ครั้งนี้โปรดเชื่อฟังพี่ได้หรือไม่”
“อย่าเลยขอรับ แค่คุณหลวงห่วงใยมาหา แปลกก็ซาบซึ้งเหลือเกินแล้ว อย่าให้เรื่องของแปลกทำให้คุณหลวงกับเจ้าคุณเดือดร้อนเลยขอรับ”
“ฟังพี่ พี่มาถึงที่นี่แล้ว คิดว่าพี่จะกลับไปรึ”
“แต่...”
“อยากออกเรือนไปกับนายจอร์จนั่นรึ ถ้าโปรดบอกพี่ว่าอยากออกเรือนไปกับเขาพี่จะยอมกลับเรือน” เมื่อคนเล็กเอาแต่ปฏิเสธการช่วยเหลือหลวงเทพจึงเอ่ยถามถึงว่าที่สามีในวันพรุ่งนี้ ปากบางแม่มเข้าหากันแน่นดวงหน้าขาวผ่องหมองลงถนัดตาเมื่อพูดถึงการออกเรือนที่จะมาถึง
“ถ้ายังเคารพพี่อยู่บ้าง ก็เชื่อฟังพี่เสีย อย่าดื้อรั้นให้พี่ต้องเหนื่อยใจอีก เข้าใจหรือไม่” เมื่อใช้ไม้อ่อนไม่สำเร็จ หลวงยศจึงเอ่ยด้วยเสียงดุใบหน้าคมเรียบนิ่งมองคนตรงหน้าจนคนโดนดุไม่กล้าโต้เถียงคำใดออกมา
เสียงไก่ยามเช้าขันปลุกคนในเรือนคุณพระเทิด ประตูห้องนอนบนเรือนหลังเล็กยังคงลงกลอนแน่นหนา สองร่างบนเตียงยังไม่ได้หลับใหลแม้สักนาทีด้วยสาเหตุที่แตกต่างกัน คนหนึ่งกลัวเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า อีกคนกังวลว่าตนจะช่วยคนในอ้อมกอดไม่สำเร็จ
“เช้าแล้วขอรับ” แปลกเอ่ยเสียงเบาด้วยใจร้อนรน วันนี้เป็นวันที่เขาต้องออกเรือนไปกับนายห้างจอร์จ หากไม่รีบลุกไปเตรียมตัวจะเป็นอะไรหรือไม่
“เงียบเสีย อย่าเพิ่งลุก ใกล้ถึงเวลาแล้ว” หลวงยศกระชับอ้อมกอดดึงคนตัวเล็กเข้ามาชิดอกเปลือยเปล่า
“แต่ว่า...”
“พี่บอกแล้วไม่ใช่รึ ว่าอย่าดื้อรั้นให้พี่ต้องเหนื่อยใจอีก” เสียงเข้มเอ่ยดุ จนคนตัวเล็กได้แต่นอนใจเต้นหวั่นกลัวยอมซุกหน้าลงบนหลังมือเรียวของตนเองที่ยกขึ้นมาวางบนอกแกร่งเพื่อไม่ให้ผิวเปลือยเปล่าสัมผัสโดนกันไปมากกว่านี้
ไม่ทันได้ข่มใจให้สงบลง หน้าเรือนก็เกิดเสียงดังโวยวายขึ้น แปลกสะดุ้งซุกตัวเข้าหาร่างใหญ่ราวกับหาที่กำบังเมื่อหนึ่งในเสียงที่ได้ยินคือเสียงของหลวงเทพ
“เชื่อใจพี่ ไม่มีใครทำอะไรโปรดได้” ฝ่ามืออุ่นข้างหนึ่งลูบหัวเล็กปลอบขวัญเมื่อคนในอ้อมแขนตัวสั่นจากเสียงเรียกหน้าประตู เสียงเคาะประตูไม้ดังจนเรือนสั่นสะเทือน หลวงยศยังคงนอนกอดเจ้าของห้องอย่างใจเย็น เฝ้ามองว่าเมื่อไหร่กลอนประตูนั้นจะพังเสียที
“ออกมาเดี๋ยวนี้ คุณจอร์จเขามารอตั้งแต่เช้าทำไมยังไม่ออกมา จะลองดีกับฉันรึ”
“ออกมาเถิดพ่อแปลก ฉันมารับแล้ว ที่เรือนฉันเตรียมห้องนอนใหญ่กว่าเรือนหลังนี้เสียอีก ไม่อยากไปดูรึ เงินทองฉันก็ขนมาให้ออกมารับเสียเถิด”
“ดื้อด้านนักก็พังประตูไปเสียพ่อเทพ จะมัวตะโกนเรียกทำไม แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าเด็กคนนี้มันมีแต่สร้างเรื่องขายขี้หน้ามาให้”
“จริงเจ้าค่ะคุณย่า”
“พวกมึงพังประตูเสียให้สิ้น แล้วลากไอ้ลูกไม่รักดีออกมา”
ไม่นานเกินรอ ประตูไม้ก็ถูกเปิดออกด้วยความรุนแรงหลวงยศกอดคนตัวเล็กที่ขดตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขน อกแกร่งชื้นไปด้วยหยดน้ำตาของคนตัวเล็ก เมื่อเสียงบานประตูร่วงกระทบพื้นไม้เงียบลง เจ้าของเรือนคุณพระเทิดทั้งหลายก็กรูเข้ามาในห้องนอนเล็ก
“หลวงยศ!”
“ว้าย คุณย่าเจ้าคะ อีช้อยมาช่วยพยุงคุณย่าที”