เพื่อช่วยเด็กแปลกประหลาดคนหนึ่งให้พ้นจากการถูกจับแต่งงานกับนายห้างฝรั่งแก่ หลวงยศถึงกับยอมลงทุนสละตนเองลงไปแปดเปื้อนเพียงเพื่อช่วงชิงตำแหน่งเจ้าบ่าวมาเป็นของตนโดยไม่สนชื่อเสียงหรือคำนินทาใด
ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,ย้อนยุค,ไทย,boylove ,yaoi,วายพีเรียด,mpreg,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เพื่อช่วยเด็กแปลกประหลาดคนหนึ่งให้พ้นจากการถูกจับแต่งงานกับนายห้างฝรั่งแก่ หลวงยศถึงกับยอมลงทุนสละตนเองลงไปแปดเปื้อนเพียงเพื่อช่วงชิงตำแหน่งเจ้าบ่าวมาเป็นของตนโดยไม่สนชื่อเสียงหรือคำนินทาใด
ผู้แต่ง
summer_T
เรื่องย่อ
แปลก
เด็กหนุ่มลูกครึ่งของพ่อผู้มียศถึงคุณหลวงกับเมียฝรั่งคนหนึ่งที่ไม่คิดว่าจะมีบุตรด้วยกัน
แต่นั่นไม่แย่เท่ากับในวินาทีแรกที่เด็กทารกรูปลักษณ์แปลกแยกคลอดออกมา
ความวุ่นวายก็มาเยือนเรือน จนเป็นที่ชังของคนทั้งเรือนพร้อมกับคำเรียกว่า "ตัวกาลกิณี"
เขาเลือกจะอยู่เงียบ ๆ ไม่เรียกร้องอะไร แม้จะไม่เป็นที่รักใคร่แต่การอยู่เป็นคนที่ถูกมองข้ามก็ยังดีกว่าโดนขับไล่ไสส่ง
แต่ทว่าในวันหนึ่งตัวซวยอย่างเขาจะถูกจัดแต่งงานโดยที่ไม่มีใครคิดถามความยินยอม และเขาเองก็ไม่มีสิทธิต่อต้าน
.................
หลวงยศ
คุณหลวงพ่อหม้ายที่ปล่อยตำแหน่งแม่เรือนให้ร้างว่างไว้มาหลายปี ไม่มีวี่แววจะถูกใจหรือไปสู่ขอแม่หญิงคนไหน
ครองตัวโดดเดี่ยวเมินสายตาหวานเชื่อมของหนุ่มสาวท้งพระนคร
ด้วยรูปร่างหน้าตา ยศศักดิ์ ทรัพย์ และชาติตระกูล อีกทั้งท่าทีสุขุมน่าเกรงขาม
ใครจะคิดว่าวันหนึ่งหลวงยศที่วางตัวดีมาเสมอจะยอมสละตัวลงไปแปดเปื้อนให้เสี่ยงต่อการเสื่อมเกียรติ
เพียงเพื่อช่วยเด็กหนุ่มแปลกประหลาดที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวกาลกิณีแค่คนเดียว
.................
Talk : setting ในเรื่องเป็นช่วงประมาณสมัยรัชกาลที่ 5 นะคะ แต่ถึงจะวางไว้เป็นช่วงนั้นอยากบอกว่าวางเรื่องประวัติศาสตร์ลงก่อนได้เลยค่ะ
เพราะอาจจะมีหลายอย่างในเรื่องนี้ที่สายประวัติศาสตร์อาจไม่จอยได้ค่ะ เพราะฉะนั้นอยากให้อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นแนว Mpreg หรือผู้ชายในเรื่องสามารถท้องได้ค่ะ จึงอาจจะมีผู้ที่ไม่ถูกใจแนวนี้อยู่บ้าง
หากไม่ชอบแนวนี้สามารถผ่านเรื่องนี้ได้เลยค่ะ ไว้เจอกันเรื่องใหม่ที่มีแววใจตรงกันนะคะ :)
ยินดีรับคำติชมเสมอสามารถเม้นพูดคุยกันได้เสมอเลยค่ะ
ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะเจ้าค่ะ
เรื่องนี้มี 32 บทและจะติดเหรีญตั้งแต่บทที่ 7 เป็นต้นไปค่ะ
มี E-book ใน meb นะคะ พร้อม 3 ตอนพิเศษเฉพาะในอีบุ๊คเท่านั้น
หลวงยศมองดูบ่าวเรือนตนวิ่งวุ่นวายตามคำสั่งจัดแจงของคุณหญิงบัวมาสามวันเต็ม เรือนเจ้าคุณยิ่งไม่ได้ครึกครื้นเช่นนี้มานานแล้วหลังจากคุณปิ่นพี่สาวคนโตเขาออกเรือนไปเมื่อสามปีก่อน นอกจากบ่าวไพร่จะยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมเรือนแล้ว เจ้าของเรือนก็วุ่นวายไม่ต่างกัน สองวันก่อนหลวงยศเพิ่งไปจัดการธุระเรื่องเชิญพระสงฆ์กับเจ้าคุณยิ่งผู้เป็นพ่อด้วยตัวเอง และได้รับเมตตาจากพระครูมอบมงคลแฝดสำหรับสวมหัวในวันพิธีที่ท่านจัดเตรียมไว้ให้ด้วยตัวเอง
แม้ฤกษ์งานมงคลสมรสระหว่างเขากับโปรดจะกะทันหันไปเสียหน่อย แต่หลวงยศนึกยินดีเหลือเกินที่ไม่ต้องรอไปนานกว่านี้ ถึงอย่างนั้นก็ยังคิดว่าสามวันที่ผ่านมาเวลาช่างหมุนช้าเสียเหลือเกิน คุณหญิงบัวสั่งกำชับเขาทุกวันเรื่องแยกเรือนระหว่างบ่าวสาวก่อนแต่ง นั่นจึงเป็นเหตุให้เขาไม่ได้พูดคุยกับว่าที่นายหญิงของเรือนตนเลยสักประโยค ยังดีที่พอได้เห็นดวงหน้าผ่องเดินไปเดินมาตามหลังคุณหญิงบัวบ้างระหว่างที่เตรียมงาน
ดวงตาคมเฝ้ามองร่างบอบบางที่นั่งจัดการเรื่องอุบะดอกไม้สำหรับแต่งเรือนในวันพรุ่งนี้อยู่เคียงข้างคุณหญิงบัวที่ศาลาหน้าเรือน ดอกไม้สดต้องเตรียมก่อนวันงานเพื่อไม่ให้เหี่ยวเฉาหมดความสวยงามไปเสียก่อน สายตาคมพราวระยับมองมือเรียวเคลื่อนไหวหยิบจับอย่างคล่องแคล่ว ปากบางขยับเอื้อนเอ่ยพูดคุยกับคุณหญิงบัวบางครั้งก็หันไปพูดบางอย่างกับบ่าวที่รายล้อมรอบตัว กิริยาท่าทางช่างน่ามองจนหลวงยศสามารถนั่งมองไม่ทำการอื่นใดได้ทั้งวัน
ปากหยักยกยิ้มเอ็นดูเมื่อคนถูกเฝ้ามองเผลอสบสายตากับเขาเข้า ก่อนเจ้าตัวจะรีบหลบสายตาก้มลงทำงานในมือตนต่อ แก้มขาวต้องแสงแดดอ่อนขึ้นสีระเรื่อที่มองจากเรือนแพริมน้ำเช่นนี้หลวงยศยังสามารถเห็นชัดคงเพราะเป็นคนผิวขาวกว่าคนทั่วไปจึงทำให้เห็นสีบนแก้มได้อย่างง่ายดาย หลวงยศนึกอยากรู้ว่าสีระเรื่อที่แก้มนวลนั้นเกิดจากแสงแดดที่ส่องมาหรือสายตาของเขาที่เฝ้ามองกันแน่ ในใจนึกภาวนาให้เป็นข้อหลัง เมื่อมองนานเข้าคนตัวเล็กก็เงอะงะหยิบจับอะไรพลาดไปเสียหมด จนหลวงยศโดนสายตาคาดโทษจากคุณหญิงบัวเข้านั้นล่ะ ดวงตาคมถึงจะยอมละสายตาออกจากศาลา
“คุณหลวงจะนั่งเช่นนี้ตลอดทั้งบ่ายเลยหรือขอรับ” เจิดถามขึ้นเมื่อไม่เห็นว่าหลวงยศจะทำการสิ่งใดนอกเหนือจากการนั่งเฉย ๆ เท่านั้นติดกันมาหลายเพลา
“เรือนแพลมเย็นเพียงนี้ เอ็งไม่รู้สึกรื่นรมย์เลยรึ” หลวงยศตอบบ่าวไม่จริงจังนัก
“กระผมแค่กลัวคุณหลวงจะเบื่อขอรับ ทุกทีเห็นคุณหลวงจะหยิบหนังสือหรือเอกสารลงมาอ่านด้วยเสมอ”
“จะเบื่อได้อย่างไร ให้ข้านั่งที่นี่ทั้งวันข้าก็นั่งได้”
แปลกเหลือเกิน ยิ่งใกล้วันแต่งงานออกเรือนหลวงยศผู้เป็นนายเขายิ่งแปลกขึ้นทุกที สองสามวันมานี้หากไม่ออกไปจัดการเรื่องต่าง ๆ กับเจ้าคุณยิ่ง หลวงยศก็เอาแต่เดินไปเดินมาหน้าเรือนใหญ่ ไม่ทำการอื่น หรือนี่เป็นอาการของคนจะออกเรือนอย่างนั้นหรือ เจิดได้แต่มองผู้เป็นนายด้วยความสงสัย เมื่อครั้งออกเรือนกับคุณจันเขาไม่เห็นว่าหลวงยศจะเป็นเช่นนี้ แต่ไม่ว่าเช่นไรเขาก็ยินดีหากว่าอาการประหลาดของคุณหลวงจะทำให้ผู้เป็นนายใบหน้าเปี่ยมสุขเช่นตอนนี้
ไม่นานบ่าวคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบผ่านหน้าเรือนแพตรงไปยังศาลา หลวงยศเฝ้ามองอย่างสงสัย หากแต่ความสงสัยเกิดได้เพียงครู่เดียว บุตรสาวคนโตของหลวงเทพก็ปรากฏตัว คุณอุ่นส่งรอยยิ้มละไมมาให้คนในเรือนแพพร้อมยกมือขึ้นไหว้อย่างอ่อนช้อย หลวงยศยกมือรับไว้หญิงสาว สายตาคมมองตามผู้เป็นแม่และว่าที่ผู้ที่จะออกเรือนกับเขาในวันพรุ่งนี้เดินขึ้นเรือนใหญ่ไปพร้อมกับแขกผู้มาเยือนเมื่อสักครู่
“คุณพ่อท่านให้มาเรียนตอบเจ้าคุณเจ้าค่ะ เรื่องสินสอด” คุณอุ่นบอกจุดประสงค์ของการมาเยือนเรือนเจ้าคุณยิ่งที่บัดนี้ถูกตกแต่งประดับประดาไปด้วยช่ออุบะดอกไม้เรียงร้อยสวยงามตามรั้วเรือน ราวบันได หรือแม้แต่ประตูหน้าต่างเรือนต่างก็ห้อยเครื่องแขวนดอกไม้สดงามตา
บุตรสาวหลวงเทพไล่สายตาเรียวสวยสำรวจรอบ ใบหน้างดงามเรียบเฉยไม่แสดงว่ายินดีหรือไม่ นัยน์ตาเขียวมรกตหลบมองต่ำเมื่อคุณอุ่นไล่สายตาจนสบเข้ากับตนเข้า
“ว่ามาเถิดแม่อุ่น เรียกว่าลุงก็ได้ อย่างไรพรุ่งนี้สองเรือนก็จะเกี่ยวดองกันแล้ว” เจ้าคุณยิ่งเอ่ยตอบหญิงสาว ใบหน้าชราหากแต่ยังคงสง่าสมวัยยกยิ้มตอบหญิงสาวแรกรุ่น
“คุณพ่อท่านจะให้อิฉันรับกลับเรือนเสียทีเดียวในวันพรุ่งเจ้าค่ะ คุณย่ากับคุณพ่อท่านยังฝากอิฉันมากราบขออภัยที่วันพรุ่งนี้คงมาร่วมงานเรือนท่านเจ้าคุณไม่ได้ ด้วยว่าติดราชการ คุณย่าเองท่านก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่คงไม่สะดวกเจ้าค่ะ” คุณหญิงบัวหันไปส่งยิ้มบางให้เจ้าคุณยิ่งที่สีหน้าเรียบเฉยเสียแล้วตอนนี้หลังจากฟังข้อความจากเรือนคุณพระเทิดจบลง
เจ้าคุณยิ่งนึกเคืองในใจ หากแต่ไม่ใช่มาจากการไม่ยอมการนับดองเกี่ยวโยงกันของหญิงสาวอ่อนเยาว์ตรงหน้า แต่มาจากข้ออ้างอันไม่เหมาะสมของหลวงเทพผู้ฝากสาร เจ้าคุณยิ่งไม่คิดว่าหลวงเทพจะไร้เยื่อใยกับบุตรชายตนเองถึงเพียงนี้ ทั้งคุณหญิงแก้วผู้ใหญ่ของเรือนก็เป็นไปเสียอีกคน งานมงคลของลูกหลานต่อให้ไม่รักใคร่ยินดี อย่างน้อยก็ควรมาร่วมงานเป็นสิริมงคลให้พ่อโปรดเสียหน่อยไม่ใช่รึ นอกจากฝากสารมาแจ้งว่าไม่มาร่วมงานก็ไม่มีแม้สักข้อความใดที่จะถามถึงสารทุกข์สุกดิบเด็กหนุ่มผู้เศร้าหมองที่นั่งอยู่ข้างคุณหญิงบัว
หลวงเทพไม่นึกห่วงใยบุตรชายตนสักหน่อยเลยหรือ ตั้งแต่มอบพ่อโปรดยกให้เรือนเขาในวันนั้น เจ้าคุณยิ่งก็ไม่เห็นหลวงเทพเอ่ยถามถึงบุตรชายคนนี้อีก แม้เจอกันในงานราชการก็มิได้ถามไถ่ถึงแม้แต่น้อย เห็นจะมีเพียงเรื่องสินสอดเงินทองเท่านั้นที่หลวงเทพจะเข้ามาสนทนาด้วย
“ไม่เป็นไรดอก ฝากแม่อุ่นแจ้งหลวงเทพด้วยว่าไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลงานไม่ให้ขาดตกบกพร่องให้ต้องเสียถึงท่านดอก” คุณหญิงบัวเอ่ยตอบ เมื่อเสร็จธุระคุณอุ่นก็ลากลับเรือน ก่อนไปเธอให้บ่าวขนหีบมาให้แปลกสองใบ ภายในหีบใบหนึ่งคือผ้านุ่งต่าง ๆ ของเขาที่เรือนเล็ก ส่วนอีกหีบเธอแจ้งว่าคุณหญิงแก้วยกให้เป็นของสำหรับติดตัวออกเรือน
“คุณย่าท่านให้ยกมาให้ รักษาให้ดีอย่างเที่ยวไปทำเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ท่านเมตตาเพียงไหนแล้วที่ยกผ้านุ่งแพงอย่างนี้ให้เป็นหีบ”
“คุณหญิงแก้วก็กระไร คุณโปรดออกเรือนทั้งทียกให้เพียงผ้านุ่งหนึ่งหีบเท่านั้น”
“พี่ชื่นอย่าพูดอย่างนั้นเลย คุณหญิงท่านอุตส่าห์เมตตายกให้เท่านี้ก็มากมายแล้ว” แปลกเอ่ยปรามบ่าวคนสนิทที่เปิดหีบค่อย ๆ หยิบผ้านุ่งออกมาวางเรียงบนเตียงทีละผืน แปลกเดินไปนั่งลงที่ที่ว่างบนเตียงใกล้กับผืนผ้าหลายผืนที่พี่ชื่นนำขึ้นมาวางเรียงไว้
มือขาวไล่สัมผัสตามเนื้อผ้าอย่างดีสีสันงามตา บางผืนทอแทรกด้วยดิ้นสีเงินมองแล้วระยิบระยับสวยงามนัก แปลกหยิบผ้านุ่งสีพวงอังกาบผืนหนึ่งขึ้นมา เนื้อผ้าอย่างดีนุ่มมือเมื่อได้สัมผัส ดิ้นสีเงินที่ท่อแทรกสะท้อนแสงไฟตะเกียงในห้องระยิบระยับจับตา ลวดลายยกทอก็ละเอียดลออ
“คุณโปรด ร้องไห้ทำไมหรือเจ้าคะ” ชื่นรีบเข้าไปหาผู้เป็นนายเมื่อหยิบผ้านุ่งออกมาเรียงหมดหีบแล้ว หันไปอีกทีคุณโปรดของเธอก็นั่งน้ำตานองกอดผ้านุ่งผืนงามเสียแล้ว ชื่นวางมือลงบนหน้าขาเล็กเพื่อปลอบผู้เป็นนาย
แปลกเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าหันไปส่งยิ้มให้บ่าว เอ่ยปากตอบว่าตนไม่ได้เป็นอะไร หัวใจดวงน้อยเต็มตื้นขึ้นมาเมื่อคิดว่านี่คือของจากคุณหญิงแก้วผู้เป็นย่าที่มอบให้เขาเป็นชิ้นแรก ทั้งยังเป็นของที่มอบให้ในวันสำคัญของเขา แม้ว่าคนที่เรือนคุณพระเทิดจะไม่มีใครมาร่วมงานเขานอกจากคุณอุ่น แต่ก็ยังเมตตาส่งของสวยงามและราคาแพงเช่นนี้มาให้ ไม่ว่าจะด้วยรักใคร่ เมตตา เวทนา หรือจะให้อย่างเสียไม่ได้ เขาก็รู้สึกยินดีเหลือเกิน
“พี่ชื่น ผืนนี้สวยไหม” ใบหน้านวลเอ่ยถามบ่าวด้วยแววตาสุกใส
“งามมาเจ้าค่ะ”
“พี่ชื่นว่าคุณหญิงบัวจะว่าหรือไม่ ถ้าแปลกจะนุ่งผืนนี้วันพรุ่งนี้” ชื่นหันไปมองผ้านุ่งสีพิราบซึ่งงามไม่ต่างกันที่คุณหญิงบัวเตรียมไว้ให้สำหรับใส่วันงานพรุ่งนี้ก่อนแล้ว ก่อนจะหันไปตอบผู้เป็นนาย
“บ่าวว่าคุณหญิงบัวท่านไม่ว่าอะไรดอกเจ้าค่ะ คุณโปรดออกไปขออนุญาตท่านสิเจ้าคะ” ปากสวยยกยิ้มให้ก่อนที่ร่างขาวจะเดินออกไปจากห้องพร้อมผ้านุ่งสีอังกาบผืนงามในมือ
“แม่จะว่าอะไร ดีเสียอีก พ่อโปรดนุ่งผ้าที่คุณหญิงแก้วท่านยกให้ อย่างน้อยพ่อโปรดจะได้อุ่นใจว่ามีผู้ใหญ่มาส่งในวันออกเรือน” คุณหญิงบัวยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างเอ็นดูเมื่อมือเรียวสวยยกขึ้นกราบเธอลงบนตัก
“ตายจริง มัวใช้พ่อโปรดทำนู่นทำนี่ ตะวันลับแล้ว พ่อโปรดรีบลงท่าไปอาบน้ำเสียเถิด ให้นางชื่นถือคบถือตะเกียงไปเฝ้า หากดึกกว่านี้น้ำค้างแรงจะไม่สบายเอาได้ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้า”
ท่าอาบน้ำของเรือนเจ้าคุณยิ่งที่คุณหญิงบัวเอ่ยถึงความจริงแล้วคือห้องอาบน้ำหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ที่อยู่ด้านหลังเรือน เมื่อลงบันไดหลังเรือนลงมาจะมองเห็นอยู่ทางด้านขวาไม่ไกลนัก ภายในมีตุ่มน้ำที่บ่าวในเรือนจะคอยตักจากท่าน้ำท่าเล็กใกล้กับเรือนแพไปทางเรือนเล็กของหลวงยศมาเติมให้เต็มอยู่เสมอ คุณหญิงแก้วเองก็มักเรียกห้องอาบน้ำเช่นนี้ติดปากว่าท่าน้ำเช่นเดียวกัน
เมื่ออาบน้ำและขึ้นมาผลัดผ้าจนเสร็จเรียบร้อย แปลกจึงให้ชื่นกลับลงเรือนนอนของตัวเองไป ร่างเล็กเอนหลังลงนอนไปครู่ใหญ่แต่กลับไม่รู้สึกง่วงนอนเลยสักนิด ในใจรู้สึกประหม่าขึ้นมาเมื่อวันรุ่งขึ้นจะต้องออกเรือนอีกครั้ง หากแต่ความรู้สึกกับต่างออกไปจากครั้งที่ต้องออกเรือนไปกับนายห้างฝรั่ง ใบหน้านวลรู้สึกร้อนวาบเมื่อนึกถึงสายตาหลวงยศที่จ้องมองตนจากเรือนแพในวันนี้ หลังจากคืนนี้ผ่านพ้นไป เขาจะต้องย้ายเรือนไปนอนเรือนเล็กกับหลวงยศผู้จะกลายเป็นเจ้าชีวิตเขา
แม้จะรู้สึกอุ่นใจว่าจะหลวงยศจะไม่ข่มเหงจิตใจตนเหมือนเช่นคุณพ่อหรือคนอื่น ๆ แต่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกกังวลว่าตนคู่ควรกับหลวงยศผู้นี้แล้วหรือไม่ หลวงยศแม้จะเมตตาและใจดีกับเขามาเสมอ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าการแต่งครั้งนี้เกิดจากความประสงค์ของตัวหลวงยศ แปลกไม่อาจปฏิเสธความจริงได้ว่าการออกเรือนครั้งนี้มาจากเหตุที่หลวงยศลดตัวยอมเสื่อมเกียรติมาช่วยตนจนต้องตบแต่งออกเรือนกับเขาอย่างเสียไม่ได้
แปลกพลิกตัวไปมา จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจข่มตาหลับลงได้ ร่างเล็กลุกขึ้นคว้าผ้าคลุมผืนบางมาห่มไหล่และหยิบตะเกียงไฟในห้องเดินออกจากประตูห้องตน ขาเรียวขาวก้าวลงบันไดเรือนอย่างระมัดระวังด้วยยามนี้ดึกมากแล้ว เขาตั้งใจเพียงแค่จะมาเก็บดอกปีบสักกำไปวางหัวนอนเหมือนเช่นทุกคืนที่เคยได้รับจากคนผู้หนึ่งเท่านั้น หากได้กลิ่นที่เคยชินเสียแล้วอาจทำให้ข่มตาหลับง่ายขึ้น
เจ้าของผิวกายขาวสะท้อนแสงจันทร์ย่อตัวลงนั่งเก็บดอกไม้ขาวบนพื้นโดยไม่ทันได้สังเกตว่าบัดนี้ทุกการกระทำถูกเฝ้ามองจากชายเจ้าของเรือนเล็กด้วยสายตาพราวระยับอยู่ด้านหลัง
“คุณหลวง!”
ปากเล็กร้องตกใจเมื่อได้ดอกปีบจนเพียงพอแล้วลุกขึ้นมาจะหันหลังกลับขึ้นเรือนใหญ่แต่เจอเข้ากับหลวงยศในระยะที่แทบจะประชิดตัว ขาเรียวก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณอย่างรวดเร็วจนเสียจังหวะเกือบจะหงายหลังก้มลง หากแต่แขนแกร่งของหลวงยศคว้าช่วยไว้ได้ทันเสียก่อน
หากแต่แรงคว้าร่างเล็กเข้ามาชิดตัวด้วยความตกใจกลัวว่าคนตรงหน้าจะหงายหลังล้มลงได้รับบาดแผลของหลวงยศก็ทำให้ดอกปีบกระจายตกพื้นเสียหมดเมื่อร่างบางเซเข้าปะทะกับอกแกร่งจากแรงที่มากเกินไปเสียหน่อย
“ระวังหน่อย ล้มลงได้แผลจะทำอย่างไร” หลวงยศก้มเอ่ยกับดวงหน้าขาวผ่องที่ยังตื่นตกใจไม่หาย
“ขะ ขอโทษขอรับ” ใบหน้าสวยก้มลงตอบกับแผ่นอกแกร่งหลบหนีใบหน้าคมเข้มที่มองลงมาเมื่ออยู่ในระยะใกล้กันเช่นนี้จะให้เขาสบมองใบหน้าหลวงยศต่อได้เช่นไร
“ทำไมลงมาดึกดื่นเช่นนี้เล่า ไม่กลัวงูกลัวเงี้ยวรึ” แปลกถดหน้าหนีเมื่อหลวงยศยังคงเอ่ยถามในขณะที่แขนแกร่งยังไม่คลายออกจากเอวของตน ลมปากแผ่วเบาปะทะหน้าผากมนจนชวนให้คนประหม่าร้อนวูบไปทั้งตัว
“แปลกลงมาเก็บดอกปีบเท่านั้น แล้วก็จะกลับขึ้นเรือนขอรับ” หลวงยศยกยิ้มเอ็นดูกิริยาของคนในอ้อมแขนที่ยังคงเอ่ยตอบกับแผ่นอกเขาไม่ยอมเงยหน้าสวยขึ้นมาสบตา
“พี่ถามว่าไม่กลัวรึ” ราวกับหลวงยศตั้งใจกลั่นแกล้งให้เขาจนมุมไม่มีทางหนี แปลกรู้สึกใบหน้าร้อนวูบเมื่อคนโตกว่าจงใจเอ่ยถามชิดใบหูเล็ก เขาไม่ได้เอ่ยตอบสิ่งใดออกไป จะให้เขาตอบสิ่งใดได้ แค่ยืนให้มั่นไม่ปล่อยตัวเองเข่าอ่อนล้มพับไปตอนนี้ก็เก่งเท่าไหร่แล้ว
หลวงยศหัวเราะเบาในลำคอกับท่าทางของเด็กหนุ่มก่อนจะยอมคลายอ้อมแขนออกปล่อยคนน้องเป็นอิสระไม่กลั่นแกล้งต่อ
“จะขึ้นเรือนแล้วรึ ไหนว่ามาเก็บดอกไม้” หลวงยศเอ่ยทักขึ้นเมื่อร่างเล็กหันหลังจะกลับเรือนหลังเป็นอิสระ แปลกหันกลับมาดวงตากลมโตสีเขียวสวยมองหลวงยศก่อนจะหลุบมองดอกปีบช้ำบนพื้น คงช้ำจากเท้าใครคนใดคนหนึ่งจากเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นแน่ทั้งกลีบขาวยังเปื้อนดินเสียแล้ว
“ดอกช้ำเสียแล้วนี่ขอรับ เอาไปกลิ่นคงไม่หอมเท่าเดิม”
“พี่ไม่รู้มาก่อน คราวหลังจะถนอมให้ดี ไม่ให้ใครทำช้ำได้อีก” ขายาวก้าวเดินเข้ามาประชิดตัวอีกครั้ง มือใหญ่ยกขึ้นเกลี่ยปอยผมที่ลงมาปิดใบหน้าหวานให้ แปลกยืนเกร็งแข็งไปทั้งตัว รู้สึกหัวใจทำงานหนักขึ้น แปลกไม่แน่ใจว่าที่หลวงยศเอ่ยออกมานั้น หมายความถึงดอกปีบบนพื้นหรืออย่างอื่นกันแน่
“รอพี่สักเดี๋ยวเถิด” แม้ยังจับต้นชนปลายไม่ได้แต่ขาเล็กก็ไม่ได้ก้าวไปไหนตามคำขอของร่างสูง แปลกมองตามแผ่นหลังกว้างที่หันหลังเดินไปทางพุ่มไม้เลื้อยไม่ห่างจากต้นปีบมากนัก มือใหญ่คว้าเอาช่อดอกไม้สีขาวช่อหนึ่งเด็ดออกจากต้นแล้วเดินกลับมายืนด้านหน้าร่างเล็กที่ยังคงรอเขาอยู่ที่เดิม
หลวงยศยกช่อดอกชมนาดขึ้นดมขณะที่สายตาคมสบมองมายังแก้วตาสีเขียวใส แปลกมองทุกการกระทำของหลวงยศด้วยความรู้สึกแปลกใหม่อย่างที่ตนไม่เคยรู้สึกมาก่อน หัวใจดวงเล็กไหววูบเมื่อริมฝีปากหลวงยศแตะลงกลีบดอกชมนาดแผ่วเบาทั้งที่ตาคมยังคงสบมองมาที่เขา แปลกมองเข้าไปในดวงตาของเจ้าของใบหน้าคมเข้ม เกิดคำถามขึ้นมาในใจว่าคนเราจะสามารถมีดวงดาวยามค่ำคืนภายในนั้นได้หรือไม่ หากได้หลวงยศผู้นี้คงมีดวงดาวนับล้านดวงทีเดียว
“หอมนัก น้องลองดมดูไหม” ช่อดอกชมนาดถูกยื่นมาตรงหน้า กลีบดอกเล็กสีขาวแตะเฉียดริมฝีปากเล็ก แปลกรู้สึกว่าดอกชมนาดช่อนี้ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน เพียงแค่เฉียดโดนผิวเขานิดเดียวเขากลับรู้สึกเหมือนว่ามีกระแสไฟร้อนวูบพานให้ทำตัวไม่ถูก
“ขะ ขอบคุณขอรับ แปลกขอตัวนะขอรับ” มือเล็กคว้าช่อดอกชมนาดมาถือไว้ เอ่ยลาหลวงยศเสียงสั่นรัวไม่รอให้คนโตกว่าเอ่ยสิ่งใดตอบกลับ หลวงยศก็เห็นเพียงแผ่นหลังบางที่ค่อย ๆ ห่างออกไปเสียแล้ว