เพื่อช่วยเด็กแปลกประหลาดคนหนึ่งให้พ้นจากการถูกจับแต่งงานกับนายห้างฝรั่งแก่ หลวงยศถึงกับยอมลงทุนสละตนเองลงไปแปดเปื้อนเพียงเพื่อช่วงชิงตำแหน่งเจ้าบ่าวมาเป็นของตนโดยไม่สนชื่อเสียงหรือคำนินทาใด

แปลกคนโปรด (mpreg) - ๕ . โดย summer_T @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,ย้อนยุค,ไทย,boylove ,yaoi,วายพีเรียด,mpreg,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

แปลกคนโปรด (mpreg)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,ย้อนยุค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

boylove ,yaoi,วายพีเรียด,mpreg,นิยายวาย

รายละเอียด

เพื่อช่วยเด็กแปลกประหลาดคนหนึ่งให้พ้นจากการถูกจับแต่งงานกับนายห้างฝรั่งแก่ หลวงยศถึงกับยอมลงทุนสละตนเองลงไปแปดเปื้อนเพียงเพื่อช่วงชิงตำแหน่งเจ้าบ่าวมาเป็นของตนโดยไม่สนชื่อเสียงหรือคำนินทาใด

ผู้แต่ง

summer_T

เรื่องย่อ


แปลก

 

เด็กหนุ่มลูกครึ่งของพ่อผู้มียศถึงคุณหลวงกับเมียฝรั่งคนหนึ่งที่ไม่คิดว่าจะมีบุตรด้วยกัน

แต่นั่นไม่แย่เท่ากับในวินาทีแรกที่เด็กทารกรูปลักษณ์แปลกแยกคลอดออกมา

ความวุ่นวายก็มาเยือนเรือน จนเป็นที่ชังของคนทั้งเรือนพร้อมกับคำเรียกว่า "ตัวกาลกิณี"

เขาเลือกจะอยู่เงียบ ๆ ไม่เรียกร้องอะไร แม้จะไม่เป็นที่รักใคร่แต่การอยู่เป็นคนที่ถูกมองข้ามก็ยังดีกว่าโดนขับไล่ไสส่ง

แต่ทว่าในวันหนึ่งตัวซวยอย่างเขาจะถูกจัดแต่งงานโดยที่ไม่มีใครคิดถามความยินยอม และเขาเองก็ไม่มีสิทธิต่อต้าน

 

 

 

.................

 

หลวงยศ 


 

คุณหลวงพ่อหม้ายที่ปล่อยตำแหน่งแม่เรือนให้ร้างว่างไว้มาหลายปี ไม่มีวี่แววจะถูกใจหรือไปสู่ขอแม่หญิงคนไหน

ครองตัวโดดเดี่ยวเมินสายตาหวานเชื่อมของหนุ่มสาวท้งพระนคร 

ด้วยรูปร่างหน้าตา ยศศักดิ์ ทรัพย์ และชาติตระกูล อีกทั้งท่าทีสุขุมน่าเกรงขาม

ใครจะคิดว่าวันหนึ่งหลวงยศที่วางตัวดีมาเสมอจะยอมสละตัวลงไปแปดเปื้อนให้เสี่ยงต่อการเสื่อมเกียรติ

เพียงเพื่อช่วยเด็กหนุ่มแปลกประหลาดที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวกาลกิณีแค่คนเดียว

 

 

.................

 

Talk : setting ในเรื่องเป็นช่วงประมาณสมัยรัชกาลที่ 5 นะคะ แต่ถึงจะวางไว้เป็นช่วงนั้นอยากบอกว่าวางเรื่องประวัติศาสตร์ลงก่อนได้เลยค่ะ

เพราะอาจจะมีหลายอย่างในเรื่องนี้ที่สายประวัติศาสตร์อาจไม่จอยได้ค่ะ เพราะฉะนั้นอยากให้อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นแนว Mpreg หรือผู้ชายในเรื่องสามารถท้องได้ค่ะ จึงอาจจะมีผู้ที่ไม่ถูกใจแนวนี้อยู่บ้าง

หากไม่ชอบแนวนี้สามารถผ่านเรื่องนี้ได้เลยค่ะ ไว้เจอกันเรื่องใหม่ที่มีแววใจตรงกันนะคะ :)

ยินดีรับคำติชมเสมอสามารถเม้นพูดคุยกันได้เสมอเลยค่ะ

ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะเจ้าค่ะ


เรื่องนี้มี 32 บทและจะติดเหรีญตั้งแต่บทที่ 7 เป็นต้นไปค่ะ
มี E-book ใน meb นะคะ พร้อม 3 ตอนพิเศษเฉพาะในอีบุ๊คเท่านั้น
 



สารบัญ

แปลกคนโปรด (mpreg)-บทนำ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๑ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๒ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๓ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๔ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๕ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๖ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๗ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๘ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๙ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๑๐ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๑๑ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๑๒ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๑๓ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๑๔ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๑๕ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๑๖ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๑๗ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๑๘ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๑๙ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๒๐ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๒๑ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๒๒ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๒๓ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๒๔ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๒๕ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๒๖ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๒๗ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๒๘ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๒๙ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๓๐ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๓๑ .,แปลกคนโปรด (mpreg)-๓๒ .

เนื้อหา

๕ .

เสียงบรรเลงวงดนตรีไทยไพเราะหวานหูดังแว่วทั่วบริเวณเรือนเจ้าคุณยิ่ง กลิ่นหอมจากดอกไม้นานาชนิดที่ใช้ตกแต่งเรือนส่งกลิ่นฟุ้งไปทั้งชานเรือนใหญ่ บนเรือนแขกผู้ร่วมงานล้วนแต่งตัวสวยงาม เจ้าคุณยิ่งกล่าวชวนเพียงญาติและสหายสนิทมาร่วมงานมงคลของบุตรชายคนเล็กเท่านั้น งานแต่งครั้งที่สองมักไม่นิยมจัดใหญ่โต และด้วยหลวงยศเจ้าบ่าวของงานวันนี้ก็เอ่ยปากเองว่าไม่อยากให้จัดเอิกเกริกใหญ่โต ไม่เช่นนั้นคุณหญิงบัวคงกล่าวชวนคนไปทั้งคุ้งน้ำ

เครื่องขันหมากถูกจัดเตรียมไว้เสร็จเรียบร้อยบนเรือนแล้ว แม้ไม่มีการแห่ขบวนตามประเพณีที่ควรจะเป็น แต่คุณหญิงบัวก็จัดเครื่องขันหมากอย่างครบถ้วนสวยงามสมฐานะงานมงคลบุตรชายเจ้าคุณยิ่ง ท่านเจ้าคุณสารเมตตามาเป็นประธานงานมงคลให้อีกครั้ง แม้ไม่ใช่เจ้าบ่าวคนเดิม

คุณปิ่นบุตรสาวคนโตของเจ้าคุณยิ่งรับสมอ้างเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวให้เนื่องด้วยคุณอุ่นลูกพี่ของเจ้าสาวแจ้งว่าไม่สะดวกนัก และคงไม่ได้อยู่ร่วมงานจนจบ

“พี่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่ยังเล็ก มองเธอเป็นน้องมาเสมอ ไม่คิดว่าวันหนึ่งเธอจะได้มาเป็นสะใภ้พี่มาเป็นคนเรือนนี้จริง ๆ เสียที ถ้าเธอมองพี่เป็นพี่สาว วันนี้ก็ให้พี่สาวคนนี้ทำหน้าที่แทนผู้ใหญ่เรือนเธอเถิด พ่อโปรด” คุณปิ่นหันมาเอ่ยกับแปลกที่นั่งอยู่คู่กับน้องชายเธอกลางวงล้อมผู้ใหญ่และแขกร่วมงาน ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้ ดวงตาสีสวยคลอน้ำตาอีกเสียแล้ว

“อย่าร้อง” คุณปิ่นดุไม่จริงจังนักก่อนจะส่งยิ้มให้เจ้าสาว

“เสียดายคุณพี่ณรงค์มาไม่ได้ เห็นว่าคุณแย้มเธอท้องแก่แล้ว ไม่เช่นนั้นคงได้มารับน้องสะใภ้พร้อมพี่”

หลวงยศเฝ้ามองเด็กหนุ่มข้างกายทุกกิริยาด้วยใจเป็นสุขกว่าวันไหน ๆ เสื้อราชปะแตนขาวสะอาดถูกสั่งตัดใหม่ให้พอดีกับคนตัวเล็ก โจงสีพวงอังกาบดูหวานละมุนเข้ากับผู้ใส่เหลือเกิน ยิ่งมองยิ่งรู้สึกสบายตาสบายใจไปเสียหมด

“ขยับมานั่งใกล้พี่” หลวงยศกระซิบบอกเจ้าสาวเมื่อผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงทั้งคุณปิ่นและคุณอุ่นนับสินสอดเสร็จ คนตัวเล็กขยับมาใกล้ขึ้นอีกนิดใบหน้าหวานยู่ลงเล็กน้อยเมื่อต้องขยับจากท่าที่นั่งมานานเรียกรอยยิ้มเอ็นดูที่มาพร้อมเสียงขำในลำคอขอคนข้าง ๆ

“ทนหน่อย อีกนิดก็เสร็จตรงนี้แล้ว”

แปลกมองตามคำกล่าวบอกของนายพิธี มองดูมือใหญ่สีน้ำผึ้งค่อย ๆ หยิบสร้อยทองบนพานขันหมากขึ้นมาถือไว้ จี้มรกตเม็ดงามส่องสะท้อนเล่นกับแสงแดดอ่อนยามเช้า เมื่อตะขอสร้อยปลดออกเสร็จ แปลกจึงโน้มตัวไปใกล้ให้หลวงยศสวมลงลำคอขาวให้ตนตามคำบอกกล่าวของนายพิธี มือเล็กยกขึ้นไหว้วางลงที่ตักแกร่งของผู้ที่สวมให้ รู้สึกเหมือนมีไออุ่นแผ่ซ่านจากหัวตนตรงจุดที่หลวงยศวางมือลงแผ่วเบาแล่นริ้วเข้ามาปกคลุมหัวใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นดวงตาคู่งามก็ต้องรีบหลบสายตาไปมองทางอื่นเพราะสบเข้ากับดวงตาคมที่มองตนอยู่ก่อนแล้ว

คุณอุ่นขอตัวกลับเรือนไปหลังจากพิธียกขันหมากเสร็จพร้อมห่อสินสอดสองสามห่อตามที่ได้ตกลงไว้ก่อนหน้านี้ หลวงยศเข้ามาช่วยประคองจับเจ้าสาวไม่ให้เอนล้มไปเสียก่อนเมื่อนั่งเข้าพิธีเป็นเวลานาน เมื่อสีหน้าของเจ้าสาวเริ่มดีขึ้นจึงพาไปยังส่วนที่เตรียมไว้สำหรับทำบุญเช้าซึ่งตอนนี้พระสงฆ์มาพร้อมแล้ว

คุณหญิงบัวเฝ้ามองบุตรชายที่ประคองเอวบางของลูกสะใภ้ไม่ห่างตลอดพิธีแม้ตอนนั่งฟังคำพระแขนแกร่งก็ยังวาดคว้าแตะเอวเล็กให้คนน้องขยับเข้าไปใกล้ ใบหน้าคมเข้มของบุตรชายดูผ่องใสเป็นพิเศษในวันนี้ ตอนตักบาตรก็คอยมองไม่ห่างตาผิดกับเจ้าสาวที่หลบสายตาคนพี่มองเพียงบาตรพระตรงหน้าด้วยแก้มขึ้นสีระเรื่อเท่านั้น

คุณหญิงบัวไม่คิดมาก่อนว่าเมื่อชายหนุ่มสองคนยืนคู่กันแล้วจะเหมาะสมเพียงนี้ แม้เธอจะเห็นคนทั้งคู่มาตั้งแต่เล็ก แต่ไม่ได้คาดคิดว่าทั้งสองจะต้องครองคู่กันในอนาคต ยิ่งมองยิ่งนึกขันตัวเองอยู่ในใจว่าเธอมองข้ามไปได้อย่างไรเสียหลายปี

“เอามือวางตรงนี้” หลวงยศเอ่ยบอกเสียงเบาพร้อมกับเปิดฝ่ามือใหญ่ที่จับทัพพีส่งสายตาบอกคนตัวเล็กให้เอื้อมมือมาจับ เมื่อเห็นว่ามือเล็กแตะอยู่เพียงตรงข้อศอกตนเท่านั้น ดวงหน้าหวานมองคนมากประสบการณ์ชั่งใจอยู่ไม่นานมือเล็กก็เอื้อมไปจับทัพพีไว้ตามคำบอก มีเสียงคุณปิ่นเอ่ยแซวขึ้นมาว่า เห็นทีเมียคนนี้จะคุมเรือนเสียแล้ว หลวงยศไม่ได้สนใจกับเสียงครึกครื้นที่ดังตามมาของแขกบนเรือนเมื่อพี่สาวตนเอ่ยแซวไปมากกว่าแก้มนวลที่ขึ้นสีแดงปลั่งอยู่ตรงหน้า

หลวงยศวางฝ่ามือลงบนหลังมือขาว แปลกปล่อยให้มืออุ่นนำพาตนตักข้าวสวยเม็ดงามลงบาตรพระทีละใบโดยไม่พูดอะไร ร่างเล็กประหม่าเขินอายเกินกว่าจะเงยขึ้นสบตาผู้ใดในเรือน ตนไม่ใช่คนตัวใหญ่หนาเหมือนบุรุษส่วนใหญ่แต่ก็ไม่ได้เล็กบางเหมือนอย่างสตรี แต่ในวันนี้แปลกกับรู้สึกว่าตัวเล็กจ้อยเมื่ออยู่ท่ามกลางสายตาคนบนเรือน โดยเฉพาะสายตาของคนที่ยืนช้อนหลังเขาอยู่ตอนนี้ อกแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อประชิดติดกับไหล่เล็กตั้งแต่ข้าวสวยตักลงบาตรแรกจนใกล้ถึงบาตรใบสุดท้ายก็ไม่มีทีท่าจะถอยห่างออกไปให้คนประหม่าได้พักหายใจบ้าง

แปลกรู้สึกว่าคำอวยพรที่ได้ในวันนี้เมื่อตอนพิธีรดน้ำมากมายกว่าคำอวยพรที่เขาเคยได้รับมาตลอดชีวิต 20 ปีเสียอีก แม้หลายคำจะชวนให้เขาทำตัวไม่ถูกจนพานจะเป็นไข้ด้วยหน้าที่เห่อร้อนเสียหลายครา แต่หัวใจดวงนี้ก็รู้สึกเป็นสุขมากกว่าครั้งไหน ๆ ยิ่งตอนที่คุณหญิงบัวแตะฝ่ามืออุ่นนิ่มลงบนแก้มเขา แปลกรู้สึกราวกับว่าถูกโอบกอดด้วยความรักที่ไม่เคยได้รับมาก่อน

“เหนื่อยหรือไม่” หลวงยศเอ่ยถามคนข้างกายเมื่อส่งแขกคนสุดท้ายลงเรือนเรียบร้อยหลังพิธีการต่าง ๆ จบลง

“ไม่ขอรับ”

“เก่ง” แปลกยังไม่ชินนักเมื่อมีคนเอ่ยชมต่อหน้า

“แล้วรู้หรือไม่ต่อไปทำอะไร” คนโตกว่าเอ่ยถาม ใบหน้าคมเข้มยกยิ้มส่งให้คนอ่อนประสบการณ์ที่เอียงคอเล็กน้อยคิดลำดับขั้นตอนในหัวอย่างน่าเอ็นดู

“พ่อยศ พ่อโปรด มากินข้าวเถิด ชักช้าจะเลยฤกษ์ส่งตัวนะลูก” คุณหญิงบัวเดินมาเรียกชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนอยู่หน้าประตูเรือน

ดวงตาสีเขียวสวยเบิกโตขึ้นเมื่อได้คำตอบของคำถามเมื่อครู่ เมื่อหันไปสบมองคนถามอีกคราหลวงยศเพียงยกยิ้มส่งมาให้เท่านั้น หลวงยศได้แต่คิดในใจว่าคนตรงหน้าช่างใสซื่อน่าเอ็นดูราวกับลูกนกน้อยตกใจท้องฟ้ากว้าง คงมีเรื่องให้เขาต้องสอนอีกมากกว่าคนแก้มระเรื่อตรงหน้านี้จะครองเรือนจนเป็นแม่เรือนของหลวงยศได้สมบูรณ์

แปลกกินอาหารได้ไม่เจริญนักเมื่อรู้ว่าลำดับต่อไปคือขั้นตอนใด ท่านเจ้าคุณสารและนายพิธียังอยู่เพื่อร่วมเป็นเกียรติให้บ่าวสาวในคืนส่งตัว บทสนทนาในวงอาหารเป็นไปอย่างสนุกสนาน เว้นแต่เจ้าสาวเท่านั้นที่เอาแต่นั่งซ่อนหน้าหลบคำชวนใบหน้าเห่อร้อนของผู้ร่วมวงสำรับ เมื่อเหลือบมองไปยังคนโตกว่าที่นั่งข้างกัน หลวงยศกับไม่สะทกสะท้านกับคำในที่ชวนให้คิดไปไกลของผู้ใหญ่หลายคนบนเรือนนี้เลยแม้แต่น้อย

เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัว ผู้ใหญ่บนเรือนทั้งหมดและนายพิธีจึงเดินนำบ่าวสาวลงจากเรือนใหญ่ของเจ้าคุณยิ่งตรงไปยังเรือนหลังเล็กของหลวงยศซึ่งคือเรือนหอในค่ำคืนนี้และเป็นเรือนอยู่ของแปลกหลังจากวันนี้ด้วยเช่นกัน

เมื่อเข้ามาถึงห้องนอนแปลกและหลวงยศนั่งรับพรจากท่านเจ้าคุณสาร ตามด้วยเจ้าคุณยิ่งที่สั่งสอนบุตรชายและเมียเด็กเรื่องการครองเรือน แปลกพบว่าห้องนอนหลวงยศใหญ่กว่าห้องที่ตนนอนบนเรือนหลังใหญ่อยู่มาก อาจจะเพราะครั้งหนึ่งหลวงยศได้เคยออกเรือนมีหญิงเคียงคู่แล้ว และเรือนนี้ก็ถูกสร้างมาเพื่อเป็นเรือนหอตั้งแต่แรก

บนเตียงใหญ่สี่เสาของหลวงยศถูกปูด้วยผ้าสีสะอาดตา หากแต่ตามเสาไม่ได้มีผ้าม่านประดับไว้เหมือนที่แปลกเคยเห็นในห้องของคุณอุ่น บนผ้าปูถูกโรยด้วยกลีบดอกไม้หลายชนิดอย่างสวยงาม ทั้งกลีบจากดอกกุหลาบ และดอกบานไม่รู้โรย ตรงกลางวงล้อมกลีบดอกไม้มีข้าวของหลายสิ่งวางไว้ แปลกไม่แน่ใจนักว่ามีสิ่งใดบ้างเพราะเห็นไม่ถนัดตา

ท่านเจ้าคุณสารกลับไปหลังจากให้พรบ่าวสาวเสร็จ เหลือไว้เพียงนายพิธีและครอบครัวของเรือนเจ้าคุณยิ่งเท่านั้น เมื่อนายพิธีเอ่ยลำดับขั้นตอนต่อ เจ้าคุณยิ่งและคุณหญิงบัวก็เดินไปยังเตียงนอน

“นายอยู่นายยืนนายมั่นนายคงมาหรือยัง” นายพิธีกล่าว

“มาแล้วขอรับ” เจ้าคุณยิ่งเอ่ยรับ เมื่อสิ้นคำกล่าวตอบรับเจ้าคุณยิ่งและคุณหญิงบัวจึงเอนลงนอนคู่กันบนเตียงใหญ่

“แหม เตียงนี้นอนดีจริง ใครได้นอนคงอยู่สุขสบาย” เจ้าคุณยิ่งเอ่ยขึ้น

“จริงเจ้าค่ะ ยิ่งนอนจะยิ่งสุขขึ้นเรื่อย ๆ เลยเจ้าค่ะ” คุณหญิงบัวขานรับคำ แล้วทั้งคู่จึงลุกขึ้นจากเตียงเดินมายืนตรงหน้าบ่าวสาวที่นั่งรออยู่ที่เดิม คุณหญิงบัวเรียกบ่าวให้ยกหีบไม่เล็กไม่ใหญ่เข้ามาในห้อง เธอรับจากบ่าวและส่งให้ลูกสะใภ้คนเล็ก

“สินสอดของลูก ต่อไปนี้จงรักษาให้ดี รู้จักหยิบจับมาใช้ให้สมเป็นแม่เรือน สมเป็นเมียของหลวงยศ” แปลกรับหีบมาวางไว้ข้างตัวรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อได้ชื่อว่าเป็นเมีย มือเรียวกราบลงแทบเท้าของคุณหญิงบัวโดยมีฝ่ามือของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีคอยประคองดึงขึ้น

“ดูแลน้องให้ดี เมื่อออกเรือนเคียงคู่กันแล้วจงมีสติ มีเมตตากับน้อง ประคับประคองชีวิตคู่ให้ดีจนแก่เฒ่า หากมีเรื่องหมางใจขอให้ใช้สติ คอยแก้ไขอย่าได้ทิ้งกันไปไหนเสีย” เจ้าคุณยิ่งเอ่ยกับบุตรชายตน

“ฝากน้องด้วยนะลูก น้องแต่งเข้าเรือนพ่อยศแล้ว ต่อไปก็ต้องถือว่าเป็นคนเรือนนี้ ออกเรือนคราวนี้ขอให้เย็นเหมือนฝัก หนักเหมือนแฟง พ่อโปรดเองก็ขอให้อยู่เรือนเหมือนก้อนเส้า ให้เฝ้าเรือนเหมือนแมวคราว ทำหน้าที่แม่เรือนให้ดี ต้องหมั่นดูแลทั้งผัวทั้งเรือนอย่าได้ขาดตกบกพร่อง” เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองให้พรสุดท้ายจบลงทั้งห้องจึงเหลือเพียงบ่าวสาว

“จะนั่งอยู่เช่นนั้นทั้งคืนเลยหรือ” หลวงยศมองดูคนที่นั่งนิ่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่ประตูปิดลง คนโดนทักจึงลุกขึ้นยืนตามเจ้าของห้อง แปลกรู้สึกว่าห้องนี้ช่างกว้างนัก แต่กลับไม่มีที่ใดให้เขานั่งนอกจากเตียงหลังใหญ่กลางห้อง ตากลมมองสำรวจชุดโต๊ะเก้าอี้อ่านหนังสือก็ถูกใช้วางหีบและเครื่องสินสอดที่ถูกขนเข้ามาไว้ในเรือนหอจนเต็ม ส่วนโต๊ะเครื่องแป้งตอนนี้ก็ถูกหลวงยศค่อย ๆ ทยอยนำข้าวของที่วางบนเตียงย้ายไปไว้เสียแล้ว

แปลกไม่รู้จะนำพาตัวเองไปอยู่ที่ใดของห้องได้อีกจนจำใจเดินไปนั่งลงบนเตียงกว้าง อาจะเพราะมัวแต่ประหม่ากับสถานที่ใหม่และการอยู่ภายในห้องเพียงสองคนกับผู้อื่นครั้งแรก จนไม่ทันได้คิดว่าควรจัดการตัวเองเช่นไรดี รู้ตัวอีกทีก็เผลอเปิดช่องให้ตัวเองได้ลำบากอีกครั้งเมื่อหลวงยศหย่อนตัวนั่งลงเคียงข้างเขาบนเตียง

คนตัวบางเผลอหายใจกระตุกเมื่อฝ่ามือใหญ่ของหลวงยศยกขึ้นมาแตะที่หน้าผากไล่นิ้วไปบนรอยแป้งเจิมทั้งสามจุดซึ่งมีไม่ต่างกันกับบนหน้าผากเข้ม แปลกรู้สึกราวกับว่ามีไฟร้อนอยู่ปลายนิ้วของคุณหลวง เมื่อลากผ่านไปยังที่ใดก็สร้างความร้อนตามปลายนิ้วนั้น

“งาม”

เมื่อโดนคนชมต่อหน้าเช่นนี้ทำเอาคนตัวเล็กไปไม่เป็น ดวงตาสวยสบมองเจ้าของคำหวาน มองหาความจริงในดวงตาคมตรงหน้า เมื่อไม่เห็นคำโกหกใดในแววตานั้น พบเพียงดวงดาวยามราตรีมากมายส่องประกายอยู่ภายใน ใจดวงน้อยก็สั่นไหวจนต้องหลบสายตาออก

“ไม่หรอกขอรับ” เขาเอ่ยปฏิเสธ

“หากพี่ว่างาม ขอให้เชื่อว่างาม หรือโปรดเห็นพี่เป็นคนโกหกรึ” หลวงยศใช้แรงเพียงนิดเชยคางมนให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกครั้ง ดวงตาสีเขียวราวกับมรกตเม็ดงามต้องแสงจันทร์ที่ลอดผ่านเข้ามาในยามค่ำคืนประกายระยับเล่นแสงตามความวูบไหวของไฟตะเกียงในห้อง ผิวละเอียดนิ่มมือสีนวลผ่อง แก้มระเรื่อน่ามอง มีสิ่งใดที่เรียกว่าไม่งามได้อีก

“คะ คุณหลวง จะไปอาบน้ำไหมขอรับ แปลกจะเรียกพี่...” ปากเล็กถูกปิดคำพูดด้วยนิ้วมือใหญ่ที่จรดแตะลงบนริมฝีปาก

“เขาไม่ให้ออกจากห้องในคืนเข้าหอ ไม่รู้รึ” ริมฝีปากบางเม้ม ในหัวคิดหาทางรอดจากสถานการณ์ใกล้ชิดที่ไม่ทันได้เตรียมใจไว้ก่อน

“อีกอย่าง ออกเรือนกับพี่แล้ว ทำไมยังเรียกคุณหลวงอยู่อีก” แปลกเอนหลังหนีคนตัวโตที่โน้มเข้ามาใกล้ ซ้ำแขนแกร่งทั้งสองของหลวงยศยังเท้าลงพื้นฟูกกักขังเขาไม่ให้หนีไปไหนได้

“ก็...คุณหลวง” หลวงยศเฝ้ามองเด็กดื้อ อยากรู้ว่าจะต้องลงโทษเช่นไรถึงจะยอมเชื่อฟังตนได้ เขาจงใจเอนตัวเข้าไปใกล้มากขึ้นจนคนโดนไล่ต้อนเอนหลังจนชิดเสาเตียง

“แปลก...ขะ.ขอโทษขอรับ”

“น้องรังเกียจแม้แต่ชื่อที่พี่ตั้งให้เชียวหรือ” หลวงยศนึกขันในใจเมื่อเห็นท่าทีร้อนรนของคนในวงล้อม ดวงตาคู่สวยเบิกโตขึ้นอย่างตื่นตูม

“ไม่ใช่นะขอรับ เพียงแต่...ยังไม่ชินเท่านั้น” แปลกละล่ำละลักอธิบายกลัวว่าจะถูกเข้าใจผิด เมื่อหลวงยศละแขนที่กักขังตนเมื่อครู่ออกทั้งยังจ้องเขาด้วยใบหน้านิ่งเฉย หลวงยศต้องใช้ความพยายามพอดูในการปั้นหน้านิ่งไว้ทั้งที่มีใบหน้าเว้าวอนจวนร้องไห้อยู่ตรงหน้า คนทำช่างไม่รู้ตัวเสียเลยว่าใบหน้าเช่นนั้นส่งผลต่อใจผู้พบเห็นมากเพียงใด

“เอาเถอะ ฝึกให้ชินปากเสีย ต่อไปใครได้ยินเข้า เขาจะหาว่าพี่เจ้ายศเจ้าอย่างแม้กระทั่งกับเมียตัวเอง” อีกครั้งที่แปลกไม่ชินกับคำว่าเมียนัก ได้ยินทีไรพานให้ร้อนวูบไปทั้งหน้า แล้วยิ่งถูกเอ่ยออกมาจากปากหลวงยศผู้ซึ่งเพิ่งออกเรือนกับเขาในวันนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกร้อนกว่าเดิมหลายเท่าตัวนัก

“ผลัดผ้าเปลี่ยนชุดเสียเถิด เดี๋ยวจะนอนไม่สบายตัวเอาได้ พี่เองก็จะเปลี่ยนเช่นกัน” หลวงยศว่าจบก็ลุกขึ้นเดินไปยังหน้าตู้เก็บเสื้อผ้า แปลกยังคงตามคำพูดไม่ทันนัก เมื่อร่างใหญ่ถอดเสื้อราชปะแตกออกแผ่นหลังใหญ่สีน้ำผึ้งเนียนตาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อก็ปรากฏต่อหน้า ในตอนนั้นคนร่วมห้องถึงได้รู้ตัวว่าควรละสายตาหนีก่อนลมหายใจจะสะดุดไปมากกว่านี้ เสียงเนื้อผ้าขยับอยู่ไม่นาน หลวงยศก็เดินกลับมายืนข้างร่างเล็กที่นั่งไม่ขยับไปจากที่เดิม

ตาคมมองใบหน้าเล็กขึ้นสีแดงปลั่งนึกเอ็นดูลูกนกน้อยไม่ประสาการออกเรือนตัวนี้เหลือเกิน เขาไม่ได้จงใจกลั่นแกล้งเจ้าสาวตัวเอง แต่การเปลือยอกนอนนับเป็นเรื่องปกติของเขาอยู่แล้ว และถ้าให้พูดตามจริงนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนตรงหน้าได้เห็น เพราะเมื่อในคืนของวันก่อนออกเรือนกับนายห้างฝรั่งตนก็ถอดเช่นนี้ไม่ใช่รึ

“ไม่เปลี่ยนรึ ไม่เปลี่ยนจะนอนอย่างไร” หลวงยศเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม คนที่ยังอยู่ในชุดเต็มยศส่ายหัวไปมาจนผมเส้นเล็กสีอ่อนปลิวไหว

“จะดื้อกับพี่ตั้งแต่คืนแรกเลยรึ” เมื่อจงใจใช้น้ำเสียงดุขึ้นหน่อย คนตัวเล็กก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย หลวงยศเอนหลังลงพิงหัวเตียงไม้ มือใหญ่หยิบหนังสือขึ้นมาก่อน การเคลื่อนไหวของคนในห้องทำให้ต้องเหลือบขึ้นมองอย่างเสียไม่ได้ ทั้งที่ข่มใจให้จดจ่ออยู่กับตัวหนังสือแล้วแท้ ๆ

แผ่นหลังบางขาวเนียนตาปรากฏต่อหน้าเขาอีกครั้ง เอวเล็กโค้งสาวทำเอาใจชายหนุ่มเต้นโครมครามราวกับตัวเองกลับไปเป็นบุรุษแรกรุ่นทั้งที่ผ่านชีวิตมาแล้วถึง 29 ปี ซ้ำยังเคยออกเรือนมาแล้วหนึ่งครั้ง หลวงยศกำหนังสือในมือแน่นพยายามอย่างหนักให้สายตาตนจ้องอยู่เพียงหน้าหนังสือเมื่อคนในห้องกำลังจะปลดผ้านุ่งเพื่อเปลี่ยนเป็นกางเกงนอน แม้ปรารถนายลโฉมเพียงใด แต่เขาจะต้องให้เกียรติคนตัวเล็กด้วยเช่นกัน ถึงออกเรือนด้วยกันแล้วก็ไม่ใช่ว่าเขาจะหักหาญข่มเหงน้องได้ เขาจำได้เสมอว่าการออกเรือนครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะต้องการช่วยเหลือเด็กหนุ่มให้พ้นมือสกปรกของชายเฒ่ามากตัณหาชาวฝรั่งเศส แม้ทำด้วยความเต็มใจและเขายินดีเหลือเกินในการออกเรือนกับคนตรงหน้านี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าอีกคนจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา

การออกเรือนกันแล้วยิ่งทำให้เขาต้องให้เกียรติและดูแลคนคนนี้ให้ดี เพราะได้นำชีวิตของโปรดมาผูกกับตนด้วยการครองเรือนเสียแล้วไม่ว่าจะโดยสมัครใจหรือไม่ก็ตาม ชีวิตหลังจากนี้ของโปรดจะถูกตีตราด้วยคำว่าเมียหลวงยศไม่อาจครองคู่ใครได้อีก ถือเป็นการผูกมัดชีวิตโดยที่เขาไม่ได้ให้โอกาสคนตัวเล็กได้เลือกสักครั้งเดียว

แปลกลอบมองเจ้าของร่างใหญ่บนเตียงกว้างผ่านกระจกหลายครา รู้สึกใจเต้นพานให้ลนลานทำตัวไม่ถูก หยิบจับอะไรไม่คล่องนักแม้แต่การเปลี่ยนชุดที่ง่ายดายกลับรู้สึกว่าตนทำได้ช้ากว่าทุกทีอยู่มาก เขาไม่เคยนอนร่วมห้องกับใครเช่นนี้มาก่อน ยิ่งการผลัดเปลี่ยนผ้านุ่งต่อหน้าใครเช่นนี้ยิ่งไม่เคย มือเรียวรีบผูกเชือกกางเกงจีนจนเสร็จจึงพาร่างเล็กของตนค่อย ๆ ก้าวกลับไปยังเตียงนอนใหญ่ ซึ่งหลวงยศผู้เป็นเจ้าของยังคงอ่านหนังสืออยู่เช่นเดิม

“ง่วงแล้วหรือ” หลวงยศละสายตาจากตัวอักษรขึ้นมองชายหนุ่มร่วมเรือนที่เดินมานั่งลงบนเตียงฝั่งที่ยังว่างไว้ แปลกพยักหน้าแทนคำตอบ ความจริงเขาไม่ได้ง่วงสักนิด ใครเล่าจะหลับลงได้ในสถานการณ์แปลกใหม่เช่นนี้ หากแต่ตอบรับออกไปเพียงเพราะจะหลีกเลี่ยงการพูดคุยและสายตาของคนตรงหน้าต่างหาก แกล้งนอนไปเสียทุกอย่างก็คงเงียบสงบลงได้ รวมถึงใจเขาที่เต้นเสียงดังโครมครามนี้ด้วย

หลวงยศปิดหนังสือวางลงบนโต๊ะข้างเตียง ร่างใหญ่ลุกขึ้นไปหรี่ไฟตะเกียงในห้องให้ดับแสงลง

“แต่ถ้าคุณหลวงจะอ่านต่อ...” แปลกรีบเอ่ยทักขึ้น เขาไม่ได้มีเจตนาเร่งรัดให้หลวงยศต้องนอนหากเจ้าตัวยังมีเรื่องที่อยากทำเป็นการส่วนตัว ไฟภายในห้องลาลับไปแล้วแต่แสงจันทร์ที่ลอดผ่านบานหน้าต่างไม้ประดับม่านสีขาวพลิ้วไหวยังคงทำให้พอมองเห็นกิริยาของคนภายในห้อง หลวงยศเดินกลับมานั่งลงบนเตียงเคียงคู่กับคนตัวเล็ก ความมืดไม่ทำให้ดวงดาวพร่างพราวในดวงตาของหลวงยศดับลงได้แม้แต่น้อย แปลกสบมองราวกับตนได้หลงเข้าไปในท้องฟ้ามืดนั้น หลวงยศยกยิ้มให้คนร่วมเรือนตัวน้อยที่ยังคงทำตัวไม่ถูกกับเรือนหลังใหม่และสถานะที่เพิ่งได้รับ ฝ่ามืออุ่นยกขึ้นแตะพวงแก้มขาวมองแก้วมรกตผ่านความมืด

“นับจากนี้ ขอให้วางใจไว้ที่เรือนนี้ เป็นแม่เรือนให้พี่ มีเรื่องใดคับข้องใจของให้บอก อย่าได้มองพี่เป็นคนอื่น อย่างไรเราก็ได้ชื่อว่าเป็นผัวเมียกันแล้ว หากมีเรื่องใดต้องติเตือนกัน อย่าได้กลัวเกรงพี่เลย”

หลังเล็กเอนกายลงนอนเช่นเดียวกับหลวงยศ เสียงหรีดหริ่งเรไรดังก้องบริเวณแต่คงไม่ดังไปกว่าใจที่เต้นอยู่ในอกน้อยนี้เป็นแน่ เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนตัวใหญ่ข้างกายพาให้รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยได้อย่างน่าประหลาด แปลกเฝ้ามองคนหลับใหลใบหน้าคมเข้มสวยได้รูปสมคำกล่าวขานที่ชาวพระนครต่างพากับเลื่องลือว่าคุณหลวงผู้นี้รูปงามนัก จมูกโด่งเด่นรับกับแสงจันทร์ส่องช่างเข้ากับรูปปากหยักจนคนมองนึกอิจฉา

“หลับเถิด พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไม่ใช่รึ” คนแอบมองถึงกับสะดุ้งเมื่อคนที่เข้าใจว่าหลับเสียแล้วเอ่ยปากพูดทั้งที่ตายังคงปิดสนิทอยู่เช่นนั้น แปลกรีบพลิกหันหลังพยายามให้ตนนอนนิ่งที่สุด มือเล็กยกขึ้นมากุมอกห้ามหัวใจไม่ให้เต้นดังไปมากกว่านี้ ด้วยกลัวว่าจะทำให้ใครที่นอนข้างกันได้ยินเข้า