หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์

เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์ - ตอนที่ 1 หมาตูดใหญ่ โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์ โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์

ผู้แต่ง

นิวไม่จิ๋ว

เรื่องย่อ

 'ทอม' มนุษย์เงินเดือนผู้จบชวิตลงด้วยอุบัติเหตุแสนน่าอนาถ วิญญาณจึงถูกดึงไปเกิดใหม่ชาติต่อไปในร่างหมาคอร์กี้แห่งโลกเวทมนตร์โดยมีความสามารถทางการสื่อสารเฉกเช่นมนุษย์ จนได้มาพบกับ 'อาเนีย' สาวน้อยนักเรียนแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ในร้านขาวสัตว์เลี้ยงและได้ตั้งชื่อใหม่ให้เป็น 'นัปโปะ' จากนั้นด้วยความบังเอิญบางอย่างทำให้นัปโปะรู้ว่าตัวเองสามารถร่ายคาถาเสกเวทมนตร์ได้ เขาจึงตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่หาใครเทียบเพื่อมีชีวิตอันสงบสบายกับเจ้าของ

สารบัญ

เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 1 หมาตูดใหญ่,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 2 สัตว์เลี้ยวแสนรักก่อเรื่อง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 3 คาถาแยกร่าง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 4 โรงเรียนเวทมนตร์ศาสตร์เอสคูเรีย,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 5 ผู้สร้างระบบ,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 6 หอพักสูงเสียดฟ้า,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 7 ชมรมประลองเวทย์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 8 ผจญภัยยามวิกาล,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 9 มารศาสตร์มืด,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 10 วิชาคาถามหัศจรรย์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 11 สัตว์เลี้ยงผู้ช่วย,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 12 สนทนากับอาจารย์ใหญ่,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 13 ร่างมนุษย์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 14 ทัวร์นาเม้นต์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 15 ผู้ท้าทายในวันหยุด,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 16 คืนบุกรุก,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 17 จักรพรรดิมารเสด็จ,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 18 อาจารย์ใหญ่ ปะทะ จักรพรรดิมาร,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 19 โหมดจอมเวทย์ผู้พิทักษ์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 20 ช่วงเวลาบะหมี่สุก,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 21 ไม้กายสิทธิ์แหลกเป็นเสี่ยง

เนื้อหา

ตอนที่ 1 หมาตูดใหญ่

Ep.1 : หมาตูดใหญ่


อ่า…รู้สึกมึนหัวจังเลย แต่ร่างกายไม่ได้เจ็บปวดแปลบเหมือนเมื่อกี้…

ทำไมมันหนาวจัง? เหมือนไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเอาไว้เลย...แถมโลกทั้งใบยังมืดมากเสียอีก...


เอ๊ะ...เดี๋ยวนะ...!

นี่เราหลับตาอยู่นี่หว่า...เรานี่มันโง่เสียจริง


เปลือกตาอันหนักอึ้งค่อย ๆ เบาโหวงลงเมื่อตัดสินใจยกมันขึ้น แสงสว่างจากภายนอกสาดส่องเข้ามาทำให้โลกอันมืดมิดสว่างไสวทันตาเห็น 


"เอ็กซเปวซีมัส!!" เสียงหนึ่งตะโกนดังลั่นจากนั้นได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกระทบกัน มันไม่ใช่เสียงสิ่งของ แต่ฟังดูประหลาดเหมือนได้ยินในหนังสักเรื่อง นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องใส่ใจ ภาพติดตาก่อนหน้ายังคงจำได้ไม่รู้ลืม แสงไฟจากรถเฟอร์รารี่สีแดงคันหรูของชู้รักภรรยาสาวพุ่งเข้าชนร่างจนกระเด็น ด้วยความเร็วของซุปเปอร์คาร์ส่งผลให้อวัยวะทั้งภายในและภายนอกฉีกขาดไม่มีชิ้นดี โลหิตแดงกระเด็นเซนซ่านไปทั่ว มารู้ตัวอีกทีก็อยู่ตรงนี้แล้ว สถานที่มันต่างจากก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด แทนตึกราบ้านช่องสร้างด้วยอิฐปูนโลหะและกระจกกลับกลายเป็นแผ่นไม้เหมือนยุคสมัยก่อนอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่รู้หรอกว่าสมัยไหน แต่ไม่มีกลิ่นบรรยากาศของความโมเดิร์นเลยแม้แต่น้อย


หืม...?


นี่ยืนขึ้นแล้วนะ ทำไมระดับสายตายังต่ำอยู่อีกล่ะ?


พอมองเงาตัวเองในแอ่งน้ำขังใกล้ ๆ ความจริงจึงเปิดเผย


หมา...แถมยังเป็นหมาคอร์กี้เสียด้วย!! ไอ้หมาตูดใหญ่นั่นอ่ะนะ!!


"ฉิบหาย!!" เฮ้ย! แถมพูดได้ด้วย "อะ...อ่า...อ๊าาา...อ๋าาา!!"


...


"สวัสดีคุณทอม ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลก 'คาโรเนีย' โลกแห่งเวทมนตร์ค่ะ ดิฉันคือ 'ฟิโลโซเฟอร์' ผู้ช่วยของท่านในชาตินี้ค่ะ" เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว แต่ผมยังหันไปหันมาจนกระทั่งหน้าต่างโฮโลแกรมหนึ่งปรากฎขึ้นมาตรงหน้า


'ยินดีต้อนรับสู่ชาติที่สองของคุณ โลกเวทมนตร์คาโรเนีย'


"ชะ...ชาติที่สอง?" ผมทวนคำพร้อมเกิดคำถามอันไม่ประต่างในหัวมากมาย "ก็คือไอ้หมอนั้นมันฆ่าผมตายแล้วเหรอ?"

"จะบอกได้ว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้นค่ะ เฟอร์รารี่คันนั้นขับชนคุณอย่างไม่ได้ตั้งใจเพราะกำลังหรรษากับภรรยาของคุณที่กำลังใช้ปากกับตรงนั้นของเขาอยู่ จากนั้นร่างของคุณก็กระเด็นไปถูกรถขยะซึ่งคนเมาเหล้าขับมาชนแล้วล้อขยี้ร่างจนแหลกไม่ต่างจากหมูสับเลยค่ะ" ฟิโลโซเฟอร์ตอบด้วยน้ำเสียงของจักรกลฟังดูเรียบนิ่งไร้ชีวิตชีวา แน่นอนว่าคำพูดที่อีกฝ่ายเอ่ยนั้นช่างไม่ธรรมดาแต่กลับดูธรรมดาในสายตาเอไอ

"ตายได้อนาถเหลือเกิ๊น!" ผมก้มหน้าลงพลางนึกถึงเหตุการณ์ในชาติที่แล้ว


ผมเป็นเพียงมนุษย์เงินเดือนระดับล่างของบริษัทชั้นนำของประเทศ ด้วยความที่ต้องใช้ชีวิตตามระบบทุนนิยมจึงต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำจนร่างแทบระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ อยู่กินกับภรรยาสาวสวยติดแกรมซึ่งเคยเป็นดาวมหาวิทยาลัยมาก่อน แต่กลับนอกใจลับหลังไปคบชู้กับประธานบริษัทอีกทั้งยังรับงานนอนกลางคืนกับลูกค้าผู้ชายมากหน้าหลายตาแต่กลับอ้างว่ามีทำโอทีดึกดื่นไม่กลับบ้านกลับช่อง...เหอะ ๆ ชีวิตแม่งอย่างกับหมา แถมมาเกิดในชาติใหม่ยังเป็นหมาอีก จะมีอะไรอาภัพได้มากกว่านี้อีกไหมเนี่ย


"แต่ก็ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ยังอยู่ในโลกใหม่ที่สบายใจกว่าเดิมแล้วล่ะ" ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนนอนหมอบไปบนพื้นอิฐอันเย็นสบาย แม้ว่าจะมีกลิ่นเหม็จจากน้ำขังมาบ้าง เทียบกับความเน่าเฟ่ะของโลกยุคปัจจุบันกลับหอมหวานไม่ต่างจากน้ำอัดลม "ขอเรียกเธอว่า 'ฟีล่า' แล้วกันนะ เรียกฟิโลโซเฟอร์แล้วนักเขียนต้องเมื่อยนิ้วและนักอ่านไม่สะดวกใจอ่านน่ะ"

"แล้วแต่ตามที่อยากเรียกเถอะค่ะ ดิฉันไม่ขัดข้องอยู่แล้ว ดิฉันคิดว่านักอ่านไม่ได้ขี้เกียจอย่างที่คุณทอมเป็นหรอกนะคะ"

"ปากร้ายเหลือเกิน" ดวงตาของผมเหลือกมองบน ตอนนี้ท้องอันนุ่มนิ่มเต็มไปด้วยขนเริ่มส่งเสียงครวญครางบ่นร้องขออาหารแล้ว "เกิดเป็นสัตว์แล้วต้องหาอาหารนี่มันน่าหงุดหงิดจริง ๆ แล้วนี่ฉันสามารถหาอาหารได้ที่ไหนได้บ้างล่ะเนี่ย?"

"เดินออกจากซอยแล้วทำเสียง งี้ด ๆ ก็พอ" ฟีล่าตอบอย่างรวดเร็วราวกับว่าได้เตรียมคำตอบไว้อยู่แล้ว "ถ้าเจอคนดีก็อาจจะได้ขนมปังชุ่มน้ำเปล่าสักเสี้ยว แต่ถ้าเจอคนไม่ดี ผลลัพธ์จะตรงข้าม"

"ไม่ต้องบอกก็รู้น่า แบบนี้เขาเรียกว่าสู้ชีวิตได้สินะ" ผมตัดสินใจเดินออกไปจากซอยมืดพบเห็นตึกราบ้านช่องสร้างจากไม้และอิฐตั้งเรียงรายกันเป็นระเบียบ ผู้คนแต่งตัวด้วยเสื้อคลุมสีทืม ใบหน้าเต็มไปด้วยความขึงขัง สายลมอันเบาบางพัดชายเสื้อคลุมสะบัดเผยให้เห็นไม้บางอย่างเหน็บอยู่ใต้เข็มขัด อยู่ในโลกเวทมนตร์คงจะเป็นไม้กายสิทธิ์ล่ะสิ


แย่จัง...เกิดในโลกนี้ดันใช้เวทมนตร์ไม่ได้...เสียชาติเกิดแท้เชียว


"เฮ้ย! อีกคู่จะประลองกันแล้ว รีบไปดูกันเร็ว!" เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมเสียงฝีเท้าวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว 


ฝุ่บ! เสียงบางอย่างข้ามผ่านศีรษะไป พอเงยหน้ามองจึงเห็นแม่มดนางหนึ่งกำลังขี่ไม้กวาดไปยังทิศทางที่เหล่าผู้วิเศษมุ่งหน้า ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าการประลองเวทย์ในโลกนี้จะเป็นยังไงหากเทียบกับในหนังจึงวิ่งตามไปอย่างไม่ลังเล ด้วยความที่ยังไม่ชินกับการใช้สี่เท้าวิ่งจึงทำให้สะดุดล้มบ่อยนัก แม้ไม่สร้างความเจ็บปวดมากในครั้งแรก แต่ต่อมารู้สึกได้ว่าช้ำในเล็กน้อย จวบจนในที่สุดจึงมาถึงสถานที่ลานประลอง ซึ่งเหล่าผู้วิเศษในชุดคลุมมุงดูและส่งเสียงเชียร์ เสียงเอฟเฟ็กต์ปะทะกันของพลังเวทย์ตีกันอย่างบ้าคลั่ง แสงหลากสีสาดกันไปมา ด้วยความที่ขาสั้นจึงไม่อาจเห็นอะไรได้เลย


"ไอ้คนพวกนี้ถึงต้องใส่เสื้อคลุมตลอดด้วยฟะ แบบนี้มองไม่เห็นกันพอดี" ผมเอ่ยแยกเขี้ยวด้วยความหงุดหงิด แต่แล้วจึงนึกไอเดียออก "ฟีล่า สามารถพาฉันขึ้นไปดูการประลองหน่อยได้ไหม?"

"ได้ค่ะ" หลังจากนั้นฟีล่าได้ทำการคำนวณความเป้นไปได้เพื่อผลลัพธ์อันดีเยี่ยมโดยใช้เวลาไม่นาน "ปลดล็อกสกิลกระโดดสูง"

"หา?" ผมย่นคิ้วลงพลางคำถามใหม่ผุดขึ้นมา "อะไรของเธอเนี่ย?"

"ดิฉันเปิดใช้สกิลแล้ว ฉะนั้นลองกระโดดดูค่ะ" เสียงหญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงซีดเชียวเย็นชาอย่างเคย ในเมื่อไม่มีทางเลือกจึงย่อตัวลงด้วยเท้าสั้นทั้งสี่ก่อนใช้ขาหลังดีดตัวสุดแรง ในขณะเดียวกันออร่าสีแดงห่อหุ้มร่างกาย พื้นค่อย ๆ ห่างไกลมากขึ้น ลมแรงปะทะขนสีครีมเข้มสะบัดไปมา เหล่าผู้วิเศษเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงพากับชี้นิ้วหันไปมองด้วยความตกใจ


"อ๊ากกกก!! มันสูงเกินไปแล้วว้อยย!!" ผมตะโกนส่งเสียงดังลั่นด้วยความเสียขวัญในขณะที่ร่างไปหยุดอยู่บนท้องฟ้าชั้นเมฆซีร์โรคิวมูลัส จากนั้นไปหยุดอยู่สักครู่หนึ่งก่อนค่อย ๆ ตกลงไปตามแรงโน้มถ่วง ดวงตาอันแห้งผากเห็นหมู่บ้านขนาดกระจิ้ดริดค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว


ความตายครั้งที่สองกำลังคืบคลานมาในไม่ช้า


"ในฐานะที่เป็นตัวเอกของนิยายเรื่องนี้ซึ่งเกิดเป็นหมา...น่าจะจบชีวิตลงตรงนี้แหละ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงหมดอาลัยตายอยากรอคอยความตายครั้งต่อไปทั้ง ๆ ที่เพิ่งเกิดใหม่ได้ไม่ถึงชั่วโมง "ให้ตายสิ...Break the fourth Wall มันทำได้จริงเหมือนในหนัง Deadpool จริง ๆ ด้วย ก็นะ...โลกแห่งวงการมายาก็แบบนี้แหละ"

.

.

.

ลาก่อน...โลกที่รู้จักได้ชั่วระยะหนึ่ง แม้จะเป็นเพียงระยะสั้น ๆ แต่ผมก็รู้สึกสนุกมีความสุขไปได้สักครู่


"เฟอร์มาเล่!!" เสียงตะโกนของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้น เพียงไม่กี่อึดใจร่างของผมที่กำลังจะตกลงสู่ห้วงมรณากลับหยุดอยู่กลางอากาศ ท่ามกลางสายตาของเหล่าพ่อมดแม่มดต่างมองมาเป็นตาเดียวราวกับว่าผมเป็นของวิเศษในโลกของผู้วิเศษ


"มันโดดขึ้นไปบนฟ้าเมื่อกี้ใช่ไหม?" แม่มดชราคนหนึ่งชี้นิ้วถาม จมูกของหล่อนมีตุ่มไฝเม็ดใหญ่สีดำผุดขึ้นอย่างน่าเกลียดน่ากลัว

"มันทำได้ยังไง? มันไม่ใช่สัตว์วิเศษด้วยซ้ำ!!" พ่อมดหนุ่มอีกคนพูดก่อนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตามองมายังผมด้วยความอยากสืบเสาะหาความจริง "ดูท่าคงต้องขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์วิเศษอีกตัวแล้วสิเนี่ย"


.............


เพียงไม่กี่อึดใจต่อมา ผมถูกจับยัดเข้ากรงส่งไปยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าสัตว์นานาชนิด ในขณะเดียวกันรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกกว่าตัวหนึ่งซึ่งดูมีความแฟนตาซีมากกว่าหมาคอร์กี้ตูดใหญ่ธรรมดา ผมไม่รู้ควรทำตัวอย่างไรจึงนอนหมอบ ดวงตาดำอันเป็นประกายเหลือบมองลอดกรงเหล็กซี่ไปรอบสถานที่อันไม่คุ้นตา คิดว่าตัวเองอยู่ในร้านขายสัตว์เลี้ยงภายในหมู่บ้านนั้น เนื่องจากระยะเวลาเดินทางในกล่องทึบหนาผนึกด้วยเวทมนตร์อย่างดีตามที่ฟีล่าอธิบายไว้อย่างละเอียด เชื่อเถอะว่าในตอนนี้ผมถูกขนานนามว่าเป็น 'หมาเวทย์' และขายให้ร้านขายสัตว์เลี้ยงล่ะมั้ง ไม่รู้ว่าราคาของผมจะสักเท่าไหร่กันเชียว


"ได้ข่าวว่าแกใช้เวทมนตร์ได้งั้นเหรอ? ไม่ยักจะมีเค้าโครงเป็นสัตว์วิเศษเลยสักนิดนี่หว่า" เสียงหนึ่งดังมาจากฝั่งตรงข้ามซึ่งอีกฝ่ายดูเป็นมังกรย่อส่วน นัยน์ตาสีแดงลุกโชนเหล่ากับไฟ ลมหายใจมีเขม่าควันสีเทาเข้มออกมาเหมือนคนแก่ขี้โมโหสูบซีก้าร์แล้วพ่นออกมาคละคลุ้งไม่เกรงใจใคร "หน้าตาดูโง่เขลา ขาสั้น ตัวเล็กนิดเดียว แถมสัมผัสพลังเวทย์อะไรไม่ได้เลย"

"ผมไม่ได้เป็นสัตว์วิเสษสักหน่อย" ผมเถียงกลับอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ "ผมเป็นแค่ค...คอร์กี้...ธรรมดา"

"เห้อะ! แกมันก็แค่สัตว์ชั้นต่ำ เป็นแค่ลูกหมาข้างทาง จะมาทำสงครามมังกรกับข้ามันเร็วไปโว้ย!!" มังกรจิ๋วซึ่งถูกขังในกรงเหล็กคำรามก่อนพ่นลูกไฟจำนวนหนึ่งออกมาเป็นเชิงข่มขู่ ลูกไฟขนาดเล็กนั่นไม่ได้แสดงความน่ากลัวอะไรออกมาเลย แต่ผมกลับตะลึงที่ได้เห็นมังกรตัวเป็น ๆ แม้ว่าจะตัวเล็กนิดเดียวไม่ต่างจากกิ้งก่าพ่นไฟได้ตัวหนึ่ง


ผมเลือกไม่สนใจอีกฝ่ายจึงหันหน้าเข้ากำแพงทึบพลางฝุบตัวลงนอนกับพื้นอันเรียบเย็นและแข็ง เพียงไม่นานจึงค่อย ๆ ผล็อยหลับไป


"คุณทอมคะ เราต้องรีบออกไปจากที่นี่" เสียงของฟีล่าดังเข้ามาในหัวหลังจากงีบไปได้ไม่นาน แสงสว่างจากหน้าต่างโฮโลแกรมแยงตาปลุกให้ตื่นจากภวังค์ 

"หา...? จะออกไปได้ยังไง?" ผมงัวเงียค่อย ๆ ยืนด้วยขาสั้นทั้งสี่ ดวงตายังคงสะลืมสะลือ "ฟีล่า...ถ้าจะออกไปต้องทำยังไง?"

"เธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เลเวลของเธอขึ้นไปอีกระดับให้ได้ ไม่อย่างนั้นฉันไม่สามารถปลดล็อกสกิลที่เหลือได้" เสียงเอไอสาวตอบอย่างเรียบเย็น ยิ่งทำให้ผมหงุดหงิดกับการถูกปลุกขึ้นมากลางดึก...ไม่สิ ตอนนี้เช้าแล้วนี่นา 


แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาจากกระจกหน้าต่างทำให้มองเห็นพื้นที่ภายในได้มากขึ้น พอวิสัยทัศน์แผ่กว้างขึ้นจึงเห็นสิ่งของรอบข้างดูเหมือนกำลังอยู่ในร้านขายสัตว์เลี้ยง หากสังเกตให้ดีจะเห็นป้ายร้านติดอยู่บนผนังซึ่งสะกดคำว่า PET SHOP แบบกลับด้าน

.

.

.

ทำไมไม่เดาหวยถูกเหมือนอย่างนี้บ้างนะ


____________________________________________


To Be Continue Ep.2