หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
'ทอม' มนุษย์เงินเดือนผู้จบชวิตลงด้วยอุบัติเหตุแสนน่าอนาถ วิญญาณจึงถูกดึงไปเกิดใหม่ชาติต่อไปในร่างหมาคอร์กี้แห่งโลกเวทมนตร์โดยมีความสามารถทางการสื่อสารเฉกเช่นมนุษย์ จนได้มาพบกับ 'อาเนีย' สาวน้อยนักเรียนแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ในร้านขาวสัตว์เลี้ยงและได้ตั้งชื่อใหม่ให้เป็น 'นัปโปะ' จากนั้นด้วยความบังเอิญบางอย่างทำให้นัปโปะรู้ว่าตัวเองสามารถร่ายคาถาเสกเวทมนตร์ได้ เขาจึงตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่หาใครเทียบเพื่อมีชีวิตอันสงบสบายกับเจ้าของ
เสียงจอแจดังอยู่ภายในห้องอาหารของหอพัก ซึ่งเป็นปกติของมื้อเช้าที่นักเรียนทุกคนสามารถมานั่งที่โต๊ะไม้ขนาดยาว เพียงไม่กี่อึดใจจะมีอาหารปรากฎขึ้นมาตรงหน้า แต่จะเป็นเมณูอะไรไม่มีทางทราบได้ รวมถึงปริศนาว่าพวกมันมาจากไหน ใครเป็นคนปรุงขึ้นมา
โดยห้องอาหารนี้นักเรียนสามารถเข้ามารับประทานอาหารได้ทุกมื้อเท่าที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถสั่งเพิ่มได้ไม่จำกัดโดยไม่เสียเงินแม้แต่เหรียญเดียว
ของฟรี...มักแลกมาพร้อมกับคุณภาพตามเนื้อผ้า...
เพราะรสชาติห่วยแตกยิ่งกว่าสัปปะรดเน่า
และนั่นคือสาเหตุว่าทำไมร้านสะดวกซื้อถึงอัดแน่นไปด้วยเหล่านักเรียนและอาจารย์ เราสองคนเรียนคาถาลอยตัวจากอาจารย์นิต้าโดยคาถานี้ไม่มีคำร่าย แต่ให้โบกไม้กายสิทธิ์ให้ถูกต้องพร้อมตั้งสมาธินึกถึงเมฆใต้เท้าพาผู้ใช้งานไปยังสถานที่ที่ต้องการ
สำหรับผม การคาบไม้กายสิทธิ์โบกให้ถูกต้องนั้นค่อนข้างลำบาก จนต้องเปลี่ยนมาคาบก้นไม้แล้วยื่นปลายไปด้านหน้าจากนั้นจึงโยกศีรษะพร้อมใช้ลิ้นตอดตวัด เพียงเท่านี้จึงแก้ปัญหาการร่ายเวทย์อันซับซ้อนขึ้นได้ หากผมกลายเป็นมนุษย์คงไม่มีคาถาไหนร่ายไม่ได้ ส่วนอาเนียในตอนนี้สามารถเรียนรู้คาถาในชั้นเรียนอาจารย์เอกจนสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ในชมรมป้องกันตัวไปได้หลายคน ซึ่งเป็นผลจากการฝึกพิเศษร่วมกับผม
"คนเขามุงอะไรอยู่ตรงนั้นเยอะแยะเลยน่ะนัปโปะ?" หญิงสาวทักก่อนลอยไปยังกระดานข่าวซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากประตูทางเข้ามากนัก เหล่านักเรียนกว่าร้อยชีวิตคละชั้นปีมุงดูป้ายประกาศอะไรบางอย่างซึ่งรู้สึกดึงดูดผมมากทีเดียว
"มุงดูอะไรกันอยู่เหรอ?" ผมถามเฌอแตมที่บังเอิญเจอในฝูงไทยมุง
"นัปโปะมาพอดีเลย งานประลองเวทย์ทัวร์นาเม้นต์ของโรงเรียนกำลังจะถูกจัดขึ้นน่ะ" เธอบอกด้วยรอยยิ้มพลางชี้ไปที่โปสเตอร์รูปเงาดำของผู้วิเศษชายหญิงตั้งท่ายิงคาถาใส่กันพร้อมตัวหนังสือขนาดใหญ่เขียนว่า
'เอสคูเลีย ทัวร์นาเม้นต์'
งานประลองประจำปี เปิดรับสมัครนักกีฬาชิงความเป็นที่หนึ่งด้านความแข็งแกร่งด้านการต่อสู้
สามารถลงชื่อได้ที่อาจารย์ประจำวิชาสอนป้องกันตัว
หมายเหตุ : สมาชิกชมรมป้องกันตัวบังคับแข่งกันทุกคน
เมื่ออ่านจบ ผมกับอาเนียมองหน้ากันอย่างหวาดหวั่น
"พวกเธออยู่ชมรมป้องกันตัวกันสินะ แบบนี้คงต้องฝึกหนักกันอีกเยอะเลยแหละ" เรย์ม่อนต์พูดพลางกอดอกโดยเจ้าลูกแพนด้าโคลคิงส์ขี่ไหล่กว้างแกร่งของผู้เป็นนาย มันโบกมือทักทายพร้อมร้องเสียงสูงเป็นการทักทาย เชื่อเถอะว่าผมไม่สามารถรู้ได้ว่ามันต้องการสื่ออะไร แต่ดูเหมือนว่ามันจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดอยู่บ้าง ส่วนเรย์ม่อนต์หลังจากพ่ายแพ้ต่ออาจารย์เอก เขาจึงตั้งใจเรียนวิชาการป้องกันตัวยิ่งกว่าใคร อีกทั้งยังเข้าร่วมเป็นสมาชิกในชมรม แถมยังสู้ได้สูสีกับรุ่นพี่คาลอสจนเกือบต้อนจนมุมและเกือบมอบความพ่ายแพ้สำเร็จ "ถ้าได้รีแมทซ์กับรุ่นพี่คาลอสอีกครั้งจะเอาชนะให้ได้เลยคอยดู"
"เป็นการ์ตูนโชเน็นไปได้..." ผมพึมพำในลำคอก่อนลอยออกมาจากฝูงชนพร้อมอาเนีย
"ตอนนี้เราก็สู้เก่งขึ้นแล้วนะ แม้จะยังเอาชนะรุ่นพี่คาลอสไม่ได้ก็เถอะ" เด็กสาวพูดอย่างตื่นเต้นก่อนเลิกใช้คาถาลอยตัวเท้าแตะพื้นในส่วนที่ไม่มีคน จากนั้นมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อ
วันนี้โชคดีไม่ค่อยมีคนแย่งกันต่อแถวซื้อสินค้า โดยมื้อเช้าหลักของเรามักจะเป็นอาหารแช่แข็งไร้สารเคมี แน่นอนว่าผมเคยถามเหล่าพนักงานหรือผู้สร้างระบบแล้วจึงพบว่าสารเคมีในโลกนี้เป็นเรื่องงมงายพอ ๆ กับโทรศัพท์มือถือ จึงหายห่วงต่อเรื่องสารตกค้างในอาหารเหมือนโลกชาติที่แล้ว เชื่อเถอะว่ามีคนตายหลายสิบคนเพราะมันมามากมาย ผมถามเพื่ออาเนียเจ้านายสุดที่รัก เพราะไม่ว่ายังไงผมจึงได้กินอาหารสำหรับสุนัขอยู่แล้วจึงไม่ได้เดือดร้อนเท่าไหร่
"วันนี้ข้าวแกงกะหรี่อีกแล้วเหรอ?" ผมถามในขณะที่กำลังกินขนมหมาระหว่างรออีกฝ่ายใช้เวทย์ไฟอุ่นข้าวกล่องให้ร้อนพร้อมคาถายกของเพื่อไม่ให้มืออันเรียวสะอาดไร้ริ้วรอยถูกลวก "เมื่อวานก็กินไปแล้วไม่ใช่เหรอ? กินแต่ข้าวกล่องทุกวันทุกมื้อมันจะแย่เอานะ"
"ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่ ในห้องมีอุปกรณ์ทำอาหารให้ก็จริง แต่พวกวัตถุดิบ เครื่องปรุงต่าง ๆ ต้องซื้อเองมันใช้เงินเยอะ" เธอตอบพลางยิ้มแหยก่อนจัดการอาหารตรงหน้าทีละคำอย่างไม่เร่งรีบ "เงินที่คุณแม่ให้มาเริ่มเหลือน้อยลงแล้วสิ"
"ถ้าอาหารโรงเรียนอร่อยกว่านี้คงประหยัดได้อีกยาวเลย" ผมพูดพลางถอนหายใจเพราะเคยห้าวเป้งลิ้มลองอาหารในตำนานปัจจุบันของโรงเรียนดูแล้ว
สรุป...หมาไม่แดก...
.............
บารอนและชาบูแฮมสเตอร์คู่ใจยืนประจันหน้าพวกเราระหว่างทางเดินไปยังห้องเรียนวิชาสัตว์วิเศษแห่งคาโรเนีย ทั้งสองทำสีหน้าเข้มคิ้วขมวดพร้อมมีเรื่องได้ทุกเมื่อ แต่ไม่มีใครกล้าเริ่มเปิดเพราะอาจผิดกฎโรงเรียน แต่บารอนถือไพ่เหนือกว่า นั่นเขาสามารถแจ้งข้อหาการทำโทษอาเนียได้สักข้อ เหล่านักเรียนบางคนวิ่งผ่านหลังชายชราไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เจ้าหนูแฮมสเตอร์ตัวนั้นตั้งท่าพร้อมพุ่งเข้าใส่...ก็เอาสิ...ตัวกระเปี้ยกแค่นี้ เพียงใช้คมเขี้ยวของผมก็ได้ไปเกิดใหม่ เด็กสาวจ้องเขม็งไปยังภารโรงชราก่อนตัดสินใจก้าวเท้าเบี่ยงขวา
ทันใดนั้น ชายชราก้าวมาขวางอย่างจงใจ แต่พออาเนียเดินเลี่ยงไปทางซ้าย บารอนกลับเคลื่อนตัวมาขวางทางอีกครั้ง สร้างความหงุดหงิดใจอย่างมากจนมือกำด้ามไม้กายสิทธิ์แน่นพร้อมร่ายคำสาปสักบทให้หลาบจำ
"ถอยไปค่ะคุณบารอน" เธอสั่งเสียงเข้ม ดวงนัยน์ตาสีนิลจับจ้องไม่ล่อกแล่ก "คุณกำลังขวางทางไปเรียนนะคะ"
"เธอต่างหากล่ะที่เป็นคนขวางทางฉันอยู่" ภารโรงชรามองด้วยสายตาอันเหยียดหยาม อันที่ไม่เคยทำกับเด็กนักเรียนคนไหนมาก่อน "ไอ้ทายาทมารศาสตร์มืดเอ๋ย"
"แกว่าอาเนียเป็นอะไรนะ!?" ผมแยกเขี้ยวขู่พร้อมเห่ากรรโชกเสียงดัง ไม้กายสิทธิ์คาบอยู่ที่ปากพร้อมร่ายคำสาปสร้างความเสียหายทางร่างกายทันที แต่ผู้เป็นนายกลับยืนนิ่งเฉยกายสั่นเทิ้ม ด้วยท่าทีเหมือนนกน้อยกำลังถูกพญาอินทรีข่มขู่ "อาเนีย...?"
"เวลาเรียนจะเริ่มแล้วนะครับนักเรียน ทำไมภารโรงโสโครกถึงมายืนขวางอย่างนี้ล่ะครับ" เสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาพร้อมแมงมุมพันธุ์ทารันทูล่าขนาดเท่าฝ่ามือห้อยโหนใยสีขาวขุ่นแกร่งลงมาจากด้านบน ดวงตานับสิบสว่างไสวสะท้อนแสงเป็นประกายจับจ้องไปยังภารโรง ไม่เพียงเท่านั้น เขี้ยวทั้งสองข้างขยับตามคำพูด "ได้โปรดออกไปให้พ้นทาง ไม่อย่างนั้นผมกับคุณคงได้มีใครสักคนต้องไปเฝ้าประตูนรกของดันเต้แล้วล่ะ"
"ขอ...ขออภัยครับอาจารย์ดูฟริก" สีหน้าภารโรงซีดเผือก ร่างกายสั่นเทาก่อนวิ่งหนีออกไปทันที
"กลับเข้าห้องเรียนได้แล้ว วันนี้เราจะคุยเรื่องทัวร์นาเม้นท์กัน" อาจารย์ดูฟริกแปรงกายกลับเป็นมนุษย์ดังเดิม เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวหล่อเหลา สวมแว่นตากลม ผมสีดำย้อมไฮไลค์ทองบลอนด์เด่นสะดุดตา สวมสูทสีดำสนิทภายใต้ร่างอันผอมบาง เขาพยัดเผยิดดันหลังอาเนียเข้าห้องเรียนอย่างรีบร้อน "เร็วเข้าสิ เราไม่มีเวลามากนักนะ เพราะอีกเดี๋ยวไข่ของแมนทูร่าของผมกำลังจะฟักในอีกหนึ่งชั่วโมงนี้แล้ว"
ภายในห้องเรียนวิชาสัตว์แห่งคาโรเนียปกคลุมไปด้วยใบแมงมุมมากมาย บนเพดานเต็มไปด้วยไข่ของแมวมุมสัตว์เลี้ยงของอาจารย์ดูฟริกอย่าง 'แมนทูร่า' เชื่อเถอะว่ามันเป็นแมงมุมสายพันธุ์ทารันทูร่าขนาดใหญ่เท่าเด็กทารกหนึ่งขวบปกคลุมไปด้วยเปลือกแข็งสีดำสนิท ดวงตาสีแดงเลือดชวนสยดสยอง ยังรวมก้นลายทางสีขาวยิ่งทำให้ดูน่าขนลุกขึ้นไปอีก อาจารย์ดูฟริกอ้างว่ามันเป็นแมงมุมพันธุ์หายากที่สุดของโลก โชคดีที่มันเป็นตัวเมีย เพราะอาจารย์สามารถแปรงร่างเป็นแมงมุมเพื่อ 'สืบพันธุ์' ในการขยายเผ่าพันธุ์ ความเพี้ยนระดับเกินสิบกระโหลกของเขานั้นเป็นที่ประจักษ์ของนักเรียนและอาจารย์จึงไม่ค่อยมีใครอยากเสวนาด้วยเท่าไหร่ เพราะแมงมุมตัวใหญ่ที่ชอบเกาะไหล่ 'คนรัก' เวลาไปไหนมาไหนตลอดเวลา
"ในความเป็นจริงเรื่องนี้ต้องให้อาจารย์เอกเป็นผู้ชี้แจงเกี่ยวกับทัวร์นาเม้นท์ที่จะจัดขึ้นในปีนี้ แต่อาจารย์ใหญ่คอนเนอร์ขอร้องให้อาจารย์ทุกคนช่วยชี้แจง ซึ่งผมจะสรุปให้สั้น ๆ ว่าการแข่งจะคล้าย ๆ กันทุกปี เรื่องนี้ไปถามรุ่นพี่พวกคุณเอาเอง ส่วนกฎกติกาจะต่างกันตรงนี้นักเรียนสามารถใช้สัตว์เลี้ยงผู้ช่วยในการพลิกแพลงการต่อสู้ได้ ซึ่งหมาน้อยอย่างน้องนัปโปะคงเป็นสัตว์เลี้ยงผู้ช่วยอย่างดีเลยเชียวแหละ" อาจารย์ดูฟริกพูดร่ายยาวรั้วลิ้นไก่พลางมองไข่แมงมุมใต้ก้นแมนทูร่าสลับกับนักเรียน "ส่วนเรื่องเงินรางวัลจะสูงถึงหนึ่งร้อยเหรียญทอง โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วสิบเปอร์เซ็นต์เนื่องจากได้ทุนเพิ่มจากรัฐบาล ฉะนั้นขอให้เตรียมตัวฝึกฝนให้ดี โดยเฉพาะนักเรียนจากชมรมป้องกันตัวเอง ส่วนการบ้านให้ทุกคนเขียนรายงานเรื่องมังกรมาสามหน้ากระดาษส่งผมภายในอาทิตย์หน้า"
พอพูดจบประโยคจึงแปรงร่างเป็นแมงมุมอย่างรีบร้อน
"เลิกเรียนได้!" เขาตะโกนก่อนชักใยดีดตัวขึ้นไปบนเพดานเพื่อชื่นชมลูกแมงมุมตัวน้อยที่กำลังฟักตัว ในขณะเดียวกันเหล่านักเรียนที่เห็นกองทัพลูกแมงมุมกำลังทะลักออกมาจากถุงไข่ที่อาจารย์ดูฟริกใช้สี่ขาหน้าฉีกออกจึงพากันเบียดออกจากห้องด้วยความหวาดกลัว
เชื่อเถอะว่า ไม่มีนักเรียนคนไหนอยากเรียนวิชานี้ที่อาจารย์ดูฟริกเป็นผู้สอน ส่วนผู้สอนอย่างเขาก็ไม่อยากสอนเช่นกัน
...................
เวลาชมรมป้องกันตัวหลังเลิกเรียนคือห้าโมงเย็น เหล่าสมาชิกจะไปรวมตัวกัน ณ สนามกีฬา มีนักเรียนเล่นกีฬาหลากหลายชนิดซึ่งผมไม่ค่อยรู้จัก ทั้งการเสกคาถาโยนหิน ขี่ไม้กวาดแข่ง รวมถึงเสกคาถายิงเป้าระยะไกล แต่กีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ 'ประลองเวทย์'
"หลังจากวันนี้จนจบทัวร์นาเม้นต์ประลองเวทย์จะไม่มีการทำกิจกรรมชมรม ให้นักเรียนทุกคนฝึกฝนตัวเอง อย่าลืมว่าทักษะการต่อสู้ของโลกคาโรเนียสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดในตอนนี้" อาจารย์เอกกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนแหวกคอเสื้อเห็นรอยสักกำลังขยับเขยี้อนเหมือนสายน้ำในลำธาร "มาร์ศาสตร์มืดกำลังมา"
___________________________________
To Be Continue Ep.15