หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
'ทอม' มนุษย์เงินเดือนผู้จบชวิตลงด้วยอุบัติเหตุแสนน่าอนาถ วิญญาณจึงถูกดึงไปเกิดใหม่ชาติต่อไปในร่างหมาคอร์กี้แห่งโลกเวทมนตร์โดยมีความสามารถทางการสื่อสารเฉกเช่นมนุษย์ จนได้มาพบกับ 'อาเนีย' สาวน้อยนักเรียนแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ในร้านขาวสัตว์เลี้ยงและได้ตั้งชื่อใหม่ให้เป็น 'นัปโปะ' จากนั้นด้วยความบังเอิญบางอย่างทำให้นัปโปะรู้ว่าตัวเองสามารถร่ายคาถาเสกเวทมนตร์ได้ เขาจึงตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่หาใครเทียบเพื่อมีชีวิตอันสงบสบายกับเจ้าของ
การโจมตีของทั้งสองกำลังจะปะทะกัน เป็นไปได้สูงว่าอาจจะเกิดพลังทำลายล้างเกินควบคุม พลังของผมและอาเนียรวมกันไม่สามารถสะกิดคลื่นพลังเวทย์ขนาดมหึมา หากว่ามันระเบิดออก บริเวณแถวนี้คงเป็นจุลในพริบตา
"ทั้งสองคนหยุดได้แล้ว!!" อาเนียแผดเสียงดังลั่น นั่นไม่สามารถสู้เสียงพลังเวทย์ปะทะดังแสบแก้วหู เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร คลื่นออร่ากระแทกใส่ร่างบางกระเด็นไปนอนกับพื้น ผมพุ่งเข้าไปรับร่างที่หมดสติก่อนหาทางทำอะไรสักอย่าง เพื่อไม่ให้เรื่องมันบานปลาย
ถ้าผมอยู่ในร่างมนุษย์คงทำอะไรได้มากกว่านี้ล่ะนะ...
"ไอ้พวกนี้ไม่ยอมออมพลังตัวเองสักหน่อยเลยนะ" เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังพร้อมคลื่นลมกรรโชกหนึ่งจังหวะ ทำให้คลื่นพลังเวทย์ที่กำลังปะทะกันสลายไปอย่างง่ายดาย รวมถึงผู้ประลองโดยพลการทั้งสองด้วย เมื่อผมเงยหน้าจึงเห็นอาจารย์เอกในชุดไปรเวสเสื้อเชิ้ทสีขาวกางเกงสีดำสนิทลบมาดอาจารย์ไม่เหลือ คิ้วดำเข้มขมวด ดวงตาเรืองแสงสีแดงออร่าแผ่รังสีกดดันอึดอัด
เมื่อเหตุการณ์สงบลง เรย์ม่อนต์และคาลอสถูกทำโทษด้วยการกักบริเวณในหอพักทุกวันหยุดเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน อีกทั้งยังถูกตัดสิทธิ์ในการแข่งทัวร์นาเม้นต์ประลองเวทย์ นั่นทำให้ผมและอาเนียพลอยโล่งใจเพราะจะได้ไม่ต้องเจอกับยักษ์คู่
นับจากเหตุการณ์นั้นอาเนียจึงไปหาพื้นที่สำหรับเผาจดหมายเหล่านั้นที่อื่น โดยมีผมคอยช่วยอยู่ข้าง ๆ จนกระทั่งไม่เหลือฝุ่นผง ผ่านไปไม่กี่อึดใจท้องเริ่มส่งเสียงครวญคราง เราสองมองหน้ากันอย่างรู้กันเลยตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อและได้เจอกับแจ็คพร้อมแฮมสเตอร์คู่ใจเกาะอยู่บนบ่าเหมือนนกแก้วโจรสลัด มนุษย์ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจนเริ่มเห็นบางอย่างผลิบาน แจ็คดูไม่ได้หน้าตาแย่ แต่ด้วยความระริกระรี้ของเจ้าตัวจึงไม่ค่อยดูสง่าในฐานะชายชาตรีสักเท่าไหร่
ก็นะ...ยังอายุสิบสามปี เหลือเวลาอีกเยอะในการพัฒนาร่างกายและจิตใจ ทางเดินทอดยาวไปยังสถานะที่เรียกว่า 'ผู้ใหญ่' อีกตั้งไกล ต้องผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มากมายกว่าจะไปถึงจุดนั้น
.......
ฟ้าทมิฬปกคลุมท้องฟ้า ช่วงยามราตรีแทนที่อัสดง รอบปราสาทโรงเรียนครอบงำไปด้วยความเงียบยกเว้นภายในหอพักชั้นหนึ่งบริเวณห้องโถง ประตูทางเข้าถูกบาเรียปิดเป็นที่เรียบร้อย ทุกคนรู้กันดีว่าหากออกไปจากบาเรียแล้วจะไม่มีวันกลับเข้ามาได้อีกจนกว่าจะเช้า แถมมีสิทธิ์ถูกลงโทษตามกฎของโรงเรียน ทุกครั้งที่ผมมองบาเรียสีเหลืองนวลจาง ๆ กั้นทำให้นึกถึงแววตาอาจารย์ใหญ่หรือผู้สร้างระบบมองในคืนนั้นอย่างชัดเจนชวนขนลุกพอง อาเนียควงไม้กายสิทธิ์เล่นไปมาพลางเสกดวงไฟสีฟ้าเล็ก ๆ ขึ้นมาวนเล่นอย่างเบื่อหน่ายหลังจากเสร็จการบ้านทั้งหกวิชาโดยมีผมนอนหมอบอยู่ใกล้ ๆ มองดูแจ็กกับเล่นหมากรุกกับนักเรียนหัวดีอย่าง 'แบ็คชิม่า'
จากที่ผมนอนสังเกต ตารางกระดานสี่เหลี่ยมแบ่งช่องสีขาวสีดำเรียงสลับฟันปลา พร้อมหมากพระราชา พระราชินี ม้า อัศวิน เรือ เบี้ยไม่ต่างจากโลกชาติก่อนแม้แต่น้อย แต่แตกต่างกันตรงที่พวกเขาเล่นกันด้วยความเงียบ หมากทุกตัวเดินด้วยกระแสจิตของผู้เล่น ดวงตาทั้งสองแทบไม่กระพริบเนื่องจากต้องใช้สมาธิระดับหนึ่งในการควบคุมหมากแต่ละตัว อีกทั้งยังคิดกลยุทธ์แผนการพลิกแพลงไปมาเพื่อชิงชัยอีกฝ่าย
ยังไงมันก็น่าเบื่อสำหรับผมอยู่ดี หากมีมือถือให้เล่นคงฆ่าเวลาได้ดีกว่านี้
ผมหาวอ้าปากกว้างแล้วเอนศีรษะซบต้นแขนผู้เป็นนาย
"ง่วงแล้วเหรอนัปโปะ ตอนนี้มืดแล้วด้วย กลับไปห้องพักกันดีไหม?" อาเนียถามขึ้นก่อนดับดวงไฟรอบตัวทั้งหมดลง "พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าด้วย อยากนอนตื่นสายอีกจัง"
เธอบ่นเหมือนทุกเย็น ผมจึงลากเธอขึ้นไปบนแผ่นหินก่อนสั่งให้มันลอยขึ้นไปถึงห้องพัก กิจวัตรทำก่อนเข้านอนในทุกคืนมักจะซ้อมร่ายคาถาใส่กันพร้อมเสกโล่เวทย์ป้องกัน นับเป็นการพัฒนาทักษะรับรุกรวมถึงประสาทสัมผัสการรับรู้ให้เฉียบแหลมขึ้น แน่นอนว่าไม่ใช่ความคิดของอาจารย์สอนป้องกันตัว แต่เป็นผมที่ต้องการเก่งขึ้นเพื่อที่จะปกป้องอาเนีย รวมถึงฝึกให้เธอปกป้องตัวเองได้แม้ว่าผมไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว
แน่ล่ะ...ไม่ว่าจะโลกชาติที่แล้วหรือโลกชาตินี้ อนาคตมักเป็นสิ่งไม่สามารถคาดเดาได้เลย
..........
ความเงียบปกคลุมทั้งปราสาท ห้องโถงชั้นหนึ่งของหอพักดับไฟหมดแล้ว นักเรียนทุกคนกลับห้องพักสลบไสล
ภายนอกบาเรียมีใครบางคนในชุดคลุมพร้อมสวมฮูตซ่อนใบหน้าไว้ใต้เงาดำปรากฎตัวขึ้น ค่ำคืนเดือนมืดไม่มีแสงจากดวงจันทร์สาดส่องจึงสามารถลักลอบเข้ามาอย่างง่ายดาย
"เพื่อท่านองค์จักพรรดิและเหล่าพรรคพวก" เขากล่าววาจาอย่างแผ่วเบาก่อนหยิบไม้กายสิทธิ์โดยมีแสงเรืองสว่างจากปลาย "เผ่ามารศาสตร์มืดจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง เซมมา บีนาซ่า!!"
ลำแสงสีม่วงพุ่งออกจากปลายไม้กายสิทธิ์ตรงไปยังบาเรีย เกิดลมกรรโชกวูบหนึ่ง ทันทีที่ลำแสงพิฆาตกระแทกกับโดมคุ้มกันจึงเกิดคลื่นพลังโต้ไปมา คาดว่าเป็นกลไกป้องกันของบาเรีย ชายในเสื้อคลุมปิดใบหน้ากัดฟันแน่นพยายามเค้นพลังในร่างกายลึกถึงจิตวิญญาณ ไม้กายสิทธิ์เริ่มเกิดรอยปริขยายตัวออกไปรอบ ไอพลังสีฟ้าครามเอ่อล้นออกมา นิ้วมือทั้งห้าที่กำอาวุธหนึ่งเดียวไว้แน่นเกิดรอยสีทมิฬ
ตู้ม!!
โดมบาเรียระเบิดแตกออก เศษเสี้ยวส่วนเล็กส่วนน้อยกระจัดกระจายเหมือนแก้วกระทบพื้น ขณะนี้ตึกหอพักนักเรียนไม่เหลือแนวสิ่งป้องกันจากสิ่งชั่วร้ายจากภายนอกอีกต่อไป นักเรียนภายในหอพักหลายคนสะดุ้งตื่นจากภวังค์
ชายสวมชุดคลุมสีดำแสยะยิ้มท่ามกลางความสำเร็จ ไม้กายสิทธิ์ในมือแตกสลายพร้อมร่างกายค่อย ๆ กลายเป็นเถ้าผ่านสีทมิฬปลิวหายไปตามสายลม
ในเวลาเดียวกัน ประตูมิติเปิดออกจำนวนนับสิบพร้อมเหล่าบุคคลสวมเสื้อคลุมสีดำพร้อมฮูตคลุมศีรษะปิดใบหน้าโผล่ออกมานับไม่ถ้วน ในมือพวกมันถือไม้กายสิทธิ์ดั่งอาวุธสังหาร พวกมันไม่รอให้ผู้นำสั่งการเหมือนกับว่ารู้คำสั่งอยู่แล้วจึงใช้คาถาลอยตัวขั้นสูงบินขึ้นไปยังห้องพักของเหล่านักเรียนผู้ซึ่งยังคงคำถามมากมาย เหล่าผู้บุกรุกพังประตูเข้าไปด้วยคำสาปลำแสงสีม่วงและจับเด็ก ๆ ออกมามัดด้วยเชือกเวทมนตร์วางสุมไว้มุมหนึ่งของตึก พวกเขาต่างตกใจหวาดกลัวกับสถานการณ์เป็นอย่างมาก ส่วนพวกที่ต่อต้านต่อสู้จึงถูกอัดคาถาสงบนิ่งหลายครั้งจนบาดเจ็บสาหัส ทุกอย่างมันรวดเร็วมากจนเหล่านักเรียนไม่สามารถตั้งสติ พวกเขาต่างเรียกหาผู้ปกครองและอาจารย์ กลับไม่มีใครเข้าช่วยเหลือ ผู้บุกรุกตะคอกใส่อย่างรุนแรงบังคับให้หุบปาก นั่นทำให้พวกเด็ก ๆ หวาดกลัวหนักขึ้นไปอีก แววตาพวกเขาเต็มไปด้วยหยาดน้ำใสก่อนปริ่มทะลักไหลอาบแก้ม ร่ายกายสั่นเกร็ง
ตัดกลับไปยังห้องพักอาจารย์เอก เขากระชากตัวลุกขึ้นจากที่นอนในสภาพเปลือยบนเผยรอยสักสีดำทมิฬที่ตอนนี้ชัดเจนกว่าเดิมและขยับไปมาบนเรือนร่างอันกำยำไม่หยุด สร้างความตกใจแก่ชายวัยกลางคนอย่างมาก เขาคว้าไม้กายสิทธิ์พร้อมพุ่งตัวออกไปเผชิญหน้ากับเหล่าผู้บุกรุกจำนวนหนึ่ง พวกมันตวัดไม้กายสิทธิ์ยิงคำสาปลำแสงสีม่วงใส่ อาจารย์เอกร่ายคาถาสร้างโล่เวทย์ป้องกันอย่างรวดเร็วก่อนร่ายคาถาสงบนิ่งใส่อีกพร้อมร่ายคาถาลูกบอลไฟใส่จนผู้บุกรุกพ่ายไปหลายคน
จนกระทั่งปะทะกับผู้บุกรุกคนหนึ่งซึ่งพันผ้าสีดำคลุมดวงตาเผยจมูกและปากซึ่งปรากฎแผลไฟไหม้เหวอะหวะ อาจารย์เอกชะงักในทันทีที่พบอีกฝ่าย แต่ไม่ได้แสดงความหวาดหวั่นออกมา
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนี่หว่า ไอ้เพื่อนเก่าผู้ทรยศ" ผู้บุกรุกผ้าพันตาเอ่ยพลางชี้ไม้กายสิทธิ์พร้อมยิงคำสาปลำแสงสีม่วงได้ทุกเมื่อ รอยยิ้มแสยะเต็มไปด้วยรอยแผลไฟไหม้น่าขยะแขยงไม่ต่างจากโทลล์ภูเขา "ตั้งแต่เลิกเป็นมารก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นนี่หว่า ไม่เหมือนสัตว์ประหลาดที่ฆ่าคนไม่เลือกหน้าแบบเมื่อก่อน"
"มันกลายเป็นอดีตไปแล้ว เซอบีรัส มารในตัวฉันหายไปหมดแล้ว" อาจารย์เอกกล่าวพร้อมยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นปลายเรืองแสงสีม่วงพร้อมสังหารอีกฝ่าย "แกเองก็ควรจะเป็นเช่นนั้น"
"คิดจะฆ่าเพื่อนเหรอวะ? เอาสิ! เหมือนที่เคยฆ่า 'เรน่า' ไงล่ะ!! ทำเลย!!" มารเซอบีรัสท้าทายเสียงดังรอยยิ้มแสยะฉีกกว้าง "อย่าลืมสิว่าของสำคัญของมึงยังอยู่ที่กู ในร่างกายกูนี่ ถ้าฆ่ามารลงคงจะรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น"
สีหน้าของอาจารย์เอกตึง กล้ามเนื้อใบหน้าเกร็งจนไม่สามารถขยับได้ตามต้องการ มีเพียงสมองซ่อนอยู่ภายใต้กระโหลกที่ยังเต้นตุบ ๆ ประมวลความคิดแสนซับซ้อน
............
สมุนมารตัวนั้นพังประตูเข้ามาในห้องพักของผม ลานประตูหักเป็นสองท่อนเพราะพลานุภาพคาถาลำแสงสีม่วง ผมกับอาเนียสะดุ้งตื่นขั้นมาพร้อมชักไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาตั้งรับ มันยิงคาถาสงบนิ่งใส่ ผมจึงร่ายคาถาสร้างโล่ป้องกันไว้ทันเวลาก่อนทำคอมโบด้วยคาถาสงบนิ่งของอาเนีย มันตั้งโล่ป้องกันได้ ในช่วงเวลาที่โล่กำลังจางลง ผมจัดการเสกกระสุนลูกไฟใส่ร่างสมุนมารชุดดำจนเสื้อคลุมติดไฟไหม้ อาเนียเสกคาถาลอยตัวใส่แล้วผลักกระเด็นออกไปนอกห้อง แต่แล้วสมุนมารอีกสองตัวพุ่งกรูเข้ามา ผมจึงร่ายเวทควบคุมน้ำผลักพวกมันกระเด็นออกไปอีกครั้ง
"ตั้งรับแบบนี้คงไม่ไหวแน่ ออกไปกันเถอะ!" ผมเอ่ยก่อนพุ่งตัวออกไปยืนบนแผ่นหิน อาเนียตามไปด้วย
ในตึกหอพักตอนนี้ได้กลายเป็นสมรภูมิไปแล้ว เสียงเสกคาถา เสียงร้องให้ เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่ว แต่ไม่เห็นวี่แววอาจารย์เลยแม้แต่คนเดียว
"โหดร้ายจัง..." อาเนียเม้มริมฝีปากก่อนร่ายมนตร์บังคับให้แผ่นหินลอยขึ้น "หรือว่าพวกนี้คือมารศาสตร์มืดงั้นเหรอ?"
"จากที่ดูด้านล่างแล้ว คงไม่ใช่แค่โจรกระจอกแน่" ผมคาบไม้กายสิทธิ์แน่นพลางหันซ้ายหันขวามองจนเห็นว่าเหล่ามารศาสตร์มืดจำนวนนับไม่ถ้วนลอยคว้างบนอากาศล้อมพวกเรา
คู่ดวงตาประกายเบิกโตก่อนตัดสินใจร่ายคาถาแยกร่างพร้อมต่อกรกับพวกมัน
"เวอซาโต คอบโปะ!!"
______________________________
To Be Continue Ep.17