หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์

เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์ - ตอนที่ 17 จักรพรรดิมารเสด็จ โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์

ผู้แต่ง

นิวไม่จิ๋ว

เรื่องย่อ

 'ทอม' มนุษย์เงินเดือนผู้จบชวิตลงด้วยอุบัติเหตุแสนน่าอนาถ วิญญาณจึงถูกดึงไปเกิดใหม่ชาติต่อไปในร่างหมาคอร์กี้แห่งโลกเวทมนตร์โดยมีความสามารถทางการสื่อสารเฉกเช่นมนุษย์ จนได้มาพบกับ 'อาเนีย' สาวน้อยนักเรียนแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ในร้านขาวสัตว์เลี้ยงและได้ตั้งชื่อใหม่ให้เป็น 'นัปโปะ' จากนั้นด้วยความบังเอิญบางอย่างทำให้นัปโปะรู้ว่าตัวเองสามารถร่ายคาถาเสกเวทมนตร์ได้ เขาจึงตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่หาใครเทียบเพื่อมีชีวิตอันสงบสบายกับเจ้าของ

สารบัญ

เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 1 หมาตูดใหญ่,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 2 สัตว์เลี้ยวแสนรักก่อเรื่อง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 3 คาถาแยกร่าง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 4 โรงเรียนเวทมนตร์ศาสตร์เอสคูเรีย,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 5 ผู้สร้างระบบ,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 6 หอพักสูงเสียดฟ้า,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 7 ชมรมประลองเวทย์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 8 ผจญภัยยามวิกาล,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 9 มารศาสตร์มืด,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 10 วิชาคาถามหัศจรรย์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 11 สัตว์เลี้ยงผู้ช่วย,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 12 สนทนากับอาจารย์ใหญ่,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 13 ร่างมนุษย์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 14 ทัวร์นาเม้นต์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 15 ผู้ท้าทายในวันหยุด,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 16 คืนบุกรุก,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 17 จักรพรรดิมารเสด็จ,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 18 อาจารย์ใหญ่ ปะทะ จักรพรรดิมาร,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 19 โหมดจอมเวทย์ผู้พิทักษ์

เนื้อหา

ตอนที่ 17 จักรพรรดิมารเสด็จ

แม้จะใช้คาถาแยกร่างช่วยสู้ มันไม่ได้ทำให้สถานการณ์มันพลิกแพลงไปได้เลย ในช่วงเวลาที่ผมพ่ายแพ้และถูกจับมัดกองรวมไว้กับนักเรียนคนอื่น ทำให้รู้ได้ว่าตัวเองอ่อนแอเพียงใด ร่างกายป้อม ขาสั้นเตี้ยถูกมัดด้วยเชือกวิเศษ ใช้แรงขากรรไกรมากเท่าไหร่ก็ไม่มีท่าทีขาดจากกัน


"ปะ...ปล่อยนะโว้ย!!" ผมดิ้นทุรนทุรายกลิ้งไปมาจนอาเนียต้องจับผมล็อกด้วยขาสองข้าง

"ตั้งสติให้ดีหน่อยสินับโปะ ไม่เห็นเหรอว่าพวกมันจะฆ่าเราได้ทุกเมื่อเลยนะ" เด็กสาวกระซิบ

"ทำไมคาถาแยกร่างมันไม่ได้ผล ผมอุตส่าห์สู้สุดชีวิตแล้วนะ จัดการมันไปได้ตั้งห้าตัวแหน่ะ!" ผมพ่นลมหายใจออกทางจมูก "รุมแบบนั้นมันไม่แฟร์เลย! แน่จริงก็มาตัวต่อตัวกันสิวะ!!"

"ได้ยังไงล่ะนัปโปะ เราถูกยึดไม้กายสิทธิ์ไปแล้ว แถมยังใช้เวทมนตร์ด้วยมือเปล่าไม่ได้อีก แบบนี้เห็นทีจะต้องนั่งรอคอยความช่วยเหลืออยู่อย่างนี้แล้วล่ะ" อาเนียพยายามพูดให้ผมใจเย็นลง แต่เชื่อเถอะว่าผมมีอดีตไม่ดีกับการโดนมัดแบบนี้อยู่แล้วด้วย

"ถ้าใช้เวทมนตร์ได้ด้วยมือเปล่านะ จะจัดการพวกมันให้ยับเลยคอยดู!!" ฟันเขี้ยวของผมยังคงกัดขย้ำเชือกวิเศษซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายผลลัพธ์ยังคงเหมือนเดิม


"ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวอาจารย์เอกก็มาช่วยพวกเราแล้ว เราเชื่อว่าอาจารย์จะไม่ทอดทิ้งพวกเราแน่นอน" เฌอแตมพูดให้กำลังใจเติมเต็มความหวัง


แต่แล้ว...


อาจารย์เอกถูกตรึงข้อมือสองข้างประสานกันไว้ด้านหลังด้วยเชือกวิเศษ บาดแผลโลหิตอาบทั่วร่างสร้างความหวาดผวาแก่เหล่านักเรียน รอยสักอักขระต่าง ๆ ยังคงเคลื่อนไหวไปมาไม่หยุด ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดไหลสะพรึงกลัว กางเกงขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี มองปราดเดียวก็สามารถคาดเดาการต่อสู้แสนดุเดือดได้ไม่ยาก


"อาจารย์...อาจารย์เอกโดยจับ!" นักเรียนปีหนึ่งตะโกน ทันทีทันใดเหล่านักเรียนได้รับรู้ถึงความหวังดับวูบ สีหน้าของพวกเราซีดเผือกเมื่อได้เห็นสภาพของอาจารย์อันเป็นที่รักของพวกเขาถูกจับแบบไร้การตอบโต้


"ทะ...ทำไมล่ะ อาจารย์...อาจารย์สอนป้องกันตัวของพวกเราโดนจับ..."

"ปล่อยอาจารย์ของพวกเราเดี๋ยวนี้นะ!!" เสียงนักเรียนหญิงคนหนึ่งดังขึ้น เพียงเท่านั้นจึงทำให้ที่เหลือเริ่มลุกยืนขึ้นก่อกบฎ ทำได้ไม่กี่อึดใจเสียงแหลมแสบแก้วหูปริศนาดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย อาเนียเอาตัวเข้ามาคล่อมร่างผมไว้เพราะไม่สามารถใช้ขาหน้าสั้น ๆ นี้ยกขึ้นมาปิดหูได้นั่นเอง

"นัปโปะอดทนหน่อยนะ!!" เธอหลับตาปี้และกัดฟันแน่นจนกระทั่งเสียงนั่นเงียบเชียบลง ในตอนนั้นรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถูกตัดเส้นเสียงหายไปจนหมด ผมสะบัดหัวสองสามครั้งจนมันสามารถกลับมาได้ยินอีกครั้ง


"ให้ตายสิ ร่างนี้ไม่ได้อเนกประสงค์อะไรเล้ย..." ผมกระซิบบ่นก่อนเห็นประตูมิติทมิฬขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นท่ามกลางเหล่าสมุนมารศาสตร์มืด ความอึดอัดกดดันราวกับมีใบกวนปั่นอยู่ในช่องท้องชวนอาเจียนกระท้อนขึ้นจุกลำคอ หยดเหงื่อผุดมาจากผิวหนังอันปกคลุมไปด้วยขนสีส้มฟูจับตัวเป็นปลายแหลม สัญชาตญาณบางอย่างกระซิบข้างหูว่าจะมีสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดในชาติภพกำลังย่างกรายใกล้เข้ามา ในขณะเดียวกันไม่มีนักเรียนคนไหนกล้าเอ่ยปากแม้แต่คำเดียว


ตุบ...ตุบ..ตุบ...


เหล่าลูกสมุนคุกเข่าคำนับอย่างพร้อมเพรียงทันที


เสียงฝีเท้าดังเป็นจังหวะหนักหน่วงชัดเจนเพิ่มความกดดันมากล้นเหลือบรรยายแตกต่างจากเหล่ามารก่อนหน้าแบบเทียบไม่ติด ร่างผอมบางสูงโปร่งเกือบสามเมตรสวมชุดเสื้อคลุมสีดำทมิฬพร้อมหมวกเกราะทรงประหลาดตีขึ้นจากโลหะเผยให้เห็นเพียงดวงตาเรืองแสงสีแดงฉานราวกับเลือด ในมือถือไม้กายสิทธิ์สีดำเปล่งออร่าสีม่วงห่อหุ้ม ยังไม่รวมออร่าสีเดียวกันปกคลุมทั้งร่างยิ่งสร้างความกดดันหนักอึ้งเหมือนเพิ่มแรงโน้มถ่วงอีกเท่ายังไงยังงั้น เสียงลมหายใจดังทุ้มเหมือนสัตว์อสูร มันหยุดลงในทันทีที่ก้าวออกมาเพียงหกก้าวมองไปรอบ ๆ ด้วยท่าทางนิ่งสงัด 


"ต้องขออภัยที่จำเป็นต้องปลุกขึ้นในยามวิกาลแบบนี้" มารดำร่างสูงกล่าวเสียงทุ้มต่ำอันทรงพลัง ดวงตาสีแดงสว่างลอดผ่านสองรูหมวกเกราะคลุมทั้งศีรษะมาทางนักเรียน "ข้าจำเป็นต้องบุกรุกโรงเรียนซึ่งเคยเป็นสถาบันแห่งการฝึกฝนเวทมนตร์ให้กับข้าจนกระทั่งจบการศึกษา เป็นรุ่นพี่ของพวกเจ้า ในปีนี้เอสคูเรียได้ซ่อนบางสิ่งบางอย่างไว้โดยไม่รู้ตัว มันเป็นกุญแจดอกสุดท้ายที่จะทำให้ข้าได้รับพลังเทียบเคียงกับพระเจ้า จากนั้นโลกคาโรเนียจะตกเป็นของข้ายันโคตรตระกูล"


ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือแม้แต่หายใจ ความหวาดกลัวแทรกซึมไปทุกอณู อาเนียนั่งขดตัวสั่นระริกเหมือนลูกแมวขนเปียกท่ามกลางสายฝนโหมกระหน่ำ 


"แน่นอนว่าทายาทของข้านั้นอยู่ที่นี่ด้วย แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ไปพาตัวอาจารย์ใหญ่คอนเนอร์มาเดี๋ยวนี้" เขาชี้ไม้กายสิทธิ์ไปยังเด็กชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งก่อนลำแสงสีม่วงพุ่งเจาะตัดขั้วหัวใจอย่างรวดเร็วแและแม่นยำ ฉากสังหารจบลงในเวลาไม่กี่เสี้ยววินาที เป็นการตายที่ไม่ทรมานแต่โหดร้ายเหนือนับคณา ร่างเล็กหงายหลังแน่นิ่งลงไปกับพื้น ดวงตาเลื่อนลอยไร้จิตวิญญาณ "หากขัดขืน มันจะทำให้เรื่องมันยากขึ้นไปอีก"


เหล่านักเรียนที่ได้เห็นเหตุการณ์ฝันร้ายตรงหน้าจึงกรีดร้องร่ำให้น้ำตาไหลพราก ผู้มาเยือนเสกคาถาปิดปากพวกนักเรียนทันทีด้วยสีหน้านิ่งสนิทภายใต้หมวกเกราะน่าสะพรึง ผมไม่สามารถขยับขากรรไกรได้เลย มันเหมือนโดนกาวร้อนหยอดหมดหลอดยังไงยังงั้น


"บอกตามตรงว่าข้าคิดถึงสถานที่แห่งนี้เสียเหลือเกิน กิน เรียน เที่ยว แหกกฎ ไม่ว่านักเรียนคนไหนก็เคยผ่านมาก่อน" อีกฝ่ายกล่าวต่อ "เชื่อเถอะว่าในฐานะรุ่นพี่ขอบอกไว้เลยว่าการสอนของเอสคูเรียมันล้าหลังไปมาก ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้หลักสูตรยังคงใช้ของเมื่อพันปีที่แล้ว การพัฒนามันอยู่ที่ไหนล่ะ?" 

"เดี๋ยวก่อน...ท่านจักรพรรดิ..." อาจารย์เอกเอ่ยโพล่งขึ้นแต่ก็ถูกเวทย์ปิดปากทันที

"คนทรยศอย่างแกไม่มีค่าให้พูดคุยด้วยหรอก ไอ้เอก" ดวงตาสีแดงฉานใต้หมวกเกราะสว่างขึ้น ความึดอัดรอบด้านทวีคูณยิ่งกว่าเดิม "ถึงแกจะเคยเป็นสมุนเอกมือขวาของข้าตามจำนวนรอยสักตามร่างกาย สุดท้ายความจงรักภักดีกลับเป็นศูนย์ ช่างน่าผิดหวังเสียเหลือเกิน"


ระหว่างที่อาจารย์เอกกับเจ้าหมวกเหล็ก ผมพยายามรวบรวมกำลังไว้ที่กราม จากนั้นลองจินตนาการถึงพลังเวทย์ค่อย ๆ พากันไปรวมอยู่จุดนั้นจุดเดียว ผมหลับตาปี๋กระชากมนตร์ปิดปากของศัตรูเสื่อมถอยในทันทีอย่างเงียบเชียบ จากนั้นจึงคว้าไม้กายสิทธิ์ในมือของสมุนมารตัวหนึ่งด้วยปากซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ


"ไซคินล่า!!" ผมยิงลูกไฟจำนวนมากใส่ชายหมวกเหล็กทันทีไม่ลังเลหมายทำให้พ่ายหรือไม่ก็ปลิดชีพ


ความเยือกเย็นของอีกฝ่ายทำเอาผมชะงักไปได้ครู่หนึ่ง ลูกไฟขนาดเท่ากำปั้นมนุษย์ถูกหยุดไว้กลางอากาศด้วยการตวัดไม้กายสิทธิ์เพียงครั้งเดียวโดยไม่มีการเอ่ยคำร่าย นั่นคือข้อพิสูจน์ของความห่างชั้นเกินไป


"เวอซาโต้คอบโปะ!!" กัดลิ้นตัวเองอย่างแรงเพื่อเรียกสติ รสชาติเหม็นคาวเลือดซึมเข้าต่อมรับรส ก่อนแยกร่างออกมาจำนวนสิบร่างก่อนคาถายิงลูกไฟใส่อีกฝ่ายพร้อมกัน ไม่เพียงเท่านั้น "อียอนน่า!!"


ลูกไฟทั้งสิบเคลื่อนไหวตามความต้องการจากคาถายกสิ่งของ สมุนมารบางตัวตั้งใจเสกคาถาลำแสงสีม่วงใส่ ผมจึงให้หนึ่งในร่างแยกเข้ามารับไว้แทนก่อนจะสลายหายไป พวกมันเข้ามารุมล้อมผมมากขึ้น ท่ามกลางความตกใจของเหล่านักเรียนที่เห็นเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งอาเนียอยู่ในกลุ่มจึงพยายามร้องตะโกนเรียกแต่ไม่สามารถทำได้เพราะมีเวทย์พันธนาการวาจา


ผมสังเกตคาถาคำสาปลำแสงสีม่วงนี้มาได้สักพัก ความรุนแรงของมันถึงขนาดฆ่าคนตายได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว มันไม่เหมือนกับคำสาปพิฆาตในหนังที่จะพรากวิญญาณเมื่อร่ายใส่เป้าหมาย แต่เป็นลำแสงเหมือนคมดาบเจาะทะลุร่างกายเท่านั้น หากว่าผมโดยมันเพียงครั้งเดียวคงได้ไปเกิดใหม่อีกภพแน่


ผมยิงคาถาลูกไฟสวนกลับใส่สมุนสองคนล้ม ไฟคลอกเสื้อคลุมสีดำไหม้ทะลุถึงเนื้อหนัง เสียงกรีดร้องสยองขวัญทำให้เหล่านักเรียนหวาดหวั่นแต่สะใจ 


"ออกไปจากที่นี่ซะ!" ผมจ่อไม้กายสิทธิ์ไปทางชายหมวกเหล็กหลังจากร่างแยกของผมสามารถต่อกรกับเหล่าสมุนมาร "และอย่ากลับมาเหยียบโรงเรียนเอสคูเรียอีก ต่อให้เป็นโรงเรียนที่แกเรียนจบมาก็ไม่มีสิทธิ์!!"


อีกฝ่ายดูท่าไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย


"เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นหมาพูดได้เป็นครั้งแรกนี่แหละ" ชายหมวกเหล็กกล่าวอย่างใจเย็นพร้อมยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นหันปลายมาทางผมด้วยท่าทางเยือกเย็นไร้ความลังเลราวกับเพชรฆาตผู้ปลิดชีพคนนับล้าน ออร่าสีม่วงรอบไม้กายสิทธิ์สร้างความกดดันทั้งร่างกายและจิตใจจนขาสั้นป้อมอ่อนแรงยวบ "เป็นแค่หมาใช้เวทมนตร์ได้ แถมยังจัดการสมุนไปหลายคนอีก แบบนี้ต้องให้รางวัลด้วยความตาย"

"ช่างเป็นตัวร้ายตามแบบฉบับตามตำราจริงนะ" ผมแสยะแยกเขี้ยวขู่ "แน่จริงก็มาประลองกันอย่างลูกผู้ชาย"


ชายหมวกเหล็กยิงคาถาใส่ ผมจึงใช้คาถากระโดดสูงหลบการโจมตีได้โดยไม่ได้สนใจรอบข้างและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร่างแยกของผมถูกกำจัดไปหมดแล้ว กำปั้นหนึ่งลอยอัดเข้าใบหน้าของผมไม่ทันตั้งตัว สติสมองเลื่อนลอยหายไปเหมือนถูกดึงปลั้ก ในขณะเดียวกันผมจึงเข้าใจว่าร่างกายนี้บอบบางเพียงใด มันยืนคร่อมร่างผมที่กำลังสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวพร้อมจ่อไม้กายสิทธิ์ซึ่งมาแสงสีม่วงจากปลายไม้ค่อย ๆ สว่างขึ้นพร้อมปลิดชีพดังต้องการ


"อย่าทำนัปโปะนะ!!" เสียงอันคุ้นหูร้องดังขึ้น

.

.

.

เดี๋ยวนะ...


อาเนีย!?


"ไอ้มารชั่ว!!" เด็กสาวตะคอกเสียงก่อนพุ่งตัวเข้ามาหาผม แต่กลับถูกสมุนมารตนหนึ่งขวางทางพร้อมง้างมือตบหน้าสุดแรงจนร่างเล็กกระเด็นลงกับพื้น


ท่ามกลางความตกใจผมทำอะไรไม่ได้เลย ไม่แม้แต่จะลุกขึ้นมาปกป้องผู้เป็นนาย ช่างเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไร้ประโยชน์เสียจริง!


"เซมมา บีนาซ่า!" ลำแสงสีม่วงพุ่งจากไม้กายสิทธิ์ของชายหมวกเหล็กเจาะทะลุร่างสมุนมารตนนั้นเผชิญความตายในทันที


"ทะ...ท่านจักรพรรดิ! ทำไมถึงฆ่า..." สมุนมารอีกตนรีบหุบปากไม่กล้าว่าอะไรต่อเมื่อปลายไม้จากผู้เป็นนายจ่อคอหอย ความกดดันยิ่งทวีคูณมากขึ้นจนนักเรียนบางคนหมดสติ


"ทำอะไรไม่เข้าเรื่อง" จักรพรรดิมารเอ่ยเสียงต่ำอย่างหงุดหงิด "เด็กคนนั้นคือเป้าหมายของเรา หากชำรุดเสียหายขึ้นมาชดใช้ด้วยชีวิตโคตรตระกูลก็ไม่หมดหรอก!"


"ฉันไม่ยอมให้แกพาตัวเด็กคนนั้นไปแน่ จักรพรรดิมาร" เสียงอันทรงพลังดังขึ้นพร้อมกับการปรากฎตัวของอาจารย์ใหญ่คอนเนอร์


__________________________________________


To Be Continue Ep.18