หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
'ทอม' มนุษย์เงินเดือนผู้จบชวิตลงด้วยอุบัติเหตุแสนน่าอนาถ วิญญาณจึงถูกดึงไปเกิดใหม่ชาติต่อไปในร่างหมาคอร์กี้แห่งโลกเวทมนตร์โดยมีความสามารถทางการสื่อสารเฉกเช่นมนุษย์ จนได้มาพบกับ 'อาเนีย' สาวน้อยนักเรียนแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ในร้านขาวสัตว์เลี้ยงและได้ตั้งชื่อใหม่ให้เป็น 'นัปโปะ' จากนั้นด้วยความบังเอิญบางอย่างทำให้นัปโปะรู้ว่าตัวเองสามารถร่ายคาถาเสกเวทมนตร์ได้ เขาจึงตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่หาใครเทียบเพื่อมีชีวิตอันสงบสบายกับเจ้าของ
ความชั่วร้ายแสนหดหู่เจ็บปวดทรมานคืบคลานมาเยือนโรงเรียนเวทมนตร์ศาสตร์เอสคูเรีย จากที่ผมเคยอ่านในประวัติศาสตร์ของโลกคาโรเนียว่าโรงเรียนนี้เป็นปราการด้านสุดท้ายหากมารศาสตร์มืดรุกรานจึงมั่นใจว่าทุกอย่างในโรงเรียนนี้จะสามารถปกป้องอาเนียและผมให้ปลอดภัยได้
ตั้งแต่จากโลกมนุษย์มายังโลก ผมจำความได้ว่าตัวเองพบกับผู้สร้างครั้งแรก เขาสัมภาษณ์ผมถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าทั้งหลายแหล่ทั้ง ๆ ที่เขามีข้อมูลเหล่านั้นอยู่แล้ว การสนทนากวนโอ๊ยไม่มีสาระชวนหงุดหงิดแต่ผ่อนคลายเบาบางอย่างบอกไม่ถูกแตกต่างจากชีวิตก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง ผมจำบทสนทนาทั้งหมดไม่ได้ราวกับผู้สร้างไม่ต้องการอย่างนั้น
"ทุกความตายล้วนเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งใหม่ที่จะพาเราไปยังสถานที่ต่าง ๆ อันไม่คุ้นเคย" มีเพียงประโยคเดียวที่ผมจำได้ มันทรงพลังมากกว่าคำพูดไหนเคยได้ยิน
จนกระทั่งมารู้ตัวอีกทีก็ลืมตาขึ้นมาในตรอกหนึ่งของโลกคาโรเนียแล้ว อีกทั้งยังรู้ว่าตัวเองสามารถใช้เวทมนตร์ได้แม้จะอยู่ในร่างหมาคอร์กี้ขาสั้นก้นใหญ่ดูนุ่มนิ่มใจดี ทันทีที่เจอกับอาเนีย ผมมั่นใจเลยว่าโชคชะตาของผมคงเปลี่ยนไปในทางไหนไม่อาจทราบได้
ความสามารถด้านเวทมนตร์ของผมเป็นที่ประจักษ์ในสายตาเหล่านักเรียนและอาจารย์ การฝึกฝนทุกวันแทบลากเลือดในชมรมการประลองและวิชาป้องกันตัว เพราะผมรู้ว่าโลกทุกใบมันไม่มีทางขาวสุดหรือดำสุดอย่างแน่นอน
มันเทา...หากมีฝ่ายธรรมะ ย่อมเกิดอธรรมขึ้นนับเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ผมคิดเรื่องที่ผ่านมาซ้ำไปซ้ำมาวนเป็นลูปไม่รู้จักจบสิ้น จนบางทีเกือบเป็นบ้า ผมปลงทุกอย่างทิ้งไว้วนโลกชาติก่อน ร่างกายแสนอ่อนแอ โปรไฟล์เห่ยไร้อนาคต ภรรยามีชู้แถมยังจบชีวิตด้วยรถของชู้อีนั่นอีก เชื่อเถอะว่าคงมีคนอื่นที่ประสบพบเจอกับเหตุการณ์คล้ายคลึงหรือยิ่งกว่า แล้วยังไงล่ะ? ในเมื่อเรื่องราวของผมมันขมขื่นจนบอระเพ็ดต้องศิโรราบ
ผมลืมตาตื่นจากห้วงความผิด เห็นจอโฮโลแกรมจำนวนมากโผล่ผุดขึ้นมากลางอากาศ รอบข้างมีแต่พื้นที่สีขาวสว่างเหมือนถูกยัดไว้ในห้องแคบ จู่ ๆ รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่งปั่นป่วนภายในช่องท้อง ความดันค่อย ๆ ก่อตัวจนอุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าใจหาย
"ฉันจะปลดล็อกร่างมนุษย์ให้กับนาย" เสียงของผู้สร้างระบบดังมาจากทั่วทิศทาง ผมหันมองรอบทิศไม่พบร่างเจ้าของเสียง "นายสามารถใช้งานมันได้สามนาที เมื่อพลังเวทย์ของนายเพิ่มสูงขึ้น ระยะเวลาการใช้งานจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ใช้มันปกป้องเจ้านายแสนรักซะ"
"แน่นอนสิวะ!" ผมตอบรับโดยไม่คิดลังเล
...................
จักรพรรดิมารโยนร่างอันไร้สติของคาลอสให้กับสมุนคนหนึ่ง เขาใช้คาถายกร่างพร้อมร่ายคาถาเปิดประตูมิติทมิฬ
"ส่งมอบเด็กผู้ชายไปทรมานเปลี่ยนให้เป็นมาร ส่วนเด็กผู้หญิงไปที่ห้องผ่าตัด เราจะชำแหละเอาหัวใจออกมาเอง" จักรพรรดิมารสั่งงานเหล่าสมุน แต่แล้วชะงักไป เขารับรู้กลิ่นอันไม่ชอบมาพากลมาจากด้านหลัง แรงกดดันบางอย่างกระทบแผ่นหลัง "พวกแกไปกันก่อน ฉันจะตามไปทีหลัง"
กระสุนเวทย์จำนวนหนึ่งพุ่งผ่านชายหมวกเหล็กกระแทกเข้าไปเหล่าสมุนมารที่ยกร่างคาลอสและอาเนีย ร่างทั้งสองถูกหยุดไว้กลางอากาศก่อนค่อย ๆ หย่อนลงพื้นอย่างนุ่มนวล จักรพรรดิมารเห็นดังนั้นจึงหันหลังกลับไป พวกลูกสมุนยกไม้กายสิทธิ์จ่อมายังแสงสีขาวประหลาดสว่างวาปขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
"อย่าบอกนะว่าเป็นไอ้หมาตัวเมื่อกี้?" ชายหมวกเหล็กขมวดคิ้วก่อนส่งสัญญาณให้เหล่าสมุนเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ พวกมันสัมผัสถึงแรกกดดันจนเริ่มเกี่ยงกันไม่กล้าเข้าใกล้ เหล่านักเรียนที่เหลือต่างตกตะลึง "ไม่น่าเชื่อว่าสัตว์เลี้ยงผู้ช่วยของเด็กนี่จะมีพลังสูงขนาดนี้ มันไม่ใช่สัตว์วิเศษด้วยซ้ำ"
"นี่คือไม้ตายสุดท้ายของจริง" อาจารย์ใหญ่คอนเนอร์เอ่ยพลางทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมถอนหายใจยาว ดวงตาเป็นประกายสะท้อนภาพหนึ่งภายใต้แสงสว่าง ไม่เพียงเท่านั้น ระเบิดปริศนาปะทุขึ้นภายในตึกหอพักจนเกิดควันหนาครอบคลุมบดบังทัศนวิสัยสิ้น
"มีเงาคนยืนอยู่ตรงหน้าเราครับท่านองค์จักรพรรดิ!" สมุนมารตัวหนึ่งพูดขึ้น "คาดว่าไม่ได้คนของเราครับ!!"
"ถ้าอย่างนั้นก็จัดการเลย! ใช้คาถาตัดชีวิตเผด็จศึกซะ" ชายหมวกเหล็กสั่งการในทันทีเมื่อสัญชาตญาณตะโกนเตือนภัย
สมุนมารศาสตร์มืดไม่รอช้าปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาสูงสุดในทันที ลำแสงสีม่วงจากปลายไม้กายสิทธิ์พุ่งทะยานพร้อมกันราวสายฝน แต่กลับถูกใครบางคนสกัดได้หมด
"เหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยครับท่านจักรพรรดิ"
"ไอ้หมาตัวนี้มันร่ายเวทย์เก่งใช้ได้ เข้าไปรุมกระทืบมันเลย"
สมุนมารศาสตร์มืดร่ายเวทย์เสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเองก่อนพุ่งหายเข้าไปในหมอกควัน เสียงตะรุมบอนดังขึ้น จักรพรรดิมารยืนนิ่งสายตาจับจ้องลึกไปยังหมอกควันหนาเตอะ ไม่กี่อึดใจเสียงเหล่านั้นเงียบไปแล้ว หมอกจึงเริ่มจางเมื่อเวลาผ่านไปจึงเริ่มเผยให้เห็นความจริงซึ่งทำให้ชายหมวกเหล็กแทบลืมหายใจ
ร่างของเหล่าสมุนมารนอนหมดสภาพไม่ได้สติกองบนพื้น ชายร่างสูงคนหนึ่งยืนคร่อมร่างพวกเขาพร้อมบีบคอยกร่างสมุนมารเท้าลอยเหนือพื้นด้วยมือเดียว ใบหน้าคมสันได้รูป ผมสีน้ำตาลสว่างไฮไลค์ขาวสว่างเปล่งประกายตัดสั้น สวมเสื้อคลุมตัวยาวสีดำทับเสื้อเชิ้ตสีขาวซ่อนร่างกายสมส่วนแลดูกำยำไว้ภายในพร้อมกางเกงสีส้มพร้อมรองเท้าคัทชูสีดำ ดวงตาสีส้มสว่างมองสมุนมารศาสตร์มืดนิ่ง แม้มีความอบอุ่นแฝงอยู่ แต่ด้วยเยือกเย็นในท่าทางนิ่งเรียบดูมีเสน่ห์ไม่น้อย
"กะ...แกเป็นใคร!" สมุนมารตนนั้นพยายามชกแขน 'ผม' เพื่อให้ปล่อย แต่ผมกลับไม่รู้สึกเจ็บหรือให้ความรู้จักอยากปล่อย ผมหยิบไม้กายสิทธิ์มาจากมันก่อนยิงคาถาสงบนิ่งอัดใส่ท้องจนมันสลบไสลอย่างง่ายดาย
"โอ๊ะ! นี่มันไม้กายสิทธิ์ของผมนี่"
"แกเป็นไอ้หมาขาสั้นเมื่อกี้อย่างนั้นเหรอ?" จักรพรรดิมารเอ่ยถามพร้อมสาดคาถาใส่ ดวงตาผมขยับเพียงนิดเดียว สัญชาตญาณต่าง ๆ กลับทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าก่อนหน้า ผมเสกโล่เวทมนตร์ป้องกันได้ทันทีโดยไม่ต้องเอ่ยคำร่าย เชื่อเถอะว่าผมก็อึ้งเหมือนกับที่ผู้อ่านกำลังอึ้งเช่นกันนั่นแหละ (มั้ง?)
"คงจะใช่ แต่สภาพแบบนี้ไม่เหมือนกับที่เคยกลายร่างเมื่อหกตอนที่แล้วเลย...แปลกจัง เหมือนว่าร่างกายสูงขึ้นอีกนะ" ผมสำรวจตัวเองไปมา แม้ในใจกรีดร้องให้เข้าไปช่วยอาเนีย แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม รู้สึกเหมือนมีสองบุคลิกในร่างเดียวยังไงยังงั้น "แต่ช่างเถอะ ว่าแต่เมื่อกี้ใช้เวทมนตร์ไปอย่างนั้นเหรอ? ไม่เห็นรู้เรื่องเลย"
จักรพรรดิมารยิงลำแสงสีม่วงใส่อีกครั้ง คราวนี้มีบางอย่างตะโกนบอกในหัวว่าควรเบี่ยงศีรษะหลบไปทางไหน รู้ตัวอีกทีลำแสงพิฆาตพลาดเป้าเสียแล้ว
สมุนมารที่เหลือต่างระดมยิงคำสาปตัดชีวิตใส่ทันที ผมโบกไม้กายสิทธิ์หนึ่งครั้งพร้อมเอ่ยคำร่ายสามคาถาในเวลาเดียวกัน
"เฟอร์มาเล่"
และอีกคาถา
"เอ็กซ์เปวซีมัส"
และอีกคาถา
"ฟูลเรอเคาเตอร์"
คาถาแรกสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของลำแสงสีม่วนค้างกลางอากาศราวกับเวลา ณ ตรงนั้นหยุดเดิน ส่วนคาถาต่อไปใช้สำหรับปลดไม้กายสิทธิ์ของเหล่าสมุนมารศาสตร์มืดกระเด็นลอยไปไกล ในขณะเดียวกันพวกมันไม่ปล่อยให้ไม้หลุดมือกลิ้งไปกับพื้นมั่วซั่วแน่ ๆ จึงปิดท้ายด้วยคาถาสุดท้ายด้วยคาถาสะท้อนกลับ ลำแสงพิฆาตหันย้อนกลับไปหาเหล่าชายชุดดำ เชื่อเถอะว่าพวกคุณคงไม่อยากรู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นนับจากนั้น ผมล่ะสงสารนักเรียนเพื่อนร่วมชั้นของอาเนียจริง ๆ ที่ต้องมาเห็นภาพสังหารหมู่แสนโหดร้ายเลือดสาดไม่ต่างจากในภาพยนต์แนวฆาตกรรมฉายเวลาเที่ยงคืน
"ไอ้หยา! ทำได้ไงเนี่ย!!" ผมตกใจกับการกระทำของตัวเองทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณก่อนจะหันไปหาจักรพรรดิมารพร้อมไม้กายสิทธิ์เรืองแสงสีแดง "ไซคินล่า! และก็ เวอซาโตคอบโปะ!"
ลูกไฟขนาดเท่าลูกบอลปรากฎขึ้นแทบในทันที ผลของคาถาต่อไปทำงานต่อเนื่องกัน ลูกไฟเพิ่มจำนวนขึ้นกว่ายี่สิบลูก ไอร้อนสัมผัสเนื้อหนังของผมจนรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้สูญเสียความเป็นตัวเองไป ต่อมาผมยิงลูกไฟทั้งหมดใส่จักรพรรดิมาร มันสร้างโล่กำบังแน่นหนาจนลูกไฟไม่สามารถแผดเผาให้มอดไหม้ก่อนเสกหอกเพลิงทมิฬใส่ ในจังหวะนั้นคาถาควบคุมน้ำผุดเข้ามในหัวพร้อมคำร่าย
"อัลควาลันน์" สายน้ำพวยพุ่งออกจากปลายไม้ควบรวมก่อตัวกันเป็นรูปร่างใบมีดขนาดยักษ์ ผมควบคุมมันฟันหอกไฟทมิฬสลายเป็นไอควันสีเทา จากนั้นยิงคาถาสงบนิ่งใส่รัวแรงราวกับปืนกล ในขณะที่กำลังยิงคาถาใส่อยู่นั้น ผมจึงนึกเกิดคำถามขึ้นมาในใจ "แล้วนี่ผมรู้จักคาถาพวกนี้ได้ยังไงกันเนี่ย?"
จักรพรรดิมารวาร์ปหลบคาถาได้จนหมด ไม่เพียงเท่านั้นเขาวาร์ปเข้ามาประชิดตัวผมในเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที กำปั้นบัพพลังเวทย์อัดเข้ากลางลำตัวเกิดคลื่นลมกรรโชคทะลุแผ่นหลัง ผมรวบรวมพลังเวทย์ไว้ที่จุดซึ่งถูกโจมตีเพื่อเยียวยาารักษาก่อนสวนกลับด้วยมืดขวาอันหนักหน่วง
ผัวะ!!
เนื้อหนังส่วนกระดูกกำปั้นถลอกปอกเปิดเลือดไหลนองเพราะโจมตีเข้าที่หมวกเหล็ก มันยุบเข้าไปเล็กน้อยก่อนกลับสู่สภาพเดิมในเวลาอันรวดเร็ว ผมสัมผัสถึงพลังเวทย์มากมายห่อหุ้มหมวกเกราะเหล็กหนา
จักรพรรดิมารกำหมัดตั้งการ์ดก่อนเหวี่ยงหมัดเข้าใบหน้าผมเต็มแรง โลกทั้งใบล้มคะมำก่อนบิดกลับมาได้แล้วสวนกลับใส่หมวกเหล็กอีกครั้ง คราวนี้ชิ้นเนื้อบริเวณกำปั้นหลุดจนต้องคาบไม้กายสิทธิ์ไว้ในปาก ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง ขากรรไกรขยำไม้กายสิทธิ์แรงจนเกิดรอยปริ แต่นั่นไม่ทำให้ผมยอมแพ้ให้กับคนพรรค์นี้หรอก
“เอาอาเนียกลับคืนมา…เอาอาเนียกลับคืนมา” ผมพูดพึมพำอย่างกับคนบ้าสะกดจิตเป้าหมายตัวเองให้ลึกลงไปยังจิตวิญญาณ “เอาอาเนียกลับคืนมาให้ได้!”
กำปั้นแน่นกระทั่งเล็บจิกอุ้งมือจนเลือดซิบ
ผมไม่สนใจความเจ็บปวดทางร่างกาย ทุกอย่างจะมลายสิ้นหากผมปล่อยให้จักรพรรดิมารได้ตัวเจ้านายไป เท้าดีดตัวเข้าใส่ชายหมวกดำก่อนฮุกหมัดเข้าสีข้างโดยหมายปองบริเวณกระดูกซี่โครงส่วนล่างซึ่งอ่อนแอที่สุด แต่อีกฝ่ายเบี่ยงตัวหลบก่อนเหวี่ยงขาอัดก้านคอผมอย่างหนักหน่วง โลกทั้งใบล้มคะมำอีกครั้ง แน่นอนว่าผมชันตัวลุกขึ้นมาได้ แต่คู่ต่อสู้กลับปัดเป่าโอกาสทองหายไปในสายลม ส้นเท้าหุ้มด้วยรองเท้าพื้นเหล็กหนากระแทกใส่อย่างรุนแรงหนักหน่วงสะท้านสะเทือนไปทั้งร่างไม่ต่างจากหอกพิฆาตศึก พื้นหินด้านใต้แตกแผ่ขยายออกราวใยแมงมุม กล้ามเนื้อบริเวณลำตัวเหมือนฉีกขาดพร้อมกระดูกบางส่วนแตก
ในขณะเดียวกัน ของเหลวคาวข้นบางอย่างพุ่งจุกที่คอก่อนทะลักออกจากปาก มันกระเด็นลอยคว้างบนอากาศก่อนแรงโน้มถ้วงกระทำจนหล่นประทับใบหน้า
เลือด?
.
.
.
.
.
อีกแล้วเหรอ?
———————————————————-
To be Continue Ep.20