หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
'ทอม' มนุษย์เงินเดือนผู้จบชวิตลงด้วยอุบัติเหตุแสนน่าอนาถ วิญญาณจึงถูกดึงไปเกิดใหม่ชาติต่อไปในร่างหมาคอร์กี้แห่งโลกเวทมนตร์โดยมีความสามารถทางการสื่อสารเฉกเช่นมนุษย์ จนได้มาพบกับ 'อาเนีย' สาวน้อยนักเรียนแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ในร้านขาวสัตว์เลี้ยงและได้ตั้งชื่อใหม่ให้เป็น 'นัปโปะ' จากนั้นด้วยความบังเอิญบางอย่างทำให้นัปโปะรู้ว่าตัวเองสามารถร่ายคาถาเสกเวทมนตร์ได้ เขาจึงตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่หาใครเทียบเพื่อมีชีวิตอันสงบสบายกับเจ้าของ
อวัยวะภายในร่างกายของผมเป็นอย่างไรกันนะ? ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างราวกับแก้วน้ำกำลังเกิดรอยปรี่พร้อมกระจายแหลกสลายได้ทุกเวลา ไม่มีแรงตะเบ็งเสียงร้องอย่างทรมาน มีแต่ความเงียบสงบท่ามกลางสมรภูมิแรกของผม แน่นอนว่าในฐานะความหวังสุดท้ายของผู้สร้างระบบช่างอ่อนแอและน่าผิดหวังขนาดไหน ต่อให้อยู่ในร่างมนุษย์หรือร่างคอร์กี้ พลังของผมก็ไม่ได้พัฒนาสูงอย่างก้าวกระโดดขึ้นขั้นเอาชนะจักรพรรดิมารได้เลย
ชายสวมหมวกยืนคล่อมร่างผมพร้อมจ่อปลายไม้เรืองแสงสีม่วงพร้อมยิงคาถาตัดชีวิตอย่างไม่ลังเล แววตาสีแดงฉานใต้หมวกเหล็กแข็งกร้าว ในขณะเดียวกันระยะเวลาร่างมนุษย์ของผมได้หมดลง สามนาทีช่างสั้นราวกับระยะเวลารอให้บะหมี่สุก ผมยังจำช่วงเวลานั้นได้มันยาวนานกว่านี้จนแทบคลั่ง คงเป็นเพราะจดจ่อเกินไปทำให้เกิดความเบื่อหน่ายขึ้นแทนที่ไม่ต้องสนใจเรื่องเวลาแล้วดับเครื่องชนพุ่งไป ลืมวันเวลาอยู่กับปัจจุบัน จากนั้นพอรู้ตัวอีกที บะหมี่ก็สุกแล้ว
"เวลาหมดลงแล้วล่ะเจ้าคอร์กี้" จักรพรรดิมารกล่าวด้วยน้ำเสียงดูแข็งกร้าวกลับแฝงความอ่อนโยนลึก ๆ เหมือนพ่อกำลังสั่งสอนลูกชาย "เกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต่อสู้กับแก ตอนนี้ฉันไม่คิดว่าแกเป็นแค่สัตว์เลี้ยงผู้ช่วยของอาเนียอีกต่อไปแล้ว แกคือผู้วิเศษคนหนึ่ง แต่ถ้าฉันปล่อยแกคงจะเป็นภัยต่อมารศาสตร์มืด ถ้าแกยอมมาเป็นมาร แกจะได้ทุกอย่างที่ปรารถนา แต่ถ้าปฏิเสธ ผลของมันคือความตายอันนิรันดร์"
'ความตาย' งั้นเหรอ?
อย่ามาพูดให้ขำหน่อยเลย คนที่ไม่เคยตายจริง ๆ จะไปรู้อะไรเท่าคนที่เคยกันล่ะ
"พูดออกมาได้นะ" เสียงอาจารย์ใหญ่คอนเนอร์ดังขึ้นพร้อมวงเวทขนาดใหญ่เรืองแสงสีทองปรากฎขึ้น จักรพรรดิเห็นดังนั้นจึงกระโดดถอยหนีตามสัญชาตญาณ ผมหันไปมองชายชรา คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันจนแน่นแทบไม่เหลือพื้นที่วาง รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้านับสิบปรากฎขึ้น ดวงตาเรืองแสงสีขาวสว่างวาบ "แม้ฉันปราบแกไม่ได้เพราะบัญชีผู้สร้าง แต่สามารถใช้คำสั่งผนึกพลังของแกได้ล่ะวะ!! คอมมาน!!"
โอโลแกรมจำนวนมากผุดขึ้นมากลางอากาศ หากสังเกตให้ดี รายละเอียดภายในกรอบหน้าจอนั้นมีตัวอักษรภาษาโค้ดคำสั่งคอมพิวเตอร์ที่ผมเคยเรียนมหาวิทยาลัย
"แกคิดจะทำอะไร! ไอ้ผู้สร้าง!!" จักรพรรดิมารตะคอกเสียงกร้าว ท่าทีร้อนรนความสุขุมเยือกเย็นมลายหายสิ้น อาจารย์ใหญ๋คอนเนอร์แสยะยิ้มกว้าก่อนกล่าวคำร่ายต่อ
"ซิกิลาเมนโต เดอ ดีวาโลโว" ชายชราแผดเสียงดังออกคำสั่งให้เหล่าวงเวทย์พุ่งไปยังจักรพรรดิมารด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ มันดีดตัวหนีสุดชีวิตจนแผ่นหลังชิดกับกำแพง วงเวทย์แยกส่วนจากหนึ่งเป็นสองเข้าประกบเหมือนฉาบ อีกฝ่ายพุ่งตัวหนีไปด้านหน้าแทน แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นกลลวงของอาจารย์ใหญ่ วงเวทย์หนึ่งวงพุ่งมาดักรอก่อนประกบเข้ากับวงเวทย์อีกวงแนบแน่นราวกับแมลงวัน รอยยิ้มแสยะของอาจารย์ใหญ่ฉีกออกด้วยความถือไพ่เหนือกว่าพลางชูมือทั้งสองข้างบนอากาศไม้กายสิทธิ์ของเขาตกลงกับพื้นข้างตัว สติของผมค่อย ๆ เลือนลาง เลือดไหลออกจากปากและจมูกไม่หยุดร่างกายหยุดนิ่งไม่สามารถขยับเขยื้อนราวถูกแช่แข็ง ในเวลาไม่กี่อึดใจสติของผมหลุดลอยไปในอากาศ...หวังว่า...วิญญาณของผมจะไปอยู่ในภพภูมิไหนสักแห่ง
.
.
.
.
ความดำมืดนี้คืออะไรกัน?
หรือนี่คือสิ่งที่เรียกว่าความตายแท้จริง ไม่ใช่ว่าต้องมีนรกกับสวรรค์งั้นเหรอ?
เราอยู่ในร่างหมาหรือคนกันแน่ล่ะ?
แล้วอาเนีย...อาเนียอยู่ที่ไหน?
อา...ถ้าเธอตายก็คงได้เจอกันที่นี่ ในสักวัน
"เพิ่งรู้ว่าหมาละเมอเป็นด้วย" เสียงหนึ่งดังเข้ามาในโสตประสาท ทำให้ใบหูขึ้นตกลงตามแรงโน้มถ่วงเด้งขึ้นทันตา แม้ลืมตาจนเปลือกตาแทบขยับไปด้วยด้านหลังไม่อาจเห็นอะไรนอกจากความว่างเปล่าสีทมิฬแสนอ้างว้าง ยามคำค่ำไร้จันทราและแสงจันทร์ยังสว่างกว่า ผมหัวซ้ายขวาอย่างไม่รู้ทิศทางตามหาเจ้าของเสียงนั้นด้วยความหวังอันริบหรี่
"นี่เจ้านัปโปะ ฟื้นสิ! ถ้ายังไม่ตายอ่ะนะ!" เสียงทุ้มต่ำของเรย์ม่อนต์ดังเข้ามาพร้อมแรงเขย่า
เปลือกตาของผมถูกยกขึ้น แสงสว่างจากภายนอกสาดเข้ามาจนแทบยี๋ไม่ทัน
"อ๊ะ! ฟื้นแล้ว ๆ" เสียงเฌอแตมดังขึ้นตามมาพร้อมเข้ามาสวมกอด บริเวณลำตัวเจ็บจิ๊ดขึ้นมากระทันหันจึงร้องเสียงดัง "หวา! ขอโทษทีนะเจ้าหมาน้อย นึกว่าจะเป็นอะไรไปแล้ว"
"มะ...ไม่รู้สิ" ผมพูดพลางมองไปรอบ ๆ เห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของห้องพยาบาลในร่างหมาคอร์กี้ ผ้าพันแผลย้อมสีชาดบางจุดทำให้เข้าใจว่าเรื่องที่ผ่านมาไม่ใช่ความฝัน
แต่แล้วผมจึงนึกได้ว่าคนที่ควรอยู่ข้าง ๆ ไม่ควรเป็นเด็กสาว
"อาเนีย...อาเนียอยู่ที่ไหน!!" ผมเบิกตาโตพร้อมพุ่งพรวดลงจากเตียงก่อนวิ่งไปรอบห้องพยาบาลอันมีลักษณะเหมือนห้องผู้ป่วยรวม เตียงขนาดหกฟุตตั้งเรียงรายขั้นกลางระหว่างกันด้วยผ้าม่านห้อยมาจากเพดาน ทุกเตียงนั้นว่างเปล่า รวมถึงถูกจัดผ้าปูผ้าห่มไว้อย่างเรียบดีเหมือนไม่มีใครมาแตะต้อง ภายในเริ่มหวั่นกลัว ภาพความคิดต่าง ๆ ฉายวนลูปไม่รู้กี่รอบ ไม่รู้ว่ามันคือความจริงหรือจิตปรุงแต่ง ร่างกายร้อนผ่าวขึ้นพร้อมกับอารมณ์พลุ่งพล่านจนกระทั่งเผลอเปลี่ยนร่างกลายเป็นมนุษย์ มุมมองของผมสูงขึ้นอย่างน่าใจหายก่อนจะคือร่างกลับเป็นหมาคอร์กี้ดังเดิม
ในหัวมีแต่คำถามเต็มไปหมด
"นัปโปะ...พอเถอะ ไม่ต้องหาอาเนียแล้ว..." เสียงเด็กสาวโศกเศร้าแกมสิ้นหวัง หยดน้ำใสเอ่อในดวงตา ผมหยุดยืนนิ่งกำอุ้งเท้าทั้งสี่แน่น ใบหูและหางตั้งชัน ดวงตาแข็งกร้าวพร้อมแยกเขี้ยว
"มันอยู่ไหน...จักรพรรดิมารอยู่ไหน!! ฉันจะไปฆ่ามัน!!" ผมคำรามเสียงดังลั่นจนเผลอปล่อยคลื่นพลังอันรุนแรงออกมาโดยไม่รู้ตัวทำให้ร่างเฌอแตมกระเด็นออกพร้อมกระจกหน้าต่างแตกละเอียด
"หยุดก่อนนัปโปะ" อาจารย์เอกเดินเข้ามา แต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีดำ รอยสักบนแขนของเขายังคงเคลื่อนไหวไปมาอย่างน่าขยะแขยง ใบหน้าของเขาตึงเครียด ท่าทางการเดินดูรีบร้อนแต่พยายามผ่อนให้ดูเหมือนสงบเยือกเย็นตลอดเวลา "ถ้าจะไปตามเธอกลับมาให้เลิกล้มไปซะ ตอนนี้พลังร่างมนุษย์ของแกยังเอาชนะจักรพรรดิมารไม่ได้ ขืนบุกเข้าไปหาก็ต้องถูกฆ่าในทันทีอยู่แล้ว" อาจารย์เอกกล่าวด้วยวาจาเยือกเย็น คำพูดของเขาเกิดบันดาลโทสะจนกระทั่งผมพุ่งเข้าไปหมายขย้ำฉีกเนื้อหนัง แต่กลับถูกหยุดกลางอากาศด้วยมือเปล่า
ผมทั้งเห่าและแยกเขี้ยวขู่ แต่ดวงตาสีทมิฬไร้แววชีวาของอีกฝ่ายกลับไม่แสดงอารมณ์อย่างใด
"โรงเรียนเวทมนตร์ศาสตร์เอสคูเรียไม่เคยถูกบุกรุกจนกระทั่งสามวันก่อน" เขาเอ่ยเสียงต่ำพลางถอนใจ "ไม่ใช่แกตัวเดียวที่รู้สึกเจ็บปวดใจกับเรื่องนี้ อาเนียเองก็เป็นหนึ่งในนักเรียนของฉันเหมือนกัน"
"จักรพรรดิมารต้องการอะไรจากอาเนียกันแน่" ผมถามพลางแยกเขี้ยวอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ "เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาเท่านั้น! เป็นเด็กผู้หญิงที่กำลังจะมีอนาคตอันสดใสและยิ่งใหญ่เหมือนกับผู้วิเศษคนอื่น ๆ ทำไมวะอาจารย์...ทำไม!?"
"ในคืนวันบูชาพระจันทร์สีชาด พลังของพวกเราจะแข็งแกร่งขึ้นจนบางทีไม่สามารถยับยั้งพลังเวทย์ที่กำลังทะลักออกมา เป็นเรื่องธรรมดาหากต้องมีคนตายเพราะพลังแฝงของตัวเองที่ภาชนะอ่อนแอจนไม่สามารถรองรับได้ สิ่งเหล่านั้น...จะออกมาจากหัวใจ หากผู้วิเศษได้กินหัวใจของผู้วิเศษด้วยกันเองในวันนั้นจะทำให้พลังเวทย์ของเจ้าของเก่าโอนย้ายไปยังร่างใหม่ซึ่งทำให้มีพลังมากกว่าเดิมหลายเท่า" อาจารย์เอกอธิบายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด "หากว่าเป็นหัวใจที่เป็นสายเลือดเดียวกับตัวเองแล้ว พลังเวทย์ที่ได้ไปจะทวีคูณจนไม่สามารถหาตัวเลขไหนมาจำกัดได้"
ผมได้ยินดังนั้นจึงเกิดความคิดเชื่อมโยงขึ้นมา ทันใดนั้นผมสะบัดศีราะไปมาเพื่อไล่ความคิดเหล่านั้นออกไป
"เป็น...เป็นไปไม่ได้..." ผมเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง "เรื่องแบบนี้มันรับกันได้ที่ไหน?"
"ตามที่แกคิดนั่นแหละ" อาจารย์เอกคลายมนตร์วางผมลงกับพื้นอย่างนุ่มนวล ร่างกายของผมแข็งทื่อไปหมดราวกับยังคงถูกมนตร์สะกด
.
.
.
.
"อาเนียคือลูกสาวคนเดียวของจักรพรรดิมาร..."
_______________________________________________
To Be Continue Ep.21 [SEASON 2]