หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
'ทอม' มนุษย์เงินเดือนผู้จบชวิตลงด้วยอุบัติเหตุแสนน่าอนาถ วิญญาณจึงถูกดึงไปเกิดใหม่ชาติต่อไปในร่างหมาคอร์กี้แห่งโลกเวทมนตร์โดยมีความสามารถทางการสื่อสารเฉกเช่นมนุษย์ จนได้มาพบกับ 'อาเนีย' สาวน้อยนักเรียนแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ในร้านขาวสัตว์เลี้ยงและได้ตั้งชื่อใหม่ให้เป็น 'นัปโปะ' จากนั้นด้วยความบังเอิญบางอย่างทำให้นัปโปะรู้ว่าตัวเองสามารถร่ายคาถาเสกเวทมนตร์ได้ เขาจึงตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่หาใครเทียบเพื่อมีชีวิตอันสงบสบายกับเจ้าของ
จักรพรรดิมารพร้อมกับเหล่าสมุนที่ยังเหลือรอดกว่าสี่สิบตนหายตัวกลับมายัง 'หอคอยคูล่า' ซึ่งเป็นป้อมปราการหลักของเผ่ามารศาสตร์มืด ลักษณะของมันเหมือนหอคอยเดี่ยวทมิฬเดี่ยวสูงเสียดฟ้าตั้งอยู่ในพื้นที่อันรกร้างว่างเปล่าไม่มีต้นไม้ขึ้นแม้แต่ต้นเดียวภายในรัศมีสิบกิโลเมตร ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆดำหนาบังท้องนภาและดวงตะวันไม่อาจสาดแสงส่องมาได้ ทำให้บรรยากาศบริเวณนั้นซื้นและหนาวเหน็บในเวลากลางคืน มีเพียงดวงไฟจากคบเพลิงจำนวนมากพร้อมด้วยเวทย์กำแพงบาเรียที่มอบความอบอุ่นต่อเหล่าประชาชนมารศาสตร์มืดซึ่งอาศัยอยู่
แม้ภายนอกดูเหมือนจุคนได้ไม่กี่พันคน แต่ด้วยเวทมนตร์ขยายพื้นที่ทำให้เหล่ามารศาสตร์มืดนับหมื่นอาศัยอยู่ได้อย่างไม่แออัดและมีแนวโน้มว่าเหล่ามารจะยิ่งทวีจำนวนมากขึ้นตามปริมาณความมืดในใจผู้วิเศษ
ประตูเหล็กกล้าเปิดต้อนรับการกลับมาของจักรพรรดิมาร ทหารเวรยามก้มศีรษะแสดงความเคารพอย่างน้อบน้อมไม่มีความเกรงกลัวแต่อย่างใด เขาถือเพียงหอกยาวโดยส่วนปลายเชื่อมต่อกับไม้กายสิทธิ์ซึ่งสามารถใช้ยิงพลังเวทย์ได้แรงและไกลขึ้น บอกได้ว่า 'หอกกายสิทธิ์' สร้างขึ้นเพื่อการต่อสู้เพียงอย่างเดียว
"ขอต้อนรับการกลับมาของท่านจักรพรรดิมาร กระหม่อมขอถวายมารสนมให้ปรนิบัติดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?" มารแก่ตนหนึ่งหายตัวเข้ามาก้มศีรษะแนบพื้นกระเบื้องสีดำมันเงาพร้อมกับนางสนมมารผิวคล้ำ ใบหน้าอ่อนหวานแต่งตัวด้วยบิกินิอวดหุ่นนาฬิกาทราย ดวงตาเรืองแสงสีแดงมองจิกลึกเข้าไปในหัวใจท่านจักรพรรดิแต่กลับไม่สามารถทะลวงถึงแกนกลาง เขาถอนหายใจยาวก่อนเดินผ่านมารขี้ประจบอย่างไร้เยื่อใย "ท่านควรผ่อนคลายเสียบ้าง ท่านยังไม่รู้ว่าตัวเองเหนื่อยล้าเพียงใดหลังจากปะทะกับจอมเวทย์อันดับหนึ่งของคาโรเนีย ทำให้ปริมาณพลังเวทย์ของท่านลดลงเป็นประวัติการณ์ แถมยังต้องสู้กับ...หมา? หมางั้นเหรอ? กระหม่อมไม่เห็นเข้าใจ"
"อย่ามาอ่านใจข้า ลุคซุริอาไอ้บาปแห่งราคะ!" จักรพรรดิมารตะคอกเสียงดังจนเผลอปล่อยคลื่นพลังเวทย์ระลอกหนึ่งออกมา ส่งผลให้ลุคซุริอาและนางสนมกระเด็นไปไกล นางสนมนั่นงอกปีกค้างคาวสีดำออกมาบินคว้างบนอากาศร่างกายสั่งระริก "เอาซัคคิวบัสมาเป็นนางสนมให้ข้าแบบนี้คิดจะฆ่ากันหรือไง?"
"มิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ แม้ซัคคิวบัสจะดูดกลืนพลังชีวิตยามที่ได้ร่วมเตียง แต่สำหรับท่าน นางไม่มีทางทำแบบนั่นอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!" ลุคซุริอาก้มหน้าลงกับพื้นพร้อมเอ่ยคำแก้ตัวสุดชีวิต "ยกโทษให้กระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ"
"เจ้าเอาซัคคิวบัสไปเก็บแล้วเรียกซูเปริอามารักษาแขนฉันให้ที" จักรพรรดิมารสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ดวงตาแดงก่ำภายใต้หน้ากากเหล็กแสดงออกถึงความโกรธเกรี้ยวในความพ่ายแพ้และชัยชนะในคราวเดียว จากนั้นเขาจึงสั่งให้สมุนมารตนหนึ่งที่กำลังอุ้มร่างไร้สติของอาเนีย "เอาเด็กไปขังไว้ในคุกใต้ดินชั้นลึกสุดแล้วยึดไม้กายสิทธิ์ด้วย สั่งมารฝีมือดีเฝ้ายามไว้อย่าให้คลาดสายตา"
"รับทราบครับ ท่านองค์จักรพรรดิ" มารตนนั้นรับปากก่อนรีบปฏิบัติการทันที
.
.
.
.
.
เพียงไม่กี่ชั่วโมง อาเนียฟื้นขึ้นจากภวังค์ ดวงตาคู่สวยมองแทบไม่เห็นในพื้นที่อันมืดสนิท พอปรับสภาพในความมืดในเวลาต่อมาจึงเห็นว่าตัวเองนั่งอยู่ในห้องขังทำจากหินภูเขาไฟสีดำทมิฬและประตูเหล็กกล้าที่เรี่ยวแรงของเด็กผู้หญิงตัวเล็กไร้อาวุธไม่สามารถพังออกไปได้อย่างแน่นอน
"มะ...มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง...มะ...มี"
"เงียบโว้ย! รำคาญ!" เสียงทุ้มต่ำของทหารยามกระทุ้งหอกกับพื้นเสียงดังชวนให้อาเนียสะดุ้งตามไปด้วย เธอจำอะไรไม่ได้เลยหลังจากจักรพรรดิมารต่อสู้กับนับโปะ...จำไม่ได้...ความทรงจำในตอนนี้เหมือนถูกตัดเอาส่วนหนึ่งออกไปอย่างไรอย่างนั้น
น้ำสีใสไหลรินอาบแก้ม แขนสองข้างกอดเข่าคู่แน่นอยู่มุมห้องขังอันมืดมิดและเย็นยะเยือกจนกัดแทรกเข้าสู่ขั้วหัวใจ
"นัปโปะ...ช่วยด้วย..."
.....................
"อาเนียคือลูกสาวคนเดียวของจักรพรรดิมาร..."
คำพูดของอาจารย์เอกดังก้องอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนเทปที่ถูกย้อนกลับและเล่นใหม่ไม่มีวันสิ้นสุด ดั่งคำสาปติดตัวมาจากชาติปางก่อนที่ไม่มีวันดิ้นหลุด ผมนั่งคิดวนเวียนไปมาในหัวจนไม่เป็นอันกินอันนอน โดยเฉพาะไม้กายสิทธิ์คู่ใจซึ่งตอนนี้หักเป็นเสี่ยง ๆ จากการต่อสู้กับจักรพรรดิมาร อาเนียยังถูกมันจับตัวไป แถมจับตัวไปโดยพ่อผู้ให้กำเนิดอีก ในตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางความมืดไร้สิ้นสุด ไร้ทิศทาง ไม่รู้ว่าควรเดินไปทางไหนดี
นี่สินะที่เรียกว่ามืดแปดด้าน
ผมคาบเศษไม้กายสิทธิ์ที่หักเป็นชิ้นต่อเรียงกันเป็นไม้ก่อนพยายามใช้คาถาซ่อมแซมสิ่งของด้วยมือเปล่า แต่ก็ไม่สามารถทำได้
"ฟิกซาโจ้ว!! ฟิกซาโจ้ว!! ฟิกซาโจ้ว!!" ผมเริ่มหงุดหงิดกับความอ่อนแอของตัวเองจึงร่ายเวทย์ด้วยมือเปล่าอย่างเอาเป็นเอาตายพร้อมความกดดันพุ่งสุดขีดเผื่อว่าจะมีปาฏิหาริย์บางอย่าง แต่มันไม่ใช่นิยายที่ทุกอย่างจะสามารถเป็นไปตามที่ตนเองคิด...แน่ล่ะ นิยายเรื่องนี้ผมไม่ได้เป็นคนเขียนอยู่แล้ว...ข้อเสียเปรียบมันอยู่ตรงนั้นล่ะ
"ไม้กายสิทธิ์ไม่สามารถซ่อมได้ด้วยคาถาพื้นฐานแบบนั้นหรอก" เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับการปรากฎตัวของ 'โซล่า' ใบหน้าของเธอเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ไม้กายสิทธิ์ในมือสั่นเทิ้ม สัญชาตญาณตะโกนบอกผมทันทีว่าอันตรายกำลังจะเกิดขึ้นจึงกระโดดหลบก่อนที่อีกฝ่ายจะยิงคาถาใส่ในทันที ชิ้นส่วนไม้กายสิทธิ์กระจัดกระจายบนพื้นคนละทิศคนละทาง ลำแสงสีแดงพุ่งทะลุหมอนนุ่มและผ้าห่มจนขนเป็ดกระจัดกระจาย พร้อมด้วยเสียงคาถาดังลั่นห้องพยาบาล
"ดะ...เดี๋ยวก่อนโซล่า!! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! ทำอยู่ ๆ ถึงโจมตีอย่างนี้ล่ะ!?" ผมตะโกนถามเสียงดัง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งสิ้น เธอยิงคาถาใส่สองสามครั้งผมพยายามใช้จังหวะหลบให้มั่นคง ในตอนนี้พลังของผมยังไม่สามารถแปลงเป็นร่างมนุษย์ได้ ทำไมต้องเป็นช่วงเวลาหน้าสิงหน้าขวานตลอดเลยนะ! "คุยกันก่อนสิโซล่า! ถ้าเอาแต่ยิงคาถาใส่กันแบบนี้มันไม่มีอะไรดีขึ้นเลยนะ!!"
"แกเคยสัญญาว่าจะดูแกลูกสาวกูให้ดี! แล้วนี่คืออะไร!? อาเนียถูกจักรพรรดิมารจับตัวไป!!" เธอสาดคำสาปใส่อีกครั้ง คราวนี้ผมคาบถาดเหล็กซึ่งวางรองแก้วน้ำบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาป้องกันคาถาคำสาปเหล่านั้น
คำพูดของโซล่าทำให้ผมยอมรับการลงโทษแต่โดยดี เดิมทีผมต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว ความขี้แพ้ของผมไม่ว่าชาติโน้นหรือชาตินี้ยังคงเหมือนเดิม...ไม่สิ ไม่ว่าชาติไหน ผมยังเป็นไอ้ขี้แพ้อยู่วันยันค่ำ
"หยุดก่อนโซล่า!" อาจารย์คุมห้องพยาบาลยิงคาถาปลดอาวุธทันทีทันใด ไม้กายสิทธิ์หลุดจากมือลอยไปทางผู้เสกและเธอรับมันไว้ได้กลางอากาศ เธอเป็นหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับโซล่า ใบหน้าขาวผ่อง ผมสีบรอนรวบเกล้าไว้ด้านหลังพร้อมเสียบปิ่นปักผมด้วยไม้กายสิทธิ์ สวมเสื้อคลุมสีขาวพร้อมรองเท้าบูทยาวในสีเดียวกัน แต่งหน้าบางและกลับกรีดหางตาเฉี่ยวคมกริบชวนหลงไหล คิ้วของเธอขมวดลงเล็กน้อยพร้อมจ่อปลายไม้กายสิทธิ์ไปทางโซล่า "ห้องพยาบาลมีไว้สำหรับผู้เยียวยาและมีกฎเป็นของตัวเอง เธอเคยเรียนที่นี่ก็น่าจะรู้ดี"
"ใช่...ใช่ฉันรู้ 'เมสา' เอาไม้ฉันคืนมา" โซล่ายื่นมือพลางขวมดคิ้วเป็นเชิงข่มขู่
"ไปสงบสติอารมณ์ก่อน พอเธอใจเย็นลงแล้วฉันจะคืนไม้ให้" อาจารย์พยาบาลเมสาบอกเป็นเชิงสั่ง "ต่อให้ยิงคาถาอัดใส่สัตว์เลี้ยงของน้องอาเนียก็ไม่ได้ทำให้ได้ตัวคืนมาหรอก มันต่างหากที่ปกป้องลูกของเธอจนมีสภาพอย่างนี้"
"นัปโปะนี่น่ะเหรอ?" โซล่าแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เธอหันขวับมามองผมที่มีผ้าพันแผลพันรอบอก "ก็นั่นสิ ผ่านไปตั้งสามเดือนแล้วคงฝึกจนเก่งขึ้นระดับหนึ่งแล้วแหละ แต่ก็ยังปกป้องดูแลลูกสาวฉันไม่ได้..."
เพี้ยะ!!
ฝ่ามือของอาจารย์พยาบาลสาวสะบัดตบใบหน้าของโซล่าเต็มแรง
"เธอไม่เห็นเหตุการณ์ในวันนั้นคงไม่เข้าใจหรอก พวกมันบุกเข้ามาในโรงเรียน ทำลายบาเรีย จับนักเรียนและอาจารย์แยกกันคนล่ะที่ จากนั้นจักรพรรดิมารก็ปรากฎตัวพร้อมต้องการตัวน้องอาเนียไป ทั้งอาจารย์ใหญ่ นักเรียนบางคนต่างต่อสู้เพื่อไล่พวกมันออกไปอย่างยากเย็นเพราะกำลังของเรามันต่างกันเกินไป" เธอเอ่ยทุกอย่างออกมาซึ่งแทนคำพูดในใจผมออกทั้งหมด "เธอไม่รู้อะไรก็เงียบ สงบสติอารมณ์ให้ดีแล้วค่อยมาเอาไม้คืนที่ห้องพัก"
เพียงเท่านั้นอาจารย์พยาบาลเมสาเดินออกไปพลางมัดเกล้าพร้อมเสียบไม้กายสิทธิ์ประหนึ่งปิ่นปักผม ทิ้งให้คู่กรณีอยู่กับผมโดยไม่สัมผัสถึงแรงอาฆาตอีกต่อไป
เธอเห็นเศษชิ้นส่วนของไม้กายสิทธิ์ของผมที่แตกทักกระจัดกระจายบนพื้นดึงค่อย ๆ ก้มลงเก็บที่ละชิ้นพร้อมน้ำตาเอ่อจนล้มไหลอาบแก้ม โดยใช้เวลาไม่นานในการรวบรวมเหล่าชิ้นส่วนนั่นจนครบก่อนวางเรียงประกอบจนเป็นรูปร่างดังเดิม ผมมองโซล่าที่กำลังจับจ้องไม้กายสิทธิ์ซึ่งเคยเป็นของลูกสาวพลางซับน้ำตาด้วยหลังมือจนเปียกแฉะ
"โซล่า...ผมขอโทษ..." หูสองข้างของผมตกพร้อมกับหางคิ้ว "ผมพยายามสู้ด้วยทุกอย่างที่มี...เอาตัวเข้าแลกก็แล้ว แต่จักรพรรดิมารมันแข็งแกร่งเกิน..." วงแขนของโซล่าเข้าประชิดร่างผม หน้าอกคู่เบิ้มเบียดเสียงท้องน้อยจนน้องนุ่มนิ่มบริเวณหว่างขาแข็งขืนจนพูดไม่ออก
สักพักเสียงร่ำให้ของหญิงแกร่งดังขึ้นข้างหูทำเอาผมทำตัวไม่ถูก
สุดท้ายผมจึงสวมกอดด้วยขาคู่หน้าอย่างนั้นจนเธอขย้อนก้อนความรู้สึกออกมาจนหมด หลังจากนั้นเรานั่งอยู่อีกเตียงโดยมีไม้กายสิทธิ์วางอยู่ตรงหน้า มืออันเรียวขาวลูบศีรษะและลำตัวผมอย่างเอ็นดูพลางมองตรงไปยังจุดเดียว
"ไม้กายสิทธิ์ด้ามนี้แกคงนึกถึงเจ้านายของแกสินะ อาเนียบอกว่ามันคือไม้กายสิทธิ์ด้ามเก่า" ผมพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร โซล่าเงียบไปพักหนึ่งก่อนถอนหายใจยาว "สำหรับฉันมันต่างกันออกไป เพราะฉันรู้ว่าใครคือเจ้าของคนเดิมของมัน"
สิ่งที่อีกฝ่ายพูดทำเอาหูแหลมตั้งชี้เด่ทันที
"ไม้กายสิทธิ์ด้ามนี้น่ะ เคยเป็นของ 'เวอร์โก้' สามีของฉันเอง" เธอพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย "หรือผู้ถูกขนานนามว่าเป็นจักรพรรดิมารคนปัจจุบัน"
_____________________________________
To Be Continue Ep.22