หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
'ทอม' มนุษย์เงินเดือนผู้จบชวิตลงด้วยอุบัติเหตุแสนน่าอนาถ วิญญาณจึงถูกดึงไปเกิดใหม่ชาติต่อไปในร่างหมาคอร์กี้แห่งโลกเวทมนตร์โดยมีความสามารถทางการสื่อสารเฉกเช่นมนุษย์ จนได้มาพบกับ 'อาเนีย' สาวน้อยนักเรียนแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ในร้านขาวสัตว์เลี้ยงและได้ตั้งชื่อใหม่ให้เป็น 'นัปโปะ' จากนั้นด้วยความบังเอิญบางอย่างทำให้นัปโปะรู้ว่าตัวเองสามารถร่ายคาถาเสกเวทมนตร์ได้ เขาจึงตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่หาใครเทียบเพื่อมีชีวิตอันสงบสบายกับเจ้าของ
เหล่าเพื่อนรอบข้างเห็นดังนั้นจึงถอยรูดไม่กล้าเข้าไปยุ่ง ออร่าทมิฬพวยพุ่งออกจากทุกรูขุมขนจนมิอาจต้านทาน
หญิงสาวยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ไหลอาบนองริมฝีปากออกในขณะนั่งอยู่กับพื้น ดวงตามองขึ้นไปยังชายหนุ่มคนรักแต่มีไม้กายสิทธิ์จ่อใบหน้าพร้อมเสกคำสาปใส่ได้ทุกเมื่อ ทำให้ฉันกลัวจนตัวสั่นไม่กล้าแม้แต่คิดจะชักไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาสู้ก็เถอะ ผลตัดสินมันชัดเจนเกินไป
"อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นมาก่อนที่ฉันจะไม่อดทนอีกต่อไป" อีกฝ่ายขู่ด้วยน้ำเสียงต่ำ ดวงตาแข็งกร้าวมีเปลวเพลิงลุกโชน แรงกดดันจากเขาช่างแกร่งกล้า ทำเอาขาของโซล่าอ่อนเปลี้ยไม่มีแรงลุกยืนราวกับถูกฉีดยาคลายกล้ามเนื้อขนาดแรง “พูดออกมา!!”
เธอพูดอะไรไม่ออก ดวงตาคู่สวยกรอกไปมา ในสมองไม่เหลือความคิดที่จะแก้ต่างให้กับตัวเองแม้แต่น้อย แต่ด้วยสมองเริ่มชาจึงสามารถชันตัวลุกขึ้นยืนได้ไม่ยาก นักเรียนหลายคนซึ่งอยู่ใกล้ต่างเห็นเหตุการณ์มุงดูลุ้นระทึกต่อคู่รัก
“คู่รักทะเลาะกันว่ะ” เสียงหนึ่งในไทยมุงซุบซิบนินทากันสนุกปาก
“รักกันมาได้แปปเดียวเอง ทะเลาะกันเฉย”
“เรื่องปกติของรักวัยเรียนแหละ มานากำลังพลุ่งพล่าน ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”
“น่าเอามาเขียนนิยายสักเรื่องคงขายดีไม่น้อย”
โซล่าไม่ได้สนใจเหล่าผู้คนที่กำลังติเตียนซุบซิบนินทาให้เสียหายกันสนุกปากแม้แต่น้อย โลหิตที่ไหลอาบริมฝีปากส่งกลิ่นเหม็นคาว ยามสูดลมหายในเข้า หยดเลือดไหลลงคอกลิ่นคาวฝืนแทบให้ความรู้สึกอยากสำรอกยังไงยังงั้น เมื่อพ่นลมหายใจออก หยดเลือดเหล่านั้นกระเด็นออกห่างไม่กี่เซนติเมตรหยดลงบนพื้นสนามย้อมต้นหญ้าบางต้นเป็นสีแดง
“รัก…ฉันรักเธอเวอร์โก้ ฉันรักเธอ…” หญิงสาวสารภาพไปในที่สุดแม้ว่าเธอเคยพูดคำนี้ไปแล้วในขณะที่อีกฝ่ายจมดิ่งในห้วงภวังค์แห่งตราประทับมหาเสน่ห์ เธอพยายามจะป้ายตราประทับอีกรอบแต่อีกฝ่ายกลับชักมือกลับอีกครั้งใบหน้าของชายคนรักมองมาด้วยสีหน้าอันขยะแขยงเหยเก
“อยากจะอ้วก คนอย่างฉันเนี่ยนะจะไปรักกับคนอย่างเธอได้ แล้วที่ไปประกาศว่าพวกเรารักกันนี่มันหมายความว่ายังไง?” เขาเอ่ยถาม ไม้กายสิทธิ์ในมือสั่นเทิ้ม หลังมือมีเส้นเลือดผุดขึ้นปูดผิวหนัง ใบหน้าแดงก่ำพร้อมกัดฟันกรอด “อยากจะฆ่าเธอให้ตายจริง ๆ วุ้ย!!”
ชายหนุ่มพุ่งเข้ามาคว้ามือหญิงสาวแล้ววาร์ปไปยังมุมหนึ่งของปราสาทโรงเรียน เป็นเหมือนห้องมืดเต็มไปด้วยดวงไฟสีเขียวจุดบนเปลวเทียนส่องสว่างจำนวนหลายเล่มเรียงรายรอบ เหล่าน้ำตาเทียนไหลนองเต็มพื้นแข็งตัวหนาราวกับแอ่งขี้ผึ้งรูปทรงแปลกประหลาดน่าขนลุก กลิ่นฉุนจากสมุนไพรซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายของในตลาดโชยทั่วห้อง อุปกรณ์หลากหลายแบบวางเรียงรายตามกำแพงอย่างเป็นระเบียบ มีร่องรอยการใช้งานอย่างสมบุกสมบุนระดับหนึ่ง มีโต๊ะขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้องพร้อมด้วยซากศพอย่างบางถูกผ่าร่างสำหรับการวิจัย
โซล่าเห็นดังนั้นจึงเกิดความหวาดกลัวขึ้นในจิตใจ เธอมองไปรอบห้องก่อนพยายามหาทางหนี แต่แล้วจึงถูกชายหนุ่มตรึงข้อมือไว้กับโซ่ตรวนซึ่งห้อยลงมาจากเพดาน แขนสองข้างถูกยกขึ้นเหนือศีรษะ ขาลอยเหนือพื้นไม่กี่เมตร เวอร์โก้ยืนมองด้วยสีหน้าเรียบเฉยด้วยเงาพาดใบหน้าจนมืดสนิท
"ครอบครัวยังมีระเบียบประเพณีเรื่องการสืบพันธุ์โบราณแสนน่ารังเกียจนั่นสินะ" เขาเอ่ยพลางจ่อไม้กายสิทธิ์ใต้คางหญิงสาว ดวงตาเรืองแสงสีแดงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน "แอบสงสัยมานานแล้วเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะมาเจอเด็กจากครอบครัวหัวโบราณเลย แต่หน้าตาเธอก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ออกจะสวยเสียด้วยซ้ำหากแต่งตัวแต่งหน้าดีหน่อย ฉันคิดว่าเธอยังอยากคบกับฉันต่อไปสินะ งั้นหวังว่าเธอคงยอมรับฟังข้อเสนอของฉันอยู่"
"ขะ...ข้อเสนออะไร?" โซล่าถามพลางดิ้นไปมา โซ่ตรวนเหล็กส่งเสียงครวญครางเล็กแหลม "ความรักอะไรนั่นมันไร้ความหมายสำหรับฉัน สิ่งที่ต้องการก็แค่...ไอ้นั่นของเธอ"
"เอาจริงฉันยังจำความได้ว่าคืนนั้นเรามีความสุขกันอย่างล้นหลามเลยล่ะ" เขาเก็บไม้กายสิทธิ์ที่ซองหนังก่อนเสกเก้าอี้ลอยมาด้วยมือเปล่าและไม่กล่าวคำร่าย เขานั่งพิงพนักก่อนยกขาไขว้พลางมองไปยังหญิงสาวผู้เคยรุกล้ำและพรากความสดสาวไปโดยไม่รู้ตัว "เราต่างเป็นครั้งแรกของกันและกัน ดังนั้นไม่มีใครเสียไม่มีใครได้ แต่บอกไว้ก่อนว่าเธอได้แค่กาย แต่ไม่มีวันได้ใจของฉันเด็ดขาด เว้นแต่ว่าจะทำงานตามข้อเสนอของฉันได้สำเร็จ"
"เหอะ ๆ หลงตัวเองเกินไปหรือเปล่า?" โซล่าแสยะยิ้มก่อนหัวเราะในลำคอ "ฉันไม่มีทางชอบคนอย่างเธอหร..."
"เดมมิลา เวอริต้า" ชายหนุ่มร่างคาถาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางชี้นิ้วไปยังอีกฝ่าย
ความรู้สึกนึกคิดของโซล่าตรงไปตรงมาอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งท้องไส้ปั่นป่วนราวกับมีผีเสื้อบินว่อนในช่องท้อง มึนศีรษะเล็กน้อยเหมือนมีบางสิ่งตีกันอย่างดุเดือดเพื่อแย่งชิงเวทีแห่งการแสดงบุคลิกภาพ
"เธอไม่ชอบฉันเหรอ?" เวอร์โก้ลุกขึ้นเดินเข้าประชิดร่างบางพลางแสยะยิ้ม "อย่าปากแข็งไปหน่อยเลย พูดความจริงมาดีกว่า ฉันรู้นะว่าเธอตามจีบฉันต้อย ๆ มาตั้งนานเหมือนกับพวกนักเรียนหญิงคนอื่น ๆ แต่เพราะมนต์รักเกมโกงของเธอด้วยคาถามหาเสน่ห์ทำให้เข้าวินอย่างง่ายดาย หลังจากนี้คงจะไม่เรียกชอบก็คงจะเป็นรักแล้วล่ะ"
"ระ...รัก...ฉันรักเวอร์โก้..." โซล่าพูดอย่างไฝ่ฝืน แม้ภายในสมองกลับตีกันอย่างบ้าคลั่งก็ตาม "ฉันหลง...รักเวอร์โก้...มา...ตะ...ตลอด"
"ก็แค่เนี้ย...คลาย" เขาโบกมือเล็กน้อย ทันใดนั้นหญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยพลางหอบด้วยความเหน็ดเหนื่อยเหมือนวิ่งรอบโรงเรียนมาเป็นร้อยรอบ
"คาถาสัจจะ...?" เธอกัดฟันเจ็บใจในความพ่ายแพ้ของตัวเอง สุดท้ายจึงยอมแพ้ "ก็ได้...ฉันรักเธอ เวอร์โก้ รักมาตลอดตั้งแต่เราสบตากันตั้งแต่ปีสาม"
"นั่นมันนานมากนะ ทำไมไม่เคยบอกกัน?" ท่าทีของชายหนุ่มเปลี่ยนไป เมื่อเห็นว่าโซล่าไม่คิดหนีจึงตัดสินใจปล่อยออกจากโซ่ตรวนพามานั่งบนเก้าอี้อย่างนุ่มนวล
"ก็เธอมันโด่งดังจนฉันเอื้อมไม่ถึงขนาดนั้น แถม...ฉันก็ไม่ได้มีข้อดีมากพอที่ให้เธอมาสนใจหรอก" โซล่ากอดอกพลางร่ำให้น้ำตาไหลอาบแก้ม เวอร์โก้ไม่มีประสบการณ์รับมือกับน้ำตาผู้หญิงจึงทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายทำได้เพียงใช้นิ้วปาดหยดใสอย่างเบามือ
ท่ามกลางความเงียบนั้น เวอร์โก้จึงนึกอะไรออกได้
"ฉันเข้าใจดีว่าความรักของเธอมีต่อฉันมันเป็นของจริง แต่อยากให้พิสูจน์มันด้วยบางอย่าง" เวอร์โก้เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ห้องนี้เป็นห้องที่ฉันใช้เพื่อวิจัยศาสตร์มืดเพื่อเพิ่มพลังเวทย์ให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะทั้งยา การทดลอง ล้วนเป็นเคล็ดลับที่ทำให้ฉันกลายเป็นนักเรียนผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของโรงเรียน แต่ตอนนี้เราสองคนกำลังจะเรียนจบในไม่ช้า การออกไปเผชิญโลกของผู้ใหญ่พลังแค่นี้คงเป็นได้แค่ผู้วิเศษระดับล่าง แถมฉันต้องได้รับการแต่งตั้งจากองค์จักรพรรดิให้เป็นอัศวินจึงต้องการพลังมากกว่านี้ ต่อให้มันเป็นศาสตร์มืดก็ไม่สนใจ...แต่ขอให้ฉันสามารถใช้พลังเหล่านั้นปกป้องโลกคาโรเนีย เธอและลูกในอนาคตด้วยเถอะ"
โซล่าชะงักต่อคำพูดของชายคนรักก่อนนั่งนิ่งประสานสายตากับอีกฝ่ายเพื่อตั้งใจฟังประโยคถัดไป
......................
เธอออกมาจากห้องทดลองของเวอร์โก้พร้อมภารกิจในหัว
"ภารกิจนี้จะสำเร็จได้จะต้องแอบเข้าไปในห้องเก็บน้ำยาต่าง ๆ ที่อยู่ในห้องเรียนปรุงยา"
โซล่าเข้าไปหาอาจารย์เรน่าพร้อมกุเรื่องที่ 'เอก' นักเรียนโปรดกำลังต้องการเรียนพิเศษส่วนตัว ซึ่งแน่นอนว่ามันคือเรื่องจริงสำหรับอาจารย์สาวผู้มีความสัมพันธ์เกินว่าครูและนักเรียนถึงขั้นไปมาหาสู่ระหว่างห้องพักอาจารย์และหอพักนักเรียนทุกยามวิกาล อีกทั้งความที่อาจารย์เรน่ายังอายุน้อยจึงไม่ได้ไตร่ตรองถึงความจริงเท็จในสิ่งที่โซล่าเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนอาจารย์สาวรีบออกไปหาทัน
"ถ้าอย่างนั้นฝากห้องไว้ด้วยนะจ๊ะ เด็กคนนั้นได้คะแนนไม่ดีหลายวิชาเลย"
ขั้นตอนต่อไปของแผนคือเสกให้ขนมโปรดของอาจารย์เรน่าเป็นยาลบความทรงจำเพื่อที่เธอจะได้ลืมว่าเจอโซล่า จากนั้นร่ายคาถาปลดล็อกประตูเพื่อเข้าไปยังห้องเก็บน้ำยาประเภทต่าง ๆ ซึ่งน้ำยาที่ต้องการสำหรับภารกิจนี้คือ 'น้ำยาลบล้างตัวตน' ซึ่งมีส่วนผสมที่หายากเกินว่าความสามารถนักเรียนคนหนึ่งจะหาได้ อีกทั้งต้องใช้เวลาปรุงนานหลายปี
ภายในห้องเก็บน้ำยาประเภทต่าง ๆ นั้นคับแคบเกินกว่าชายร่างหนาอย่างเวอร์โก้สามารถเดินเข้าไปได้ โดยปกติแล้วอาจารย์เรน่ามักจะใช้คาถาเรียกของโดยต้องออกเสียงชื่อเฉพาะของน้ำยาตัวนั้นให้ชัดถ้อยชัดคำ คาถาจึงสัมฤทธิ์ผล นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่เวอร์โก้จำเป็นต้องท้าทายอาจารย์ใหญ่เพื่อจะได้เอาชนะแล้วชิงคัมภีร์เล่มนั้นมาให้ได้
ฉันรู้ว่าน้ำยาลบล้างตัวตนมีรูปร่างภาชนะบรรจุแบบไหนจึงสามารถหาเจอได้ในเวลาไม่นาน ด้วยความที่เป็นสาวร่างบางหน้าอกไข่ดาวจึงเป็นข้อได้เปรียบอย่างยิ่ง
เมื่อได้น้ำยาลบล้างตัวตนมาแล้วจึงดื่มทันทีที่วาร์ปไปถึงหน้าห้องอาจารย์ใหญ่
โดยปกติเขามักเก็บตัวอยู่ในห้องทำงานตลอดซึ่งเธอไม่อาจรู้ได้ชัดว่าเขากำลังวุ่นวายกับงานหรือไม่ แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วจึงไม่มีอะไรให้คิดมากอีกต่อไป เมื่อน้ำยาสีใสไหลลงคอจนหยดสุดท้าย ร่างกายของเธอจึงมลายหายไม่เหลือแม้แต่เงา สติสัมปชัญญะยังคงเหลือทุกประการ ข้อเสียก็คือเธอเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามือของตัวเองอยู่ตรงไหนกันแน่ บางทีมือล่องหนเหวี่ยงไปถูกขอบธรณีประตูบ้างหรือปลายเท้าเตะผนังหินบ้าง
พอปรับสภาพตัวเองได้ถึงเคาะประตูห้องอาจารย์ใหญ่แล้วรอให้เขาเปิดประตูออกมา
เป็นไปตามแผน เขาเปิดประตูพร้อมมองซ้ายมองขวา จังหวะนี้โซล่าจึงวาร์ปเข้าไปในห้องผ่านช่องว่างทันที คาถาหายตัวนั้นไม่ใช่การสลายโมเลกุลเพื่อทะลุไปได้ทุกที่ แต่เป็นการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วยิ่งกว่าแสงพุ่งผ่านช่องว่างเท่านั้น
เขาหันซ้ายหันขวาอย่างงงงวยก่อนตัดสินใจปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนาแล้วเดินกลับไปนอนบนเปลซึ่งมัดไว้กับต้นไม้กิ่งเตี้ยแล้วหลับไปอย่างรวดเร็ว
หลายสิ่งหลายอย่างภายในห้องอาจารย์ใหญ่ช่างแปลกหูแปลกตาสำหรับเธอไปหมด แต่เธอไม่ได้มีเวลาให้กับพวกมันทั้งวันจึงพุ่งตรงไปยังชั้นหนังสือซึ่งมีแต่ปกสีขาว
"เธอรู้ได้ยังไงว่าเป็นเล่มไหน ถ้ามันมีหนังสือปกสีดำสองเล่มล่ะ จะรู้ได้ยังไงว่าเล่มไหน?" ฉันถามเวอร์โก้ในขณะตกลงแผนการทั้งที่ตัวเองแอบหวั่นใจว่าจะทำแผนล่มได้
“ฉันเคยเข้าไปในห้องนั้นโดยทำเป็นแกล้งขอคำปรึกษาด้านอนาคตหลังจากจบการศึกษา” ชายหนุ่มบอก “ระหว่างที่เขาเตรียมน้ำชา ฉันเห็นชั้นหนังสือขนาดใหญ่เรียงรายไปด้วยหนังสือปกสีน้ำตาลอ่อน แต่มีปกเล่มสีดำเท่านั้นที่เด่นเป็นสง่า พอหยิบมาดูก็รู้ว่ามันคือเล่มที่ฉันต้องการและถ้าเธอรักฉันจริงจะต้องรู้แน่ว่าเล่มไหน”
เชื่อเถอะ...จริงอย่างที่เขาว่า ทั้งชั้นสูงถึงเพดานอัดแน่นไปด้วยหนังสือปกสีน้ำตาลอ่อน แต่มีเพียงหนึ่งเล่มที่เป็นปกสีดำ เธอหยิบมันออกมาอย่างง่ายดายแล้วเห็นตัวหนังสือบนหน้าปกเขียนด้วยน้ำหมึกเรืองแสงสีเงินว่า
'คัมภีร์ผนึกมาร'
ระหว่างนั้นคำพูดของเวอร์โก้ชายคนรักดังก้องเข้ามาในหัว
"ถ้านำมันมาให้ฉันได้ จะยอมรับรักเธอและจะแต่งงานกับเธอด้วย"
___________________________________________
To Be Continue Ep.25