หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
'ทอม' มนุษย์เงินเดือนผู้จบชวิตลงด้วยอุบัติเหตุแสนน่าอนาถ วิญญาณจึงถูกดึงไปเกิดใหม่ชาติต่อไปในร่างหมาคอร์กี้แห่งโลกเวทมนตร์โดยมีความสามารถทางการสื่อสารเฉกเช่นมนุษย์ จนได้มาพบกับ 'อาเนีย' สาวน้อยนักเรียนแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ในร้านขาวสัตว์เลี้ยงและได้ตั้งชื่อใหม่ให้เป็น 'นัปโปะ' จากนั้นด้วยความบังเอิญบางอย่างทำให้นัปโปะรู้ว่าตัวเองสามารถร่ายคาถาเสกเวทมนตร์ได้ เขาจึงตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่หาใครเทียบเพื่อมีชีวิตอันสงบสบายกับเจ้าของ
"ที่รักคะ..." ฉันเรียกชื่อเข้าพร้อมหยาดน้ำตารินอาบแก้ม
"ผมเคยขอให้คุณห้ามยุ่งกับห้องนี้ไม่ใช่เหรอ?" เขาถามพร้อมกับปลายไม้กายสิทธิ์เรืองแสงสีม่วงขึ้น ลมปริศนาพัดมาวูบหนึ่งส่งผลให้เทียนทุกเล่มดับสนิท
"คุณจะทำอะไรลูกคะ?" ร่างกายของฉันสั่นเทิ้มพลางยกมือขึ้นมือท้องที่กำลังบวมอย่างหวาดกลัว
"ผมไม่ทำอะไรเขาหรอก แต่ตอนนี้ผมอยากให้คุณออกมาจากห้องผมก่อนแล้วเรามาคุยกัน" น้ำเสียงของเขายังทุ้มต่ำไร้เสน่ห์แต่ฟังดูขนลุกราวกับว่าคนตรงหน้าไม่ใช่เวอร์โก้ สามีที่ฉันรักอีกต่อไป "โซล่า เราจะมาคุยกันถึงเรื่องนี้ เราจะทำความเข้าใจทุกอย่างให้ตรงกัน สิ่งที่ผมทำอยู่นี่ก็เพื่อครอบครัวของเรา"
"แล้วการควักหัวใจลูกเรามันทำเพื่อครอบครัวตรงไหน!?" ฉันแผดเสียงดังพร้อมกับหัวใจกำลังแหลกสลาย สิ่งหนึ่งที่ฉันสัมผัสได้ว่าเขาไม่เหลือความเป็นผู้วิเศษจากตัวเขาเลยแม้แต่น้อย "เวอร์โก้...คุณกลายเป็นอะไรไปแล้ว?"
"มาถึงขั้นนี้คงปิดบังไว้ไม่ได้แล้ว" ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนร่ายคาถาบางอย่างยกร่างของฉันตรึงยนอากาศร่างลอยเหนือพื้นเล็กน้อย ฉันส่งเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือแม้รู้ว่าไม่มีใครได้ยินเพราะพื้นที่ห่างไหลนั่นเป็นความต้องการของอีกฝ่าย
เขาวางแผนมาตลอดสินะ...เรื่องราวทุกอย่างเริ่มปะติดปะต่อกันจนรู้ความ
ชายหนุ่มดวงตาสีแดงก่ำยื่นมือออกมาพร้อมรอยยิ้มแสยะเห็นเขี้ยวคู่แหลม แขนของเขาเต็มไปด้วยรอยสักขยับไปมาราวกับมีชีวิตสร้างความสยองขวัญให้ไม่น้อย
"มาเป็นมารกับผมเถอะ ตอนนี้ผมสามารถเพิ่มพลังตัวเองจนกลายเป็นจักรพรรดิมารเพราะผู้วิเศษมากมายที่ผมฆ่าและกินหัวใจพวกเขา ถ้าผมได้กินหัวใจของลูก ผมจะสามารถทำลายกำแพงเพื่อขึ้นมาเป็นเทพเจ้ามารแล้วเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้เสีย" เขาพูดเป็นใหญ่เป็นโตพร้อมโทนเสียงที่เริ่มเปลี่ยนแปลง "มากับผมเถิดโซล่า ภรรยาสุดที่รัก ด้วยพลังอำนาจของผมจะทำให้คุณเป็นจักรพรรดินีนั่งบนบัลลังก์โลกคาโรเนียเคียงข้างกัน"
นี่มันนอกเหนือจากสามัญสำนึกที่หลงเหลืออยู่ ฉันจึงตัดสินใจวาร์ปหายออกจากบ้านโผล่ไปยังด้านนอก จากนั้นจึงเริ่มซอยเท้าเปล่าหนีท่ามกลางความมืดใต้พระจันทร์คืนแรมเต็มดวง ฉันไม่รู้ว่าควรหนีไปที่ไหนดี แต่ที่รู้ ๆ ก็คือฉันควรกัดฟันวิ่งออกไปอย่าหยุดโดยมีอาเนียในท้อง
"คุณหนีผมไม่พ้นหรอกโซล่า" เขาวาร์ปตามมาพร้อมยิงคาถาสีม่วงใส่ต้นไม้ข้างทางล้มขวางถนนบล็อกเส้นทางในทันที "มีคาถาตัดชีวิตนี้ที่ผมใช้จนขึ้นใจมากกว่าคาถาอื่น แค่มีความชั่วร้ายในจิตใจมากเท่าไหร่ พลังการทำลายล้างยิ่งรุนแรงเท่านั้น"
"ถ้าฉันตาย ลูกก็จะตายไปด้วย! วันบูชาพระจันทร์สีชาดมันอีกตั้งนาน! เป้าหมายของเธอจะไม่มีวันสำเร็จหรอก!!" ฉันตะคอกสุดเสียงทั้งน้ำตา แต่แล้วจึงเกิดเจ็บท้องขึ้นมากระทันหันจนเสียหลักล้มลงกับพื้นทั้งอย่างนั้น
"โซล่า!!" เวอร์โก้พุ่งเข้ามาหาแต่ถูกบางอย่างซัดกระเด็นลอยไป พร้อมกับการปรากฎตัวของใครบางคนในชุดคลุมสีขาว
"อาจารย์ใหญ่คอนเนอร์?"
"คัมภีร์ผนึกมารไม่ใช่ของที่เอามาเล่นนะเวอร์โก้ ฉันบอกไปไม่รู้กี่รอบแล้วดูสิ่งที่แกทำลงไปสิ แต่คร่ำชีวิตเหล่าผู้วิเศษไปตั้งมากมายแล้วเปลี่ยนให้พวกเขาเป็นมารอีก" ชายวัยกลางคนเอ่ยพร้อมคิ้วอันดกดำขมวดอย่างโกรธเกรี้ยว "ยอมมอบตัวเสียแล้วฉันจะส่งแกไปขังในคุกอนันตกาลแทน"
"ผมพ่ายแพ้คุณมานับครั้งไม่ถ้วนเพราะผมยังไม่ได้พลังนี้ แต่สุดท้ายผมจึงใช้คัมภีร์นั่นมอบพลังให้กับตัวเองได้ การจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ย่อมเกิดการเสียสละ" เวอร์โก้กล่าวพร้อมเรียกสมุนมารออกมาสองคน พวกมันยิงคาถาตัดชีวิตใส่แต่ถูกอาจารย์ใหญ่คอนเนอร์ปัดออกอย่างง่ายดายพร้อมยิงคาถาใส่ปลิดชีพพวกมันสองตัวลง
"ที่ผ่านมาเห็นแกเป็นนักเรียนภายใต้การดูแลของโรงเรียน การดูแลของฉันเลยพยายามไม่ให้ได้รับบาดเจ็บมากทุกครั้งที่เราประลอง" เขาเรียกโฮโลแกรมออกมากลางอากาศสร้างความตื่นตระหนกแก่อีกฝ่าย
"นั่นอะไร!?"
"สงสัยแค่ส่งไปที่คุกอนันตกาลคงไม่สามารถคุมแกอยู่ แถมมารที่วิวัฒนาการจนกลายเป้นจักรพรรดิมารคงฆ่าไม่ได้ง่าย ๆ จึงต้องผนึกไว้อย่างหนักหนาคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้" อาจารย์ใหญ่คอนเนอร์กล่าวเสียงเครียด ก่อนสร้างบาเรียคลุมร่างเขาและฉัน ไม่ว่าเวอร์โก้โจมตีใส่รุนแรงขนาดไหนก็ไม่สามารถทำอะไรบาเรียได้เลย
จากนั้นอาจารย์ใหญ่ร่ายอะไรบางอย่างซึ่งฉันไม่สามารถฟังออก
"คอมมาน คอมจูเกต ซับเจก เวอร์โก้!!" แสงสว่างวาปจนต้องยกมือขึ้นปิดตามิดก่อนทุกอย่างจะเงียบลง ฉันลืมตาขึ้นไม่เห็นสามีอยู่แล้ว มีเพียงหินก้อนหนึ่งรูปร่างลักษณะกลายไข่ไก่ อาจารย์ใหญ่หยิบมันขึ้นมาก่อนใส่ไว้ในแหวนกระเป๋าแล้วถอนหายใจยาว จากนั้นเขาจึงเข้ามาดูอาการและร่ายเวทรักษาจนบาดแผลเล็ก ๆ ตามร่างกายสมานหายสนิท "จากนี้ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว เวอร์โก้ถูกผนึกแบบที่จะไม่สามารถทำลายออกมาได้ พวกสมุนมารคนรับรู้ถึงการหายตัวไปของผู้เป็นนายแบบกระทันหัน หลังจากนี้เรื่องค่าใช้จ่ายกินอยู่ฉันจะเป็นคนส่งมาให้ทุกเดือนรวมถึงค่าเล่าเรียนของเด็กในท้องด้วย ถ้าอยู่ในความดูแลของฉัน เด็กคนนี้จะปลอดภัย ส่วนไข่หินที่ผนึกเวอร์โก้ฉันจะเอาไว้ในที่ที่ไม่มีใครพบ"
...............
ตัดกลับมายังปัจจุบัน
"ถ้าฉันไม่ช่วยเขาตั้งแต่แรก...เรื่องคงจะไม่เป็นอย่างนี้" โซล่าถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน มือเรียวยังลูบศีรษะผมไปมาจนขนบริเวณกลางศีรษะหลุดติดมือ "ถ้าไม่มีคัมภีร์บ้านั่น...เห้อ! ช่างเถอะ จนถึงตอนนี้ต่อให้เขาจะเป็นจักรพรรดิมารหรือเทพเจ้ามารหรืออะไรก็ช่าง สุดท้ายเขาก็ยังเป็นสามีและพ่อตามสายเลือดของอาเนีย เรื่องนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงต่อให้โลกทั้งใบจะถล่มก็ตาม ตอนนั้นเขาโดนผนึกแต่ไม้กายสิทธิ์ของเขาตกอยู่ ฉันจึงเก็บมันไว้เพื่อดูต่างหน้าก่อนจะมอบให้กับอาเนีย ซึ่งมันเคยถูกใช้ฆ่าคนมานับครั้งไม่ถ้วน จนตัดใจซื้อไม้ใหม่แทน"
ผมนอนหมอบพลางฟังเรื่องราวของอีกฝ่ายจึงแอบสงสารจักรพรรดิมารไม่ได้ เขาคือผู้ที่ต้องการอยู่บนจุดสูงสุดของโลกนี้จริงหรือ? แม้ในตอนนั้นเขากลายเป็นนักเรียนที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งแห่งโรงเรียนเวทมนตร์เอสคูเรียไปแล้วก็ตาม นั่นยังไม่เพียงพอสำหรับผู้จะได้รับตำแหน่งอัศวินขององค์จักรพรรดิเวทมนตร์อีกงั้นเหรอ?
"อาเนียรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?" ผมถามพลางเอียงศีรษะพิงต้นขา
"แน่นอนว่าไม่รู้ พอมาเจอเหตุการณ์อย่างนี้เข้า...ไม่อยากคิดเลยว่าลูกจะรู้สึกยังไง" หญิงสาวยกมือปาดน้ำตา "แม่ขอโทษนะ...อาเนีย แม่ขอโทษ"
.
.
.
.
หลังจากเหตุการณ์จักรพรรดิมารบุกโจมตีโรงเรียนเอสคูเรีย ทางอาจารย์ใหญ่ประกาศหยุดเรียนส่งนักเรียนทุกคนกลับบ้านจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ส่วนงานประลองนั้นจำเป็นต้องยกเลิกไปอย่างไม่มีกำหนด ผมในร่างมนุษย์ (แปลงกายได้อิสระแล้ว) จัดเก็บสัมภาระทุกอย่างในกระเป๋าแหวนที่อาเนียทำตกไว้พร้อมห้อยคอไว้
ระหว่างเดินทางกลับด้วยไม้กวาด เราสองคนพบสมุนมารสามคนดักโจมตี ผมกัดฟันกรอดด้วยความโกรธจึงแปลงกายเป็นมนุษย์อีกครั้งแล้วจัดการพวกมันจนตกลงพื้นตาย จากนั้นจึงกลับคืนร่างเดิม
"แบบนี้ก็สะดวกขึ้นหลายเท่าเลยเนอะ" โซล่าพูดถึงร่างแปลงของผมพลางลูบศีรษะไปด้วย "เหมือนมีบอดี้การ์ดติดตัวตลอดเลย ตอนนี้ไม่รู้สึกเสียดายสองเหรียญทองนั่นแล้วล่ะ"
"ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ จริง ๆ เธอไม่ได้จ่ายสักแดงต่างหาก” ผมพูดอย่างประชดประชันชวนนึกถึงช่วงที่อยู่ร้านขายสัตว์เลี้ยง เธออยากจะซื้อไอ้มังกือพ่นไฟสุดอันตรายค่าตัวไม่กี่เหรียญทองแดงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัว แต่หารู้ไม่ว่าคอร์กี้ตัวนั้นจะกลายมาเป็นชายหนุ่มหุ่นล่ำพลังเวทย์ล้นหลามสูสีจักรพรรดิมารขนาดไหน
“นั่นยิ่งคุ้มค่าเข้าไปใหญ่”
เมื่อกลับถึงบ้าน ทุกอย่างรอบข้างเงียบสงัดแทบไม่ได้ยินเสียงลม แม้ผมเคยอยู่ที่นี่เพียงคืนเดียว แต่ความรู้สึกเหมือนกับใช้ชีวิตมานานตั้งแต่แรกเกิด ไม่น่าเชื่อว่าบ้านหลังนี้เคยเป็นสถานที่สำหรับแอบทำพิธีกรรมเกี่ยวกับมารศาสตร์มืด
"จะขึ้นห้องไปพักผ่อนก่อนก็ได้นะ เดี๋ยว 'แม่' ทำอะไรให้กิน" โซล่าเรียกตัวเองว่าแม่ต่อหน้าผม จนอดคิดบางอย่างซึ่งกำลังค้างคาใจตลอดทาง
"เธอไม่คิดจะเข้าไปช่วยอาเนียจากจักรพรรดิมารเลยเหรอ?" คำถามถูกยิงสู่ผู้เป็นแม่กำลังสวมผ้ากันเปื้อนพลางเดินเข้าห้องครัวต้องชะงักฝีเท้าหยุดกับที่ "อาเนียเป็นลูกเธอนะ"
"ฉันรู้อยู่แก่ใจ แม้บางครั้งฉันก็คิดว่าถ้าเด็กคนนั้นตายคงได้เจอผู้ชายคนใหม่..."
ผัวะ!!
อุ้งเท้าผมหวดใส่แก้มซ้ายอีกฝ่ายอย่างจังเพื่อเรียกสติ ผมไม่คิดจะใช้ร่างมนุษย์เตือนสติเธอหรอก วางใจได้
"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอเฝ้าดูลูกสาวตัวเองเติบโต หาข้าวหาน้ำ เสียสละทุกอย่างเพื่อให้อาเนียมีชีวิตที่ดี แถมยังปิดบังเรื่องผัวตัวเองเพราะไม่อยากให้เกิดปมในใจไปมากกว่านี้" ผมกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบผสมความหงุดหงิด "ถ้าเธอยังไม่พร้อมไปช่วยอาเนียตอนนี้ฉันไม่ว่า เพราะกำลังของเราคงสู้จักรพรรดิมารไม่ไหวแน่ ๆ แต่อย่ามาพูดแบบนี้กับลูกสาวตัวเองเด็ดขาด"
โซล่าเงียบไปสักครู่ ดวงตาด้านแววจับจ้องผมก่อนยิ้มอ่อน
"นัปโปะชอบอาเนียหรือนี่?" คำพูดของอีกฝ่ายทำเอาผมชะงัก ความโกรธเมื่อกี้มลายหายสิ้น เธออุ้มร่างผมวางไว้บนเคาน์เตอร์ครัวพลางยิ้มแล้วร่ายคาถาทำอาหารด้วยการสะบัดไม้กายสิทธิ์เพียงครั้งเดียว "ฉันยังยอมรับได้นะถ้ามีร่างมนุษย์ ถ้าไม่มีฉันคงไม่ยอมและอาจจะส่งแกไปที่ไหนสักที่"
"อะ...เออ..." สมองผมในตอนนี้ชักเริ่มคิดอะไรไม่ออก ปากพะงาบ ๆ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน "เปล่า..."
"เอาจริงในฐานะแม่ ฉันคงไม่ยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับสัตว์เลี้ยงตัวเองแน่ แต่ถ้าแกสามารถยกระดับขึ้นมาเป็นผู้วิเศษ 'คน' หนึ่งถึงจะยอมรับได้"
.
.
.
.
พูดอะไร ไม่เห็นเข้าใจเลย...
ผมไม่พูดอะไรต่อจึงกระโดดลงจากเคาน์เตอร์เดินไปยังชามอาหารพร้อมนั่งรออย่างเรียบร้อยไม่ต่างจากหมาตัวหนึ่ง...อืม ผมเป็นหมานี่หว่า
หลังมื้ออาหารแสนธรรมดาบ้าน ๆ ประกอบไปด้วยข้าวโอ๊ต น่องไก่ต้มและถั่วรันเตาพร้อมน้ำซอสเกรวี่ราดชุ่มฉ่ำ ผมตัดสินใจขึ้นไปยังห้องนอนของอาเนียแล้วกระโดดขึ้นไปบนเตียงอันอ่อนนุ่ม กลิ่นของเธอยังติดอยู่ กลิ่นของอาเนีย...ใช่ ประสาทสัมผัสจมูกของผมนั้นไม่มีทางผิดเพี้ยน ยังไม่รวมเส้นผมของเธอซึ่งหลุดล่วงไว้จำนวนหนึ่งเส้นนั่นด้วย ผมจดจำทุกรายละเอียดเกี่ยวกับเธอได้ดี ท่าทางการนอน จังหวะการกรน ในบางครั้งเธอมักกอดผมเหมือนตุ๊กตายามที่เผลอสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกเพราะฝันร้าย ผมพยายามใช้ขาทั้งสี่ข้างอันสั้นเตี้ยโอบกอดเธอพร้อมมอบความอบอุ่นอย่างที่เคยมีให้จนกระทั่งจมดิ่งสู่ห้วงนิทรา ก่อนตื่นมาในตอนเช้ารับแสงรุ่งอรุณอันสดใส
เราสองคนลาจากกันในห้วงสุดท้ายของราตรี และโอบรับการพบกันอีกครั้งในแสงแรกของรุ่งอรุณ
__________________________________
To Be Continue Ep.27