หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
'ทอม' มนุษย์เงินเดือนผู้จบชวิตลงด้วยอุบัติเหตุแสนน่าอนาถ วิญญาณจึงถูกดึงไปเกิดใหม่ชาติต่อไปในร่างหมาคอร์กี้แห่งโลกเวทมนตร์โดยมีความสามารถทางการสื่อสารเฉกเช่นมนุษย์ จนได้มาพบกับ 'อาเนีย' สาวน้อยนักเรียนแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ในร้านขาวสัตว์เลี้ยงและได้ตั้งชื่อใหม่ให้เป็น 'นัปโปะ' จากนั้นด้วยความบังเอิญบางอย่างทำให้นัปโปะรู้ว่าตัวเองสามารถร่ายคาถาเสกเวทมนตร์ได้ เขาจึงตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่หาใครเทียบเพื่อมีชีวิตอันสงบสบายกับเจ้าของ
ความร้อนรุ่มกลุ้มใจคลุกลุ่นในใจตลอดระหว่างทางเดินมายังห้องหนึ่งขนาดเทียบเท่าห้องบอลรูมแต่กลับเป็นพื้นที่ทรงกลม
โต๊ะทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำขนาดยาวกว่าห้าเมตรตั้งอยู่ตรงกลางพอดี เก้าอี้สีเข้าคู่จัดให้นั่งห่างกันพอสมควรจำนวนมากกว่าสิบตัว พื้นปูด้วยพรมชนิดพิเศษราคาแพงสีแดงเข้มดูทรงพลัง คบไฟถูกจุดติดไว้รอบห้องเพิ่มแสงสว่าง ท่ามกลางความเงียบมีเพียงเปลวไฟแตกตัวเท่านั้นที่เสียงโดดเด่นกว่าลมหายใจเข้าออกของเหล่าสมาชิกทั้งเจ็ดคนซึ่งรอคอยนายเหนือหัวอย่างเงียบเย็น พวกเขาไม่ปรี่ปากเอ่ยสิ่งใด ปล่อยให้ความนิ่งเงียบสงิดสงัดปกคลุมทั้วห้อง
"ห้องเงียบอย่างกับเป่าสาก" ชายหมวกเหล็กบ่นกระปอดกระแปดเมื่อเห็นว่าไม่มีการพูดคุยถกเถียงก่อนนายเหนือหัวเข้าร่วมในท้ายสุด "ข้าไม่ได้เปลี่ยนพวกเจ้าเป็นมารตำแหน่ง 7 บาปเพื่อให้มานั่งเงียบไม่ทำอะไรอย่างนี้!"
"อย่าเพิ่งโกรธกันสิคะท่านองค์จักรพรรดิ" หญิงสาวในชุดแรบเนื้อสีดำอวดโฉมหุ่นบางร่างนาฬิกาทราย ใบหน้าขาวกรีดอายไลน์เนอร์ดำเฉี่ยวคมเข้ากับดวงตาและเส้นผมยาวจรดแผ่นหลังอันดำขลับ ริมฝีปากแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีดำมันวาวแสนยั่วยวนสัตว์เพศผู้ เธอยืนขึ้นพร้อมเดินนวบนาบส่ายสะโพกกลมกลึงไปหาชายร่างสูงและส่งสายตาหวานฉ่ำโดยไม่สนใจสายตาเหล่าเพื่อนร่วมตำแหน่งแม้แต่น้อย "พวกเรายังไม่เริ่มพูดคุยอะไรกันเพราะให้เกียรติรอคอยท่านให้มาถึงก่อนยังไงล่ะคะ...อึ้ก!!"
จักรพรรดิมารคว้าคอเรียวระหงส์ด้วยพลังจิตแล้วยกร่างหญิงสาวชุดดำปลายเท้าลอยเหนือพื้น ความเจ็บแปลบของทะยานจากจุดหนึ่งแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย ใบหน้าขาวผองแดงก่ำพร้อมขาดอากาศหายใจ แขนขาสั่นทำอะไรไม่ถูก
"ให้มันน้อย ๆ หน่อย ลุคซุริอา!" ดวงตาเรืองแสงสีแดงสร้างแรงกดดันต่อหญิงสาวจนริมฝีปากประทับลิปสติกสีดำสั่นระริก เธอได้ยินดังนั้นจึงวาร์ปกลับไปนั่งที่เดิมโดยมีเซอบีรัสที่นั่งอยู่ด้านข้างหัวเราะเยาะเย้ย
"ข้าบอกแล้วว่าไม่คุ้มเสี่ยง บาปแห่งราคะก็อย่างนี้แหละ" ชายหนุ่มลูบไล้หนวดเคราของตัวเองก่อนตีมือ 'กุลลา' ชายร่างอ้วนศีรษะล้านแตนตัวแทนบาปแห่งความตะกละซึ่งกำลังยื่นมาเพื่อขโมยแก้วน้ำหวาน "เมื่อกี้เจ้าก็ขโมยน้ำหวานในแก้วของอาเชมาด้วยนี่หว่า เฮ้ย! อาเช ทำไมไม่ทำอะไรกับไอ้นิสัยเสียนี่บ้างเลยวะ!?"
"ถ้ามันทำให้กุลลากินน้อยลงมันก็ยังพอคุ้มเสี่ยงอยู่ แต่ในเมื่อไม่เห็นถึงเรื่องนั้นข้าเลยปล่อยไปดีกว่า ไม่เสียแรงโดยใช้เหตุ" อาเช หนุ่มร่างเล็ก ผมสีเทาควันบุหรี่ สายตาเลื่อนลอย นั่งพิงคล่อมเหยียดจนเกือบนอนในมุมสี่สิบห้าองศาตลอดเวลา
"นั่งให้มันดี ๆ หน่อย ท่านองค์จักรพรรดิมาแล้วนะ นั่งหลังตรง อย่าทำตาขี้เกียจแบบนี้!" คีล่า บาปแห่งโทสะตวาดราวกับคุณแม่เบอร์สอง ใบหน้าเริ่มมีอายุเข้าสู่วัยทองจึงเริ่มมีริ้วรอยปรากฎขึ้นตามวัย แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ดสีดำเข้าคู่กับกระโปรงยาวคลุมเข่าลวดลายดอกไม้สีขาวสีพื้นดำทมิฬ "สวัสดีค่ะ ท่านองค์จักรพรรดิ วันนี้ท่านก็ยังดูดีเช่นเดิมนะคะ"
"แทนที่จะเอาเวลาไปคิดถึงแผนการทำให้เผ่ามารแข็งแกร่งขึ้นกลับมานั่งคิดหาคำพูดเลียแข้งเลียขาเนี่ยนะ?" จักรพรรดิมารกำมือแน่นทุบลงบนโต๊ะอย่างแรงเกิดเสียงกระแทกดั่งสนั่นห้องสะเทือน รอยร้าวเรืองแสงสีฟ้าสว่างก่อนมันจะสมานตัวเองกลับราวไม่เคยเกิดขึ้น ชายหมวกเกราะทมิฬประทับบนเก้าอี้ตัวใหญ่ลวดลายแกะสลักปราณีตบริเวณหัวโต๊ะ "วันบูชาพระจันทร์สีชาดที่จะเกิดขึ้นในอีก 3 วันไม่เกินนี้ เราจำเป็นต้องจัดเวรยามให้ครอบคลุมพื้นที่ ข้าต้องทำการชำแหละควักหัวใจลูกสาวข้า"
"อำมหิตที่สุดก็ต้องเป็นท่านแล้วล่ะค่ะ" ลุคซุริอายังทำเสียงหวานพร้อมส่งสายตาหยาดเยิ้มไม่เกรงใจคนรอบข้าง
"นังแรด" คีล่าเอ่ยกอดอก ภายในใจเริ่มคลุกรุ่นไปด้วยอารมณ์โทสะอย่างคาดไม่ถึง
"กูร่านค่ะ อีแก่นมยาน ไม่อย่างนั้นฉันจะมีซูเปริอาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยังไงล่ะคะ!?" เธอชี้ไปยังหญิงสาวสวมหน้ากากปิดบังครึ่งใบหน้าเผยให้เห็นเพียงริมฝีปากสีชมพูเรียวเล็ก ใบหน้าครึ่งร่างขาวใส่เนียนละเอียดอย่างเด็กวัยรุ่นแรกแย้ม นั่นยิ่งทำให้หญิงวัยกลางคนเดือดดาลราวกับน้ำในกาดีบุกควันไอน้ำพวยพุ่งอย่างบ้าคลั่ง
"อีดอกนี่!!" เธอชักไม้กายสิทธิ์ออกมาซึ่งไม่รวดเร็วเท่าลุคซุริอาที่ชักออกมาก่อนด้วยพลังจิตควบคุมไม้คู่ใจออกมาจากซองหนังเข้ามือแล้วจ่อปลายไม้บริเวณกลางหน้าผากพร้อมดวงตาเบิกกว้าง
ไม่มีใครกล้าเปิดการต่อสู้ก่อนเพราะไว้หน้านายเหนือหัว
"สังขารไม่เที่ยงก็อย่าคิดลองดี อีแก่หงำเหงือก ไม่แปลกใจเลยที่อายุปานนี้อารมณ์ยังตัวเองยังคุมไม่อยู่จึงเสียเปรียบฉัน" หญิงสาวรุ่นนางแบบเอ่ยพลางเชิดปลายคางชี้หน้าอีกฝ่ายที่รูปร่างแคระแก่นกว่า "เตือนครั้งสุดท้าย คำสาปตัดชีวิตได้เฉือนผ่านร่างแกก่อนที่แกจะรู้ตัวอีก"
ฝ่ายหญิงวัยทองเกิดอาการหวาดกลัวขึ้นเพราะออร่าสีดำครอบคลุมร่างหญิงสาวอายุน้อยกว่าจนต้องจำใจเก็บไม้กายสิทธิ์เข้าซองหนังพลางบ่นกระปอดกระแปดในลำคอ
"หากท่านเกรงกลัวอาจารย์ใหญ่คอนเนอร์จะพากองทัพผู้วิเศษเข้ามาโจมตีเพื่อเด็กผู้หญิงคนเดียว ท่านควรชำแหละนางเสียตั้งแต่วันนี้จากนั้นใช้คาถาสูญญากาศทำให้หัวใจ..."
"หัวใจที่ถูกควักออกไปก่อนวันนั้นก็ไร้ประโยชน์ ข้าได้พลังลูกข้ามาจริง แต่ไม่เพียงพอที่จะทำให้ข้าวิวัฒนาการไปเป็น 'เทพเจ้ามาร'" ชายหมวกเหล็กพูดกระชากเสียงขัดเซอบีรัสหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด "ถ้าข้าไม่ได้เป็นเทพเจ้ามาร ข้าไม่สามารถยึดคาโรเนียเป็นของข้าได้หรอก ไอ้จอมเวทย์คอนเนอร์มันยังคงเป็นเสี้ยนหนามขวางทางเดินของข้า"
"ถ้ามีคนขวางทางเดินนายก็ต้องเป่าหัวไปเสีย!!" เคออส บาปแห่งความอิจฉาริษยาส่งเสียงดังจนสมาชิกเจ็ดบาปที่เหลือสะดุ้งสุดตัว จากนั้นจึงโดนรุมกระทืบแล้วกลับมานั่งตามเดิม
"พวกเจ้าคือผู้ถูกเลือกให้มาอารักขาปกป้องข้า ในวันนั้นพวกเจ้าต้องวางกำลังออกเป็นเจ็ดส่วนคอยป้องกันหอคอยและทางลงคุกใต้ดินอย่างแน่นหนา อย่าให้ใครเข้ามาขัดขวางข้าเป็นอันขาด" จักรพรรดิมารสั่งการ ซึ่งเหล่าเจ็ดบาปตั้งใจฟังและน้อมรับคำสั่ง
เมื่อชายหมวกเกราะมั่นใจในความสามารถของเหล่าเจ็ดบาปซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเองในฐานะจุดสูงสุดของเผ่ามารศาสตร์มืดจึงลุกขึ้นกล่าวปิดการประชุมก่อนปลีกตัวออกไปจากห้องประชุมทันที แสงจากดวงจันทร์สาดส่องทะลุหน้าต่างกระทบร่างชายหนุ่มเกิดเงาดำพาดเชื่อมต่อกับเงาขนาดใหญ่ไร้สิ้นสุด เงาของเจ้าตัวสะท้อนขึ้นในกระจกใสเผยให้เห็นดวงตาอันแดงก่ำใต้หมวกเกราะเหล็กก่อนเดินจากไป เพียงไม่ถึงชั่วอึดใจเงาดำบางอย่างเดินตามหลังจักรพรรดิมารอย่างโจ้งแจ้ง พอมองในความเป็นจริงกลับพบเพียงตัวเขาและความว่างเปล่า
ห้องพักของจักรพรรดิมารตั้งอยู่ ณ ชั้นสูงสุดของหอคอยคูล่า เป็นห้องที่เต็มไปด้วยหนังสือวางบนชั้นสร้างจากศิลาแดงค่อยดูดซับความชื้นแบบพิเศษ โต๊ะสีขาวซึ่งไม่เขากับกำแพงสีทมิฬตั้งอยู่กลางโต๊ะ อุปกรณ์เครื่องเขียนอาทิ ปากกาขนนก น้ำหมึกและกองกระดาษสีครีมตั้งเป็นระเบียบ ส่วนกลางโต๊ะมีรูปภาพรูปหนึ่งซึ่งมีค่าอันตีมูลค่าไม่ได้ แสงไฟจากเพดานสาดไปทั้วห้อง เผยให้เห็นบุคคลในรูป เขาถอดหมวกเกราะออกวางไว้แล้วหยิบรูปใบนั้นขึ้นมาดู ยามได้เห็นหน้าภรรยาอย่าง 'โซล่า' ยิ่งชวนให้หัวใจของเขาบีบคั้นบดขยี้จนแหลกเป็นเสี่ยง
"เป็นถึงจักรพรรดิมารแต่กลับหลั่งน้ำตาให้แก่มนุษย์เนี่ยนะ! ช่างน่าอับอายสิ้นดี!" เสียงหนึ่งดังมาจากร่างกายของชายหนุ่ม เขาเบิกตาโตหายใจเข้าแรง
"ไอ้มารนี่อีกแล้ว ชอบขัดจังหวะจริงเชียว!" เขาตวาดใส่ท้องตัวเอง แต่แล้ววิญญาณสีดำผุดออกมาจากร่าง ดวงตาสีแดงเรืองสว่างพร้อมรอยยิ้มแสยะเต็มไปด้วยฟันซี่แหลมนับไม่ถ้วน เวอร์โก้ไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่เห็นแม้แต่น้อยพลางเช็ดน้ำตา
"ข้าเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าน้ำตาเป็นสิ่งไร้ค่าสำหรับจักรพรรดิมารอย่างเจ้า!" วิญญาณทมิฬกล่าวติเตียน
"ตั้งแต่ขายร่างกายให้ก็ยิ่งเอาใหญ่เลยนะ" เวอร์โก้ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมมองโซล่าในชุดแต่งงานไม่ละสายตา
แต่วิญญาณทมิฬลอยบดบังทัศนวิสัยชวนให้อีกฝ่ายหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
"ภาชนะอย่างเจ้านับล้านปีจะมีสักคนที่สามารถทำให้ข้าวิวัฒนาการจากมารปกติขึ้นมาเป็นแม่ทัพมาร จากนั้นก็ราชันมาร จนกระทั่งจักรพรรดิมารดั่งปัจจุบันเพราะการฆ่าล้างผู้วิเศษและกินหัวใจพวกมัน" วิญญาณมารเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ รอยยิ้มแสยะกว้างขึ้น "ข้าดีใจยิ่งนักที่กำลังจะได้เป็นเทพเจ้ามารในอีกสามวันข้างหน้า หลังจากที่ได้ลิ้มรสหัวใจของลูกสาวเจ้า ข้าจักอยู่ ณ จุดสูงสุดยิ่งกว่านี้"
ความกระอักกระอ่อนบังเกิดขึ้นในจิตใจยิ่งกว่าเดิม ยามที่ได้เห็นลูกสาวในใส้ตัวเองพร้อมดวงตาอันสุสกาวจากผู้เป็นแม่ทำเอาหัวใจแกร่งดั่งหินผาต้องทลาย อีกสามวันเขาจักต้องฆ่าดังดวงใจเพื่อความแข็งแกร่งที่ถูกเพิ่มระดับจนต่อให้ขนผู้วิเศษมาทั้งโลกก็มิอาจกำจัดเขาลงได้
"คืนวันบูชาพระจันทร์สีชาด เหล่าผู้วิเศษและมารจะมีพลังกล้าแข็งขึ้น ยิ่งอาบแสงจันทร์พลังแฝงในกายจะเอ่อล้นทะลักออกมา ร่างกายของพวกมันคนใดไม่สามารถรับได้จะระเบิดเป็นจุล สำหรับเจ้า เวอร์โก้ ภาชนะสุดโปรดของข้าเปี่ยมไปด้วยร่างกายแข็งแรงจากต่างโลก จึงสามารถรองรับพลังแฝงของตัวเองและเอามันออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่แน่นอน" วิญญาณทมิฬกล่าวด้วยความตื่นเต้น "เมื่อวิวัฒนาการเป็นเทพเจ้า ข้าและเจ้าจักได้ครอบครองโลกคาโรเนียด้วยกัน"
"ข้าอยากกลับไปหาเมีย..."
"ข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการหลังจากแผนการทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดีแล้ว นางจะกลายเป็นจักรพรรดินีมารเคียงข้างบัลลังก์ของเจ้า"
"ขอให้มันจริงอย่างที่พูดแล้วกัน เพราะในสัญญาที่เราทำกันไว้ระบุว่าข้าสามารถล้มเลิกการเป็นภาชนะได้ทุกเมื่อ ในตอนนี้ข้าต้องการพลัง เจ้าต้องการปกครองโลกทั้งใบ แต่ขออย่างเดียว โซล่าจะต้องไม่เป็นมาร"
"เจ้ายอมขายโลกทั้งใบเพื่อพลังในการปกป้องผู้หญิงคนเดียว" วิญญาณมารหัวเราะ หึหึ อย่างชั่วร้ายราวกับมีแผนการบางอย่างในหัว "ไม่รู้ว่าเจ้าเขลาหรืออัจฉริยะดี แต่ถ้าโลกทั้งใบคิดว่าเจ้าฉลาด ข้าก็ว่าตามนั้น"
เวอร์โก้จ้องหน้าวิญญาณมารสีทมิฬคิ้วขมวด ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
"เป้าหมายของเรามีความละม้ายคล้ายคลึงซึ่งยากหากทำด้วยตัวคนเดียว เมื่อร่วมมือกันแล้ว ข้ายอมขายตัวเองเป็นภาชนะที่แข็งแกร่ง ส่วนเจ้าเป็นคนขับเคลื่อนที่มอบพลังให้ข้า ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งมากมาย เพียงหัวใจเด็กผู้หญิงดวงเดียวจะไม่ให้ใครมาหยุดได้เด็ดขาด"
--------------------------
To Be Continue Ep.28