หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
'ทอม' มนุษย์เงินเดือนผู้จบชวิตลงด้วยอุบัติเหตุแสนน่าอนาถ วิญญาณจึงถูกดึงไปเกิดใหม่ชาติต่อไปในร่างหมาคอร์กี้แห่งโลกเวทมนตร์โดยมีความสามารถทางการสื่อสารเฉกเช่นมนุษย์ จนได้มาพบกับ 'อาเนีย' สาวน้อยนักเรียนแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ในร้านขาวสัตว์เลี้ยงและได้ตั้งชื่อใหม่ให้เป็น 'นัปโปะ' จากนั้นด้วยความบังเอิญบางอย่างทำให้นัปโปะรู้ว่าตัวเองสามารถร่ายคาถาเสกเวทมนตร์ได้ เขาจึงตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่หาใครเทียบเพื่อมีชีวิตอันสงบสบายกับเจ้าของ
"อย่าคิดหยิบไม้ขึ้นมาเชียว เจ้าคอร์กี้" เสียงหนึ่งดังมาจากเหนือศีรษะ ผมจึงเงยหน้าพบกับมังกรขนาดมหึมะสยายปีกอันแข็งแกร่งทรงพลังสะบัดจนเกิดลมกรรโชก ความใหญ่โตอลังการพร้อมไอความร้อนสัมผัสขนจนไหม้ไปเสี้ยวหนึ่งทำให้จิตใจตกไปอยู่ตาตุ่ม มันค่อย ๆ ลดระดับลงจนเท้ามีกรงเล็บสีดำแหลมคมแตะพื้นยืนคล่ำลำตัวอันใหญ่โตอันแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรงมีเกร็ดสีแดงส้มแข็งดั่งเหล็กกล้าหุ้มไม่ต่างจากชุดเกราะชีวภาพทั่วตัว กรามของมันกว้างใหญ่สามารถเขมือบผมในร่างคอร์กี้กลืนลงท้องได้ในคำเดียว ดวงตาสีแดงเรืองแสงสร้างความหวาดกลัวแก่สัตว์เล็กกว่าจนขาสั้นอ่อนย่อตัวตามสัญชาตญาณ จู่ ๆ อะดรีนาลีนกลับสูบฉีดไปทั่วร่างเสียอย่างนั้น
"หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ เพื่อน ๆ ของเจ้าเสียท่าข้าหมดแล้ว" หญิงวัยร่างคนควบบนหลังมังกรกล่าวด้วยวาจาใหญ่โตพร้อมน้ำเสียงทรงพลัง อีกทั้งยืนยันคำพูดของตัวเองด้วยการโบกไม้กายสิทธิ์สีดำสลักลวดลายดอกไม้กระดับด้วยอัญมณีรอบด้ามจับไปมา เพียงเท่านั้นร่างของเรย์ม่อนต์และคาลอสในสภาพบาดเจ็บสาหัสลอยมากลางอากาศทำเอาผมแทบหยุดหายใจ
สองนักเรียนสุดแกร่งของโรงเรียนเอสคูเรียเสียท่าหมดเลย...
"ข้ามีนามว่าคีล่า ส่วนเข้ามังกรตัวนี้ชื่อ 'โดรก้าเดรส' ซื้อมาจากร้านขายสัตว์เลี้ยงที่ถล่มไปนั่นแหละ" ประโยคของอีกฝ่ายทำเอานึกออก เจ้ามังกรนั่นคือไอ้จิ้งเหลนไฟปากเก่งนั่นเอง
"เจ้าจิ้งเหลนไฟ! นี่ฉันเอง! หมาคอร์กี้ราคาสองเหรียญทองนั่นไง!! จำไม่ได้เหรอ!?" ผมตะโกนเรียกแต่มันกลับไม่มีสิ่งใดตอบสนองแม้แต่น้อย
"หมดหวังไปได้เลย ไม่มีใครสื่อสารกับเจ้านี่ได้ดีเท่าข้าแล้ว!" คีล่าลูบคอโดรก้าเดรสอย่างเอ็นดูก่อนสั่งให้สมุนมารจับตัวผม แน่นอนว่าตอนนี้ไม่รู้ว่าโซล่าและมิลันยาเป็นอย่างไรบ้างจึงหยิบไม้กายสิทธิ์จากพื้น ซึ่งการกระทำอันมุทะลุเป็นบทเรียนราคาแพงที่ทำให้ผมรู้จักการ 'ศิโรราบ'
คาถาสงบนิ่งจำนวนมากถูกยิงใส่ผมอย่างไม่ลังเล ความรู้สึกของมันเหมือนถูกยิงด้วยหินนับสิบก้อนพร้อมกัน ร่างกายผมได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม้กายสิทธิ์ตกลงสู่พื้นพร้อมร่างอันอ่อนแรงล้มลงหมดสติไป
.....................
เสียงก่นด่าดังเข้าใบหูดึงสติให้ตื่นขึ้น ตามร่างกายยังคงบอบช้ำจากถูกคาถาสงบนิ่งอัดเข้าเต็มแรงแบบไม่ยั้งมือรอบทิศทาง บรรยากาศภายในสถานที่ปริศนาชวนสติงงงวย ขาทั้งสี่ข้างถูกพันธนาการด้วยโซ่ข้อมือยึดกับพื้นหิน รอบตัวมีแต่เหล่าสมุนมารซึ่งเอาแต่สบธคำหยาบคาย สาปแช่งต่าง ๆ นานาอย่างบ้าคลั่งป่าเถื่อนเหมือนเชียร์คาดิเอเตอร์ในสังเวียน
"ตื่นได้สักทีนะคอร์กี้ ยินดีต้อนรับสู่หอคอยคูล่าของข้า" เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านหลังจึงหันขวับไปยังเจ้าของเสียง มันนั่งอยู่บนบัลลังก์ยกสูงจากพื้นนับหลายสิบชั้นด้านหลังเป็นกระจกมองออกไปเห็นดวงจันทร์สีแดงขนาดใหญ่สาดแสงผ่านเข้ามาทำให้เกิดเงาดำพาดทั้งร่างพร้อมด้วยบัลลังก์ของบุคคลปริศนาทั้งเจ็ด พวกเขาถูกเงาดำปกคลุมแต่แสงจากดวงตาส่องประกายทำให้รู้ว่ากำลังจ้องมาทางผมเป็นตาเดียว "ช่างบังเอิญจริงแท้ที่สมุนของข้าดันไปเจอเจ้าที่ตลาดแมงดา ถือว่าเป็นผลงานใหญ่ของคีล่าหนึ่งในเหล่าเจ็ดบาปอย่างแท้จริง"
"จักรพรรดิมาร...ไม่สิ...เวอร์โก้..." ผมแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายพลางเกร็งนิ้วเท้า
"โซล่าเล่าให้ฟังสินะ ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก ข้าเดาไว้อยู่แล้ว" จักรพรรดิมารเอ่ยเสียงทรงพลัง "ความหวังของผู้วิเศษหายวับหมดสิ้น ตอนนี้เจ้าเป็นได้เพียงแค่หมาน้อยไร้พิษภัยหากปราศจากไม้กายสิทธิ์"
ผมพูดอะไรไม่ออก...ใช่ ไม้กายสิทธิ์อันใหม่ถูกยึดไปแล้ว แถมยังใช้เวทมนตร์ด้วยมือเปล่าไม่ได้อีก จากนี้โลกคาโรเนียคงจบเห่ของจริงแล้วล่ะ
"หลังจากวันบูชาพระจันทร์สีชาดผ่านไปจะไม่มีผู้วิเศษคนไหนสามารถขวางทางข้าได้อีกต่อไป" จักรพรรดิมารเอ่ยคำใหญ่คำโต "ด้วยหัวใจของลูกสาวข้า"
คำพูดอันไร้ความปราณีทำเอาอารมณ์ผมขึ้น อะดรีนาลีนสูบฉีดจนสี่เท้ากระโจนออกแต่กลับหยุดไว้โดยโซ่ข้อมือทำเอาเสียหลักหน้าทิ่มพื้น ทุกคนในห้องโถงบัลลังก์ต่างหัวเราะเย้าะเย้ยเสียงดังกระหึ่มเป็นการใหญ่ต่อความอับอายที่ผมมี
.
.
.
ให้ตายสิชักไม่ชอบร่างหมานี่แล้วสิ...
หลังจากนั้นผมถูกพาตัวไปขังยังคุกใต้ดิน ระหว่างอุ้มไปเห็นว่าไม้กายสิทธิ์ของผมที่ถูกยึดอยู่ที่ซองหนังของสมุนมารตัวนั้น ผมพยายามดิ้นทุรนทุรายเพื่อแย่งมันมา สุดท้ายจึงถูกอัดคาถาสงบนิ่งจนตัวแข็งทื่ออีกครั้ง
ผมถูกโยนเหมือนของเล่นไว้ในห้องขัง แต่มีบุคคลปริศนาเข้ามาขัดขวางและต่อสู้กับเหล่าสมุนมารด้วยมือและเท้า แต่ถูกพวกมันอัดเข้ากลางลำตัวด้วยมือเท้าศอกจนลงไปนอนกองกับพื้น
เรย์ม่อนต์นั่นเอง
"ไอ้เด็กนี่ฤทธิ์เยอะนัก" สมุนมารตันนั้นพูดกัดฟันพร้อมถ่มน้ำลายรดก่อนเดินจากไปโดยไม่ลืมเสกคาถาล็อกประตูอย่างแน่นหนา
"ทำได้ดีมากเรย์ม่อนต์" เสียงรุ่นพี่คาลอสดังมาจากเงามืด สภาพร่างกายของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์และเสื้อผ้าขาดสิ่งเผยให้เห็นกล้ามเนื้อลีนชัดเด่นสะดุดตาห่อหุ้มไปด้วยผิวหนังขาวใสมีรอยชำม่วงผุดขึ้นเป็นดวง "ทีนี้เราเริ่มมีอะไรไปสู้กับพวกมันได้เสียที"
"ใช่เลยพี่ชาย" เด็กหนุ่มลุกขึ้นมา ใบหน้าและร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล รอยช้ำมากมาย แต่รอยยิ้มยังปรากฎอยู่ดั่งดวงอาทิตย์เบิกบานยามเช้า เขานั่งขัดสมาธิพร้อมหยิบไม้กายสิทธิ์สี่อันออกมา "รอโอกาสนี้มานานแล้ว"
"อาศัยช่วงชุลมุนนั่นสินะ" ผมคาบไม้กายสิทธิ์ของผมและอาเนียเก็บไว้ที่ซองหนังของตัวเองรวมถึงคาลอสที่หยิบไม้ของตัวเองไว้ "จากนี้เราทำอย่างไรต่อ?"
"ไม่มีใครได้ออกไปจากที่นี่ทั้งนั้น รวมถึงเจ้าด้วยคอร์กี้" เสียงทุ้มต่ำดังมาจากประตูห้องขัง พวกเราหันไม้กายสิทธิ์ไปในทิศทางเดียวพร้อมกันตามสัญชาตญาณ พบกับชายร่างสูงผิวสีเข้มผมยาวสีแดงสดเปลือยอกเผยให้เห็นกล้ามเป็นมัดและรอยสักอักชระสีดำเคลื่อนที่ไปมาพร้อมกางเกงขายาวสีดำ ดวงตาแดงชาดส่วนเฉพาะนัยน์ตาเป็นสีดำรูปร่างขีดเหมือนสัตว์ป่า
"แกเป็นใคร?"
"โดรก้าเดรส หรือที่เจ้าเคยเรียกว่าไอ้จิ้งเหลนนั่นแหละ" อีกฝ่ายตอบพร้อมยกมือขึ้นแขนทั้งข้างกลายเป็นกรงเล็บมังกรทำให้รู้ในทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดเท็จ
"เป็นไปไม่ได้...มีร่างคนงั้นเหรอ?" ผมตัดสินใจกลายร่างเป็นมนุษย์แต่ด้วยข้อมือเหล็กหนาดันระงับพลังเวทย์ไว้
"ข้อมือพวกนี้จะทำให้ผู้วิเศษใช้พลังไม่ได้ ตอนนี้เจ้าก็ไม่ต่างจากหมาธรรมดา เมื่อกี้ข้าเห็นเจ้าช่วยคุณลุงร้านขายสัตว์เลี้ยงออกมาจากกองเพลิงที่ข้าพ่นไว้ ทำไมถึงทำอย่างนั้น?" ดราโก้เดรสถามเสียงต่ำ เรย์ม่อนต์และคาลอสได้ยินถึงพลังเวทย์ที่ถูกระงับจึงลดไม้กายสิทธิ์ลงอย่างจำยอม "มันกักขังเรา ใช้เป็นสินค้าเพื่อให้ตัวเองร่ำรวย"
"ลุงเขาใจดี แม้จะกักขังแต่ไม่ได้ทำร้ายสัตว์ชนิดไหนเลย!" ผมเถียงกลับพร้อมจ้องเขม็งไปยังอีกฝ่ายอย่างกินเลือดกินเนื้อ "ลุงเขาเอ็นดูสัตว์ทุกตัวเหมือนคนในครอบครัวตัวเอง"
"จนกระทั่งเจ้านายได้ซื้อข้ามาในราคาแค่หนึ่งเหรียญทองแดง ดูสิว่าค่าตัวของข้าที่ถูกไอ้แก่นั่นให้มันน้อยยิ่งกว่าทาสซะอีก" ดราโก้เดรสเริ่มเดือดดาลก่อนสงบลง "นางต่างหากที่รักและเอ็นดูข้าของจริง ทั้งให้ของกินดี ที่พักอาศัย ความปลอดภัยและความรักที่นางมีต่อข้านั้นจะไม่มีวันจืดจางลงในระยะเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา"
"แล้วเจ้านายของแกเปลี่ยนแกเป็นมารหลังจากนั้น" ผมตั้งข้อสังเกตทั้งที่หลักฐานแสดงเด่นตรงหน้า
คาลอสและเรย์ม่อนต์มองหน้ากันแต่ไม่พูดอะไร
"ใช่..." เขาตอบพลางก้มมองรอยสักตามร่างกาย "เป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตจากลูกมังกรแสนอ่อนแอสามารถวิวัฒนาการจนมีร่างมนุษย์ของตัวเอง นับว่าแปลกถูกไหมล่ะ?"
"ดราโก้เดรส ฉันเข้าใจในความรู้สึกที่ถูกกักขังไม่ต่างกัน กรงของเราสองตัวอยู่ตรงข้ามกันจำได้ไหม?" มังกรหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ ดวงตาแดงฉานเหมือนสัตว์ป่าดูไม่มีเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ผมจึงเดินหน้าตามแผนด้นสด จนผู้วิเศษทั้งสองด้านหลังยืนนิ่งรอดูความเป็นไปอย่างเงียบ ๆ "จำได้หรือเปล่าว่าฉันเคยบอกให้อาเนียซื้อแกไปแทน"
"ข้าไม่ได้ยิน" แววตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
"แต่อาเนียอยากได้หมามากกว่ามังกร แล้วนายจะมางอแงว่ากันเองไม่ได้ เชื่อฉันสิ ต่อให้อาเนียไม่ได้เลือกนาย แต่นายถูกเลือกโดยเจ้าของที่เอาใจใส่นาย..."
"เอาใจใส่บ้าบออะไร!?" โดรก้าเดรสตะเบ็งเสียงดังอารมณ์เดือดพล่านราวเปลวอัคคีร้อนระอุดวงตาสีชาดแข็งกร้าว "ข้าถูกฝึกให้ซ้อมรบมาตลอดด้วยความทุกข์ทรมาน กระบวนการเปลี่ยนให้เป็นมารก็เจ็บปวดเหมือนตกนรกหมกไหม้ แถมยังบังคับให้ฆ่าคนโดยไม่จำเป็นยังจะให้ข้ามองเจ้านายคนปัจจุบันว่าเป็นคนเอาใจใส่ข้าอย่างนั้นหรือ!?"
"งั้นทำไมแกถึงไม่หักหลังล่ะ?" ผมโยนคำถามชวนคิดใส่ ทำให้อีกฝ่ายชะงักคิดอย่างฉงนชั่วครู่ ดวงตาของเขาเริ่มอ่อนลงเห็นได้ชัดเป็นหลักฐานว่าเขากำลังครุ่นคิดกับคำพูดเมื่อครู่ "โดรก้าเดรสคือมังกรตัวใหญ่พลังเวทย์และเกร็ดอันแข็งแกร่งกับมารไม่กี่พัน..."
"หมื่น!" มังกรหนุ่มสวนกลับทันควัน จำนวนเลขห้าหลักทำเอาพูดอะไรไม่ออก เขาขมวดคิ้ว มือกำแน่นด้วยความละอายใจ "มารศาสตร์มืดมีสมุนนับหมื่นตน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นนับหลายล้านหลังจากคืนนี้"
มือใหญ่ฝ่ากร้านวางบนประตูกรงขังพร้อมด้วยดวงตาเรียบนิ่ง ผมมองลึกเข้าไปเริ่มเห็นประกายบางอย่างปรากฎเด่นชัด
"หลังจากนี้ ถ้าเราเจอกันอีก...จะกลายเป็นมิตรหรือศัตรู" ผมเอ่ยปากถามพร้อมกับจ้องเขม็ง คาดหวังในคำตอบที่จะได้
โดรก้าเดรสหลุบตาลงก่อนผละมือออกจากประตูกรงขัง หันหลังเดินออกไป ผมมองแผ่นหลังห่อหุ้มด้วยกล้ามเนื้อแน่นเด่นชัด
เขาหันกลับมา ดวงนัยน์ตาขีดกลับมากลมใส
"ยามสงบเราเป็นมิตรที่ดีต่อกัน แต่เมื่อตอนนี้เรายืนกันคนละฝั่ง จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะรบกันให้ตายไปข้าง" เขาทิ้งประโยคอันบีบคั้นก่อนเดินจากไปกระทั่งลับตา
----------------------------
To Be Continue Ep.32