หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์

เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์ - ตอนที่ 32 หอคอยวงกต โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์ โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์

ผู้แต่ง

นิวไม่จิ๋ว

เรื่องย่อ

 'ทอม' มนุษย์เงินเดือนผู้จบชวิตลงด้วยอุบัติเหตุแสนน่าอนาถ วิญญาณจึงถูกดึงไปเกิดใหม่ชาติต่อไปในร่างหมาคอร์กี้แห่งโลกเวทมนตร์โดยมีความสามารถทางการสื่อสารเฉกเช่นมนุษย์ จนได้มาพบกับ 'อาเนีย' สาวน้อยนักเรียนแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ในร้านขาวสัตว์เลี้ยงและได้ตั้งชื่อใหม่ให้เป็น 'นัปโปะ' จากนั้นด้วยความบังเอิญบางอย่างทำให้นัปโปะรู้ว่าตัวเองสามารถร่ายคาถาเสกเวทมนตร์ได้ เขาจึงตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่หาใครเทียบเพื่อมีชีวิตอันสงบสบายกับเจ้าของ

สารบัญ

เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 1 หมาตูดใหญ่,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 2 สัตว์เลี้ยวแสนรักก่อเรื่อง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 3 คาถาแยกร่าง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 4 โรงเรียนเวทมนตร์ศาสตร์เอสคูเรีย,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 5 ผู้สร้างระบบ,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 6 หอพักสูงเสียดฟ้า,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 7 ชมรมประลองเวทย์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 8 ผจญภัยยามวิกาล,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 9 มารศาสตร์มืด,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 10 วิชาคาถามหัศจรรย์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 11 สัตว์เลี้ยงผู้ช่วย,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 12 สนทนากับอาจารย์ใหญ่,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 13 ร่างมนุษย์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 14 ทัวร์นาเม้นต์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 15 ผู้ท้าทายในวันหยุด,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 16 คืนบุกรุก,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 17 จักรพรรดิมารเสด็จ,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 18 อาจารย์ใหญ่ ปะทะ จักรพรรดิมาร,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 19 โหมดจอมเวทย์ผู้พิทักษ์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 20 ช่วงเวลาบะหมี่สุก,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 21 ไม้กายสิทธิ์แหลกเป็นเสี่ยง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 22 แอบรักในรั้วโรงเรียน,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 23 มนต์รักเร่าร้อน,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 24 แผนเข้าห้องอาจารย์ใหญ่,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 25 คัมภีร์ผนึกมาร,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 26 คืนที่ไม่มีเธอ,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 27 ผู้ให้กำเนิดกับทายาท ,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 28 มารในใจ ,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 29 ร้านขายไม้กายสิทธิ์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 30 ผจญเพลิง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 31 มังกรเพลิงโดรก้าเดรส,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 32 หอคอยวงกต,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 33 พร 3 ประการ,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 34 พรสวรรค์ ปะทะ พรแสวง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 35 หมาคอร์กี้เผชิญมังกรเพลิง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 36 ผู้ช่วยเหลือจากแสงสว่าง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 37 สงครามแห่งโลกคาโรเนีย,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 38 ศึกสายเลือด,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 39 ทุ่มสุดตัวเพื่อเลือดหยดเดียว,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 40 (ตอนอวสาน) คุณคือผู้บริสุทธิ์?

เนื้อหา

ตอนที่ 32 หอคอยวงกต

"แด่พระบิดา พระบุตรและพระจิต จงส่งมอบพลังแสนบริสุทธิ์เพื่อขลัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายด้วยเถิด..." รุ่นพี่คาลอสเพ่งสมาธิไปยังปลายไม้กายสิทธิ์ที่กำลังเรืองแสงสีทอง วงแหวนเวทย์สีทองปรากฎขึ้นกลางอากาศทำให้ทั้งห้องขังสว่างไสวจนผมและเรย์ม่อนต์ต้องยกมือขึ้นป้องตา ความร้อนแรงจนแสบผิวของคาถานี้ทำเอาต้องยกขาหน้าอันสั้นลูบไปทั่วตามสัญชาตญาณ "โซลัส นาโอต้า!!"

ลำแสงสีทองพวยพุ่งออกจากวงแหวนเวทย์ตามจังหวะการสบัดไม้กายสิทธิ์ดั่งสัญญาณโจมตีใส่ประตูกรงขังเสียงดังสนั่นถึงขั้นเกิดแรงสะเทือน แต่กลับไม่มีทหารยามวิ่งขึ้นมาดูเหตุการณ์

แน่นอนว่าการโจมตีสุดแรงเกิดของรุ่นพี่คาลอสไม่สามารถทำให้ประตูห้องขังเกิดรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย ส่วนผมใช้คาถาที่แรงที่สุดอย่าง "เอ็กซ์เปวซิมัส เม็กซิมัส!!" ลำแสงสายฟ้าสีแดงพุ่งโจมตีประตูห้องขังอย่างแรงกลับไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด ส่วนเรย์ม่อนต์ใช้คาถาขยายกำปั้นให้ใหญ่มหึมาแล้วชกประตู แน่นอนว่าผลยังเหมือนเดิม จากนั้นเราจึงลองประสานคาถากันสามคนจนกระทั่งพลังเวทย์ไม่เหลือ เราสามคนจึงนอนแผ่กลางห้องขัง โชคดีที่พวกมันปลดข้อมือออกให้ไม่อย่างนั้นถูกระงับพลังเวทย์จนถึงแก่ชีวิตเลยก็ว่าได้

ในโลกผู้วิเศษคาโรเนีย ทุกคนล้วนถูกหล่อเลี้ยงชีวิตด้วยเลือดเนื้อเหมือนมนุษย์ปกติ แต่ความพิเศษอยู่ที่พลังเวทย์ในร่างกายซึ่งเป็นตัวแทนแห่งจิตวิญญาณ หากมันถูกระงับโดยกุญแจมือจะทำให้อ่อนกำลังลง เมื่อถูกคล้องไว้นานขึ้นพลังเวทย์ที่เปรียบเสมือนเปลวเทียนจะเริ่มมอดดับหมดจนกระทั่งเสียชีวิตในที่สุด

เชื่อเถอะว่าขนาดให้ร่างมนุษย์ร่ายเวทย์ที่คิดว่าแข็งแกร่งที่สุดแต่ก็ไม่สามารถพังประตูเหล็กนี่ได้ ทั้งเตะทั้งต่อยสุดท้ายก็เจ็บตัวเปล่า ๆ สุดท้ายจึงกลับมานั่งวางแผนกันใหม่ตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะไอเดียไหนก็ยังไม่เวิร์ดในความคิดของพวกเราจึงจำเป็นต้องเค้นความคิดในสมองทั้งหมดออกมาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

"เราพังประตูอย่างนี้ต่อไปมันไม่มีทางเปิดหรอก" รุ่นพี่คาลอสหอบอย่างเหนื่อยอ่อน

"มือฉันระบมไปหมดแล้ว" เรย์ม่อนต์นอนหงายกับพื้นพลางกุมกำปั้นตัวเองที่โลหิตไหลนอง รุ่นพี่คาลอสเห็นดังนั้นจึงร่ายคาถาเยียวยาให้ ซึ่งบาดแผลถลอกสมานหายแนบสนิท

"หอคอยคูล่า...ฉันเคยเห็นในหนังสือคัมภีร์จากห้องสมุด" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากัน "ไม่ผิดแน่ จากที่ดูจากสีและลักษณะ เป็นหอคอยป้อมปราการที่เหล่ามารใช้เป็นแหล่งกบดานมาตั้งแต่โบราณกาล สร้างโดยเทพเจ้ามารองค์แรกก่อนที่จอมขมังเวทย์จัดการลงในสงครามโลกคาโรเนียครั้งที่หนึ่งเมื่อพันปีก่อน นั่นหมายความว่าที่นี่คือแดนนรกไร้ตะวันน่ะสิ"

"แดนนรก?" เรย์ม่อนต์ลุกขึ้นมาพร้อมยักคิ้วไม่เชื่อ "ไม่เห็นจะร้อนตรงไหนเลย ข้อมูลในหนังสือเล่มนั้นมันเชื่อไม่ได้"

โป๊กก!!

รุ่นพี่คาลอสเขกศีรษะเรย์ม่อนต์ศีรษะปูดโนก่อนร่ายเวทย์เยียวยาลดขนาดอย่างขอไปที อีกฝ่ายส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดโอดโอยแต่รู้ได้ไม่ยากว่าอีกฝ่านแกล้งทำไปอย่างนั้น

"วันนี้ตรงกับวันบูชาประจันทร์สีชาดพอดี" ชายหนุ่มเอ่ยพลางใช้ไม้กายสิทธิ์วาดบนพื้น “เราต้องรีบคิดให้เร็ว ทำให้เร็ว และหากออกไปจากห้องขังได้แล้ว เราต้องเคลื่อนไหวให้เงียบดั่งเงา”

“เป็นไปไม่ได้หรอก รองเท้ามันมีพื้นแข็งต่อให้ย่องยังไงก็ยังต้องมีเสียงตลอดเวลานั่นแหละ”

โป๊กก!!

รุ่นพี่คาลอสเขกศีรษะเรยม่อนต์อีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้ร่างคาถาเยียวยาให้ สุดท้ายผมจึงเป็นคนร่ายแทน

“พวกนายยังไม่ได้เรียนคาถาย่องเบาสินะ” รุ่นพี่คาลอสถามพลางถอนใจ “จริงด้วยสิ คาถานี้มักจะเรียนช่วงเทอมสองนี่นา ไม่เป็นไรหรอก คาถานี้ง่ายกว่าคาถายกสิ่งของซะอีก แต่ก่อนหน้านั้นเราจำเป็นต้องวางแผนกันก่อนว่าจะออกไปจากที่นี่ยังไงโดยไม่ผ่านประตูบานนี้”

“ลองทำลายพื้นที่เรายืนอยู่ดีไหม?” เรย์ม่อนต์ออกความเห็นซึ่งรุ่นพี่คาลอสพยักหน้าเห็นด้วย

“พื้นมันค่อนข้างแข็ง ใช้คาถาใหญ่พร้อมกันคงไหว” รุ่นพี่คาลอสตั้งข้อสังเกตก่อนลุกขึ้นยืนพร้อมบอกให้เราสองคนถอยหลังจนหลังชิดกำแพง จากนั้นเขาจึงเสกคาถาลำแสงสีทองใส่พื้นเต็มแรงเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั้งห้อง

“เฮ้ย! เสียงอะไรวะ!?” เสียงสมุนมารตนหนึ่งดังขึ้น

“ดังมาจากห้องขังพวกเด็กผู้ชายว่ะ! รีบไปดูกันเร็ว!!”

จากนั้นเสียงฝึเท้าจำนวนมากกำลังใกล้เข้ามา สร้างความตื่นตระหนกแก่พวกเราในระดับหนึ่ง พวกเราได้อาวุธกลับคืนมาหมดแล้วจึงสามารถตะลุมบอนได้ไม่ยาก

เพียงไม่นาน เหล่าสมุนมารวิ่งมาถึงประตูห้องขังแต่กลับไม่เห็นพวกเราซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้เงามืด

“พวกมันอยู่ไหน?” สมุนมารตนหนึ่งเอ่ยเสียงดังด้วยความร้อนรน “ฉิบหายแล้ว ถ้าท่านองค์จักรพรรดิรู้มีหวังหัวกุดกันหมดแน่!! แอสเซนดิโอ!!”

เมื่อแสงจากปลายไม้กายสิทธิ์ส่องสว่างไล่เงาทมิฬดั่งพื้นที่หลบซ่อนมลายหาย ทั้งสามร่างปรากฎขึ้นก่อนยิงคาถาสงบนิ่งใส่สมุนมารลอดผ่านช่องว่างประตูอย่างแม่นยำ

“ไอ้พวกนี้มันไปเอาไม้กายสิทธิ์ได้ยังไง!?” มันตนหนึ่งตะโกนเสียงดังลั่นอย่างเดือดดาลก่อนพยายามเสกคาถาปลดล็อกประตู แต่ไม่สำเร็จ จนมันจำเป็ฯต้องร่ายอีกถึงสองสาครั้งจากนั้นมันชะงักไปชั่วขณะแล้วเงยหน้ามองบางอย่างเหนือประตู ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีพวกเราไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปง่าย ๆ ผมจึงพุ่งตัวเข้าไปกระแทกกับประตูเหล็กพร้อมยิงคาถาสงบนิ่งใส่จนมันล้มไปอีกตัว แต่พอผมดึงประตูเข้าหาตัวมันกลับเปิดออกอย่างง่ายดาย แต่ผมไม่มีเวลาให้ตกใจเรื่องนี้เพราะยังมีสมุนมารเพราะปลิดชีพผมอีกสองตน

“หลบไปเจ้าหมา!!” เรย์ม่อนต์ตะเบ็งเสียงก่อนเหวี่ยงหมัดที่ขยายใหญ่หนึ่งเท่าหวดเข้ากลางใบหน้าสมุนมารตัวหนึ่งอย่างแรงขนาดเห็นคลื่นลมกรรโชกแผ่ขยายตัวก่อนจางหายไปเพียงเสี้ยววินาที จากนั้นรุ่นพี่คาลอสพุ่งเข้ามาหมุนตัวกลางอากาศเตะใบหน้าสมุนมารตัวสุดท้ายใบหน้าคว่ำพื้นอย่างแรงเลือดกกปาก

“ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงเปิดประตูได้ล่ะนัปโปะ?” ชายหนุ่มถามพลางจับประตูดึงเข้าหาตัวพร้อมทำสีหน้าเหยเก “รู้งี้ว่ามันดึงเปิดได้คงไม่ต้องเสียเปลืองแรงเปลืองเวลาร่างคาถาอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างนี้หรอก”

“ก็รุ่นพี่ไม่ได้คิดก่อนนี่” เรย์ม่อนต์พูดอย่างไม่เกรงใจซึ่งส่งผลให้ถูกรุ่นพี่คาลอสเขกศีรษะอีกครั้ง

ในขณะเดียวกันผมก้าวออกไปนอกห้องขังก่อนเงยหน้ามองบางอย่างเหนือประตูอย่างที่สมุนมารตนนั้นมอง เมื่อนั้น ความจริงปรากฎทำเอาผมหัวเสียไม่น้อย

“ข้าปลดล็อกประตูให้แล้ว จาก โดรก้าเดรส”

.

.

.

.

ผมนิ่งไปสักครู่ก่อนยิงคาถาลำแสงสีแดงใส่ข้อความจากไอ้จิ้งเหลนไฟแหลกเป็นเสี่ยง

…………………..

จากนั้นพวกเราวิ่งไปตามเส้นทางอันวกวนไปมาภายในหอคอย รอบด้านล้วนถูกสร้างขึ้นด้วยหินออปซิเดี้ยนหรือเรียกได้อีกอย่างว่าหินภูเขาไฟ น่าแปลกที่มีหินประเภทนี้ในโลกคาโรเนียแถมยังมีจำนวนมากถึงขนาดนำมาเสียงหอคอยได้ พื้นผิวของมันละเอียดเป็นประกายสีนิลสะท้อนแสงไฟจากคบเพลิงปักอยู่ระหว่างทาง บรรยากาศรอบข้างช่างวังเวง ชื้นและอากาศสำหรับหายใจยังมีจำกัด

“ตอนนี้เรามีแผนยังไงบ้างรุ่นพี่?” เรย์ม่อนต์ถามขณะวิ่งไปตามทางเดิน “เราได้ไม้กายสิทธิ์แล้วเอายังไงกันต่อดี?”

“เราต้องไปช่วยอาเนียออกมาก่อน” รุ่นพี่คาลอสตอบอย่างแน่วแน่ “ถ้ามีเธอ โอกาสหนีจากหอคอยคูลานั้นจะเพิ่มขึ้น”

“แล้วเราจะไปหาเธอได้ที่ไหนล่ะ?” ผมตั้งคำถามทั้งที่ควรถามมาตั้งนาน นั่นส่งผลให้ทั้งสองเบรกขาตัวเองแทบในทันทีทำเอาผมหยุดไม่ทันจึงชนเข้ากับขาของเรย์ม่อนต์จนจมูกบี้ “เราไม่มีแผนที่หอคอยนี้เลยแล้วถ้าวิ่งมั่วก็ไม่ต่างจากปิดตาวิ่งในความมืด”

“งั้นเราต้องหาแผนที่ก่อน แต่ของแบบนั้นมันจะไปหาได้ที่ไหน?” เรย์ม่อนต์ตั้งข้อสังเกต

“ฉันคิดว่าเราหามันไม่พบหรอก แถมมันทำให้เราไปช่วยอาเนียช้าลงไปอีก สู้หาบันไดทางลงน่าจะเป็นทางดีที่สุด” รุ่นพี่คาลอสแสดงทางแก้ไขเฉพาะหน้าของปัญหาซึ่งเป็นทางเดียวสำหรับเหตุการณ์นี้

พวกเราเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบดั่งเงา โจมตีศัตรูให้ล้มด้วยคาถาเดียวอย่างดุดันดั่งปืนใหญ่ จักรพรรดิมารวางกำลังสมุนมารไว้ตามจุดต่าง ๆ ของหอคอยคูลา แน่นอนว่าสมุนมารแต่ละคนมีทักษะความสามารถการต่อสู้แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด บางคนสามารถจัดการลงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว บางคนต้องปะมือรับรุกกันจนเสียเวลาไปชั่วขณะกระทั่งเอาชนะได้ไม่ยาก

เส้นทางฝ่ายในหอคอยกว้างขวางและซับซ้อนจนสับสนเหมือนวิ่งวนในเขาวงกต คาลอสใช้ไม้กายสิทธิ์สลักเครื่องหมายเรืองแสงเพื่อเป็นเครื่องหมายว่าเราเคยผ่านทางนี้มาแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าอีกห้านาทีถัดมาเรากลับมาเจอเครื่องหมายนี่อีกครั้ง

“ทำไมเราวิ่งกันเป็นวงกลม?” ผมตั้งข้อสังเกตเมื่อเราวิ่งกลับมาเจอเครื่องหมายเรืองแสงเป็นครั้งที่สาม “เมื่อกี้เราเปลี่ยนเส้นทางไปแล้ว ทำไมยังวกกลับมาที่เดิมอยู่ล่ะ?”

“มันชักเริ่มมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแล้วสิ” เรย์ม่อนต์ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปพื้นที่ด้านหลังซึ่งว่างเปล่า

ผมและรุ่นพี่คาลอสสัมผัสได้เหมือนกับเรย์ม่อนต์จึงหันหลังชนกันพลางมองไปรอบ ๆ แม้ว่าทางเดินจะมีเพียงสองทางเท่านั้น แต่ใครจะไปรู้ว่ามารศาสตร์มืดจะมีคาถาที่สามารถจมหายไปกับกำแพงหินออฟซีเดี้ยนเหล่านี้หรือไม่ พวกมันสะท้อนเงาลาง ๆ ของพวกเราสามคนรอบด้านและสะท้อนไปในอีกหลายมิติอย่างไม่มีที่สิ้นสุดราวกับหลุดมาอยู่ในโลหมิติที่ห้า

“ระวังตัวด้วย ไม่รู้ว่าพวกมันกำลังแกล้งปั่นหัวเราหรือเป็นกลไกของหอคอยบ้านี่” รุ่นพี่คาลอสพูดพลางชี้ไม้กายสิทธิ์ไปด้านหน้าดวงตาสีนิลสอดส่ายมองไปรอบทิศทาง ท่ามกลางความเงียบสงัดได้ยินแต่เพียงลมหายใจฟืดฟาดของพวกเราเป็นจังหวะถี่ “แต่ที่แน่ ๆ…พวกมันคงรู้ตัวแล้วว่าพวกเราแหลกคุกออกมา”

ภายในเงามืดใครบางคนซ่อนตัวอยู่พร้อมกับรอยยิ้มแสยะกว้างอย่างชั่วร้าย

———————————

To Be Continue Ep.33