หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์
'ทอม' มนุษย์เงินเดือนผู้จบชวิตลงด้วยอุบัติเหตุแสนน่าอนาถ วิญญาณจึงถูกดึงไปเกิดใหม่ชาติต่อไปในร่างหมาคอร์กี้แห่งโลกเวทมนตร์โดยมีความสามารถทางการสื่อสารเฉกเช่นมนุษย์ จนได้มาพบกับ 'อาเนีย' สาวน้อยนักเรียนแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ในร้านขาวสัตว์เลี้ยงและได้ตั้งชื่อใหม่ให้เป็น 'นัปโปะ' จากนั้นด้วยความบังเอิญบางอย่างทำให้นัปโปะรู้ว่าตัวเองสามารถร่ายคาถาเสกเวทมนตร์ได้ เขาจึงตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่หาใครเทียบเพื่อมีชีวิตอันสงบสบายกับเจ้าของ
"แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! สไตเคลโม!" กระสุนแสงสีฟ้าพุ่งจากปลายไม้กายสิทธิ์อัดร่างสมุนมารตรงหนึ่งล้มคว่ำไป ในตอนนี้ผมสามารถหาทางลงไปสู่คุกใต้ดินซึ่งกักขังอาเนียได้โดยบังเอิญ มันตั้งอยู่ส่วนลึกในหอคอยเป็นบันไดวนนำลงไปสู่ความมืดอันไร้สิ้นสุด ผมตัดสินใจกระโดดออกไปทางช่องว่างดิ่งพสุธาลงไปก่อนใช้คาถายกสิ่งของเสกให้ตัวเองลอยได้ชั่วขณะก่อนดิ่งลงพื้นอีกรอบ วิธีนี้จะช่วยลดอันตรายรวมถึงลดอาการบาดเจ็บตกจากที่สูงระดับหนึ่ง
พอมาลงมาถึงล่างสุดจึงเห็นมารทหารยามหนึ่งตนยืนตกใจ แต่มีเวลามากพอสำหรับให้ผมเสกคาถาลำแสงสีแดงใส่จนอีกฝ่ายถูกดีดกระเด็นชนกำแพงหมดสติ บรรยากาศโดยรอบยิ่งมีอากาศน้อยกว่าด้านบนอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งมีห้องขังเรียงล้อมรอบประมาณห้าห้อง ซึ่งมีห้องหนึ่งที่ผมสัมผัสถึงสัญญาณชีพ
ห้องขังประตูลูกกรงห้องหนึ่งถูกพันธนาการด้วยแม่กุญแจเวทย์ ผมมองเข้าลอดซี่กรงโลหะหนาเข้าไปเห็นร่างเล็กกำลังส่งเสียงพึมพำอะไรบางอย่าง เมื่อฟังดี ๆ จึงรู้ได้ทันทีเลยว่าบุคคลตรงหน้าคือเจ้านายสุดที่รักของผม
"อาเนีย! นั่นอาเนียใช่ไหม?" ขาหน้าของผมเกาะลูกกรงและพยายามแทรกใบหน้าผ่านลูกกรงเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน
เสียงพึมพำนั่นเงียบลง ตามมาด้วยเสียงหายใจเร็วถี่ ประกายดวงตาของบุคคลในห้องขังเปล่งในความมืด
"เสียงนั่น..นัปโปะ...นัปโปะเหรอ?" น้ำเสียงคุ้นหูแต่ฟังดูเหนื่อยอ่อนเป็นหลักฐานอย่างดีว่าอีกฝ่ายคือคนที่ผมกำลังค้นหาอยู่แน่นอน ต่อมาน้ำเสียงของอีกฝ่ายเริ่มสั่นครือคล้ายกำลังร่ำให้ "ฉันรู้อยู่แล้วว่าต้องมา"
"รอก่อนนะ....ดิสคูลเบลอ!"
เงียบ...แม่กุญแจไม่ยอมปลดล็อก
"มันล็อกด้วยคาถาขั้นสูง มนตร์พื้นฐานใช้ไม่ได้หรอก" อาเนียพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน น่าจะโดนพวกมารทำไม่ดีมากมายสินะ พอคิดได้อย่างนั้นจึงนึกโกรธพวกมันจนยิงลำแสงสีแดงใส่แม่กุญแจจนมันเกิดระเบิด ผมพุ่งชนประตูลูกกรงโลหะเข้าไป มืออันเรียวเล็กเปรอะไปด้วยขี้ดินสกปรกลูบขนอันนุ่ม เธอระเบิดโฮร้องให้อย่างเสียขวัญ ผมทำได้เพียงลูบกายเธอด้วยอุ้มเท้านุ่มนิ่มและกระซิบข้างหูว่า "เจ้าชายหมาน้อยมาช่วยแล้วครับ"
"ขอบคุณนะ....ฮึก! ขอบคุณจริง ๆ ขอบคุณที่มาช่วยฉัน" เธอซุกใบหน้าบนลำตัว ขนอันอ่อนนุ่มเปียกปอนไปด้วยน้ำตาเด็กสาว
ผมใช้คาถาปลดล็อกโซ่พันธนาการข้อมือทั้งสองเผยให้เห็นรอยแผลขนาดเล็กซึ่งโดนโซ่ข้อมือกัด ความเจ็บนี้เล็กน้อยนักหากเทียบกับความหิวโหยที่เธอแทบไม่ได้กินอะไรมากว่าสามวัน ซึ่งเธอเอ่ยว่าในทุกวันจักรพรรดิมารจะเข้ามาเพื่อร่ายเวทย์ยื้อชีวิตซึ่งมันทำให้ร่างกายลืมความหิวโหยระยะหนึ่ง แต่เมื่อใดมนตร์สูญฤทธิ์ กระเพาะจะบีบรัดบดขยี้จนท้องไส้ปั่นป่วน ส่วนอาหารที่พวกสมุนมารมาให้นั้นได้ใส่ยาบางอย่างซึ่งทำให้ร่างกายเปลี่ยนเป็นมารซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด ผมจึงเตะชามอาหารนั้นจนล้ม น้ำซุปหกเลอะพื้นห้องขัง แต่ปรากฎว่าพื้นห้องขังกลับละลายเหมือนเนบแข็งถูกความร้อนทำเอาผมและอาเนียใบหน้าซีดเซียวเลยทีเดียว
จากนั้นผมร่ายคาถาเปิดแหวนกระเป๋าหยิบอาหารและน้ำสำรองให้ เธอสวาปามทุกอย่างลงท้องด้วยความหิวโหยขั้นสุด ทั้งขนมปัง ปลากระป๋อง ไส้กรอก น้ำเปล่า น้ำหวานที่สำรองไว้สำหรับห้าวันถูกสูบลงกระเพาะอันน้อยนิดของเจ้าหล่อนในเวลาไม่กี่นาที เพียงเท่านี้ร่างกายของเธอเริ่มกลับมาสมบูรณ์ ผมยื่นไม้กายสิทธิ์ที่ชิงมาจากสมุนมารคืนให้ เธอสวมกอดผมแน่นพร้อมกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
"ออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ" ผมเอ่ยปากซึ่งเธอเองก็พยายามชันตัวให้ลุกขึ้นยืนจนสำเร็จแล้วค่อยเดินออกไปจากห้องขัง
จู่ ๆ บรรยากาศชักเริ่มไม่ชอบมาพากล เมื่อเดินออกพ้นประตูห้องขัง กลุ่มมารศาสตร์มืดจำนวนหลายร้อยตนยืนจังก้าอยู่พร้อมด้วยจักรพรรดิมารสวมหมวกเกราะเหล็ก พวกมันยกไม้กายสิทธิ์ชี้มายังเราสองคน รวมถึงโดรก้าเดรสในร่างมนุษย์ที่ยืนกอดอกไม่สนโลกตรงนั้นด้วย รู้หรอกว่าตอนนี้เขาเป็นมาร แต่มันน่าเจ็บปวดใจที่ครั้งหนึ่งเคยรู้จักกันต้องมาห้ำหันกันเอง
"ยามสงบเราเป็นมิตรที่ดีต่อกัน แต่เมื่อตอนนี้เรายืนกันคนละฝั่ง จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะรบกันให้ตายไปข้าง" ประโยคของเขาดังเข้ามาจากโสตประสาททำให้ผมหยุดคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง
"ยอดเยี่ยมมากเจ้าหมาคอร์กี้ ที่ยังมีชีวิตรอดจนถึงบัดนี้ได้" จักรพรรดิมารกล่าวเสียงทรงพลัง "ขอชมเชยจริง ๆ ที่สามารถแหกคุกตัวเองและเจ้านายของแกได้ เหล่าสมุนของข้าหลายตนพ่ายแพ้แก่เจ้า แต่ก็หยุดอยู่แค่นี้แหละ เพราะแกจะต้องตายอยู่ที่นี่"
"เดี๋ยวดิฉันกับโดรก้าเดรสจะเป็นคนจัดการให้เอง จะได้ไม่ต้องเปลืองแรงองค์จักรพรรดิ" หญิงวัยกลางคนร่างท้วมสวมชุดสีดำ ใบหน้าเริ่มมีรอยตีนกาขึ้นแต่ถูกเครื่องสำอางกลบเสียมิด
"เห่ย! อย่าดีกว่าคีล่า ลูกสาวข้าไม่ใช่เล่น ๆ นะ" จักรพรรดิมารถึงขั้นเอ่ยเตือน แต่ด้วยความหยิ่งผยองในพลังของหญิงวัยทอง
"ไม่ต้องเป็นห่วงของค่ะ องค์จักรพรรดิ คีลา บาปแห่งโทสะจะจัดการให้ทันเวลาพระจันทร์สีชาดเองเจ้าค่ะ" อีกฝ่ายไม่ยอมฟังคำเตือนจากผู้บังคัญบัญชา เธอสะบัดไม้กายสิทธิ์คู่ใจยิงคาถาสงบนิ่งใส่อาเนียเต็มแรงเพื่อหมายทำให้เธอกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา
"ฮ่า!! อยู่เฉย ๆ ไปเถอะนังหนู!!”
อาเนียตวัดไม้กายสิทธิ์สร้างโล่ป้องกันกระสุนเวทย์โดยดวงตาไม่กระพริบ
“สามวันในคุกอันโหดร้ายผ่านไปเร็วเหลือเกิน แต่มันก็เพียงพอทำให้หนูยกระดับจิตใจให้แข็งแกร่งขึ้นเพียงพอเพื่อต่อสู้กับเหล่ามาร” อาเนียเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ทำเอาผมหันขวับไปมองแทบไม่เชื่อหูตัวเอง สายตาอันแข็งกร้าวแต่เยือกเย็นนั้นดูเหมือนไม่ใช่อาเนียคนเดิม
“สามวันได้ขนาดนี้เลยเหรอ?” คีลาเบิกตาโตก่อนระดมยิงคาถาใส่ไม่ยั้ง แน่นอนว่าเด็กสาวสามารถหลบหลีกการโจมตีและปัดป้องได้ทุกลูกสร้างความตื่นเต้นให้จักรพรรดิมารอย่างยิ่ง
“สมกับเป็นลูกเราจริง ๆ” ชายหมวกเหล็กพูดในลำคอ ดวงตาเบิกกว้างมองเห็นลูกสาวเติบโตสกัดคราบเด็กวัยแรกรุ่นเสียไม่เหลือ
“โดรก้าเดรส! จัดการเด็กผู้หญิงนั่นซะ!!” คีลาเอ่ยปากสั่ง แน่นอนว่ามังกรร่างมนุษย์ดีดตัวพุ่งเข้ามาใช้กรงเล็บดั่งอาวุธจัดการให้ไม่สามารถชัดขืน
แต่ไอ้จิ้งเหลนเวรนั่นลืมไปว่าผมยังอยู่
กรงเล็บของมันถูกหยุดด้วยการคว้าข้อมือมันด้วยแรงที่มากพอสมควร ยามประสาทได้สัมผัสกับมัดกล้ามอันแข็งแกร่งของมังกรร่างแปลงของมนุษย์จึงทำให้รู้ถึงความต่างชั้น แน่นอนว่าหมาคอร์กี้ไม่อาจต่อกรกับมังกรไฟ แต่ตอนนี้ผมกับมันล้วนอยู่ในร่างมนุษย์ ผมออกแรงบีบข้อมือของมันจนเกิดเสียงลั่นเบา ๆ
“ผมจะจัดการไอ้หมอนี่ให้ อาเนียไปจัดการคีล่าเถอะ” ผมเอ่ยก่อนอัดคาถาสงบนิ่งลูกใหญ่ใส่ด้วยมือเปล่าจนมันกระเด็นข้ามหัวจักรพรรดิมาร
ตอนนี้คีลาไม่อยู่แล้วเด็กสาวจึงวิ่งตามไป ไอ้จิ้งเหลนไฟกลับคืนร่างเป็นมังกรขนาดกลางบินขึ้นไปบนอากาศก่อนพ่นลูกไฟขนาดใหญ่ไล่หลังเด็กสาว ผมหายตัวเข้ามาปกป้องพร้อมใช้คาถาควบคุมน้ำปั้นความชื้นในอากาศจับตัวกันเป็นหยดน้ำก่อนขยับขยายกลายเป็นสายน้ำมหึมาสาดปะทะลูกไฟ แน่นอนว่าความร้อนของเปลวเพลิงโลกันตร์ส่งผลให้น้ำระเหิดระเหยเป็นไอ กระทั่งโดรก้าเดรสกลับคืนร่างมนุษย์ จากนั้นจึงพุ่งเข้าใส่ผมด้วยกระบวนท่า
ไม่ว่าการโจมตีด้วยเท้า หมัดหรือศอก ด้วยความเร็วกี่มัดก็ตาม ผมสามารถมองออก การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายราวกับถูกลดความเร็วจึงสามารถเบี่ยงตัวหลบได้ไม่ยากเย็นนั้นก่อนผมใช้แรงโยนตัวเองหมุนตัวกลางอากาศก่อนหวดขาฟาดเข้ากลางลำตัวเหมือนแส้
“อั๊ก!!” โลหิตกระฉอกออกจากปากไหลอาบใบหน้า แต่เขาดันไม่ยอมแพ้จึงตีลังกากลับหลังมายืนต่อพร้อมตั้งท่าเตรียมสู้
ผมสังเกตท่าทางของเขาที่ผิดแผกไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองคิดไปเองหรือตาฝาดหรือไม่ แต่รู้สึกว่าท่าทางอีกฝ่ายดูฝืนราวกับกำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่างซึ่งอยู่ภายใน
“ไอ้จิ้งเหลนไฟ….ร่างกายของมันไม่ตอบสนองเต็มที่งั้นเหรอ?”
“....” โดรก้าเดรสไม่ยอมตอบแต่กลับกัดฟันแน่นเหมือนกำลังทุกข์ทรมานสุดชีด “ชะ…ช่วยข้า…ดะ….ด้วย!!”
“ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่…อ๊อก!!” มังกรหนุ่มพุ่งเข้าใส่พร้อมใช้ศอกหวดเข้าใบหน้าผมอย่างจัง การโจมตีนั้นช่างหนักหน่วงเหมือนถูกเอาก้อนอิฐกระแทก เขาไม่รอให้ผมได้พักจึงเหวี่ยงตัวพร้อมหวดกำปั้นเข้าใบหน้าอย่างจัง ความหนักหน่วงของหมัดนี้เทียบเท่ากับการโจมตีครั้งก่อนหน้า ทำให้สมองเกิดกระทบกระเทือนส่งผลให้คิดยกแขนขึ้นป้องกันไม่ถูก จากนั้นโดรก้าเดรสเตะเข้ากลางลำตัวบริเวณซี่โครงท่อนล่างได้ยินเสียง 'กร๊อบ!' เบา ๆ แต่ความเจ็บปวดนั้นรวดร้าวแผ่กระจายไปทั่วร่างจนอดร้องออกมาไม่ได้
"อ๊ากก!!" ผมรีบเสกคาถาเยียวยาทันทีที่มีโอกาส ข้อดีของร่างนี้คือสามารถร่ายคาถาได้โดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำร่ายหรือใช้ไม้กายสิทธิ์ แต่คงยังมีจุดอ่อนในเรื่องของความทนทานของร่างกายที่ด้อยกว่าอีกฝ่ายซึ่งเป็นมังกร
ผมกัดฟันแน่นอดทนต่ออาการบาดเจ็บทั้งหลายพร้อมกัดลิ้นเพื่อกระตุ้นเรียกสติกลับคืนมาโดยเร็ว ภาพทุกอย่างเริ่มกลับมาช้าลงแล้ว เขากระโดดม้วนตัวกลางอากาศแล้วฟาดขาหมายปลิดชีพผมด้วยการจัดการบริเวณกลางศีรษะซึ่งเป็นจุดรวมเส้นประสาท ผมกระโดดถอยหลังหลบได้เส้นยาแดงผ่าแปดพลางหอบหายใจ กระแสลมถูกตีปะทะใบหน้าทำเอาหลับตาตามสัญชาตญาณเล็กน้อย ในจังหวะนั้นจึงรู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดอย่างมหันต์ โดรก้าเดรสสามารถเผด็จศึกในเวลาไม่กี่วินาที ในขณะที่ผมรอความตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จนเวลาผ่านไปหลายวินาทีก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกับตอนที่ผมถูกรถขยะชน
นี่ผมตายอีกรอบแล้วงั้นเหรอ?
แต่พอลืมตาตื่นจึงเห็นว่ากรงเล็บสีทมิฬของมังกรหนุ่มสั่นระริกห่างดวงตาผมไม่กี่เซนติเมตร ใบหน้าอีกฝ่ายกำลังทุกข์ทนขัดขืนต่อสู้กับอะไรบางอย่าง
"ขะ...ข้าไม่อยาก..ฆะ...ฆ่าเพื่อนของข้า" โดรก้าเดรสเอ่ยด้วยความยากลำบาก "หยะ...อย่าบังคับข้าต่อไปอีกเลย ขอร้องล่ะ...ข้าพอแล้ว ข้าไม่อยากทำร้ายใครไปมากกว่านี้แล้ว"
.
.
.
ผมเบิกตาโตตะลึงงันกับคำพูดมังกรหนุ่ม ดวงตาสีแดงฉานมีน้ำใสเอ่อล้นกระทั่งทะลักอาบใบหน้า ร่ายกายสั่นเทิ้มจนเส้นเลือดใหญ่ผุดขึ้นมาใต้ผิวหนัง
-----------------------------
To Be Continue Ep.36