หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์

เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์ - ตอนที่ 40 (ตอนอวสาน) คุณคือผู้บริสุทธิ์? โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ต่างโลก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์ โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หลังจากจบชีวิตอย่างอนาถในโลกก่อนจึงเกิดใหม่ในโลกเวทมนตร์ในร่างของหมาคอร์กี้ ผมจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิมในเส้นทางหมาน้อยสายจอมเวทย์

ผู้แต่ง

นิวไม่จิ๋ว

เรื่องย่อ

 'ทอม' มนุษย์เงินเดือนผู้จบชวิตลงด้วยอุบัติเหตุแสนน่าอนาถ วิญญาณจึงถูกดึงไปเกิดใหม่ชาติต่อไปในร่างหมาคอร์กี้แห่งโลกเวทมนตร์โดยมีความสามารถทางการสื่อสารเฉกเช่นมนุษย์ จนได้มาพบกับ 'อาเนีย' สาวน้อยนักเรียนแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ในร้านขาวสัตว์เลี้ยงและได้ตั้งชื่อใหม่ให้เป็น 'นัปโปะ' จากนั้นด้วยความบังเอิญบางอย่างทำให้นัปโปะรู้ว่าตัวเองสามารถร่ายคาถาเสกเวทมนตร์ได้ เขาจึงตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่หาใครเทียบเพื่อมีชีวิตอันสงบสบายกับเจ้าของ

สารบัญ

เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 1 หมาตูดใหญ่,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 2 สัตว์เลี้ยวแสนรักก่อเรื่อง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 3 คาถาแยกร่าง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 4 โรงเรียนเวทมนตร์ศาสตร์เอสคูเรีย,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 5 ผู้สร้างระบบ,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 6 หอพักสูงเสียดฟ้า,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 7 ชมรมประลองเวทย์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 8 ผจญภัยยามวิกาล,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 9 มารศาสตร์มืด,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 10 วิชาคาถามหัศจรรย์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 11 สัตว์เลี้ยงผู้ช่วย,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 12 สนทนากับอาจารย์ใหญ่,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 13 ร่างมนุษย์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 14 ทัวร์นาเม้นต์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 15 ผู้ท้าทายในวันหยุด,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 16 คืนบุกรุก,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 17 จักรพรรดิมารเสด็จ,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 18 อาจารย์ใหญ่ ปะทะ จักรพรรดิมาร,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 19 โหมดจอมเวทย์ผู้พิทักษ์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 20 ช่วงเวลาบะหมี่สุก,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 21 ไม้กายสิทธิ์แหลกเป็นเสี่ยง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 22 แอบรักในรั้วโรงเรียน,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 23 มนต์รักเร่าร้อน,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 24 แผนเข้าห้องอาจารย์ใหญ่,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 25 คัมภีร์ผนึกมาร,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 26 คืนที่ไม่มีเธอ,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 27 ผู้ให้กำเนิดกับทายาท ,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 28 มารในใจ ,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 29 ร้านขายไม้กายสิทธิ์,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 30 ผจญเพลิง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 31 มังกรเพลิงโดรก้าเดรส,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 32 หอคอยวงกต,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 33 พร 3 ประการ,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 34 พรสวรรค์ ปะทะ พรแสวง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 35 หมาคอร์กี้เผชิญมังกรเพลิง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 36 ผู้ช่วยเหลือจากแสงสว่าง,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 37 สงครามแห่งโลกคาโรเนีย,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 38 ศึกสายเลือด,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 39 ทุ่มสุดตัวเพื่อเลือดหยดเดียว,เกิดใหม่เป็นหมาคอร์กี้ในโลกเวทมนตร์-ตอนที่ 40 (ตอนอวสาน) คุณคือผู้บริสุทธิ์?

เนื้อหา

ตอนที่ 40 (ตอนอวสาน) คุณคือผู้บริสุทธิ์?

ดวงตาอันเป็นประกายแต่แฝงไปด้วยความดุดัน ปราดเปรียวและกล้าหาญในตัวเด็กหญิง ในแบบที่ผมเพิ่งเคยเห็นจากอีกฝ่าย ทำให้จิตใจของผมสงบลงได้บ้าง เธอยิ้มก่อนชูนิ้วกลางใส่จักรพรรดิมารอย่างไม่เกรงกลัว

"คิดว่าพ่อฉันยังอยู่ในนั้น เธอจะช่วยเอาพ่อฉันกลับมาได้ไหม? นัปโปะ?" เธอถามด้วยความมั่นใจ แต่ทำเอาผมชะงักในคำพูดของผู้เป็นนาย แน่นอนว่าผมเดาใจเธอไม่ถูก แต่อย่างน้อยผมจะพยายามไม่ให้ 'พ่อ' ของอาเนียเป็นอะไรถึงชีวิต

"จะลองดู..." มีเพียงผมที่ยังไม่มั่นใจในความสามารถร่างหมาคอร์กี้ตัวเอง แม้พลังเวทย์ค่อย ๆ ฟื้นคืนกลับมา แต่ยังห่างชั้นกับจักรพรรดิมารในร่างที่มีดวงวิญญาณมารกว่าหมื่นพันตนอยู่ข้างใน

"จัดการด้วยทุกอย่างที่มี ให้มันอ่อนแรงถึงขีดสุด" อาจารย์เอกเอ่ยแผนการคร่าว ๆ ทั้งสีหน้าเคร่งเครียดเป็นกังวล "อย่าได้ประมาทมันเด็ดขาด พอมันอ่อนแอลงให้ใครก็ได้จับมันล็อกเอาไว้แล้วฉันจะกระชากวิญญาณมารและจักรพรรดิมารออกมาเอง"

ผมคาบไม้กายสิทธิ์แน่น อาเนียพร้อมผู้วิเศษคนอื่นตั้งท่าเตรียมพร้อม สายตาทุกเหล่าจับจ้องไปยังศัตรูตนสุดท้ายไร้ว่อกแว่ก ความเงียบเข้าครอบงำทุกฝ่ายจนกระทั่งลมวูบหนึ่งพัดเข้ามาเป็นดั่งสัญญาณลั่นระฆังเริ่มต้นศึกโค้งสุดท้ายที่จะตัดสินชะตากรรมโลกคาโรเนีย

ผู้วิเศษทั้งหมดพร้อมใจยิงคาถาใส่จักรพรรดิมาร ลำแสง กระสุนเวทย์บินเข้าใส่หวังผล แน่นอนว่าผมต้องการให้กระสุนเวทย์ทุกนัดเข้าเป้าแม้สัญชาตญาณของผมนั้นอาจเฉียบคมถึงขั้นต้องใช้คาถาลูกไฟยิงใส่แบบไม่ยั้งมือ ความทรงจำแสนย่ำแย่หลังจากถูกมันโค่นมาหนึ่งครั้งในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตายยิ่งแอบทำให้เกิดความหวาดกลัวต่ออีกฝ่าย ผมสะบัดศีรษะก่อนขมวดคิ้วตั้งสมาธิ

เสี้ยวอึดใจที่รู้สึกว่าเวลาวิ่งเร็วขึ้น ลมอีกวูบหนึ่งปะทะใบหน้า เส้นขนขยับไปมาในทางทิศไม่เป็นธรรมชาติสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ไม่ปกติ ดวงตาของผมเห็นเงาหนึ่งเคลื่อนผ่านไปราวกับผีสาง แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่...ต่อมาคือเสียงกระแทกที่ดังติดต่อกันถี่ยิบ ผมเร็วไม่พอที่จะมองเห็นว่า 'ใคร' แต่เมื่อหันกลับไปเห็นว่าแจ๊ก เฌอแตม และอาจารย์เอกถูกเล่นงานลงไปนอนกับพื้น เหลือเพียงโซล่า อาเนีย ฟองเบียร์และผม ส่วนทหารผู้วิเศษคนอื่นเองก็กำลังถูกบางอย่างจัดการหมอบทีละคน

ผมกัดฟันแน่นก่อนพยายามกลายร่างอีกครั้ง หากไม่ใช่โหมดจองเวทย์คงห่างชั้นกับจักรพรรดิมาร เมื่อเทียบกันแล้วในตอนนี้ผมสามารถควบคุมร่างนั้นดีกว่าก่อนหน้ามากมาย คราวนี้ไม่พลาดแน่

"นัปโปะ!" อาเนียตะโกนเรียกชื่อ โดยลืมไปว่า 'บางอย่าง' นั้นพุ่งชนร่าง ด้วยความเร็วและพละกำลังอันมหาศาลทำเอาแทบกระดูกซี่โครงร้าว ผมกลิ้งหลุน ๆ ไปกับพื้น ไม้กายสิทธิ์กระเด็นออกจากปากลอยไปไกล

"ไม่ให้กลายร่างอีกเป็นครั้งที่สองหรอกไอ้คอร์กี้" จักรพรรดิมารยืนคล่อมก่อนจับคอผมด้วยมือหนาหยาบใหญ่ขึ้นมาเหนือพื้น ในตอนนี้ผมไม่ต่างอะไรกับหมาไร้ค่าเลย "เมื่อไม่มีไม้กายสิทธิ์ แกเป็นได้แค่หมาตัวหนึ่ง"

"ปล่อยนัปโปะนะ!!" อาเนียคำรามเสียงดังลั่งฟิวส์ขาดถึงขั้นทำได้สิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าจะทำ "แซมมาบีนาซา!!"

ทุกคนต่างตกใจเมื่อลำแสงสีม่วงพุ่งตรงไปยังจักรพรรดิมาร เขาสะบัดมืดเพียงครั้งเดียว คาถาตัดชีวิตเบี่ยงเบนหันเหลงพื้น

"ไปรู้วิธีใช้คาถานี้มาจากไหน...?" ฟองเบียร์อ้าปากค้าง

"ปล่อยนัปโปะสิวะ!!" อาเนียสาดกระสุนลำแสงสีม่วงใส่อีกครั้ง แน่นอนว่ายังไม่สามารถหวังผลได้เหมือนเดิม โซล่ายิงคาถาใส่กลางหลังแต่อีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด ดวงตาสีแดงเปี่ยมไปด้วยความโกรธเอ่อล้นไปด้วยพลังยิ่งบีบรัดลำคอของผมจนกระดูกคอเริ่มรู้สึกเบียดเสียดพร้อมหักเป็นสองท่อนได้เสมอ

หากถึงตอนนั้นโลกคาโรเนียจำเป็นต้องหาหมาคอร์กี้ตัวใหม่มาแทนที่

สติของผมกำลังเลือนลาง ขาสั้นสี่ข้างอ่อนแรงจนปลายเท้าชี้พื้นห้อยต่องแต่ง ไม่ว่าผู้วิเศษจะระดมยิงคาถาใส่จักรพรรดิมารเท่าไหร่ ก็ไม่มีท่าทีอ่อนกำลังลง

.

.

.

ผมคงมาได้เท่านี้แหละ...

แสงจันทร์สีชาดสาดมาที่ผมเพียงตัวเดียว ร่างกายเต็มไปด้วยขนสีเหลือส้มอาบแสงนั่นยิ่งนานเท่าไหร่ดูเหมือนว่าอะดรีนาลีนในร่างกายกำลังทะลักออกมา เปลือกตาแสนหนักอึ้งกลับเบาโหวง ผมเบิกตาโตพร้อมกลายร่างเป็นมนุษย์พร้อมด้วยออร่าสีแดงครอบคลุม จักรพรรดิมารตกใจจนไม่สามารถตั้งรับมือให้กับสิ่งที่ไม่คาดคิดจึงโดนหมัดสวนเข้าใบหน้าอย่างจัง หากผมอยู่ในโหมดนี้ ไม้กายสิทธิ์กลายเป็นของไร้ค่าทันที สติสตังผมกลับมาครบถ้วน พลังเวทย์ล้นทะลักนับกายาอาบแสง คาถาทั้งหมดถูกรวบรวมเก็บไว้ในคลังสมองพร้อมใช้งานได้ทุกเวลา

"ทำไมอยู่ ๆ แสงจันทร์ถึงส่องมันตัวเดียวล่ะ!!?" จักรพรรดิมารตะคอกเสียงก่อนถูกผมอัดเข้ากลางลำตัวอีกครั้งด้วยหมัดขวาจนมันสำรอกดวงวิญญาณสีดำออกจากปาก มันพยายามตั้งสติแล้วใช้มืออุดปากสุดชีวิต "กูไม่ให้พวกมึงไปหรอกโว้ย!! กลับมานะเจ้าพวกวิญญาณ!! กูคือนายเหนือหัวของมึง....อ๊อก!!!"

ผมใช้คาถาอัดกระแทกใส่ลิ้นปรี่ ส่งผลให้ร่างกายงอโดยอัตโนมัติ จากนั้นผมวาร์ปไปด้านหลังก่อนคว้าแขนทั้งสองข้างดัดไปด้านหลังแล้วใช้หัวเข่ากระแทก ไม่เพียงเท่านั้นผมเปิดใช้วงแหวนเวทย์แล้วอัดคาถากระสุนเวทย์ใส่กลางแผ่นหลังจักรพรรดิมารติดต่อกันนับหมื่นนับแสนนัด

"นัปโปะ!! พยายามเข้านะ!!" อาเนียส่งเสียงร้องเชียร์

"อ๊ากกก!! กลับมาหาข้าเดี๋ยวนี้!! ดวงวิญญาณมารข้ารับใช้ของข้าทั้งหลาย!!"

"ฉันไม่ให้พวกมันกลับมาได้หรอก!!" ผมจับข้อมือศัตรูไว้แน่นแล้วถีบกลางหลังเพื่อกระตุ้นให้มันสำรอก

เหล่าวิญญาณสีดำพุ่งทะลักทะล้นออกจากปากของจักรพรรดิมารอย่างบ้าคลั่งเหมือนท่อประปาแตก ในจังหวะนั้นอาจารย์เอกตื่นขึ้นจากภวังค์ไร้สติจนเห็นภาพอันไม่เชื่อตาตัวเอง

"ตอนนี้แหละอาจารย์!! กระชากวิญญาณออกมาเลย!!" ผมตะโกนเสียงก้อง เมื่อจักรพรรดิมารได้ยินดังนั้นจึงดิ้นทุลนทุราย ผมสัมผัสได้ว่ากำลังของมันกำลังอ่อนแรงลง ผมจึงเค้นแรงทั้งหมดที่มีตรึงร่างกายศัตรูไว้กับที่ จู่ ๆ มีโซ่จำนวนหนึ่งผุดขึ้นมาจากพื้นลอยเข้ามามัดแขนขาร่างกายจักรพรรดิมารตรึงไว้อีกแรง ซึ่งเจ้าของคาถานั้นคือโซล่านั่นเอง เธอพุ่งเข้ามาพร้อมใช้คาถาประหลาดด้วยการใช้ปลายนิ้วซึ่งมีตรารูปหัวใจประทับบนหน้าผากจักรพรรดิมาร อาเนียพุ่งเข้ามากอดแขนไว้ พร้อมทั้งฟองเบียร์ใช้พลังจิตในการช่วยตรึงร่างผู้เป็นพ่อไว้ให้มั่น "เร็วสิ!! โอกาสสุดท้ายแล้ว!!"

อาจารย์เอกคาบไม้กายสิทธิ์ไว้ในปากพร้อมสร้างวงแหวนเวทย์บนฝ่ามือจากนั้นเขาจึงวาร์ปเข้ามาหาแล้วประทับวงแหวนเวทย์นั้นบนหน้าอกของจักรพรรดิมาร เกิดแสงสว่างจ้าทำให้อีกฝ่ายกรีดร้องอย่างเจ็บปวดเหมือนฑูตผียามถูกน้ำมนตร์กระเด็นใส่

"อ๊าากกกก!!!"

"อะนิมาวาเจีย เอสซีดา ริกโทโนโออินเฟอโน!!" ชายหนุ่มร่ายคาถาเสียงดังลั่นมือขวาคว้าอะไรบางอย่างได้ก่อนกระชากออกมาด้วยแรงทั้งหมดที่มีกลับกลายเป็นดวงวิญญาณขนาดใหญ่มหึมาลอยคว้างบนอากาศบดบังแสงจันทรา ร่างกายของจักรพรรดิมารอ่อนวูบหมดสติไร้อาการต่อต้าน ในจังหวะนั้นอาจารย์เอกสั่งให้ทุกคนโจมตีใส่ก้อนวิญญาณทมิฬด้วยทุกอย่างที่มี โดรก้าเดรสทิ้งทุกอย่างในมือพร้อมพ่นไฟออกจากปาก

กระสุนเวทย์โจมตีใส่ราวกับห่าฝน ผมปล่อยมือออกจากจักรพรรดิมารให้ร่างกายไร้สตินอนกองกับพื้นแล้วยิงกระสุนเวทย์ระเบิดจากฝ่ามือ จนกระทั่งคืนร่างเดิมกลับเป็นหมา ผมก็คาบไม้กายสิทธิ์ของใครก็ไม่รู้อยู่ใกล้ ๆ ยิงคาถาใส่ไม่ยั้ง

เพียงชั่วอึดใจเดียวกลุ่มก้อนวิญญาณสีดำระเบิดกลางอากาศ คลื่นลมกรรโชกไปทั่วบริเวณพัดก้อนเมฆดำจนแสงจันทร์สาดมาบนพื้นโลกคาโรเนียฟื้นคืนพลังให้เหล่าผู้วิเศษ

ทุกคนมองขึ้นไปบนท้องนภา กวาดสายตาไปโดยรอบเพื่อยืนยันการจากไปของจักรพรรดิมารโดยถาวร

ใช่...

"มันตายแล้ว...ตาย...จักรพรรดิมารตายแล้ว!" อาจารย์เอกประกาศชัยชนะ "เผ่ามารศาสตร์มืดสิ้นแล้ว!!"

ในจังหวะนั้นทุกคนต่างโล่งใจและคิดไปในทางเดียวกันว่า 'สงครามได้สิ้นสุดลงแล้ว' ผมและอาเนียนอนแผ่อิงแอบกันบนพื้นด้วยความเหนื่อยล้า โซล่าเข้ามาดูร่างสามีพร้อมติดต่อหน่วยรักษาชีพ ไม่กี่อึดใจกองทัพหน่วยรักษาชีพที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลได้วาร์ปเข้ามายังสมรภูมิ ผมสังเกตวิธีการทำงานอย่างมืออาชีพทั้งการร่ายคาถาเสกเมฆให้บดบังแสงจันทร์สีชาดเพื่อไม่ให้หน่อยรักษาชีพคนนั้นล้มหมดสติเพราะทนพลังที่ไหลทะลักไม่ไหว ทหารผู้วิเศษที่ไม่ได้สติถูกเสกให้ลอยขึ้นด้วยคาถาย้ายสิ่งของแล้ววาร์ปกลับไปยังโรงพยาบาล ผมและอาเนียได้รับการเสกคาถารักษาเยียวยาจนสามารถเดินเหินได้ปกติ แน่นอนว่าไม้กายสิทธิ์อันที่ผมได้มาจากมิลันยาหายสาปสูญไปแล้ว เหลือเพียงไม้ที่ผมกำลังคาบเพราะซองหนังขาดหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

พวกเราเข้าไปดูเวอร์โก้ซึ่งยังไม่ได้สติ สัญญาณชีพอ่อนมากแต่ไม่มีใครกล้ารักษาเพราะความหวาดกลัวต่อเขาสมัยที่ยังเป็นมาร อาจารย์เอกจึงต้องเข้าไปช่วยเจรจากระทั่งหน่วยรักษาชีพจำใจเข้าไปรักษา แต่ด้วยอาการโคม่ากึ่งเป็นกึ่งตายจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายไปยังโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด จึงเป็นหน้าที่ของพวกเขาให้วาร์ปไปแต่กลับติดปัญหาเรื่องของเอกสาร

"ใครเป็นญาติของคนนี้คะ?" อาเนีย ฟองเบียร์ และโซล่ายกมือ

"เป็นลูกสาวค่ะ" อาเนียและฟองเบียร์ตอบพร้อมกัน

"เป็นภรรยาค่ะ" โซล่าตอบด้วยความมั่นใจ

ผมถอนหายใจ

"เป็นสัตว์เลี้ยงครอบครัวนี้ครับ โฮ่ง ๆ"

.............................

หลังจากสงครามแห่งโลกคาโรเนียที่ไม่มีประชาชนคนไหนรับรู้จบลงพร้อมข่าวดีเรื่องเผ่ามารสูญสิ้นทำให้พวกเขาดีใจจนจัดงานเฉลิมฉลองกันยกใหญ่ ผู้เข้าร่วมสงครามทั้งหมดได้รับเหรียญกล้าหาญจากองค์จักรพรรดิผู้วิเศษในวังหลวง โดยผมเองต้องเข้ารับด้วยร่างมนุษย์ อาเนีย ฟองเบียร์ อาจารย์เอก เรย์ม่อนต์ คาลอส แจ๊ก เฌอแตมและโซล่าก็ได้รับเหรียญและถูกยกย่องให้เป็นลำดับชั้นอัศวินในเวลาต่อมา เชื่อเถอะว่าหมาคอร์กี้อย่างผมได้รับเกียรติยศลำดับชั้นอัศวินนั้นเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ แต่มันเป็นจุดหนึ่งที่ผมสามารถพิสูจน์ได้ว่าหมาจากร้านขายสัตว์สามารถไปได้ไกลกว่าจินตนาการ

เสียงปรบมือแสดงความยินดีจากเหล่าประชาชนผู้วิเศษดั่งกระหึ่มทั่วท้องพระโรงทำให้หัวใจเต้นแรง ผมเห็นโดรก้าเดรสยืนดอกอกพร้อมยิ้มให้ แม้เขามีส่วนเกี่ยวข้องในการหยิบยื่นจุดจบให้กับเผ่ามาร แต่เขายืนยันว่ามังกรเพลิงอย่างเขาไม่มีค่าพอให้ได้รับรางวัลอะไรทั้งนั้น

"ข้าเพียงอยากกางปีกโผบินไปทั่วน่านนภาในฐานะมังกรตัวเดียวที่มีในโลกนี้เท่านั้น" เขาเอ่ยในขณะวนไวน์ในแก้วไปมา "เจ้าเองก็เหมือนกัน เจ้าหมา ทำในสิ่งที่เจ้าต้องการไม่ว่าจะเป็นในฐานะสัตว์เลี้ยง"

"ของมันแน่อยู่แล้ว แต่หวังว่าจะได้เป็นมนุษย์มากกว่า" ผมในร่างหมาคอร์กี้ยืนบนไหล่กว้างของเพื่อนรัก "จะได้ทำอะไรก็ตามที่มนุษย์สามารถทำได้ ให้กลายร่างเป็นมนุษย์ทุกนาทีคงเป็นไปไม่ได้หรอก"

"สัตว์เลี้ยงก็เป็นได้แค่สัตว์เลี้ยงสินะ เข้าใจได้ไม่ยาก" โดรก้าเดรสผงกศีรษะพลางใช้ความคิด "ตอนนี้ข้าเป็นอิสรชนแล้ว ข้าอาจจะเดินทางไปยังที่ที่ไกลแสนไกลเพื่อศึกษาโลกนี้ไม่ใช่เพียงแค่อยากบิน"

"แล้วจะกลับมาเยี่ยมเยียนกันหรือเปล่า?" ผมโยนหินถามทาง

"ใครจะไม่กลับมาหาเพื่อนรักกันล่ะ?" เขาตอบกลับพร้อมรอยยิ้มอันจริงใจทำให้หัวใจผมชุ่นชื่นไปด้วยมิตรภาพระหว่างเพื่อนต่างเผ่าพันธุ์ เขาอุ้มผมวางไว้บนพื้นก่อนงอกปีกสีแดงออกมาจากแผ่นหลังและออกแรงกระพือเพียงครั้งเดียวเกิดลมกรรโชก มังกรหนุ่มร่างสูงใหญ่ลอยเหนือพื้นดวงตามองต่ำมองผม "แล้วข้าจะกลับมา เพื่อนยาก"

จากนั้นเขาได้โผบินจากไปไกลจนสายตาเหยี่ยวอินทรีก็มิอาจสอดส่องไปถึง ผมมองเข้าไปในงานสังสรรค์ก่อนสวมร่างมนุษย์อีกครั้งแล้วเดินเข้าไปร่วมพลางหาผู้เป็นนาย เธอคงเหนื่อยเกินไปจนผล็อยหลับคาตักโซล่า เธอขอให้ผมพาเธอกลับไปบ้านซึ่งผมก็ทำตามนั้นพร้อมกับฟองเบียร์ แน่นอนว่าโซล่าอนุญาตให้ 'ลูกเลี้ยง' เข้ามาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันโดยให้ห้องนอนรับแขกชั้นล่างเป็นห้องส่วนตัวและให้ความรักเหมือนที่คนเป็นแม่สามารถให้ได้เพราะเป็นลูกสาวของสามีผู้กำลังถูกกักขังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งตอนนี้ยังไม่ฟื้นจากภวังค์

เวอร์โก้ถูกดำเนินคดีเรื่องที่ตัวเองเป็นจักรพรรดิมารโดยสำนักงานอัยการโลกคาโรเนีย เขาจะถูกขึ้นศาลหากฟื้นคืนและสติสัมปชัญญะครบถ้วนเพื่อฟังคำพิจารณาโทษ

แน่นอนว่าระดับความรุนแรงของมันในฐานะจักรพรรดิมารผู้ครอบงำความกลัวของประชาชนผู้วิเศษแห่งคาโรเนียย่อมถูกประหารชีวิตนับเป็นโทษสูงสุด ณ ปัจจุบัน การลงโทษแบบนี้ไม่ปรากฎให้เห็นมานับร้อยปี โดยนักโทษจะถูกจับให้นั่งเก้าอี้ล็อกแขนขาภายในห้องโล่ง พร้อมไ้กายสิทธิ์จากนั้นเพชรฆาตจะร่ายมนตร์สร้างภาพหลอนโดยอ้างอิงข้อมูลความทรงจำของนักโทษและควบคุมให้ความทรงจำเหล่านั้นปั่นป่วนจิตใจให้เกิดความบ้าคลั่งจนเชาร่ายคาถาโจมตีใส่ภาพหลอนแต่จะพุ่งไปโดนกำแพงอันห่อหุ้มไปด้วยเวทย์สะท้อนกลับ ไม่ว่านักโทษจะร่ายคาถาอะไรออกไปมันจะสะท้อนกลับไปหาตัวเองจนถึงแก่ชีวิต นับเป็นการประหารที่โหดร้ายที่สุดที่ผมได้ยินมาเลยทีเดียว

ซึ่งระยะเวลาในการประหารแต่ละครั้งนั้นไม่เท่ากัน บางคนต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะตาย

มิน่าล่ะ...การพิจารณาลงโทษสูงสุดไม่ค่อยมีถี่เพราะด้วยวิธีการประหารแสนทุกข์ทรมานนี่เอง

แม้แต่ครอบครัวก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เยี่ยมเนื่องจากเวอร์โก้ยังมีสถานะเป็นนักโทษ ซึ่งสุ่มเสี่ยงจะได้เลื่อนยศไปเป็น 'นักโทษประหาร' ได้ทุกเวลา ผมเห็นอาเนียทำหน้าเศร้ามานับตั้งแต่วิญญาณของจักรพรรดิมารสูญสลายจึงเข้าใจดีว่าเพราะอะไร จึงทำได้เพียงมองร่างไร้สติข้อมือถูกโซ่เวทมนตร์ขั้นสูงพันธนาการไว้กับเตียงผู้ป่วยโดยมีสายระโยงระยางเจาะร่างกายเชื่อมกับเครื่องหน้าตาประหลาดไร้ชีวาเพื่อคงสภาพกายผ่านกระจกเงาด้านเดียวนิรภัยแม้แต่คำสาปตัดชีวิตก็มิอาจเจาะทะลุได้ อีกทั้งยังมีทหารผู้วิเศษระดับหัวกะทิจำนวนมากคอยเฝ้ารักษาความปลอดภัยและจับตามองตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

จนกระทั่งเวอร์โก้ฟื้นขึ้นจากอาการโคม่าและกลับมาได้สติอีกครั้ง แต่ละคนยกเว้นครอบครัวต่างระแวดระวังหวาดกลัวยามที่ชายหนุ่มสบตาเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่จากศาลพูดคุยผ่านโทรจิตส่งไปยังสมองของอีกฝ่ายแทนการใช้ไมโครโฟนเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา

"ในนามของประชาชนและสำนักงานอัยการศาลยุติธรรมแห่งโลกคาโรเนียขอแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายเวอร์โก้ หรืออีกชื่อว่า จักรพรรดิมาร ในข้อหาผู้ต้องหาได้กระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและด้วยวิธีการที่โหดร้ายด้วยคำสาปตัดชีวิตซึ่งผิดกฎหมายมาตรา 42 วรรค 8 ย่อหน้าที่ 1 ตัวอักษรที่ 1 ทั้งทารุณ และสร้างความหวาดกลัวแก่สาธารณชนในวงกว้าง" อัยการใบหน้าเคร่งขรึมแววตาแข็งกร้าวกล่าวสำนวนตามที่ระบุไว้ในเอกสารผ่านกระจกนิรภัยโดยอีกฝ่ายยืนรับฟังอย่างตั้งใจ แววตาของเขาไม่เหลือความชั่วร้ายในประกายแม้แต่น้อย แต่ถ้าหากเขาต้องการขัดขืน ผมพร้อมใช้ร่างมนุษย์ปัจจุบันเข้าไปหยุดเอง อัยการทิ้งจังหวะสักประเดี๋ยวก่อนถอนใจยาว มือหยาบใหญ่กำแน่นจนเห็นเส้นเลือดผุด "กระผมในฐานะตัวแทนจากสำนักงานอัยการขอแจ้งให้ทราบว่า...ข้อกล่าวหาทั้งหมดเป็นโมฆะ..."

ใจผมตกไปอยู่ตาตุ่มเหมือนกับคนอื่น ๆ แน่นอนว่าเหล่าทหารผู้วิเศษมองหน้ากันเลิ่กลัก

"เนื่องจากตรวจสอบโดยแพทย์ผู้ชำนาญการอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าไม่มีเงาของมารอยู่ภายในร่างกายจึงไม่นับว่าเป็นมาร และการกระทำอันเลวร้ายที่ผ่านมานับว่ามารใช้ร่างกายเป็นภาชนะ เวอร์โก้ในฐานะภาชนะจึงไม่มีความผิดจากคำพิจารณาของศาจสูงสุด ดวงวิญญาณจักรพรรดิมารดวงนั้นถูกทำลายแล้วจึงเป็นโมฆะไป แต่ในฐานะภาชนะซึ่งมีความผิดร่วมในการยินยอมให้ใช้ร่างกาย ศาลจึงตัดสินลงโทษทำบำเพ็ญประโยชน์ห้ามมิให้ขาดและรายงานตัวต่อศาลตลอดชีวิต"

เวอร์โก้อ้าปากค้างก่อนรีบหุบปากเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนคุกเข่าก้มหัวขอบคุณพร้อมร่ำให้เสียงดัง

"จบเพียงเท่านี้ ขอบคุณและลาก่อน" อัยการวัยสร้างคนพับกระดาษด้วยไม้กายสิทธิ์แล้วถอนใจ จากนั้นจึงวาร์ปหายตัวไป

........................

เวอร์โก้ถูกย้ายมาพักในห้องพักผู้ป่วยเดี่ยว อาการของเขาเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าอาการป่วยหลังจากดึงมารระดับจักรพรรดิออกจากร่างนับเป็นความเสี่ยงให้ร่างภาชนะได้รับความเสียหายทางวิญญาณจึงไม่สามารถหายขาดด้วยคาถาเยียวยาเหมือนบาดแผลทางกายภาพ โดยมีโซล่าผู้เป็นภรรยาแสนรักคอยอยู่ข้าง ๆ เธอให้อภัยในการกระทำของเขาในอดีตและพร้อมจะเริ่มต้นชีวิต 'ครอบครัว' อย่างสมบูรณ์ เขาจำได้ว่าฟองเบียร์เป็นลูกสาวกับลุคซูริอาซึ่งเกิดจากความผิดพลาดในขณะที่เป็นจักรพรรดิมาร

แต่เขาเป็นลูกผู้ชายที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำลงไปในฐานะภาชนะ

เว้นแต่อาเนียที่อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับครอบครัวสมบูรณ์ซึ่งเธอโหยหาในใจลึก ๆ มาเป็นเวลานาน ผมเข้าใจเธอในฐานะสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง เพราะผมเองก็ขอมอบความรักที่มีให้ไม่ว่าจะทั้งร่างคอร์กี้และร่างมนุษย์ ไม่แน่...อนาคตเวอร์โก้คงต้องกลายมาเป็นพ่อตาเขาสักวัน นั่นอาจเป็นฝันกลางวันแสนสวยงามในชีวิตที่สอง เชื่อเถอะว่าผมหลงลืมชีวิตในชาติก่อนแสนทุกข์ระทมจนสิ้น ทิ้งมันไว้ด้านหลังเพื่อถีบตัวเองด้วยขาสั้นป้อมกระโจนไปข้างหน้าสู่อนาคต

ผมในร่างหมาคอร์กี้เดินเตาะแตะไปหาเวอร์โก้พลางมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายซึ่งไม่แดงก่ำอีกต่อไป เขายิ้มอย่างเอ็นดูก่อนยื่นมือลูบศีรษะแล้วโน้มตัวขึ้นมาอุ้มผมไปกอดรัดฟัดเหวี่ยง

"เป็นหมาคอร์กี้ที่หอมจริง ๆ ตัวก็นุ่มเหมือนตุ๊กตาเลย ลูกเลือกมาได้ดีเลยนะเนี่ย" ใช่...ผมพยายามทำตัวเป็นเหมือนสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้งคู่

"ค่ะ..." ใบหน้าของเธอนิ่งสนิท ดวงตาจับจ้องไปยังหนังสือเรียนซึ่งเป็นแบบนี้มาได้สองวันแล้ว แต่ผมจะไม่มีวันยอมแพ้เพื่อทำให้ครอบครัวที่ผมเป็นส่วนหนึ่งประสานเป็นหนึ่งเดียวให้ได้

"ขออนุญาตเข้าไปนะครับ" เสียงคุ้นหูดังมาจากประตูพร้อมเสียงเคาะเบา ๆ สามครั้งพร้อมกับการปรากฎตัวของอาจารย์ใหญ่คอนเนอร์และภรรยาสาวสวยอย่างฟีล่า "เป็นยังไงบ้างเจ้าลูกศิษย์ ได้ข่าวว่าอีกสัปดาห์ก็ออกจากโรงพยาบาลแล้วสินะ ยินดีด้วย"

"ครับอาจารย์ใหญ่ ผมขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่าน ๆ มาด้วยครับ ดวงตาผมมืดบอดแสวงหาพลังมากเกินไป" เวอร์โก้วางผมบนตักก่อนก้มศีรษะหน้าผากติดเตียง แต่ผู้อาวุโสกลับจับใหล่เขายกข้ึนมา

"เรื่องมันผ่านไปแล้วก็แล้วกันไป ในตอนนี้เจ้าไม่ต้องแสวงหาพลังที่ยิ่งใหญ่อะไรนั่นอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นการสร้างครอบครัวแสนสุขไปให้ตลอดลอดฝั่งดีกว่า เจ้ามีทั้งลูกและเมียที่ต้องดูแลจริงไหม?"

"ครับ อาจารย์" น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้มด้วยความซาบซึ้ง "ผมจะทำให้ดีที่สุด"

อาเนียที่แหล่สายตาจากหนังสือมองผู้เป็นพ่อพลางคิดอะไรบางอย่างในใจ

"โชคดีแล้วที่ไม่โดนรัฐบาลเล่นงาน ไม่อย่างนั้นคงสิ้นชื่อไปพร้อมกับจักรพรรดิมารแล้วล่ะ" อาจารย์ใหญ่พูดพร้อมหัวเราะ แม้ประโยคนี้จะกระจ่างสำหรับคนอื่น แต่กระนั้น...ผมกลับรู้สึกตระหงิด

ผมมองไปยังฟีล่า เธอมองกลับมาพร้อมเขยิบตาแล้วชูนิ้วจุปากก่อนส่งโทรจิตเข้ามาในหัว

"อย่าไปบอกใครล่ะว่าอาจารย์ใหญ่ไปใต้โต๊ะองค์จักรพรรดิไว้"

..............................................

THE END

อ่านตอนจบแบบสมบูรณ์ได้ต่อ ตอนพิเศษในเล่มและอีบุ๊กเท่านั้น