เธอย้อนเวลากลับมาพบกับ คุณเผิง และ อาหยูตัวน้อย ความเข้าใจผิดในอดีตจะได้รับการเเก้ไขหรือไม่ ? เมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า "คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !"
รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ย้อนเวลา,เลี้ยงเด็ก,อาหยู,ดราม่า,รักวัยรุ่น,แอบรัก,สามี,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,เกิดใหม่ ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หนีรักมาพบคุณเธอย้อนเวลากลับมาพบกับ คุณเผิง และ อาหยูตัวน้อย ความเข้าใจผิดในอดีตจะได้รับการเเก้ไขหรือไม่ ? เมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า "คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !"
เป็นโอกาสจากสวรรค์หรือบทลงโทษ ที่ให้ย้อนเวลากลับมาพบเขาอีกครั้ง !
“เธอ” อกหักรักผู้ชายคนนี้แค่ครั้งเดียวก็เกินพออยู่แล้ว ซ้ำยังมาตายเพราะอุบัติเหตุเหนือคาด
แต่ทำไมต้องจะอกหักซ้ำซ้อนอีก หรือว่านี่คือความเมตตาจากสวรรค์ที่ให้วิญญาณเธอย้อนเวลามา
เพื่อพบกับ “คุณเผิง” ป๊ะป๋าสายอ่อย และ “ลูกชายตัวน้อย” ในฐานะพี่เลี้ยงเด็ก(สาวใช้)อีกครั้ง
แค่หน้าที่พี่เลี้ยงเด็กทำได้อยู่แล้ว แต่หน้าที่พี่เลี้ยง(ใจ)คุณป๊ะป๋าน่ะ เธอไม่ไหวหรอกนะ...
ก็เพราะเขาดันพูดขึ้นว่า “มาเป็นหม่าม้าของอาหยูได้ไหม ?”
เธอจะตอบเต็มปากได้อย่างไร ในเมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า
“ขอร้องนะคะ คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !”
นี่เป็นบทลงทัณฑ์จากสวรรค์หรือยังไงกัน—!?
Chapter 1
แสงตะวันส่องลอดผ่านผ้าม่านในยามเช้าวันหยุด เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นจนน่ารำคาญ หญิงสาวใต้ผ้าห่มขยับตัวเอื้อมมือปิดเสียงก่อนจะซุกตัวลงนอนต่อ ไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง จำต้องลุกขึ้นจากที่นอนเดินงัวเงียมาเปิดประตู
“เมื่อไหร่จะตื่นยะ นอนจนตะวันส่องก้นแล้ว”
เสียงแหลมแสบแก้วหูของถลัชนันท์เอ่ยขึ้นมองน้องสาวท้องเดียวกันที่กำลังยกมือขยี้เส้นผมด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“วันนี้วันหยุดนะ ให้จอมได้นอนซ้อมตายไม่ได้เหรอ ?” ลฎาภาตอบกลับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ตาทั้งสองข้างยังลืมขึ้นไม่เต็มตื่น
“ใช่ ! วันหยุด แต่แกไม่คิดจะตื่นมาออกกำลังกาย ไปเดินเล่นนอกจากนอนอืดอยู่ในห้องหรือไงฮะ !”
คนฟังถอนหายใจออกมาก่อนจะเอื้อมมือปิดประตูแต่คนเป็นพี่รั้งเอาไว้และมองด้วยสายตาขุ่นเคือง
“การนอนเป็นปัจจัยที่สำคัญพี่รู้ไหม ? ทำให้ไม่แก่เร็ว”
ถลัชนันท์ถลึงตาใส่ทันที เพราะคำว่า ‘แก่’ นั้นกระทบเต็ม ๆ
“รีบอาบน้ำแล้วลงมาซะ” คนเป็นพี่กัดฟันพูดส่งสายตามองน้องสาวก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปทันที ขณะที่ลฎาภานั้นมองและยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วปิดประตูห้องลง เธอเดินกลับเข้ามาในห้องพลางถอนหายใจออกมา ส่งสายตามองไปยังโต๊ะข้างหัวเตียงที่มีนาฬิกาตั้งอยู่
ยังไม่เที่ยงสักหน่อย...
เธอเดินเข้าห้องน้ำจัดการแปรงฟันและล้างหน้า ก่อนใช้มือสางผมที่พันกันให้เรียบร้อย ทาแป้งที่แก้มทั้งสองข้าง และกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานเช่นเดิม ครั้นกำลังจะเปิดโน้ตบุ๊กเสียงตะโกนจากชั้นล่างก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ต้องลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปในทันที
“ทำไมยังไม่อาบน้ำอีก” เสียงแหลม ๆ ของถลัชนันท์เอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจเท่าไหร่นักเมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่ยอมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งที่บอกไว้แล้วว่าวันหยุดสุดสัปดาห์นี้จะต้องออกไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของใช้
“ก็ไม่ได้ออกไปไหนนี่ จะอาบทำไมล่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้าม สายตามองอาหารเช้าตรงหน้า ตอนแรกตั้งใจว่าวันนี้จะไม่ลงมารับประทานอาหารช่วงเช้า เผื่อน้ำหนักที่กำลังขึ้นในช่วงนี้จะได้ลดลงบ้าง ทว่าเมื่อเห็นเมนูโปรดตรงหน้าแล้ว...ขอเปลี่ยนความคิดดีกว่า
“ไม่ต้องกิน ถ้ายังไม่อาบน้ำ” คนเป็นพี่พูดขณะที่ยกชามโจ๊กตรงหน้าของน้องสาวออกมา
ลฎาภามองด้วยความเสียดายสุด ๆ แต่ก็ไม่ยอมลุกขึ้นทำตามโดยดี
“ไม่เอา” เธอทำหน้ามุ่ย วางช้อนลงที่โต๊ะแล้วลุกขึ้น
“ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเข้มแกมสั่งของพี่สาวทำให้หญิงสาวมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจ “ก็ได้ ถ้าไม่ไปเดือนนี้ก็ไม่ต้องกินข้าวที่บ้าน ของใช้ ผ้าอนามัย สบู่ล้างหน้า ครีม...”
“ไป ๆ ไปอาบแล้ว !” ได้ผลทันตา ลฎาภารีบวิ่งขึ้นบันไดไปแต่ไม่วายเธอโน้มตัวลงมาและตะโกนเสียงดังว่า “พี่จ่ายนะ” ก่อนจะหายลับไปทันที
ถลัชนันท์มองและส่ายหน้าออกมา ไม่ต้องพูดก็รู้อยู่แล้วว่าต้องจ่ายให้ คนอย่างลฎาภางกสุด ๆ ไม่ยอมให้เงินในบัญชีลดลงแน่นอน ก็ยังดีที่ช่วยงานบ้านและยอมไปช่วยถือของบ้าง
...ให้ตายสิ น้องบ้า !
“วันนี้กินหม้อไฟกันนะ” ลฎาภาหันไปพูดขณะที่จอดรถเข้าซองแล้ว
คนเป็นพี่สาวหันมองเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้เจ้าน้องสาวขี้งก “เออ ๆ ไปช่วยซื้อของก่อนแล้วกัน” พูดตัดด้วยความรำคาญเสียมากกว่า เพราะตั้งแต่ลฎาภาย้ายเข้ามาทำงานในเมืองหลวงด้วยแล้ว มารดาและพี่ชายก็ฝากให้เธอเป็นคนดูแลน้องสาวคนนี้ เพราะไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน แต่ใครให้งกขนาดนี้กันล่ะ ถ้าไม่ติดว่าเงินเดือนมากพอที่จะดูแลน้องได้ คงไม่ยอมแน่ ๆ
“เย้ !” หญิงสาวร้องขึ้นทันที เพราะว่าเงินในเดือนนี้ใช้ไปกับเรื่อง ไร้สาระจนเกือบจะหมดแล้ว “มีสายเปย์แบบนี้นี่ดีจริง ๆ”
ลฎาภาเอี้ยวตัวหยิบกระเป๋าที่เบาะหลังลงขณะที่ถลัชนันท์นั้นเปิดประตูลงมารอข้างนอก หญิงสาวปิดประตูและเดินอ้อมเข้ามาหาพี่สาวเกาะแขนอ้อนราวกับบอกว่า ‘หม้อไฟอย่าลืมนะ’
ถลัชนันท์ได้แต่ถอนหายใจมองหน้าน้องสาวคนเล็กจอมเอาแต่ใจขณะที่เดินผ่านประตูเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ครั้นเดินเข้ามาแล้ว เสียงผู้คนก็ดังไม่ขาดสาย ทั้งเสียงตะโกนเรียกของพนักงานหน้าร้าน หรือแม้กระทั่งเสียงพูดคุยของคู่รัก...แต่ไม่ได้อยู่ในความสนใจของลฎาภาเลยสักนิด ตรงกันข้ามกับคนเป็นพี่ที่ทำสีหน้าหงุดหงิดออกมา
“ไปซื้อของเสร็จแล้วเอาของไปเก็บแล้วมากินหม้อไฟ แล้วต่อด้วยขนมหวานหน่อยดีไหม”
“ไม่” ถลัชนันท์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ทำให้คนฟังเดาได้ไม่ยากจากอารมณ์ที่แปรปรวนนี้ แน่นอนว่าไม่พ้นเรื่องการมองคู่รักเดินจับมือกันหวานชื่น แต่พี่สาวอายุเลยเลขสามมาแล้วหลายปีก็ยังไม่มีหวังเรื่องแต่งงานสักที แฟนที่คบกันอยู่ก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้สักนิด
“ถึงจะไม่ตะโกนออกมาว่า ‘อยากแต่งงาน’ แต่หน้าชัดเจนมาก ๆ”
ถลัชนันท์หันขวับมองด้วยสายตาขุ่นเคือง
“วันนี้ซื้อของเสร็จแล้วกลับ !”
ลฎาภายืนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนรีบสาวเท้าตามพี่สาวไปในทันที
ก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง ทำเป็นงอนไปได้ ชิ !
เกือบสามชั่วโมงได้กว่าจะซื้อของใช้จำเป็นเสร็จทั้งหมด ไม่คิดว่าจะเต็มไม้เต็มมือขนาดนี้ ลฎาภามองของในมือและรีบเดินนำเข้ามาในร้านขนมหวาน วางของลงก่อนจะกวักมือเรียกพี่สาวให้เดินเข้ามาด้วย
“ไม่เลี้ยงนะ”
“ใจร้าย” ลฎาภามองด้วยสีหน้าผิดหวัง ก่อนหันไปสั่งเมนูโปรดกับพนักงานโดยไม่ต้องเปิดรายการขึ้นดู
ถึงแม้ว่าจะเข้าใจพี่สาวก็เถอะ แต่การทำหน้าบูดงอนนี่ ไม่รู้ได้อะไรขึ้นมา งอนไปใช่ว่าแฟนจะเดินมาขอแต่งงานสักหน่อย
“ใครจะเป็นแบบแกล่ะ อายุยังไม่ขึ้นเลขสาม แกไม่เข้าใจหัวอกผู้หญิงที่ต้องการมีครอบครัวหรอก”
ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือสงสารพี่สาวดี เพราะนิสัยงอนเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำให้ไม่ค่อยชอบ ไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิดที่ทำไมยังไม่แต่งงานกันสักที
“พี่จะไปใส่ใจทำไม ไม่ได้แต่งงานก็อยู่โสดไปซะสิ จอมยังตั้งใจเลยว่าจะอยู่เป็นโสดตลอดไป” ลฎาภาพูดด้วยสีหน้ามีความสุขต่างจากถลัชนันท์ที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ
“ใครจะไปคิดแบบแกกันล่ะ !”
ก็อาจจะจริงที่ไม่เข้าใจ เพราะเธอไม่เคยสนใจเรื่องมีคนรักเลยสักนิด มากไปกว่านั้นคือการมีอิสระอย่างเต็มที่แบบไม่ผูกมัด ลฎาภายิ้มเจื่อน ๆ ก่อนก้มหน้าลงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นรอ
“แกรู้ไหมว่าผู้หญิงพอถึงเวลาก็อยากจะมีครอบครัว...”
เฮ้อ...หญิงสาวถอนหายใจพลางส่ายหน้าเหลือบมองพี่สาวที่เอาแต่พูดตัดพ้อต่าง ๆ นานา
“เดี๋ยวนี้ผู้หญิงอยู่ได้โดยไม่ต้องง้อผู้ชายกันแล้ว มีเงินซะอย่าง”
“ใครจะคิดแบบแกกันล่ะ”
ลฎาภามองและยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ขณะที่พนักงานเดินเข้ามาเสิร์ฟขนมหวานที่สั่งไป
หญิงสาวจดจ้องอยู่กับของหวานตรงหน้า แต่ก็ช้าไปเพราะถลัชนันท์หยิบช้อนและตักเข้าปากไปก่อน
“ไหนว่าไม่กินไง” เธอเงยหน้าขึ้นมอง
“บอกว่าไม่จ่าย แต่ไม่ได้บอกว่าไม่กินนี่”
“ชิ !” หญิงสาวเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะหยิบช้อนตักน้ำแข็งราดด้วยสตรอว์เบอร์รี่เข้าปาก
เวลาผ่านไปนานพอสมควรจนกระทั่งชามตรงหน้าว่างเปล่า ลฎาภาหันมองไปตามสายตาที่พี่สาวมองด้านนอกร้าน
“พี่มองอะไร ?”
“เปล่า” ถลัชนันท์พูดขึ้นไม่เต็มเสียงหลังจากที่นั่งเงียบมานาน “แค่มองผู้ชายหล่อ ๆ เป็นอาหารสายตา”
“ไหน ?” เธอยังคงส่งสายตามองตามด้วยความอยากรู้
“ผู้ชายสูง ๆ เสื้อสีดำนั่นไง” คนเป็นพี่ชี้บอกไปมั่ว ๆ เพราะสายตาไม่ได้จ้องตามที่บอก ดวงตากลมกลอกไปมาด้วยความสับสน และคิดว่าเมื่อครู่คงจะตาฝาดไปเองแน่ ๆ ที่เห็นแฟนหนุ่มเดินจับมือกับผู้หญิงคนอื่น
ลฎาภาเพ่งสายตามองไปยังเป้าหมายที่พี่สาวบอกอีกครั้ง ริมฝีปากอิ่มยิ้มออกมาเจื่อน ๆ แล้วหันกลับมามองพี่สาวก่อนพูดขึ้น “พี่มีแฟนแล้วนะ”
เธอมองพี่สาวที่จ้องผู้ชายอยู่นานมากจนกระทั่งเดินลับสายตาหายไป จึงขยับตัวลุกขึ้นสะกิดเรียกให้ลุกและหยิบของเดินออกจากร้านไป