เธอย้อนเวลากลับมาพบกับ คุณเผิง และ อาหยูตัวน้อย ความเข้าใจผิดในอดีตจะได้รับการเเก้ไขหรือไม่ ? เมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า "คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !"
รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ย้อนเวลา,เลี้ยงเด็ก,อาหยู,ดราม่า,รักวัยรุ่น,แอบรัก,สามี,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,เกิดใหม่ ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หนีรักมาพบคุณเธอย้อนเวลากลับมาพบกับ คุณเผิง และ อาหยูตัวน้อย ความเข้าใจผิดในอดีตจะได้รับการเเก้ไขหรือไม่ ? เมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า "คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !"
เป็นโอกาสจากสวรรค์หรือบทลงโทษ ที่ให้ย้อนเวลากลับมาพบเขาอีกครั้ง !
“เธอ” อกหักรักผู้ชายคนนี้แค่ครั้งเดียวก็เกินพออยู่แล้ว ซ้ำยังมาตายเพราะอุบัติเหตุเหนือคาด
แต่ทำไมต้องจะอกหักซ้ำซ้อนอีก หรือว่านี่คือความเมตตาจากสวรรค์ที่ให้วิญญาณเธอย้อนเวลามา
เพื่อพบกับ “คุณเผิง” ป๊ะป๋าสายอ่อย และ “ลูกชายตัวน้อย” ในฐานะพี่เลี้ยงเด็ก(สาวใช้)อีกครั้ง
แค่หน้าที่พี่เลี้ยงเด็กทำได้อยู่แล้ว แต่หน้าที่พี่เลี้ยง(ใจ)คุณป๊ะป๋าน่ะ เธอไม่ไหวหรอกนะ...
ก็เพราะเขาดันพูดขึ้นว่า “มาเป็นหม่าม้าของอาหยูได้ไหม ?”
เธอจะตอบเต็มปากได้อย่างไร ในเมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า
“ขอร้องนะคะ คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !”
นี่เป็นบทลงทัณฑ์จากสวรรค์หรือยังไงกัน—!?
Chapter 3
“ทำ…ไม…ฮือ ๆ …”
“พี่อาร์ตบอกเลิกเหรอ”
ลฎาภาเอ่ยถามเสียงแผ่วพลางส่งสายตามองพี่สาว ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้าไปหา พี่สาวเอาแต่ร้องไห้ออกมา ครั้นจะพูดก็พูดไม่รู้เรื่อง แม้จะพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้เพื่อที่จะพูดมันออกมา
“เขานอกใจ…คนเลว…ฮือ ๆ…”
ลฎาภาก้าวมาใกล้ดึงพี่สาวเข้ามากอดเพื่อปลอบประโลมโดยไม่ถามอะไรเป็นการซ้ำเติม
“ถ้าอยากจะร้องไห้ วันนี้ก็เสียใจให้สุด ๆ ไปเลยนะ แค่วันเดียว”
หญิงสาวปลอบพลางใช้มือลูบหลัง เธอรู้ดีว่าแฟนหนุ่มปัจจุบันที่คบกันอยู่นั้นพี่สาวจริงจังมากถึงขั้นอยากแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยก็รู้ว่าเขานอกใจก่อนที่จะแต่งงาน
“จอม…พี่รักเขานะ…ฮือ…พี่ยังรักเขา”
ลฎาภาได้แค่เงียบเพราะไม่เคยมีแฟนจึงไม่เข้าใจความรู้สึกนี้เท่าไหร่
“เขานอกใจ…พี่…มะ…มาตลอดหนึ่งปี...”
หญิงสาวฟังแล้วรู้สึกขุ่นเคืองแทนเพราะว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมาพี่สาวของหล่อนไม่เคยนอกใจฝ่ายชายเลยสักนิด แม้จะมีผู้ชายมากมายเข้ามาจีบหรือขอคุยด้วยแก้เหงาก็ตาม
“จำที่แม่เคยบอกได้ไหม ? ผู้ชายที่รักจริง จะไม่มีวันนอกใจเด็ดขาด”
คำนี้ถลัชนันท์ไม่เคยลืม ทว่าหัวใจข้างในจุกจนแทบหายใจไม่ออก หล่อนได้แต่พยักหน้ารับเท่านั้น จริงอยู่ถูกอย่างที่น้องสาวบอก ผู้ชายแบบนี้ไม่
คู่ควรกับพ่อของลูก ไม่คู่ควรที่จะฝากชีวิตเอาไว้ด้วย
“อืม” ถลัชนันท์ขานรับในลำคอพลางหันมองของที่ขนลงมา มันเคยมีค่ามากที่สุดจนถึงวันนี้ที่กลายเป็นเพียงขยะที่กำลังจะทิ้ง ความรู้สึกดี ๆ ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเพียงไม่ถึงชั่วโมงก็กำลังหายไปเพราะความเลวของคน เธอรู้ดีว่ามันยากที่จะลืมแต่ก็ต้องลืมให้ได้...
วันหยุดสุดสัปดาห์ผ่านมาถลัชนันท์ไม่ได้ออกไปไหนจากห้องนอนเลย แม้กระทั่งอาหารก็รับประทานเพียงนิดเดียว ถึงจะบอกว่าควรทำใจได้ ไม่ควรเสียเวลาเศร้าไป ทว่าก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี
ก๊อก ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้งติดต่อกัน แต่ไม่มีท่าทีที่หญิงสาวจะลุกขึ้นจากเตียงเดินไปเปิด จนกระทั่งประตูเปิดออกมา ภายในห้องมืดสนิทแม้กระทั่งผ้าม่านก็ปิดไม่รับแสงตะวันจากด้านนอก
“พี่ควรกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้วนะ”
ลฎาภาเดินเข้ามาในห้องมองคนบนเตียงที่นอนหันหลังให้ อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าพี่สาวนั้นจะคิดทำร้ายตัวเองหรือเปล่า ถึงแม้รู้ดีว่าเพียงเวลาสองวันไม่อาจจะทำให้ความรู้สึกนั้นหายไปได้ แต่การที่พี่สาวเธอซึมเศร้าแบบนี้ต่อไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา
“จอมควรโทรบอกพี่ชายสุดน่ารักให้มาอยู่เป็นเพื่อนดีไหม ?”
“ไม่ต้องมาขู่เลย !”
“ไม่ได้ขู่ แต่จะโทร. จริง ๆ เพราะถ้าอยู่แบบนี้ต่อไปมีอัตราเสี่ยงสูงที่คิดจะทำอะไรบ้า ๆ”
“แกจะไม่โทร. บอกใช่ไหม ?” ถลัชนันท์เอ่ยถามขึ้นเพราะกลัวว่านอกจากจะได้กลับบ้านแล้วบางทีแฟนหนุ่มอาจจะไม่รอดด้วยซ้ำ เธอกลัวว่าจะมีปัญหาใหญ่ตามมาทีหลัง ยิ่งพี่ชายเป็นคนหัวร้อนง่ายอยู่ด้วยเกี่ยวกับเรื่องของคนในครอบครัว
“ก็ต้องอยู่ที่ว่าพี่เป็นยังไง”
ถลัชนันท์พลิกตัวหันมาขยับตัวขึ้นนั่ง ขอบตาแดงก่ำ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยคราบน้ำตา พลางยกมือขึ้นเช็ดลวก ๆ สูดหายใจเข้า แล้วสบตามองน้องสาว
“โอเคแล้ว แกไม่ต้องโทร. ไปบอกนะ”
ลฎาภาหัวเราะ
“ก็ดี งั้นลงไปกินข้าวกันได้แล้ว”
ถลัชนันท์พยักหน้าขยับตัวลงจากเตียงขณะที่ลฎาภาลุกขึ้น พลันหันมองส่องไปยังกระจกที่อยู่ห่างไม่ไกลนักก็กรีดร้องออกมาด้วยท่าทางตกใจ
“กรี๊ดดด...นี่หน้าฉันเหรอ ทำไมถึงโทรมแบบนี้”
ถลัชนันท์รีบลุกขึ้นวิ่งไปที่โต๊ะเครื่องแป้งทันที เดิมทีใบหน้าสวยไม่มีริ้วรอยของวัย อีกทั้งใต้ตาก็ไม่หมองคล้ำเท่ากับตอนนี้ หญิงสาวยกมือขึ้นลูบใบหน้าตามริ้วรอยและความหมองคล้ำ รับไม่ได้อย่างแรง เท้าทั้งสองที่ยืนอยู่ก็กระทืบพื้นหลายทีก่อนจะหันมามองน้องสาวที่ยืนขำอยู่
“พี่ควรดูแลตัวเองมากกว่านะ ไม่งั้นอาจจะขึ้นคานจริง ๆ”
“ยัยจอม !”
“งั้นลงไปรอข้างล่างนะ” ลฎาภาพูดพร้อมกับรีบเดินออกจากห้องเมื่อเห็นสายตาค้อนมองมา เพราะรู้ดีว่าพี่สาวรักสวยรักงามมากขนาดไหน
หลังจากที่ประตูห้องปิดลงแล้วถลัชนันท์ก็หันมาส่องกระจกอีกครั้ง ไม่คิดเลยว่าสองวันที่ปล่อยตัวเองไม่ดูแลจะโทรมได้มากถึงขนาดนี้ หญิงสาวถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินกลับไปที่เตียงเพื่อหยิบโทรศัพท์ ควรจะทำอย่างไรดี จะนัดเขาเพื่อมาคุยกันหรือว่าจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป รอวันที่เขามาขอเลิกเธอ
สองวันที่ผ่านมาเหมือนจะทำใจได้บ้างแล้ว ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะที่เห็นใบหน้าโทรมราวกับผีดิบของตัวเอง ก็เพิ่งคิดได้ว่ามันไม่มีอะไรดีขึ้นมาที่จะเศร้าต่อไป...
อากาศเช้านี้สดใสไม่มีท่าทีบอกว่าฝนจะตกลงมา ช่างเป็นเวลาที่ดี ลฎาภาใส่เสื้อผ้าชุดใหม่พร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งานในวันนี้ และไม่ลืมที่จะเตรียมเอกสารเผื่อไว้ให้ครบ ก่อนจะส่องมองความเรียบร้อยในกระจกเป็นครั้งสุดท้ายแล้วหยิบกระเป๋าออกจากห้องลงมาชั้นล่าง
“ตื่นแล้วเหรอ ?” ถลัชนันท์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจเมื่อเห็นว่าน้องสาวเดินลงมารับประทานอาหารในตอนเช้า ครั้นสังเกตการแต่งตัวก็ยิ่งสงสัยว่าจะไปทำอะไร เพราะนานครั้งมากที่จะเห็นแต่งตัวเป็นทางการและเรียบร้อยแบบนี้ “แล้วนี่จะออกไปไหน”
“สัมภาษณ์งานค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงดีใจและตื่นเต้นเหมือนกับว่าเพิ่งได้งานทำครั้งแรก
“เขาเรียกตัวแล้วเหรอ ?”
ลฎาภาพยักหน้าแทนการตอบพลางขยับเก้าอี้แล้วนั่งลง ดวงตากลมมองอาหารมื้อเช้าตรงหน้าก่อนจะหยิบช้อนขึ้นตักรับประทาน
“วันนี้พี่จะใช้รถออกไปพบลูกค้า จะให้ไปส่งที่บริษัทก่อนไหม ?” ถลัชนันท์พูดขึ้นขณะที่วางช้อนส้อมลง
“ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว จอมไม่มีทางขึ้นรถเมล์ไปแน่ ๆ ผมเสียทรงแย่” ลฎาภาพูดก่อนตักอาหารเข้าปาก ครั้นเหลือบมองพี่สาวที่กลับมาเป็นปกติก็ยังอดห่วงอยู่ไม่ได้แม้ใบหน้าจะมีรอยยิ้มประดับเช่นเดิม แต่ในใจอาจจะ ไม่ใช่อย่างที่แสดงออกมา เพราะใช่ว่าจะใช้เวลาเพียงวันหรือสองวันแล้วทุกอย่างจะลืมหายไป
“ทำใจได้แล้วใช่ไหม ? กับเรื่องของพี่อาร์ต”
“อืม” ถลัชนันท์พยักหน้ารับพลางส่งยิ้มให้กับน้องสาว แววตานั้นสั่นระริกจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอยังไม่ได้บอกว่าเลิกกับเขาอย่างจริงจัง ที่รู้เพราะเป็นความบังเอิญในความโชคร้ายเสียมากกว่า “ไปกันเถอะ นี่ก็สายมากแล้ว เดี๋ยวรถจะติดเอา”
เมื่อพูดจบก็ลุกขึ้นหยิบจานเดินเข้าไปไว้ในห้องครัว ถลัชนันท์ยืนนิ่งอยู่นานพลางคิดหาวิธีที่จะจัดการกับความรู้สึกแย่ ๆ ภายในใจให้จบสิ้น วันนี้เธอควรจะนัดคุยกับเขาหรือไม่ก็ส่งข้อความไปบอกเลิกเสีย เมื่อคิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงรีบเดินออกมาหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ในกระเป๋าส่งข้อความหาแฟนหนุ่มในทันที
วันนี้หลังเลิกงานพี่อาร์ตว่างไหมคะ ? รักมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่ค่ะ
ลฎาภาหันมองขณะลุกขึ้นนำจานไปไว้ที่ห้องครัว ก่อนจะเดินออกมาสังเกตสีหน้าของพี่สาวที่ดูไม่ดีนัก
“ไปกันเถอะ”
ถลัชนันท์ไม่ปริปากพูดอะไร ได้แต่พยักหน้าและเดินออกไปทันที ขณะที่ลฎาภาหยิบกระเป๋าออกมาแล้วปิดประตูบ้านก่อนจะขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว
เธอต้องผ่านสัมภาษณ์นี้...!
ลฎาภาบอกกับตัวเองแบบนั้นขณะที่เอียงตัวมองคนที่มานั่งรอการสัมภาษณ์ตามบัตรคิว เธอรู้สึกประหม่าจนร่างกายและมือเย็นจนสั่นแทบทำอะไรไม่ถูก แม้จะไม่ใช่การสมัครงานครั้งแรกทว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทผลิตและส่งออกอาหารสำเร็จรูปทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีเงินเดือนดี สวัสดิการ
ดีด้วย เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องวิตก
นั่งรอมาเกือบสองชั่วโมงแล้วมีคนเดินเข้าเดินออกจากห้อง บ้างสีหน้าก็ดูมั่นใจ บ้างก็แสดงถึงความกังวล ลฎาภาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก้มหน้ามองมือที่เย็นเฉียบจนกระทั่งมีคนเรียกชื่อจึงรีบลุกขึ้นและเดินเข้าไปข้างในทันที
เวลาผ่านไปจนกระทั่งการสัมภาษณ์สิ้นสุดลง ลฎาภาเดินออกจากห้องแทบหมดแรง ทั้งคำถามและการพูดคุยที่ชวนทำให้เธอต้องกลั้นอดทน
ลฎาภาเดินเข้ามาห้องน้ำ ปิดประตูวางเอกสารและกระเป๋าด้วยสีหน้าละห้อย จากการสัมภาษณ์เมื่อครู่ทำให้รู้ว่าพลาดแล้วแน่นอน !
เฮ้อ...เธอยืนถอนหายใจพิงประตูอยู่นาน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบใบหน้า มือและร่างกายยังคงสั่นเพราะรู้สึกประหม่าไม่หาย จนกระทั่งมีเสียงผู้ชายดังขึ้น หญิงสาวจึงเอี้ยวหูฟังแล้วขบคิดในใจว่า ‘นี่ห้องน้ำชายงั้นเหรอ’
“คืนนี้ไปดื่มกันไหม ? ฉันมีนัดบอดกับสาวๆ ด้วย”
เข้าห้องน้ำผิดอีกแล้วเหรอเนี่ย !