เธอย้อนเวลากลับมาพบกับ คุณเผิง และ อาหยูตัวน้อย ความเข้าใจผิดในอดีตจะได้รับการเเก้ไขหรือไม่ ? เมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า "คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !"
รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ย้อนเวลา,เลี้ยงเด็ก,อาหยู,ดราม่า,รักวัยรุ่น,แอบรัก,สามี,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,เกิดใหม่ ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หนีรักมาพบคุณเธอย้อนเวลากลับมาพบกับ คุณเผิง และ อาหยูตัวน้อย ความเข้าใจผิดในอดีตจะได้รับการเเก้ไขหรือไม่ ? เมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า "คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !"
เป็นโอกาสจากสวรรค์หรือบทลงโทษ ที่ให้ย้อนเวลากลับมาพบเขาอีกครั้ง !
“เธอ” อกหักรักผู้ชายคนนี้แค่ครั้งเดียวก็เกินพออยู่แล้ว ซ้ำยังมาตายเพราะอุบัติเหตุเหนือคาด
แต่ทำไมต้องจะอกหักซ้ำซ้อนอีก หรือว่านี่คือความเมตตาจากสวรรค์ที่ให้วิญญาณเธอย้อนเวลามา
เพื่อพบกับ “คุณเผิง” ป๊ะป๋าสายอ่อย และ “ลูกชายตัวน้อย” ในฐานะพี่เลี้ยงเด็ก(สาวใช้)อีกครั้ง
แค่หน้าที่พี่เลี้ยงเด็กทำได้อยู่แล้ว แต่หน้าที่พี่เลี้ยง(ใจ)คุณป๊ะป๋าน่ะ เธอไม่ไหวหรอกนะ...
ก็เพราะเขาดันพูดขึ้นว่า “มาเป็นหม่าม้าของอาหยูได้ไหม ?”
เธอจะตอบเต็มปากได้อย่างไร ในเมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า
“ขอร้องนะคะ คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !”
นี่เป็นบทลงทัณฑ์จากสวรรค์หรือยังไงกัน—!?
Chapter 4
ลฎาภายกมือบีบกำแน่น ลูบใบหน้าแล้วเดินไปเดินมาในห้องน้ำสี่เหลี่ยมเพราะยังออกไปไหนไม่ได้ เป็นเวลาหลายนาทีจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลาและข้อความที่เข้ามา แต่ก็ยังมีคนเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ทำให้ยังไม่สามารถเปิดประตูออกไป สิบนาทีผ่านไปหลังจากที่นั่งอยู่บนฝาชักโครก เธอหันไปวางโทรศัพท์บนชักโครกรวมถึงเอกสาร แล้วลุกขึ้นแนบหูกับประตู เพื่อฟังเสียงฝีเท้าอีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งมีเสียงก๊อกเปิดล้างมือแล้วจึงก้มมองเงาที่ผ่านออกไป
...รอจนกระทั่งทุกอย่างในห้องน้ำไม่มีเสียง
ลฎาภาหยิบกระเป๋าแล้วค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออกส่งสายตามองผ่านช่อง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่เธอจึงเปิดประตูออก ทว่า...
“เฮ้ย...!!”
เสียงอุทานดังขึ้นทำให้ลฎาภาตกใจและรีบก้มหน้าลงทันทีก่อนจะรีบหันตัวและวิ่งออกจากห้องน้ำไป แต่ก็ไม่ระวังเพราะมัวแต่ตกใจและอายจึงชนกับคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องน้ำ
“ผม...เข้าห้องผิด ?”
ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจพลางเดินถอยหลังดูสัญลักษณ์ข้างหน้าอีกครั้ง ทว่าคนชนทำอะไรไม่ถูกเพราะรู้สึกอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
“มะ...ไม่ค่ะ ขอโทษค่ะ” หญิงสาวพูดไม่เต็มเสียงพลางก้มหน้าก้มตาเดินออกจากห้องน้ำไปโดยที่ไม่แม้แต่มองหน้าชายหนุ่มที่เดินชน
เขาส่งสายตามองเธอพลางยิ้มขำออกมากับท่าทางของหญิงสาวตรงหน้าก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป...
ลฎาภายกมือขึ้นเขกขมับตัวเองด้วยความอาย ตั้งแต่เดินออกจากห้องน้ำชายมาจนกระทั่งถึงป้ายรถเมล์ เป็นครั้งที่เท่าไหร่กันแล้วเวลาตื่นเต้นมักเดินเข้าห้องน้ำผิด เธอล้วงมือหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเป็นเวลานาน ใบหน้าเริ่มซีดเพราะเพิ่งนึกออกว่าลืมวางไว้พร้อมกับเอกสารในห้องน้ำชาย
สวรรค์ ! นี่เธอต้องเดินกลับไปเอาใช่หรือไม่ ?!
หญิงสาวกัดริมฝีปากขมวดคิ้วด้วยใบหน้าคิดหนัก เดินวนไปมาเป็นวงกลมจนกระทั่งตัดสินใจได้ว่าจะต้องเดินกลับไปเอา เธอยกมือขึ้นตบแก้มทั้งสองข้างเพื่อเรียกสติกลับคืนมา หันไปทางบริษัทที่เพิ่งเดินออกมา
ลฎาภายืนอยู่หน้าตึกสูงพลางสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก้าวเข้าไป จนกระทั่งหยุดอยู่ที่บริเวณใกล้หน้าห้องน้ำชาย ดวงตากลมโตมองไปยังทางเข้าแล้วก็ยกมือขึ้นเขกศีรษะอีกครั้ง
ให้เดินเข้าไปอีกก็คงไม่กล้า เธอยืนรออยู่นานราวเกือบยี่สิบนาทีเมื่อเห็นว่าไม่มีใครเข้าออกห้องน้ำชายแล้วจึงรีบเดินเร็วเข้าไปทันที
ไม่มี !
หญิงสาวเดินเข้าออกห้องน้ำทุกห้องแต่กลับไม่พบโทรศัพท์มือถือและเอกสารที่ลืมวางไว้บนที่กดชัดโครก
“จะทำยังไงล่ะเนี่ย !” เธอยกมือขึ้นขยี้เส้นผมด้วยความหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าของที่ลืมวางไว้ได้หายไปแล้ว
ขณะที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความวุ่นวาย เสียงพูดคุยและคนก็ได้เดินเข้ามาในห้องน้ำ ลฎาภาตกใจจึงรีบก้มหน้าขอโทษและวิ่งออกมาโดยทันที
นอกจากอายยังซวยซ้ำซวยซ้อนไม่สิ้นสุด ไม่คิดว่าจะตื่นเต้นเข้าห้อง—
น้ำผิดและลืมเอาของออกมาอีก ลฎาภายืนพิงกับเสาต้นใหญ่ที่ห่างไม่ไกลจากห้องน้ำชายมากนักพลางถอนหายใจขยับตัวเพื่อหันมองไปยังฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง
“แล้วของของฉันล่ะ ใครจะเป็นคนเก็บไป”
แน่นอนว่ายังไม่ละความพยายามที่จะตามหาของคืนมา หญิงสาวเดินไปยังประชาสัมพันธ์เพื่อถามแต่ก็ไม่พบอะไร หนำซ้ำยังหน้าแตกและอายกลับมาอีก จนสุดท้ายแล้วก็ลองโทรเข้าที่เบอร์ของเธอดูแต่ไม่มีใครรับสายเป็นหลายครั้งจนต้องตัดใจและนั่งรถกลับบ้านอย่างผิดหวังสุด ๆ ในชีวิต
งานก็ยังไม่มีโทรศัพท์ดันมาหายอีก ! สวรรค์ทำร้ายเธอจริง ๆ
ทันทีที่ถึงเวลาเลิกงานปุ๊บ ถลัชนันท์เก็บของบนโต๊ะและหยิบกระเป๋าเดินออกไป เพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ก็มองด้วยความแปลกใจแต่ก็ไม่กล้าถามอะไร หญิงสาวใช้เวลาขับรถไม่นานก็มายังร้านที่นัดหมายกับแฟนหนุ่ม วันนี้เป็นวันที่เธอต้องกล้าพูดและทำใจยอมรับจบความสัมพันธ์กับเขาสักที
ถลัชนันท์เดินมานั่งรอมุมหนึ่งของร้านที่คนน้อยที่สุด ก่อนสั่งเครื่องดื่มไปพลาง ๆ รอชายหนุ่มมา
ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมาเขาทำให้เธอมีความสุขมาก แต่จะให้ยอมรับและให้อภัยนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งที่คบกับเธอแต่มีผู้หญิงอื่นควงไปไหนมาไหนด้วย ทำราวกับว่าเธอเป็นคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไร
ผ่านไปแล้วเกือบครึ่งชั่วโมงจวนพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ถลัชนันท์ก็ยังคงนั่งรอแฟนหนุ่มอยู่ที่เดิม กาแฟที่สั่งมาก็จิบไปพลาง ๆ จนหมดแต่ไม่เห็นวี่แววเขาเลยสักนิด
เขาจะอ่านข้อความที่เธอส่งให้เมื่อเช้าแล้วหรือยัง ?
หญิงสาวถอนหายใจออกมาจนนับไม่ถ้วน ครั้นมองออกไปนอกร้านฝั่งตรงข้ามสายตาก็สะดุดเข้ากับใครบางคน แววตาเธอสั่นระริกกับสิ่งที่เห็น มือเรียวที่เคยผ่อนคลายอยู่นั้นกำแน่น ดวงตาแผ่วร้อนและน้ำตาเริ่มปริ่มออกมา
ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหารฝรั่งขึ้นชื่อ อีกทั้งยังมีราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับร้านอาหารทั่วๆ ไป ถลัชนันท์หัวเราะให้กับตัวเองอย่างสมเพช ไม่คิดเลยว่าต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง
เขามาดินเนอร์กับผู้หญิงคนอื่นโดยที่ปล่อยให้เธอนั่งรออย่างนั้นเหรอ ? กำลังตอกย้ำกันใช่หรือไม่ !
หญิงสาวลุกขึ้นเดินออกจากร้านไปทันที เธอยังคงจอดรถไว้ที่ร้านกาแฟและเดินข้ามถนนมายังอีกฝั่ง สายตามองส่องเข้าไปในร้าน เห็นแฟนหนุ่มกำลังยิ้มหวานให้กับหญิงสาวอีกคนอยู่
เขาไม่รู้สึกละอายบ้างเลยหรือไงกัน ?!
ถลัชนันท์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะผลักประตูร้านเดินเข้าไปข้างใน โดยไม่ได้สนใจพนักงานที่เข้ามากล่าวทักทาย แต่สาวเท้าเดินตรงไปยังโต๊ะของแฟนหนุ่มทันที
“มีความสุขจริงนะคะ พี่อาร์ต” หญิงสาวกัดฟันพูด ส่งสายตามองแฟนหนุ่มและหญิงสาวที่นั่งอยู่
อรรถนนท์เบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนจะลุกขึ้นมาหา พูดแก้ต่างตัวเองทันที “เอ่อ นี่เพื่อนที่ทำงานน่ะ”
ถลัชนันท์หัวเราะสมเพช ถ้าวันนั้นไม่เจอว่ากำลังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน วันนี้ก็คงจะเชื่อหมดใจอย่างที่พูดออกมา
“เพื่อนพี่ที่ทำงานเหรอคะ ?” เธอกัดฟันพูดส่งสายตาจิกมองไปยังหญิงสาวในชุดเดรสสีชมพูที่นั่งอยู่ด้วยความเหลืออด
“ชะ...ใช่” อรรถนนท์ตอบไม่เต็มเสียง เขาได้แต่ภาวนาให้แฟนสาวเชื่อว่าสิ่งที่พูดเป็นจริง
“แล้วรู้ไหมคะ ? ว่าวันนี้รักนัดพี่อาร์ตตอนเย็น...” เธอพูดเสียงสั่น
“เอ่อ...พี่ติดงานเลยไม่ได้เปิดข้อความ ไว้วันหลังพี่จะชดเชยให้นะ”
ชดเชยอย่างนั้นเหรอ...ช่างน่าขันเสียจริง
ถลัชนันท์ยิ้มหวานให้ ก่อนจะมองด้วยสายตาดูแคลน
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ความจริงแล้วที่นัดก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย...” เธอยังคงควบคุมอารมณ์มองสีหน้าของเขาที่เริ่มมีเหงื่อผุดออกมาเล็กน้อย “แค่จะบอกพี่อาร์ตว่า...”
ถลัชนันท์ยังคงยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม เอื้อมมือหยิบแก้วน้ำขึ้นมาแล้วสาดไปที่หน้าเขาก่อนวางคืนดังเดิม
“ว้าย !” หญิงสาวที่นั่งอยู่ลุกขึ้นมาทันที หล่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเดินมาเช็ดใบหน้าชายหนุ่ม
“ทำไมทำกับพี่แบบนี้” อรรถนนท์พยายามควบคุมสีหน้าและอารมณ์เพราะคนในร้านก็ต่างมองกันเป็นสายตาเดียว “พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ”
ไม่ทำอะไรผิด...
หญิงสาวหัวเราะออกมายกมือขึ้นกอดอก ก่อนจะฉีกยิ้มส่งให้เขา
“ถ้าอย่างนั้น ทีหลังพี่ควรจะบอกเลิกรัก ก่อนที่จะ...” ถลัชนันท์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อไปว่า “ไปมีคนใหม่”
“เดี๋ยวรัก นี่กำลังเข้าใจผิดแล้วนะ” อรรถนนท์พูดขึ้นทว่าหญิงสาวข้างตัวนั้นรั้งเขาไว้ไม่ให้เดินไปหา แต่เขาก็สะบัดมือออกเดินตามไป
“พี่ไม่ได้มีคนอื่นเลยนะ...”
“ไม่มีคนอื่น ไม่มีบ้าอะไร !” ถลัชนันท์ตะโกนใส่หน้าเขาด้วยความโมโหที่ยังไม่ยอมรับความจริง หนำซ้ำยังจะแถไปเรื่อยอีก “ฉันได้ยินเต็มสองหู เห็นสองตา ว่าพี่กับเธอมีอะไรกัน ครางเสียงดังทั่วห้องเลย !”
หมดความอดทนแล้ว และก็ไม่อายด้วย เพราะตอนนี้โมโหถึงมากที่สุด
“เอาเถอะ ถือว่าฉันกับพี่ไม่ติดค้างอะไรกันอีก เราจบกัน !”
“รัก คือพี่...” อรรถนนท์เอื้อมมือรั้งหญิงสาวไว้
“ไปตายซะ ไอ้เฮงซวย !” ถลัชนันท์ตะโกนใส่พร้อมกับสะบัดมือทิ้งอย่างแรง แล้วเดินออกจากร้านไปทันที ทุกคนต่างมองและมีเสียงซุบซิบมากมาย ทว่าหญิงสาวกลับมองผ่านเป็นเรื่องเล็กน้อยและรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ระบายความรู้สึกนี้ออกจากใจไป