เธอย้อนเวลากลับมาพบกับ คุณเผิง และ อาหยูตัวน้อย ความเข้าใจผิดในอดีตจะได้รับการเเก้ไขหรือไม่ ? เมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า "คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !"
รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ย้อนเวลา,เลี้ยงเด็ก,อาหยู,ดราม่า,รักวัยรุ่น,แอบรัก,สามี,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,เกิดใหม่ ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หนีรักมาพบคุณเธอย้อนเวลากลับมาพบกับ คุณเผิง และ อาหยูตัวน้อย ความเข้าใจผิดในอดีตจะได้รับการเเก้ไขหรือไม่ ? เมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า "คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !"
เป็นโอกาสจากสวรรค์หรือบทลงโทษ ที่ให้ย้อนเวลากลับมาพบเขาอีกครั้ง !
“เธอ” อกหักรักผู้ชายคนนี้แค่ครั้งเดียวก็เกินพออยู่แล้ว ซ้ำยังมาตายเพราะอุบัติเหตุเหนือคาด
แต่ทำไมต้องจะอกหักซ้ำซ้อนอีก หรือว่านี่คือความเมตตาจากสวรรค์ที่ให้วิญญาณเธอย้อนเวลามา
เพื่อพบกับ “คุณเผิง” ป๊ะป๋าสายอ่อย และ “ลูกชายตัวน้อย” ในฐานะพี่เลี้ยงเด็ก(สาวใช้)อีกครั้ง
แค่หน้าที่พี่เลี้ยงเด็กทำได้อยู่แล้ว แต่หน้าที่พี่เลี้ยง(ใจ)คุณป๊ะป๋าน่ะ เธอไม่ไหวหรอกนะ...
ก็เพราะเขาดันพูดขึ้นว่า “มาเป็นหม่าม้าของอาหยูได้ไหม ?”
เธอจะตอบเต็มปากได้อย่างไร ในเมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า
“ขอร้องนะคะ คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !”
นี่เป็นบทลงทัณฑ์จากสวรรค์หรือยังไงกัน—!?
Chapter 6
ผ่านมาแล้วหนึ่งวันกับการพยายามโทร. เข้าเครื่องของเธอเพื่อหวังว่าอีกฝ่ายที่เก็บเครื่องไปนั้นจะยอมรับสายและยังไม่นำเครื่องของเธอไปขายทิ้งก่อน สุดท้ายแล้วก็เริ่มตัดใจเมื่อไม่มีคนรับ อีกทั้งยังถูกปิดเครื่องไปดื้อ ๆ อีก
ลฎาภานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก พลางเอื้อมมือกดรีโมตโทรทัศน์เปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ ในช่วงที่ต้องรอผลการสัมภาษณ์อย่างไร้ความหวังนั้น ทำให้รู้สึกแย่เช่นกัน แม้ว่าจะติดต่อไปหลายบริษัท ทว่าช่วงนี้ยังไม่มีการรับพนักงานใหม่บ้าง หรือบางบริษัทก็มีพนักงานเต็มอัตราอยู่แล้ว เหมือนแสงที่ริบหรี่มาก
กริ๊ง—กริ๊ง เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น หญิงสาวจึงขยับตัวเอื้อมมือไปหยิบหูโทรศัพท์ยกขึ้น
[ทำไมพี่โทร. เข้าเครื่องแล้วไม่รับล่ะ]
“โทรศัพท์หาย แล้วนี่ไม่คิดจะกลับบ้านเลยหรือไง วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ ?” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่ไม่เห็นพี่สาวกลับบ้านมาตั้งแต่เมื่อคืน อันที่จริงเมื่อก่อนที่จะคบกับแฟนหนุ่มก็เคยเป็นอยู่บ้าง จนไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ ทว่า...นั่นก็หลายปีผ่านมาแล้ว
[เออน่า...วันนี้พี่ลางาน กำลังจะกลับบ้าน เมื่อวานเมามาก]
“เมาแล้วไปนอนที่ไหนมาอะ”
[เรื่องนั้นไม่ต้องยุ่งหรอกน่า...จะเที่ยงแล้ว ทำมื้อเที่ยงเผื่อด้วยนะ]
ลฎาภาถอนหายใจออกมาพลางหันมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง “โอเค...ขับรถดี ๆ ละกัน”
เมื่อพูดจบอีกฝ่ายก็วางสายลง เธอมองโทรศัพท์แบบงง ๆ เพราะน้ำเสียงฟังออกจะไม่สบอารมณ์มากนักทำให้รู้สึกแปลกใจ ลฎาภาวางหูโทรศัพท์ ปิดโทรทัศน์ก่อนขยับตัวลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องครัว
หญิงสาวเปิดตู้เย็นกวาดสายตามองก่อนหยิบผักและอาหารสดออกมาวางไว้ข้างนอก หั่นและล้างอย่างสะอาด ครั้นกำลังตั้งกระทะเปิดเตา เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้นติดต่อกันจนต้องปิดเตาและเดินออกจากครัวไปรับสายทันที
“สวัสดีค่ะ”
[สวัสดีครับ]
ลฎาภาอึ้งไปครู่หลังจากที่รับสาย
“ค่ะ เออ...ไม่ทราบว่า...”
[คือผมเก็บโทรศัพท์ของคุณได้เมื่อวันก่อนที่ห้องน้ำชายในบริษัท ไม่ทราบว่าเป็นของคุณหรือเปล่าครับ]
“ชะ...ใช่ค่ะ” หญิงสาวตอบรับด้วยน้ำเสียงดีใจ “ดีใจจัง”
[พอดีเมื่อวานผมยุ่ง ๆ เลยไม่ได้รับสายที่คุณโทรเข้ามา อีกทั้งแบต ฯ โทรศัพท์ก็หมดพอดี ขอโทษด้วยนะครับ]
เขาดูสุภาพมาก...อยากเจอจัง ใครกันที่เก็บโทรศัพท์ของเธอไป
“ขอบคุณมากนะคะ”
[วันมะรืนช่วงเย็นคุณสะดวกไหม ? ผมจะนำโทรศัพท์มาคืนให้คุณ]
“สะดวกมากค่ะ” ลฎาภารีบตอบกลับทันที
[ครับ ถ้าอย่างนั้นห้าโมงครึ่งที่ร้านกาแฟตรงข้ามบริษัทนะครับ ผมจะนั่งรออยู่โต๊ะด้านในของมุมร้าน]
“ได้เลยค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณ ขณะที่อีกฝ่ายได้วางสายลงหลังจากที่พูดจบ
สวรรค์ยังไม่ใจร้ายกับเธอ...ขอบคุณจริง ๆ โชคดีที่ยังไม่ตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่ไปเมื่อวาน ไม่อย่างนั้นคงจะเสียดายแย่ ลฎาภาวางโทรศัพท์ลงแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องครัว ทำอาหารมื้อเที่ยงอย่างมีความสุข จนเสร็จเรียบร้อย พอดีกับที่ได้ยินเสียงประตูและเสียงรถ จึงรู้ว่าพี่สาวได้กลับมาแล้ว
หญิงสาวนำอาหารออกมาจัดวางบนโต๊ะก่อนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของพี่สาวด้วยความตกใจ
“พี่รัก...ไปทำอะไรมา”
ถลัชนันท์มองด้วยสายตาที่สับสนมากกว่าจะพูดออกมาได้ แค่เธอมีสติขับรถกลับมาบ้านได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว มันจะมีอะไรที่แย่มากกว่านี้อีกไหม ?
“แกทำอะไรกินบ้าง” ถลัชนันท์เปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที วางของไว้ที่โต๊ะแล้วเดินไปล้างมือ ก่อนมานั่งรับประทานอาหารเงียบ ๆ ไม่ปริปากพูดอะไร
“เป็นอะไรหรือเปล่า ?”
ไม่มีคำตอบจากคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามจนกระทั่งเสียงของช้อนและส้อมวางลงกระทบจานกระเบื้องอย่างดัง ทำให้ลฎาภาที่นั่งก้มหน้ารับประทานอาหารอยู่เงยหน้าขึ้นมองทันที
“ยัยจอม พี่กำลังจะแต่งงาน”
“หา !” แทบสำลักข้าวเลยทีเดียว หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้าอก หยิบน้ำขึ้นดื่มแล้วส่งสายตามอง “แต่งกับพี่อาร์ตเหรอ ไหนว่าเลิกกันแล้วไง ?”
“เปล่า ไม่ใช่พี่อาร์ต”
“อ้าว แล้วใครล่ะ พี่ไปปิ๊งผู้ชายที่ไหนมาอีก ?”
“ไม่ได้ปิ๊ง แต่เสียตัวให้เลยต่างหาก” ถลัชนันท์พูดอย่างไม่ปิดบัง
ลฎาภาอึ้งจนพูดไม่ออก หญิงสาวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือทำหน้าตาอย่างไรดี “ละ...แล้วพี่ก็ตอบตกลงแต่งงานเนี่ยนะ !”
ถลัชนันท์พยักหน้าเป็นคำตอบ
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ทำงานอะไร เขานิสัยดีไหม ?”
“พี่ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร” ถลัชนันท์ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเพราะว่ารับปากไปแล้ว และคิดว่าคงไม่มีอะไรเสียหายหากอีกฝ่ายจะรับผิดชอบ
“แต่...เขาดูมีฐานะดีนะ”
เมื่อได้ยินก็อึ้งยิ่งกว่าเดิม ลฎาภาพูดไม่ออกทีเดียว
“เรื่องนี้อย่าบอกที่บ้านนะ พี่อยากเก็บเอาไว้ก่อน”
“เดี๋ยวสิ ถ้าไม่บอกแล้วมารู้ทีหลัง...”
“ถ้าบอก...แกลองนึกภาพดูสิว่าจะเป็นยังไง”
ลฎาภายิ้มเจื่อน ๆ รู้ทันทีว่าหากโทร. บอกวันนี้พี่ชายคงนั่งเครื่องลงมาหาไม่เกินวันพรุ่งนี้แน่นอน อีกทั้งยังคงอยากจะพบหน้าผู้ชายคนนั้นด้วย และถ้าหากไม่ถูกชะตาด้วยแล้วล่ะก็... “ตามใจละกัน จอมไม่อยากยุ่งกับการตัดสินใจของพี่ แต่ถ้าคิดว่ามีความสุขก็ทำไป”
เปล่าหรอก...ไม่ได้มีความสุขสักนิด ไม่รู้สึกตื่นเต้นเหมือนงานแต่งงานที่เคยวาดฝันเอาไว้สักนิด
แค่ไม่มีอะไรจะให้เสียหายอีกแล้วต่างหากกับความรัก
“รู้แล้วน่า...อยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันเองแหละ” ถลัชนันท์พูด ที่จริงไม่ได้เล่าว่าการแต่งงานมาจากความเต็มใจของเขาแต่เป็นผู้ใหญ่ที่จัดให้ต่างหาก
“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีสินะ”
ถลัชนันท์ไม่ตอบเอาแต่ก้มหน้าก้มตาตักอาหารเข้าปาก ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี เธอจะได้ไม่ต้องเสียเวลารักผู้ชายแบบอรรถนนท์มาถึงห้าปี !
เป็นเช้าอีกวันที่นั่งส่งอีเมลสมัครงานเช่นเคย จนกระทั่งเที่ยงทำเพียงแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกิน แล้วเขียนจดหมายสมัครงานทางอีเมลไปหลายต่อหลายที่ ส่วนมากมักจะตอบกลับมาว่ายังไม่เปิดรับพนักงานฝ่ายนี้เนื่องจากเต็มอัตรา จนกระทั่งเกือบบ่ายสามหญิงสาวจึงรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกไปรอตามนัดกับชายที่เก็บของของเธอได้ในห้องน้ำ
ลฎาภาวิ่งหน้าตั้งข้ามสะพานลอยมาทันทีที่ลงจากรถเมล์ เพราะอุบัติเหตุการจราจรในช่วงเย็นเป็นเหตุทำให้มาสายกว่าเวลาที่นัด ไม่คิดว่าวันนี้จะใช้เวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมงกว่า เมื่อวิ่งลงจากสะพานมาแล้วหันหากระจกร้านจัดแต่งทรงผมที่ดูยุ่งเหยิงให้เข้าที่
เขายังจะรอเธออยู่ไหม ?
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ผลักประตูร้านเดินเข้าไปพลางกวาดสายตามองไปยังมุมร้านที่เขานัดหมาย แล้วค่อย ๆ สาวเท้าเดินเข้าไปหา
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ คือ...”
ให้ตายสิ ตอนนั้นก็ลืมถามชื่อไว้ด้วย ลฎาภายกมือขึ้นกุมขมับอย่างคาดโทษตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มจึงหันมาและขยับตัวลุกขึ้นขณะที่ หญิงสาวยังคงก้มหน้าอยู่
“สวัสดีครับ”
เมื่อได้ยินเสียงหล่อเอ่ยทักทายลฎาภาก็รีบเงยหน้าขึ้นมองทันที ดวงตากลมกะพริบมองอยู่นานเมื่อเห็นชายหนุ่มยิ้มตอบกลับ
“เอ่อ...” หญิงสาวรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก สูดลมหายใจเข้าตั้งสติและขยับตัวนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามเขาก่อนกล่าวทักทาย “สวัสดีค่ะ”
เจตนิพัทธ์เรียกพนักงานแล้วสั่งเครื่องดื่ม ก่อนจะหันมาถามเธอเพื่อสั่งให้เช่นกัน ลฎาภานั้นตอบแค่น้ำเปล่าหนึ่งแก้วด้วยความเกรงใจ
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยเก็บไว้ให้ ฉันคิดว่าจะไม่ได้คืนซะแล้ว”
หญิงสาวพูดกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“ไม่เป็นไรครับ” เขาพูดพร้อมกับหยิบซองเอกสารและโทรศัพท์ส่งคืน
“ขอบคุณค่ะ” ลฎาภาเอื้อมมือหยิบของตรงหน้าแล้วยิ้มให้ขณะที่เครื่องดื่มเพิ่งจะมาเสิร์ฟ
“มีคนลืมของคุณไว้หรือครับ”
อ่า...เป็นคำถามที่อยากจะลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปไกล ๆ ทันที แน่นอนว่าทำแบบนั้นไม่ได้ ลฎาภาฉีกยิ้มหวานมองแบบเขินอาย ก่อนจะขยับตัวและโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ พร้อมกับกวักมือเรียกให้ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้ามาหา
เจตนิพัทธ์เลิกคิ้วมองอย่างสงสัยแต่ก็ทำตามโดยดี
“คือว่า...” ลฎาภาอ้ำอึ้งอยู่นานเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร “คือว่า...มีคนหยิบของฉันไปผิดน่ะค่ะ”
SWEET SITUATION หนีรัก มาพบคุณ