เธอย้อนเวลากลับมาพบกับ คุณเผิง และ อาหยูตัวน้อย ความเข้าใจผิดในอดีตจะได้รับการเเก้ไขหรือไม่ ? เมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า "คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !"
รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ย้อนเวลา,เลี้ยงเด็ก,อาหยู,ดราม่า,รักวัยรุ่น,แอบรัก,สามี,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,เกิดใหม่ ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หนีรักมาพบคุณเธอย้อนเวลากลับมาพบกับ คุณเผิง และ อาหยูตัวน้อย ความเข้าใจผิดในอดีตจะได้รับการเเก้ไขหรือไม่ ? เมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า "คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !"
เป็นโอกาสจากสวรรค์หรือบทลงโทษ ที่ให้ย้อนเวลากลับมาพบเขาอีกครั้ง !
“เธอ” อกหักรักผู้ชายคนนี้แค่ครั้งเดียวก็เกินพออยู่แล้ว ซ้ำยังมาตายเพราะอุบัติเหตุเหนือคาด
แต่ทำไมต้องจะอกหักซ้ำซ้อนอีก หรือว่านี่คือความเมตตาจากสวรรค์ที่ให้วิญญาณเธอย้อนเวลามา
เพื่อพบกับ “คุณเผิง” ป๊ะป๋าสายอ่อย และ “ลูกชายตัวน้อย” ในฐานะพี่เลี้ยงเด็ก(สาวใช้)อีกครั้ง
แค่หน้าที่พี่เลี้ยงเด็กทำได้อยู่แล้ว แต่หน้าที่พี่เลี้ยง(ใจ)คุณป๊ะป๋าน่ะ เธอไม่ไหวหรอกนะ...
ก็เพราะเขาดันพูดขึ้นว่า “มาเป็นหม่าม้าของอาหยูได้ไหม ?”
เธอจะตอบเต็มปากได้อย่างไร ในเมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า
“ขอร้องนะคะ คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !”
นี่เป็นบทลงทัณฑ์จากสวรรค์หรือยังไงกัน—!?
Chapter 10
ลฎาภาชะเง้อคอมองเข้าไปในงานแต่งของพี่สาวที่ถูกจัดขึ้นในโรงแรมอย่างหรูหรา มีคนมากมายต่างเดินเข้าไปในงานกัน หญิงสาวขยับตัวเดินถอยออกห่างมาช่างใจคิดอย่างหนัก ถ้าจะไม่มาเลยในฐานะน้องสาวก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ดีเอามาก ๆ แต่ทว่าเธอไม่ชินกับการออกงานโดยมีคนมากหน้าหลายตาเยอะไปหมดขนาดนี้ ภายในงานที่เมื่อครู่มองดูถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามสมกับฐานะของฝ่ายชาย แต่ทว่า...จะให้เธอเดินเข้าไปจริง ๆ น่ะหรือ
สุดท้ายแล้วก็เดินเข้าไปในงานจนได้ เธอถอนหายใจออกมา เป็นงานแต่งที่รู้สึกอึดอัดแท้ ทั้งที่ควรจะไปดูพี่สาวแต่งตัวแต่ไม่ได้ไปหา เพราะดูเหมือนว่าพี่เธอต้องการแบบนั้นเหมือนกัน ดวงตากลมกวาดสายตามองไปยังอาหารที่ถูกจัดวางแบบบุฟเฟต์และค็อกเทลผสมกัน มีโต๊ะนั่งจำนวนหนึ่งแต่ไม่ใช่แขกทุกคนที่จะนั่งสนทนากัน บ้างก็ยืนคุย บ้างก็เดินมาตักอาหาร ทว่าสำหรับเธอแล้วคงยืนร่วมงานเงียบ ๆ จนจบละมั้ง
ลฎาภายืนอยู่ราว ๆ สิบนาทีก็มีเสียงดังขึ้น ทำให้หันไปมองแล้วก็เห็นเจ้าสาวเจ้าบ่าวเดินเข้ามาพร้อมกัน เธอหันไปมองแม้จะอยู่ในระยะที่มองเห็นถลัชนันท์ได้ชัดเจน แต่ก็ไม่ได้เข้าไปทักทาย เพราะว่ามีคนมากมายต่างเดินเข้าไปทักทายเจ้าบ่าว
ไม่ไปดีกว่า ไว้นอกรอบแล้วกัน
หญิงสาวถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เพราะรู้ดีว่าไม่เหมาะกับสังคมคนรวยและก็ทำตัวไม่ค่อยถูก เธอหันมองพี่สาวอยู่นานก่อนจะตัดใจเดินไปหาของกินเพราะเสียงท้องเริ่มประท้วงออกมานั่นเอง
เมื่อหยิบอาหารเข้าปากแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นที่ดึงดูดความสนใจอีกต่อไป ลฎาภาสนใจแต่ของอร่อยตรงหน้าจนกระทั่งได้เวลาเริ่มงาน พิธีกรก็ขึ้นมาบนเวทีเพื่อกล่าวเปิดงานถึงความรักของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว เธอจึงหันไปฟังโดยที่มือก็ยังหยิบอาหารเข้าปากเรื่อย ๆ ดวงตากลมจ้องมองพี่สาวที่อยู่บนเวทีด้วยใบหน้าที่ดูคล้ายจะมีความสุขแต่ก็ไม่ใช่เลยสักนิด
ลฎาภาถอนหายใจจนนับไม่ถ้วน การแต่งงานมีความสุขมากขนาดนั้นเลยเหรอ ?
จวบจนเวลาล่วงผ่านไปเกือบสองชั่วโมง พอดีกับที่ท้องเริ่มอิ่มแล้ว หญิงสาวจึงเดินออกมาด้านนอก ตอนนี้เหลือแค่การตัดเค้กแล้ว อ่า…อยากกินด้วยสิ ของหวานเนี่ย !
ถึงจะงานแต่งก็เถอะแต่น่ากินจัง...
หญิงสาวส่ายหน้าเรียกสติของตนกลับมาเเละรีบเดินออกไปทันที แต่ทว่า…ดูเหมือนว่าทางเดินอาหารจะปั่นป่วนเสียแล้ว ! สงสัยอาหารมื้อเที่ยงจะย่อยซะแล้ว
ลฎาภากวาดสายตามองก่อนจะรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาบริกรของโรงแรมทันที
สองเท้าสาวอย่างไวโดยไม่สนใจคนที่มองหรือเดินผ่านไปสักนิดเพราะเป้าหมายตอนนี้คือห้องน้ำ !
เกือบยี่สิบนาทีผ่านไป หญิงสาวเปิดประตูห้องน้ำออกมา เธอเดินมาวางกระเป๋าที่อ่างล้างมือและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ไม่คิดว่าจะเกิดอาการท้องเสียได้ อาจเป็นเพราะอาหารบางอย่างที่เธอไม่ชินเลยทำให้ท้องเสีย
หญิงสาวล้วงมือในกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นก่อนหันหลังยืนพิงกับอ่างล้างมือ ครั้นเงยหน้าขึ้นมองก็อ้าปากค้างทันที มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ก็ปล่อยตกลงไม่รู้ตัว กว่าที่จะตั้งสติได้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็โน้มตัวลงเก็บโทรศัพท์ส่งคืนให้ แน่นอนว่าเขาไม่ได้เข้าห้องน้ำผิด อาจเป็นที่เธอรีบจนไม่ได้ดูว่าเป็นห้องน้ำชายหรือห้องน้ำหญิง
ลฎาภารีบตั้งสติและเอื้อมมือรับโทรศัพท์คืน ขณะที่ส่งสายตามอง ใบหน้าของเขาที่ยังนิ่งราวกับว่าเจอผู้หญิงเข้าห้องน้ำผิดจนเป็นเรื่องปกติ !
“เอ่อ...ขอบคุณ...ค่ะ” ลฎาภากล่าวไม่เต็มเสียงมากนัก แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ซ่อนอยู่บนใบหน้าเขาแล้วก็ยิ่งรู้สึกอายมากกว่าเดิม
“คุณเข้าห้องน้ำผิดบ่อยนะ” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งในขณะที่คนฟังกำลังยืนอึ้งและงุนงงอยู่ ครั้นจะตอบกลับก็เดินออกไปจากห้องน้ำแล้ว
คุณเข้าห้องน้ำผิดบ่อยนะ ...พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกัน !
ลฎาภาก้าวเท้าออกแทบไม่ถูก กว่าที่จะเดินพ้นห้องน้ำออกมาได้มือและขาก็สั่นไปหมด เป็นครั้งแรกที่ทั้งอายและโกรธในเวลาเดียวกัน ผู้ชายคนนั้นเป็นใครทำไมพูดเหมือนกับว่าเคยเจอเธอเข้าห้องน้ำผิดมาก่อนหน้านั้นอย่างนั้นแหละ
บ้า บ้าที่สุด เธอไม่ได้เข้าผิดทุกครั้งสักหน่อย
หญิงสาวเดินออกไปทั้งที่ใจยังสับสน เธอคิดว่าหลังเข้าห้องน้ำเสร็จจะกลับเข้าไปร่วมงานอีกสักหน่อยแต่คงไม่แล้ว หากเข้าไปแล้วเจอเขาที่มาร่วมงานแต่งพี่สาวเธอด้วย คงจะต้องแทรกแผ่นดินหนีจริง ๆ
กว่าจะเสร็จสิ้นงานแต่งเล่นเสียพลังงานกายไปมากพอสมควร ไม่เคยคิดเลยว่าการแต่งงานจะเหนื่อยมากขนาดนี้ ถลัชนันท์เดินเข้ามานั่งบนเตียงหลังจากที่ผู้ใหญ่ออกไปหมดแล้ว หญิงสาวเหลือบมองชายหนุ่มที่ถอดเสื้อผ้าและเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่พูดอะไรกับเธอสักคำ ไม่สิ...ต้องเรียกว่าวันนี้นับคำคุยได้เลยต่างหาก
เธออายุมากกว่าเขาและเขาก็ไม่ได้รักเธอ
นั่นเป็นความจริงที่รู้อยู่ก่อนแต่งงานแล้ว
ถลัชนันท์ถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินไปแกะผมและถอดเครื่องประดับออก ขณะที่ประตูห้องน้ำเปิดออกมา ดวงตากลมมองเขาแล้ว อ้าปากค้างก่อนรีบหลบสายตากลืนน้ำลายลงคอ
โอ๊ย ! คุณพระ ซิกแพคนี่น่าลูบมาก
หญิงสาวดึงสติของตนกลับมาแล้วหันมองชายหนุ่มที่เปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อย เขาหยิบหมอนและผ้าห่มเดินออกมาวางลงที่พื้นตรงปลายเตียง เธอไม่กล้าแม้แต่จะเดินไปพูดคุยกับเขาสักนิด จึงทำเหมือนมองไม่เห็นและหยิบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไปทันที ตอนนี้อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่โต ทีแรกชายหนุ่มค้านเสียงแข็งเพราะต้องการจะอยู่คอนโด ฯ เช่นเดิม แต่ทางครอบครัวไม่ยอมให้ใช้ชีวิตแบบเดิม ของใช้จำเป็นบางส่วนจากคอนโด ฯ จึงถูกขนกลับเข้าบ้าน สำหรับเธอแล้วไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นเลย แค่ตกลงพยักหน้าเห็นด้วยกับฝ่ายผู้ใหญ่ก็เท่านั้น
คิดแล้วก็รู้สึกว่า...การตัดสินใจแต่งงานนี้อาจจะเป็นเรื่องที่คิดผิดอย่างมากเลยทีเดียว
ถลัชนันท์เปิดประตูเดินออกมา เธอจัดการไดร์และหวีผม ก่อนทาครีมบำรุงให้เรียบร้อย ครั้นจะเดินมาที่เตียงก็เห็นชายหนุ่มนอนอยู่จึงก้าวเข้าไปหาและย่อตัวนั่งลงข้าง ๆ ก่อนเอื้อมมือสะกิดที่แขนเขา
ศรันภัทรขยับตัวหรี่ตาขึ้นมอง รีบถอยตัวออกห่างทันที
“เอ่อ...ฉันแค่เรียกให้ไปนอนบนเตียงน่ะ” ถลัชนันท์พูดไม่เต็มเสียงมากนักเมื่อสบตามองสายตาของชายหนุ่มแล้ว ไม่ใช่ความรู้สึกที่เขินอายแต่เป็นความรู้สึกที่อยากออกห่างไกล ๆ เธอรู้ดีว่าศรันภัทรอาจจะไม่ใช่ชายแท้ และนี่คือหนึ่งเหตุผลที่มารดาเขาถึงเร่งรัดให้แต่งงาน หรือบางทีจงใจแกล้งเพื่อให้ถูกเข้าใจผิดก็เป็นได้
“คุณนอนไปเถอะ” เขาพูดและขยับตัวพลิกหันหลังให้
“แต่ว่า...” หญิงสาวหนักใจเพราะไม่กล้านอนบนเตียงอย่างสบายใจในเมื่อเจ้าของดันลงไปนอนที่พื้น
“นอนแบบนี้คุณจะปวดหลังเอานะ” ถลัชนันท์พูดพลางจ้องมองอีกฝ่ายที่ยังคงนอนนิ่งทำราวกับว่าไม่ได้ยิน จึงขยับตัวลุกขึ้นและเดินไปหยิบหมอน ก่อนเดินกลับมาวางข้าง ๆ ชายหนุ่ม
“งั้นฉันก็นอนเป็นเพื่อนคุณด้วย” เมื่อพูดจบก็ขยับตัวลงนอน ขณะที่ชายหนุ่มหันมาแล้วเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาจะขยับตัวถอยหนีก็ไม่ได้อีกเพราะติดปลายเตียงจึงรีบขยับตัวลุกขึ้นนั่งและหันมองด้วยสายตาไม่พอใจ
“นอนสิ” หญิงสาวพูดแล้วยิ้มให้กับเขา
“ผมจะนอนตรงนี้ คุณไปนอนบนเตียงเถอะ”
ถลัชนันท์มองค้อนด้วยความไม่พอใจ ใครจะกล้าไปนอนโดยให้เจ้าของเตียงนอนพื้นกันล่ะ เธอไม่ได้เรียกร้องให้เขาสนใจหรอกนะ...
“ใครจะกล้าไปนอนล่ะ ! คุณเป็นเจ้าของเตียงกลับนอนพื้น ถ้าฉันนอนบนเตียงนี่ก็รู้สึกผิดนะ...” หญิงสาวเริ่มโวยวายอย่างไม่พอใจที่ชายหนุ่มขยับตัวลงนอนเช่นเดิม “อีกอย่างฉันไม่จับคุณปล้ำหรอก สบายใจได้...ก็คุณไม่ได้ชอบผู้หญิงนี่”
ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นหันมาจ้องด้วยสายตาขุ่นเคือง
ถลัชนันท์มองแล้วยิ้มเจื่อน ๆ
“ถึงไม่บอกฉันก็รู้นะ...งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันดีกว่าไหม ?”
ศรันภัทรมองหญิงสาวแล้วขยับตัวลุกขึ้นโดยไม่พูดอะไร เขาหยิบหมอนเดินไปนอนบนเตียง ขณะที่ถลัชนันท์หัวเราะออกมา เมื่อเห็นชายหนุ่มลงนอนบนเตียงแล้วเธอจึงหยิบหมอนวางที่เตียงแล้วนอนลงอีกฝั่ง ทว่าเห็นการกระทำของเขาที่ขยับตัวออกห่างจนชิดเกือบขอบเตียง
“นี่คุณศรันภัทร นอนปกติก็ได้นะ ฉันไม่ข่มขืนคุณหรอก”
ศรันภัทรนิ่งไม่พูดอะไร เขาพลิกตัวหันหลังให้กับเธอ แล้วพึมพำออกมาว่า “ถ้ารู้แล้วจะแต่งงานทำไม”
ถลัชนันท์มองเมื่อได้ยินเขาพูด สำหรับเธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรมากมายนักหรอก ก็แค่...
“ก็ดีกว่าขึ้นคาน” เมื่อพูดจบก็ขยับตัวลงนอนพลิกหันหลังให้อีกฝ่ายเช่นกัน ถลัชนันท์ถอนหายใจออกมาราวกับว่าการตัดสินใจนี้ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตแย่มากเท่าไหร่ ...ละมั้ง