เธอย้อนเวลากลับมาพบกับ คุณเผิง และ อาหยูตัวน้อย ความเข้าใจผิดในอดีตจะได้รับการเเก้ไขหรือไม่ ? เมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า "คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !"
รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ย้อนเวลา,เลี้ยงเด็ก,อาหยู,ดราม่า,รักวัยรุ่น,แอบรัก,สามี,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,เกิดใหม่ ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หนีรักมาพบคุณเธอย้อนเวลากลับมาพบกับ คุณเผิง และ อาหยูตัวน้อย ความเข้าใจผิดในอดีตจะได้รับการเเก้ไขหรือไม่ ? เมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า "คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !"
เป็นโอกาสจากสวรรค์หรือบทลงโทษ ที่ให้ย้อนเวลากลับมาพบเขาอีกครั้ง !
“เธอ” อกหักรักผู้ชายคนนี้แค่ครั้งเดียวก็เกินพออยู่แล้ว ซ้ำยังมาตายเพราะอุบัติเหตุเหนือคาด
แต่ทำไมต้องจะอกหักซ้ำซ้อนอีก หรือว่านี่คือความเมตตาจากสวรรค์ที่ให้วิญญาณเธอย้อนเวลามา
เพื่อพบกับ “คุณเผิง” ป๊ะป๋าสายอ่อย และ “ลูกชายตัวน้อย” ในฐานะพี่เลี้ยงเด็ก(สาวใช้)อีกครั้ง
แค่หน้าที่พี่เลี้ยงเด็กทำได้อยู่แล้ว แต่หน้าที่พี่เลี้ยง(ใจ)คุณป๊ะป๋าน่ะ เธอไม่ไหวหรอกนะ...
ก็เพราะเขาดันพูดขึ้นว่า “มาเป็นหม่าม้าของอาหยูได้ไหม ?”
เธอจะตอบเต็มปากได้อย่างไร ในเมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า
“ขอร้องนะคะ คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !”
นี่เป็นบทลงทัณฑ์จากสวรรค์หรือยังไงกัน—!?
Chapter 12
ผ่านมาสองวันแล้วที่ลฎาภาไม่ได้นั่งอยู่เฉยในบ้านเช่นเดิม หลังรับประทานอาหารมื้อเช้าช่วงสายเสร็จก็รีบจัดเก็บของใช้ส่วนตัวภายในห้องใส่กล่องไว้เพื่อสะดวกต่อการขนย้ายในอีกไม่กี่วันที่จะถึง จากนั้นช่วงบ่าย หญิงสาวจึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปหางานพาร์ตไทม์ทำ
“ขอชื่อและเบอร์ติดต่อไว้ก่อนนะคะ วันนี้ผู้จัดการร้านไม่เข้าค่ะ”
หญิงสาวยิ้มรับและรับกระดาษโน้ตมาเขียนข้อมูลลงไปก่อนจะส่งยื่นให้อีกฝ่ายแล้วเดินออกจากร้านมา วันนี้ก็เป็นเหมือนเดิมคือรอการติดต่อกลับไป
เฮ้อ...บางทีอาจจะต้องกลับไปใช้เงินเก่าที่เก็บออมมาประทังชีวิตไปก่อนช่วงที่ยังว่างงาน
“ร้านตรงนั้นก็ปิดรับสมัครพนักงานพาร์ตไทม์ ตรงนี้ก็ด้วย จะไปหาที่ไหนดีล่ะ แถวนี้ก็ถามเกือบทุกร้านแล้วด้วย”
ลฎาภาบ่นพึมพำเพียงลำพังขณะที่เดินหันมองไปยังร้านค้าด้วยสีหน้าสุดผิดหวัง ทั้งที่อุตส่าห์หาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตมาก่อนแล้วแท้ ๆ
“งานก็หายาก เงินก็ต้องใช้ กลับบ้านไปดีไหมช่วงนี้น่ะ !” ลฎาภานิ่งค้างท่าที่ยืนตะโกนพูดออกมาเสียงดังอย่างลืมตัว เธอหันมองรอบ ๆ แล้วรีบเดินออกมาโดยไวทันที แต่ทว่ามีหญิงวัยกลางคนได้เดินเข้ามาหา กล่าวทักทาย
อย่างเป็นมิตร
“หนูกำลังหางานอยู่เหรอ ?”
เธอส่งสายตามองพลางพยักหน้าตอบอย่างงุนงง
“เอ่อค่ะ แค่ชั่วคราวค่ะ”
“งั้นหนูมาทำงานกับป้าไหม...คือเจ้านายป้าจะหาคนดูแลลูกชายเขาแต่ช่วงอาทิตย์หน้าป้ากลับบ้าน เลยอยากจะหาคนมาดูแลแทน แล้วก็ทำความสะอาด รวมถึง...”
“หนูตกลงค่ะ เอ่อ...กี่วันคะ แล้วเงินรายชั่วโมง...” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงแผ่วอย่างเกรงใจ แต่ใจก็แอบหวั่นกลัวเป็นมิจฉาชีพ
“น่าจะอาทิตย์หนึ่งนะ แต่ถ้าหนูว่างช่วงนี้ป้าจะบอกให้ จะได้จ้างมาดูแลลูกชายด้วยเลย”
“จริงหรือคะ !” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและรู้สึกโชคดี
“งั้นป้าขอเบอร์หนูไว้หน่อย เดี๋ยวไว้จะโทรไปอีกทีนะ” ผ่องรำไพพูดด้วยน้ำเสียงโล่งอก ดูจากหน้าตาของหญิงสาวตรงหน้ารวมถึงนิสัยตอนที่คุยแล้วน่าจะไม่มีปัญหา อีกทั้งตอนนี้ก็ไม่มีเวลาหาคนมาดูแลเรื่องในบ้านแทนตนเองได้แล้ว
ลฎาภาไม่รอช้าที่จะบอกเบอร์ติดต่อของตนทันที จากนั้นก็คุยกันอีกเล็กน้อยแล้วแยกกันไป หญิงสาวรู้สึกใจชื้นขึ้นมาที่ไม่ต้องหยุดนั่งว่างระหว่างรอเรียกตัวทำงาน แต่เธอก็ยังไม่วางใจเพราะเจ้านายของป้าคนนั้นอาจจะไม่ตอบรับก็ได้
“วันนี้พักดีกว่า”
เธอหันมองร้านอาหารและเสียงร้องของท้องก็ประท้วงดังขึ้นจึงรีบเดินแวะซื้ออาหารมื้อเย็นเพื่อกลับไปกินที่บ้านก่อนจะขึ้นรถกลับในทันที
หลังจากกลับมาได้ไม่นานลฎาภาก็ได้รับโทรศัพท์จากป้าที่คุยเมื่อตอนบ่ายเรื่องงานพาร์ตไทม์ของเธอ รวมถึงการตกลงจ้างงานในช่วงที่เธอยังว่างตลอดหนึ่งเดือน หญิงสาวตอบรับโดยไม่ปฏิเสธทันที กว่าจะคุยกับป้าเสร็จก็เกือบครึ่งชั่วโมง รวมถึงวันที่เธอต้องเริ่มมาทำงานคืออาทิตย์ที่จะถึงนี้
เมื่อวางสายแล้ว เดินมาห้องครัวเพื่ออุ่นอาหารที่ซื้อแล้วนั่งกิน
การกินของลฎาภาใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็เก็บร้านในครัวจนเสร็จ เธอมองเวลาที่ยังพอมีอยู่จึงขึ้นไปขนของในห้องลงมาไว้ด้านล่างจนเกือบหมดแต่ก็ไม่ลืมที่จะส่งข้อความหาพี่สาวเรื่องขอยืมรถขนย้ายของใช้ออกจากบ้าน
ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่มีนัดกับเจ้านายคนใหม่สำหรับการทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กในวันแรก ช่วงเช้าลฎาภาจึงขอร้องให้พี่สาวช่วยขับรถขนย้ายของไปยังอพาร์ตเมนต์ก่อนจะแยกจากกันเพราะอีกฝ่ายบอกว่ามีธุระที่ต้องไปต่อ หากจะไปส่งเธอคงจะไปไม่ทัน
หญิงสาวลงจากรถแท็กซี่ทันทีที่จอดอยู่หน้าหมู่บ้าน คราวแรกตั้งใจจะให้ส่งถึงหน้าบ้านเลย ทว่ายามที่หน้าหมู่บ้านบอกว่า บ้านเลขที่นี้เดินไปไม่ไกลมากนักจากป้อมยาม เธอจึงตัดสินใจจ่ายเงินเเละลงจากรถในทันที
ลฎาภาเดินเข้ามาข้างในหมู่บ้าน สายตาก็สอดส่องมองบ้านเลขที่ของคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เดินผ่าน จนกระทั่งหยุดอยู่หน้าประตูรั้วสีน้ำเงิน หญิงสาวก็ก้าวเท้าเข้าไปขณะส่งสายตามองทวนเลขที่บ้านอีกครั้งก่อนจะกดกริ่ง
ไม่นานนักก็เห็นป้าผ่องรำไพเดินออกมา หญิงสาวจึงยกมือสวัสดีกล่าวทักทาย
“มาพอดีเลย ป้ากำลังจะเตรียมอาหารมื้อเย็น เสร็จก็จะไปแล้วละ” ผ่องรำไพพูดขณะที่เปิดประตูให้ลฎาภาเข้ามา
“เอ่อ…แล้วหนู” ลฎาภาทำตัวไม่ค่อยถูกเพราะว่าหน้าที่หลักของเธอนอกจากทำความสะอาดบ้านบางครั้งแทนป้าผ่องรำไพแล้วคือการเลี้ยงดูลูกชายของเจ้าของบ้าน
“เข้ามาก่อน เดี๋ยวป้าจะไปตามคุณเผิงลงมา”
“คุณเผิง ? เขาเป็นต่างชาติหรือคะ”
“ใช่จ้ะ แต่เขาพูดภาษาบ้านเราค่อนข้างชัดเลยละ” ผ่องรำไพอธิบายรายละเอียดที่หญิงสาวสงสัยให้ฟังคร่าว ๆ จนกระทั่งเดินเข้ามาในบ้าน
“เดี๋ยวหนูไปรอคุณเผิงที่ห้องรับแขกนะ”
หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปรอในห้องรับแขก ส่งสายตาสำรวจภายในบ้านอย่างวางตัวไม่ถูกจนกระทั่งเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นทางด้านหลัง
“คุณป้าเป็นใครเหรอ ?”
ลฎาภารู้สึกไม่ชอบใจกับการเรียกเธอว่า ‘คุณป้า’ เท่าไหร่ หญิงสาวปรับสีหน้าแล้วหันตัวส่งสายตามอง หยุดชะงักลงด้วยความตกใจ
“คุณป้าที่โยนบอลกลม ๆ” น้ำเสียงและใบหน้าคุ้นเคยของเจ้าตัวกลมทำให้หญิงสาวอึ้งอยู่นานแต่ก็ลดความขุ่นเคืองในใจไปได้
“เธอ…อยู่บ้านหลังนี้เหรอ ?”
เด็กชายจ้องมองด้วยสายตาไม่ไว้ใจก่อนจะขยับตัวถอยออกห่าง ลฎาภามองเห็นหนังสือในมือป้อมๆ จึงเดินเข้าไปหาก่อนย่อตัวลงตรงหน้า
“อ่านให้ฟังไหม ?”
เด็กชายมองแล้วพูดขึ้น “อาหยูอ่านออก”
ว่าแล้วก็เดินไปนั่งบนโซฟาแล้วเปิดหนังสืออ่าน ลฎาภามองพลางถอนหายใจออกมาแต่ก็หลุดหัวเราะ เพราะเจ้าตัวกลมเอาแต่จ้องหน้าหนังสือตาเขม้นราวกับว่าพยายามสะกดอ่านให้ออก
“อ่านให้ฟังไหม ?” ลฎาภาถามอีกครั้ง มองเด็กน้อยด้วยความเอ็นดูแก้มป่องทั้งสองข้างนั้นน่าขยี้จริง ๆ
“อาหยูอ่านออกนะ แต่ง่วงนอนแล้ว” เด็กชายพูดขึ้นก่อนจะค่อย ๆ ยื่นหนังสือในมือให้กับหญิงสาวตรงหน้า ด้วยความที่ชอบเด็กคนนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มาเจออีกครั้งจึงรู้สึกเอ็นดูมากขึ้น ถึงนิสัยออกจะแปลกไปสักหน่อย
เด็กชายมองอย่างไม่ไว้ใจเช่นเดิมแม้อีกฝ่ายจะหยิบหนังสือมาแล้วเปิดอ่านให้ฟังก็ตาม...
ลฎาภาถอนหายใจหลังอ่านไปได้ครึ่งเรื่อง พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าเจ้าตัวกลมนอนหลับสนิทอยู่บนโซฟาเสียแล้ว
ก็เด็กนี่เนอะ…
หญิงสาวยิ้มเเละมองเด็กชายด้วยความเอ็นดู แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าพ่อของเด็กนั้นเป็นใคร หน้าตาเป็นอย่างไร…ทำไมถึงมีลูกน่ารักขนาดนี้
ลฎาภาขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟา บิดคลายเมื่อยหลังจากนั่งอยู่นาน นี่ก็เกือบชั่วโมงแล้วแต่ผู้จ้างของเธอก็ไม่มาสักที ครั้นหันไปขณะขยับร่างกายก็ต้องนิ่งตาค้างด้วยความตกใจ
เป็นไปไม่ได้ ! เขาคือ...คุณเผิงงั้นเหรอ ? ผู้ชายคนนั้นที่ทักเธอตอนเข้าห้องน้ำผิดในงานแต่งงานของพี่สาว ลฎาภามองอึ้งอยู่นานก่อนยกมือขึ้นตบใบหน้าตนเองสองสามครั้งเพราะคิดว่าคงจะตาลายเป็นแน่
“ปฏิเสธตอนนี้ทันไหมเนี่ยไอ้จอม” หญิงสาวบ่นพึมพำกับตนเองก่อนจะหันมองชายหนุ่มอีกครั้ง
อวิ่นเยว่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแม้จะรู้สึกตกใจอยู่ก็ตาม แน่นอนว่าจำเธอได้เคยพบกันถึงสองครั้ง
เขาเดินเข้ามานั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก
“ป๊ะป๋า…” เจ้าตัวกลมปรือตาขึ้นก่อนขยับตัวนั่ง
หญิงสาวอยากจะมุดลงดินในทันที หากไม่ติดที่ว่าชอบเด็กคนนี้อยากเล่นด้วยแล้วละก็จะรีบปฏิเสธงานนี้เสีย อายที่ต้องเจอหน้ากันทุกวัน
“นั่งลงก่อนสิ”
“เอ่อค่ะ…นี่เอกสารที่ต้องใช้ค่ะ” ลฎาภาวางซองสีน้ำตาลลงบนโต๊ะขณะที่นั่งโซฟาอยู่ข้าง ๆ เธอไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายเพราะรู้สึกอาย ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะต้องกลับมาเจอกันอีกครั้ง ทั้งยังเป็นเจ้านายชั่วคราวอีก
อวิ่นเยว่เอื้อมมือหยิบขึ้นและเปิดดูก่อนเก็บใส่ซองและลุกขึ้นยืน เดินจากไปทันทีทิ้งให้หญิงสาวมองอย่างงุนงง โดยที่เขาไม่ได้พูดอะไร
ลฎาภาลุกขึ้นเดินออกจากห้องรับแขกเพื่อกวาดสายตาหาป้าผ่องรำไพก่อนจะเดินเข้าไปหา
“ป้าคะ ให้หนูช่วยไหมคะ ?”
ผ่องรำไพที่กำลังยกถาดของว่างเดินเข้ามาหาและส่งยื่นให้
“งั้นป้ารบกวนหนูยกไปให้คุณเผิงหน่อยนะ อยู่ที่ชั้นสอง เดินขึ้นไปแล้วเลี้ยวขวาห้องริมสุด”
หญิงสาวพยักหน้ารับขณะเอื้อมมือรับถาดมา ก่อนจะเดินขึ้นบันไดชั้นสองไปตามทางที่ถูกบอกมา เธอเคาะประตูสองสามครั้งแต่ไม่มีการขานรับจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้อง