มีตำนานเล่าขาน ถึงคัมภีร์ต้องห้าม หากประสงค์สิ่งที่ปราถนาเจ้าจะได้ทุกอย่างบนโลก แลกกับการสวดคาถาเปิดประตูนรก เมื่อนั้นร่างคนตายจะฟื้นคืน และทุกสิ่งจะมืดมิดไม่เว้นแม้แต่...จันทรา ตราบชั่วอนันตกาล
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,ชาย-หญิง,ดาร์ค,เลือดสาด,แฟนตาซี,สยองขวัญ,ระทึกขวัญ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จันทร์ดับมีตำนานเล่าขาน ถึงคัมภีร์ต้องห้าม หากประสงค์สิ่งที่ปราถนาเจ้าจะได้ทุกอย่างบนโลก แลกกับการสวดคาถาเปิดประตูนรก เมื่อนั้นร่างคนตายจะฟื้นคืน และทุกสิ่งจะมืดมิดไม่เว้นแม้แต่...จันทรา ตราบชั่วอนันตกาล
วิน เชฟอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ ย่านรังสิต ต้องเจอกับเหตุการณ์ประหลาดที่ตัวเขาเองก็ไม่อาจเข้าใจได้
คนตาย คนที่ตายไปแล้ว กลับลุกขึ้นมามีชีวิต วัตถุประสงค์ของพวกมันคือการฆ่า
เขาและผู้รอดชีวิตคนอื่น จะเอาชีวิตรอดอย่างไร ในโลกที่กำลังจะกลายเป็น นรกภูมิ
รังสิตมันร้าย
ปวดเมื่อยไปหมด!!!
วิน ได้แค่คิด เขาขยับขาที่ยืนอยู่กับที่มานานกว่าสองชั่วโมงโยกไปมา มันซ่าๆ ซู่ๆ คันๆ กับอาการเหน็บชา ที่น่าจะชินชาได้แล้ว
กว่าลูกค้าในร้านจะหมด ก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม แล้วกว่าจะเก็บของขึ้นห้อง อย่างเร็วที่สุด คงปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่ม
ลูกค้ากลุ่มสุดท้ายเดินออกไปจากร้าน เขาได้ยินเสียงล้างจานอยู่ห้องด้านใน เพื่อนของเขา “ไอ้โก” คงกำลังเตรียมเก็บของแบบความเร็วติดสปีด เพราะวันนี้พวกเรามีนัดเล่นเกมส์ออนไลน์ กับแก็งค์เพื่อนในโลกโซเชียล
และวันนี้ก็เป็นวันที่เหล่านักรบฆ่าซอมบี้อย่างพวกเรา จะพ่ายแพ้ไม่ได้เด็ดขาด
(หมายถึง ในเกมส์นะครับ)
ในชีวิตจริง พวกเรามันก็แค่ ลูกจ้างร้านอาหารญี่ปุ่นย่านรังสิต ที่ต้องอาศัยนายจ้างหัวโล้น โล้นแค่ส่วนตรงกลางหัว แถมขี้โมโหระดับหมาพันธุ์ดุ
วินอยู่อาศัยบนชั้นสี่ของอาคารพาณิชย์ ที่ตั้งอยู่ปากซอยมหาลัยเอกชนชื่อดัง
ทั้งสอง เป็นชายอายุเกือบสามสิบ ที่คนที่พบเห็น มักจะสรุปและเรียกว่า
‘พวกเรา เป็นพวกคนที่มองไม่ค่อยเห็นอนาคตเท่าไหร่’
วิน เคยมีแรงบันดานใจ ว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นเชฟระดับโลกให้ได้ เขาฝึกแล่ปลามากว่าร้อยชนิด และสุดท้าย วินกับเพื่อนก็ต้องติดแหงกอยู่ที่นี่
มันอาจจะมีบางครั้งที่เขาก็ถามตัวเองว่า จะอยู่ให้ไอ้โล้นกดหัวอยู่ทำไมตั้งหลายปี แต่คำตอบก็คือ เงิน
เงินดีที่สุดแล้ว และเขาไม่อยากดิ้นรนไปเริ่มต้นใหม่
แบบว่า... ใจมันยังไม่พร้อม
“เมื่อกี้เห็นไหม สะบึ้มๆๆ” ไอ้โล้นเจ้าของร้านเดินมา ทำท่าเอามือจับหน้าอกตัวเอง แผดเสียงที่กลั้วด้วยอารมณ์หื่นปนกับน้ำลายในลำคอของมัน
มันหมายถึง นักศึกษาหน้าตาดี สองสามคน ลูกค้ากลุ่มสุดท้ายที่เพิ่งออกไป
ขนาดว่า วินเป็นผู้ชาย เขายังรู้สึกอยากจะอ๊วกเลย ไม่อยากนึกสภาพสาวๆ ต้องมาได้ยินมันพูดแบบนี้
“ครับ” วินตอบไป ฝืนยิ้มแบบหื่นๆ ตามมัน
“รังสิตมันร้ายยยย ขอเบอร์ไว้โหน่ยได้ไหมมมม เห็นน้องแล้วทนไม่ไหว ให้พี่ไปส่งได้ไหมมมม” เจ้าของร้านร้องเพลง พลางโยกหน้าโยกหลัง ตามสไตล์ของคนเมากรึ่มๆ
วันนี้ไอ้โล้นมันอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะยอดขายทะลุเป้า
ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะร้านอาหารย่านนี้ ปิดกันไปเป็นอาทิตย์แล้ว ผู้คนทยอยกลับบ้านต่างจังหวัด คงเหลือแต่คนที่จำเป็นต้องอยู่ และก็มีร้านเรา เปิดแค่ร้านเดียว
ที่คนหายไปหมด เพราะข่าวที่ออกประกาศเตือน ว่าปรากฎการณ์สภาพอากาศแปรปรวนที่เกิดขึ้น กำลังทวีความรุนแรง
ฝนตกหนักสลับกับความร้อนอบอ้าว กลางคืนเริ่มยาวนานกว่ากลางวัน ห้าโมงเย็นเหมือนหนึ่งทุ่ม
แถมพอพระอาทิตย์ตก อากาศจะเริ่มหนาวยะเยือกขึ้นทันที...
วินกับโก คุยกันว่า บางทีโลกอาจกำลังจะแตก และเราก็คิดว่า ถ้าหากเป็นอย่างนั้น พวกเราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากมาย
ชีวิตที่ไม่มีบ้านให้กลับอย่างพวกเรา คงสบายใจกว่าคนที่มีภาระผูกพัน
“อย่างนั้น เก็บร้านให้เรียบร้อยนะ เดี๋ยวผมขึ้นบ้านแล้ว” เจ้าของร้านเอ่ย เป็นประโยคปิดงานในทุกวัน ก่อนที่จะย้ายร่างขึ้นชั้นสอง ห้องสุดหรูหรือวิมานสำหรับคนวิตถาร
โก เดินออกมาจากหลังครัว เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูของเจ้าของร้าน เขาเป็นคนตัวสูงปรี๊ด น่าจะ190เซ็นได้ โกรกผมทองจนชินตา
เมื่อเห็นว่าจังหวะเหมาะ เขาก็หยิบบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาอัดเข้าปอด พิงเค้าเตอร์บาร์
“เดี๋ยวแม่งก็ลงมาเห็นหรอก ออกไปดูดนอกร้านไป” วินเอ่ยกับโก พลางทำความสะอาดเค้าเตอร์ครัวไปด้วย
“มันไม่ลงมาแล้ว ข้อเข่ามันเสื่อมแล้วมึงไม่เห็นเหรอ ไม่งั้นคงไม่ย้ายห้องลงมานอนชั้นสองหรอก”
“โคตรโรคจิตเลย เมื่อกี้มันถามว่าเห็นลูกค้านักศึกษาที่เข้ามาไหม มันไปมองนมเค้า น้องเค้าคงรู้ตัว เลยไม่นั่งที่ร้านกันต่อ”
โกหัวเราะ
“ลูกค้าจะหายไป เพราะแม่งหื่นจัดนี่แหละ”
วิน เอามีดมาลับ มันเป็นมีดยาวที่ใช้โชว์หั่นปลา เขารู้สึกว่าตัวเอง เหมือนพวกซามูไร ทุกครั้งที่ได้จับ มันเป็นงานขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ที่เขาจะทำในวันนี้
“มีดคมขนาดไหนไม่ต้องพูดถึง เล่นลับทุกวันแบบนี้” โกพ่นควันบุหรี่ฟุ้งชั้นล่าง มองเพื่อนที่ยืนลับมีดแบบเท่ห์ๆ อยู่ที่เค้าเตอร์บาร์
“ตัดขาดได้แม้กระทั่งเหล็กกล้า” วินเอ่ยพลางหัวเราะ กับเพื่อน
จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่ประตูหน้าร้าน เสียงเคาะกระจกประตูร้าน ดังมาก คนข้างนอกทุบกระจกแบบไม่ยั้ง
“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย” โกและวิน วิ่งไปดู พี่อร ช่างตัดผมที่อยู่กลางซอยที่เขาเคยรู้จัก ตอนนี้หล่อนเหมือนคนบ้า ผมเผ้ากระเซิง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกลัวสุดขีด
มองไปด้านหลัง มีชายแก่วิ่งตามมาอย่างบ้าคลั่ง
วิน รีบเปิดล็อกประตู ก่อนจะดึงตัวพี่อรเข้ามา ก่อนที่ตาแก่นั่นจะตามมาถึง
“มีเรื่องกันหรอ” วินถาม พี่ช่างทำผม
หล่อนส่ายหน้าอย่างตกใจ ไม่รู้จะอธิบายยังไง
ชายแก่ตามมาถึงหน้าร้าน ร่างนั้นพยายามทุบประตู ดวงตาไร้แวว แต่จ้องเขม็งมายังคนที่อยู่หลังประตูอย่างประทุษร้าย
“พี่จะไปมีเรื่องกับแกได้ยังไง นั่นคนตายไปแล้วนะวิน” พี่อรปากสั่น ด้วยความหวาดกลัวระคนความตกใจ
“ว่าไงนะ” โก แทบสำลักควันบุหรี่ไฟฟ้าที่เพิ่งอัดเข้าไปเต็มปอด
“แกตายไปสามวันแล้ว พี่เพิ่งไปงานสวดมา จู่ๆ แกก็เดินลุกออกมาจากโลง”
ทั้งสามยืนค้างด้วยความตกใจ จะเป็นไปได้อย่างไร ที่คนตายจะฟื้นขึ้นมาไล่ คนเป็นแบบนี้
ไม่ทันไร เจ้าของร้านก็เดินลงมา พร้อมกับชุดคลุมอาบน้ำลายคิตตี้ของเขา และแผดเสียงด่าไอ้โก ก่อนคนแรก ที่กล้ามาดูดบุหรี่ในร้านอย่างไม่เกรงกลัวกฎที่เขาวางไว้
“บอกไม่ให้มาดูดบุหรี่ในร้านไง ไม่เข้าใจรึไง อยากโดนไล่ออกเหรอ"
แต่เมื่อเจ้าของร้าน หันไปเห็นพี่อร เจ้าของร้านทำผมสุดสวย อยู่ในร้านด้วยก็ลดเสียงลงทันที
“อ้าวคุณอร เกิดอะไรขึ้นครับ”
อรหน้าซีด บอกกับเจ้าของร้าน
“ฉันโดนไล่ทำร้ายมาค่ะ”
เจ้าของร้าน มองออกไปที่ประตู เห็นเป็นตาแก่ ท่าทางไม่สมประกอบ พยายามที่จะพังประตูเข้ามา
เขาก็อยากจะโชว์แมน เขาทำท่าจะเปิดประตู
“อย่าดีกว่านะครับ” วินเอ่ย กับเจ้าของร้าน
“พวกแกมันกระจอกชิบหาย คนแก่ๆ มันจะไปมีแรงสู้อะไรวะ” เขากระซิบวิน ก่อนจะเดินไปหยิบไขควงขนาดใหญ่มาไว้ในมือ
วิน โก และอร ถอยหลังกรูเข้ามาในร้าน เมื่อเห็นว่า เจ้าของร้านต้องการที่จะปะทะ กับคนตายไปแล้วอย่างกล้าหาญ
เมื่อประตูเปิดออก ไม่ทันที่เจ้าของร้านจะได้ง้างด้ามไขควง
ร่างตาแก่ก็กระโจนใส่เจ้าของร้าน ราวกับสัตว์ป่า!!!!
อรกรี๊ดลั่นจนเกือบหมดสติ ส่วนวินและโก ยืนตัวแข็งราวกับโดนสาป
เจ้าของร้านร้องโหยหวน ก่อนจะสิ้นใจในเวลาไม่กี่นาที ของหมักหมมในพุง ไหลออกมากองพร้อมกับไส้ยาวๆ เคลือบไปด้วยสีแดงฉาน เหมือนเยลลี่หลากรูปทรง ออนท็อปด้วยแยมสตอเบอรรี่เงาวิบวับ
“เชี้ยอะไรวะเนี่ยยยย!!!”
วินพึมพำ…
สติหลุดลอย…