ในโลกที่ความมืดครอบงำหัวใจ การต่อสู้เพื่อแสงสว่างกลับกลายเป็นศัตรูที่แท้จริง เมื่อตัวเลือกคือความรักหรือความแค้น ทางไหนจะนำพาสู่จุดจบ?

The Light and Shadow : เงาทมิฬ - บทที่ 1 การกลับมา โดย RainyStarSea @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ตะวันตก,รักโรแมนติก,ชายหญิง,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The Light and Shadow : เงาทมิฬ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักโรแมนติก,ชายหญิง,ดราม่า,แฟนตาซี

รายละเอียด

The Light and Shadow : เงาทมิฬ โดย RainyStarSea @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ในโลกที่ความมืดครอบงำหัวใจ การต่อสู้เพื่อแสงสว่างกลับกลายเป็นศัตรูที่แท้จริง เมื่อตัวเลือกคือความรักหรือความแค้น ทางไหนจะนำพาสู่จุดจบ?

ผู้แต่ง

RainyStarSea

เรื่องย่อ

สารบัญ

The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทนำ ค่ำคืนแห่งการล้างแค้น,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 1 การกลับมา,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 2 ป่าต้องห้าม,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 3 ความจริงที่ซ่อนอยู่,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 4 สายสัมพันธ์ที่รัดรึง,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 5 ทะเลมรกต,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 6 ทุ่งละเมอ,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 7 กองทัพแห่งราชันย์,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 8 การเผชิญหน้าครั้งแรก,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 9 ความแข็งแกร่งจากภายใน (ติดเหรียญ 17/07/67 เวลา 00.30น.) มีอีบุ๊คแล้วค่ะ,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 10 การต่อสู้ครั้งสุดท้าย (ติดเหรียญ 17/07/67 เวลา 00.30น. มีอีบุ๊คแล้วค่ะ),The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทส่งท้าย เงาที่เหลืออยู่ (ติดเหรียญ 17/07/67 เวลา 00.30น. มีอีบุ๊คแล้วค่ะ ตอนพิเศษขอไม่ลงให้อ่านในนี้นะคะ

เนื้อหา

บทที่ 1 การกลับมา


ไรอัน อีวานส์ยืนอยู่บนยอดเขาสูงที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอาณาจักรเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน ลมเย็นที่พัดผ่านพาเอากลิ่นอายของความทรงจำเก่าๆ กลับมาหาเขา ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของเขาแฝงด้วยความโศกเศร้าและความหนักอึ้งที่ไม่สามารถลบเลือนออกจากหัวใจได้ แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ภาพในอดีตยังคงตามหลอกหลอนเขาอยู่เสมอ

ไรอันใช้เวลาหลายปีในการเดินทางไกลหนีจากเงามืดของอดีต เขาเดินทางไปยังที่ที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครตามหา แต่ไม่ว่าเขาจะไปไกลแค่ไหน เขาก็ไม่อาจหนีจากความรู้สึกผิดในใจได้ เมื่อข่าวลือเกี่ยวกับการทำลายล้างหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของเขามาถึงหู ไรอันรู้ทันทีว่าเขาไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป

“ลูเซียส...”

ไรอันเอ่ยชื่อของเพื่อนสนิทที่กลายเป็นศัตรูออกมาเบาๆ

คำพูดนั้นเหมือนกับการเรียกวิญญาณที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้ดีว่าการกลับมาครั้งนี้ไม่เพียงแค่การสืบหาความจริงเกี่ยวกับหมู่บ้านที่ถูกทำลายเท่านั้น แต่มันยังเป็นการเผชิญหน้ากับลูเซียส คนที่เขาเคยเชื่อใจและรักเหมือนพี่น้อง

ความคิดของเขาเต็มไปด้วยคำถาม เหตุใดลูเซียสถึงได้กลายเป็นคนที่โหดร้ายเช่นนี้? เขาเคยเป็นคนดี เป็นคนที่มีความกล้าหาญและความยุติธรรม แต่ความมืดที่เข้ามาครอบงำจิตใจของเขาได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ไรอันรู้ดีว่าการหาคำตอบเหล่านี้อาจนำพาเขาไปสู่ความเสี่ยง แต่เขาก็พร้อมที่จะเผชิญกับมัน

ไรอันเริ่มเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านที่ถูกทำลาย ดินที่เขาเหยียบย่ำยังคงมีร่องรอยของเถ้าถ่านจากกองไฟที่ลุกลามไปทั่วทุกหนแห่ง เศษซากของบ้านเรือนที่ถูกเผาเหลือเพียงแค่โครงไม้ที่พังทลายไปแล้ว เขาเดินผ่านถนนที่เคยเต็มไปด้วยชีวิตชีวา บัดนี้กลับกลายเป็นถนนที่ไร้ผู้คน ไร้เสียงหัวเราะและเสียงสนทนาที่เคยคุ้นเคย

เมื่อเดินลึกเข้าไปในหมู่บ้าน ไรอันก็พบกับสิ่งที่ทำให้หัวใจของเขาหนักอึ้งยิ่งขึ้นไปอีก ศพของชาวบ้านที่นอนเรียงรายอยู่บนพื้น แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้น ไรอันคุกเข่าลงข้างๆ ศพหนึ่ง ใช้มือสัมผัสที่ดินรอบๆ ศพ น้ำตาที่เขาพยายามกลั้นไว้ไหลลงมาอย่างช้าๆ แม้จะไม่เคยรู้จักชาวบ้านเหล่านี้ แต่เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดและการสูญเสียของพวกเขาอย่างลึกซึ้ง

“ข้าจะหยุดเจ้าให้ได้ ลูเซียส”

ไรอันพึมพำออกมา

ไรอันลุกขึ้นยืนหลังจากดูศพของชาวบ้านคนหนึ่ง หัวใจของเขาหนักอึ้งด้วยความเศร้าและความสิ้นหวัง เขาก้าวเดินต่อไปโดยไม่มีคำพูดใดๆ ริมฝีปากของเขาเม้มแน่น ความเงียบสงบที่แผ่ซ่านไปรอบๆ หมู่บ้านทำให้บรรยากาศยิ่งน่าหวาดหวั่น ทุกย่างก้าวของเขารู้สึกราวกับกำลังเดินผ่านฝันร้ายที่ไม่สิ้นสุด

เมื่อไรอันเดินไปถึงบ้านของตน เขาก็หยุดชะงักตรงหน้าประตูบ้าน บ้านที่เขาเคยอยู่ บ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันแสนสุข ดอกไม้สีม่วงที่เคยชูช่อเล็กๆสดสวยอยู่ในแปลงริมรั้วบ้าน เวลานี้เหี่ยวเฉา และมีรอยช้ำดำๆปรากฎเต็มไปหมด เมื่อเดินเข้าไปในตัวบ้านกลับมีแต่ความเงียบและความว่างเปล่า เสียงหวีดหวิวของลมพัดผ่านใบหูที่เย็นเฉียบความเย็นยะเยือกของความตายแผ่ซ่านไปทั่วพื้นที่ เหลือไว้เพียงความโศกเศร้าที่ไม่มีวันลืม

ไรอันเปิดประตูเข้าไปช้าๆ เสียงบานประตูที่เปิดออกดังเอี๊ยดอ๊าดราวกับกำลังร้องคร่ำครวญ ทุกอย่างภายในบ้านเงียบสงัด ในตอนนี้เขาได้ยินเพียงเสียงรองเท้าบู๊ตของตัวเอง ไรอันมองไปรอบๆ ห้องโถงใหญ่ที่เคยอบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แต่ตอนนี้กลับมีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านช่องหน้าต่างแตกและกลิ่นอายของความตายที่ยังคงหลงเหลือ

 เขาเดินไปยังห้องหนึ่งที่อยู่ลึกที่สุดในบ้าน หัวใจของเขาเต้นรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ ราวกับลางบอกเหตุถึงสิ่งที่เขากำลังจะพบ เมื่อเข้าไปในห้องนั้น ภาพที่ปรากฏต่อหน้าทำให้หัวใจของเขาแตกสลาย ร่างของพ่อแม่และน้องสาวของเขานอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เลือดที่แห้งกรังสร้างรอยเปื้อนบนพื้นไม้ เผยให้เห็นถึงการต่อสู้และการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของพวกเขา

ไรอันทรุดตัวลงกับพื้นข้างๆ ร่างไร้ชีวิตของครอบครัว น้ำตาที่เขาพยายามกลั้นไว้อีกครั้งกลับไหลออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง มือของเขาสั่นเทาเมื่อเขายื่นออกไปแตะมือของแม่ที่เย็นเฉียบ เขาจับมือของแม่ไว้แน่นราวกับพยายามจะเรียกเธอกลับมา แม้ว่าในใจลึกๆ เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้

“ข้าขอโทษ...” เสียงของไรอันเบาและแหบพร่า ราวกับจะขาดใจ “ข้าควรจะอยู่ที่นี่... ข้าควรจะปกป้องพวกท่าน... แต่ข้ากลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย...”ความรู้สึกผิดและความสิ้นหวังท่วมท้นจิตใจของเขา หยดน้ำใสๆไหลหยดลงบนมือเย็นชืดของแม่ ไรอันกลั้นสะอื้นและเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆเขาบรรจงเอาผ้าเช็ดหน้าสีขาวของตัวเองเช็ดบนมือแม่อย่างแผ่วเบา เขาไม่สามารถหยุดความคิดที่ว่าถ้าเขาอยู่ที่นี่ บางทีสิ่งนี้อาจไม่เกิดขึ้น การสูญเสียที่เจ็บปวดครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจถูกมือที่มองไม่เห็นบีบเค้น ความโกรธที่เคยมีต่อชะตากรรมและความแค้นที่เขามีต่อลูเซียสเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาในใจ

แต่ขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกถึงความอ่อนล้าและความสิ้นหวังที่แทบจะทำให้เขายอมแพ้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยรู้จัก ทุกคนที่เขาเคยรัก ถูกทำลายลงอย่างไร้ความปรานี ลูเซียส ไนท์ฟอลคนที่เคยเป็นเพื่อนรัก คนที่เขาเคยเชื่อมั่น ตอนนี้กลายเป็นศัตรูที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา

ไรอันกอดร่างของแม่ไว้แนบอก ร่างที่เคยอบอุ่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ตอนนี้กลับเย็นชืดและไร้วิญญาณ น้ำตาของเขาไหลลงมารวมกับเลือดที่แห้งกรังบนพื้น เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายได้ ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงลงไปในจิตวิญญาณของเขา“ข้าสัญญา...” ไรอันพูดเบาๆ ขณะที่เขาวางร่างของแม่กลับลงไปอย่างอ่อนโยน “ข้าจะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับใครอีก ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งลูเซียส... ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”

แม้เสียงของเขาจะแผ่วเบา แต่ความมุ่งมั่นในใจกลับแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไรอันลุกขึ้นยืน และเริ่มค้นหาผู้รอดชีวิตหรือเบาะแสที่จะนำเขาไปสู่ลูเซียส

ขณะที่ไรอันกำลังสำรวจหมู่บ้านอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวเบาๆ มาจากซากปรักหักพังทางซ้ายมือ เขาเงยหน้าขึ้นและมองเห็นเงาร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังพยายามขยับออกมาจากใต้ซากไม้ที่ถล่มทับอยู่ เธอมีผมยาวสีทองอ่อนที่เลอะเทอะด้วยฝุ่นและดิน ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ก็ไม่อาจปิดบังความงดงามของเธอได้ สองแขนบอบบางสั่นระริกขณะพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น ร่างกายของเธอบาดเจ็บและอ่อนล้า

ไรอันรีบเข้าไปช่วยหญิงสาวคนนั้นทันที เขายกซากไม้ออกและค่อยๆ พยุงเธอลุกขึ้นยืน หญิงสาวมองมาที่เขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความหวาดกลัว แต่ไรอันก็สังเกตเห็นประกายของความมุ่งมั่นในดวงตาสีเขียวมรกตของเธอ

“ขอบคุณ” หญิงสาวพูดด้วยเสียงแผ่วเบา

“คุณ...เป็นใคร?”

ข้าชื่อไรอัน” เขาตอบอย่างสั้นๆ

“ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาคนคนหนึ่ง”

“คุณกำลังตามหา...ลูเซียสใช่ไหม?” หญิงสาวถามขึ้นทันที

แม้เสียงของเธอจะสั่นไหวแต่ก็เต็มไปด้วยความโกรธ “เขาคือคนที่ทำลายหมู่บ้านนี้ เขาคือคนที่ฆ่าครอบครัวของฉัน”

ไรอันรู้สึกถึงความเจ็บปวดในคำพูดของเธอ เขาไม่อยากยอมรับว่าลูเซียสคือผู้กระทำผิด แต่เขารู้ดีว่าหลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่อดีตเพื่อนของเขา

“ใช่ ข้ากำลังตามหาเขา ข้ารู้ว่าเขาคือคนที่ทำเรื่องเลวร้ายนี้และข้าต้องการหยุดเขา”

หญิงสาวมองไรอันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและความโกรธ

“ข้าชื่อลีอา ถ้าท่านต้องการหยุดลูเซียส ข้าจะช่วยด้วย ข้าไม่ปล่อยให้เขาหนีรอดไปได้แน่”

ไรอันพยักหน้าเบาๆ แม้จะยังไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถปกป้องเธอและหยุดยั้งลูเซียสได้หรือไม่ แต่เขารู้ว่าเขาไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้เพียงลำพัง

“ตกลง เราจะร่วมมือกัน”

ทันใดนั้น ไรอันและลีอาก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ที่แว่วมาจากซากปรักหักพังใกล้เคียง ทั้งสองคนหันไปทางต้นเสียง และเมื่อไรอันเดินเข้าไปใกล้ เขาก็พบกับเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังกองไม้ เธอดูเหมือนอายุประมาณ 7 ขวบ ผมสีน้ำตาลอ่อนที่เคยเรียบร้อยบัดนี้กลับยุ่งเหยิง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและฝุ่นดิน แต่ดวงตาสีฟ้าของเธอที่คล้ายคลึงกับของไรอันกลับเปล่งประกายด้วยความหวาดกลัวและความไร้เดียงสา

“ไม่ต้องกลัวนะ” ไรอันพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

“ข้ามาช่วยเจ้า”

เด็กหญิงมองไรอันด้วยสายตาที่ไม่แน่ใจ แต่เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่เป็นมิตรของเขา เธอก็ยอมให้เขาเข้าใกล้ ไรอันย่อตัวลงและยื่นมือให้เธอ

“ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า ข้าและพี่สาวคนนี้จะพาเจ้าไปที่ปลอดภัย” ลีอาเข้ามาช่วยปลอบโยนเด็กหญิงด้วย

”พวกเราจะดูแลเจ้า เจ้าไม่ต้องกลัวอีกแล้ว”

เด็กหญิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยอมยื่นมือเล็กๆ ของเธอไปจับมือไรอัน เขายกเธอขึ้นมาอย่างนุ่มนวล แล้วพาเธอออกมาจากซากปรักหักพัง ลีอาหยิบเสื้อคลุมของเธอมาคลุมให้เด็กหญิงเพื่อปกป้องเธอจากลมหนาว

“ข้าชื่ออาเรียน่า” เด็กหญิงพูดเสียงแผ่วเบา

ขณะที่เธอจับเสื้อคลุมของลีอาไว้แน่น

“ข้ากลัว... ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว”

“ไม่เป็นไรนะ อาเรียน่า” ไรอันปลอบเธอ

“พวกเราจะไม่ทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ พวกเราจะพาเจ้าไปที่ปลอดภัย”

อาเรียน่าซบหน้าลงกับไหล่ของไรอันอย่างอ่อนแรง เสียงสะอื้นค่อยๆ เบาลงเมื่อเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและความปลอดภัยในอ้อมกอดของเขา

ไรอันรู้สึกถึงความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น เด็กคนนี้สูญเสียทุกอย่างไปในพริบตา และตอนนี้เธอมีเพียงพวกเขาสองคนที่จะปกป้องเธอ

ลีอามองดูเด็กหญิงที่หลับใหลไปในอ้อมกอดของไรอันด้วยความรู้สึกปะปนกัน เธอรู้สึกเห็นใจและเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับอาเรียน่า

แต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นในตัวเองที่จะทำทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งลูเซียส เธอไม่อาจปล่อยให้คนอื่นต้องสูญเสียอย่างที่เธอและอาเรียน่าเคยประสบมา

“เราควรจะรีบออกจากที่นี่ก่อนที่ลูเซียสหรือคนของเขาจะกลับมา” ลีอากล่าวเสียงเบา

เธอจับตาดูรอบๆ หมู่บ้านที่ยังคงเต็มไปด้วยเงามืดที่น่าสะพรึงกลัว