ในโลกที่ความมืดครอบงำหัวใจ การต่อสู้เพื่อแสงสว่างกลับกลายเป็นศัตรูที่แท้จริง เมื่อตัวเลือกคือความรักหรือความแค้น ทางไหนจะนำพาสู่จุดจบ?

The Light and Shadow : เงาทมิฬ - บทที่ 2 ป่าต้องห้าม โดย RainyStarSea @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ตะวันตก,รักโรแมนติก,ชายหญิง,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The Light and Shadow : เงาทมิฬ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักโรแมนติก,ชายหญิง,ดราม่า,แฟนตาซี

รายละเอียด

The Light and Shadow : เงาทมิฬ โดย RainyStarSea @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ในโลกที่ความมืดครอบงำหัวใจ การต่อสู้เพื่อแสงสว่างกลับกลายเป็นศัตรูที่แท้จริง เมื่อตัวเลือกคือความรักหรือความแค้น ทางไหนจะนำพาสู่จุดจบ?

ผู้แต่ง

RainyStarSea

เรื่องย่อ

สารบัญ

The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทนำ ค่ำคืนแห่งการล้างแค้น,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 1 การกลับมา,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 2 ป่าต้องห้าม,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 3 ความจริงที่ซ่อนอยู่,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 4 สายสัมพันธ์ที่รัดรึง,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 5 ทะเลมรกต,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 6 ทุ่งละเมอ,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 7 กองทัพแห่งราชันย์,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 8 การเผชิญหน้าครั้งแรก,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 9 ความแข็งแกร่งจากภายใน (ติดเหรียญ 17/07/67 เวลา 00.30น.) มีอีบุ๊คแล้วค่ะ,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 10 การต่อสู้ครั้งสุดท้าย (ติดเหรียญ 17/07/67 เวลา 00.30น. มีอีบุ๊คแล้วค่ะ),The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทส่งท้าย เงาที่เหลืออยู่ (ติดเหรียญ 17/07/67 เวลา 00.30น. มีอีบุ๊คแล้วค่ะ ตอนพิเศษขอไม่ลงให้อ่านในนี้นะคะ

เนื้อหา

บทที่ 2 ป่าต้องห้าม


หลังออกจากหมู่บ้านมา พวกเขาทั้งสามเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย เพียงหวังให้ออกห่างจากหมู่บ้านให้ไกลเท่าไหร่ยิ่งดี พวกเขายิ่งเดินยิ่งเห็นต้นไม้เบียดชิดกันแน่นขนัดมากขึ้น จนตอนนี้แทบจะมองไม่เห็นแสงอาทิตย์แล้ว ดูคล้ายกับว่าเป็นเวลาพลบค่ำ มากกว่าจะเป็นยามกลางวัน ไรอันและลีอากับอาเรียน่าเดินลึกเข้าไปในป่าต้องห้ามโดยไม่รู้ตัว อากาศรอบตัวเริ่มเปลี่ยนแปลงไป กลิ่นดินหอมเข้าจมูก ความชื้นแฉะของพื้นดินทำให้พวกเขาต้องเดินอย่างระมัดระวังมากขึ้น

เมื่อก้าวเข้าสู่พื้นที่ที่มีแต่ความมืดครึ้ม เสียงของธรรมชาติที่เคยสดใสกลับเงียบงัน ราวกับว่าป่าทั้งป่าอยู่ภายใต้อำนาจของสิ่งลี้ลับ ดินที่พวกเขาเหยียบย่ำเย็นชืด บนพื้นมีรากไม้อยู่มากมายมองเผินๆเหมือนงูที่เลื้อยพันกันไปมา สอดสลับทับกันป่ายขวาป่ายซ้าย

”ป่านี้ไม่เหมือนที่ใดๆ ที่ข้าเคยเห็นมา” ลีอาพูดขึ้น เธอเหลียวมองไปรอบตัว อย่างระแวดระวัง

“ข้ารู้สึกว่ามันไม่เป็นมิตรเลย”

”ลูเซียสคงจะใช้พลังเงามืดครอบคลุมที่นี่ไว้” ไรอันตอบด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นเช่นเคย

แม้เขาจะพยายามรักษาความสงบ แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความอันตรายที่ซ่อนอยู่ในป่าแห่งนี้

ขณะที่พวกเขาเดินต่อไป เสียงแปลกๆ เริ่มดังขึ้นจากทุกทิศทาง เสียงกรอบแกรบของกิ่งไม้ที่หักและเสียงกระซิบแปลกประหลาดที่ดูเหมือนจะเกิดจากเงามืดรอบตัว ไรอันยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ลีอาและอาเรียน่าหยุดเดินและเงียบฟัง พวกเขารู้ว่าในป่านี้มีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรถูกปลุกขึ้นมา

“ระวังตัว” ไรอันกระซิบบอก

ลีอาพยักหน้าอย่างเข้าใจ อาเรียน่าซึ่งถูกไรอันอุ้มอยู่กอดคอเขาแน่น ดวงตากลมโตของเธอเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว เด็กน้อยเหลียวมองไปรอบๆ แต่ก็เห็นเพียงต้นไม้หนาทึบและเงามืดสลัวราง เงาเหล่านั้นรูปร่างคล้ายสัตว์ประหลาดน่ากลัวที่ค่อยๆคีบคลานออกมาโอบล้อมพวกเขาไว้ แต่เด็กน้อยก็พยายามไม่ร้องไห้ออกมา ทำเพียงโอบรอบคอของไรอันแน่นขึ้น

“ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะปกป้องเจ้าเอง เจ้าเชื่อพี่ไหม”

“ข้าเชื่อค่ะ พี่ชายและพี่สาวต้องปกป้องข้าได้แน่” เด็กน้อยมองสบตากับไรอันด้วยความเชื่อมั่นและน้ำเสียงอันอบอุ่นของเขาช่วยลดทอนความหวาดกลัวของเธอลง

ในขณะที่ทั้งหมดยังไม่ทันตั้งตัว ทันใดนั้น เงามืดหนาทึบคล้ายรากไม้ก็พุ่งออกมาจากพื้นดินและพันรอบขาของไรอัน มันกระชากเขาจนล้มลง ลีอาตกใจและรีบยกมือขึ้นเพื่อเรียกพลังแห่งธรรมชาติมาช่วย แต่เงามืดนั้นกลับต้านทานพลังของเธอได้ และเริ่มพุ่งเข้ามาหาพวกเขาทั้งสาม

ไรอันรู้ว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้มันจู่โจมพวกเขาได้ เขาจึงรวบรวมสมาธิและปล่อยพลังน้ำออกมาจากฝ่ามือ น้ำไหลออกมาราวกับสายน้ำจากแม่น้ำใหญ่ มันหมุนวนรอบตัวไรอันก่อนที่จะพุ่งเข้าชนเงามืดอย่างแรง เงามืดนั้นสั่นสะท้านและคลายการยึดเกาะรอบขาของเขาออก

“คุ้มครองนางด้วย!” ไรอันบอกกับลีอา ในขณะที่เขาส่งตัวอารีน่าให้

เมื่อเขาลุกขึ้นและยืนเผชิญหน้ากับเงามืดที่ยังคงพุ่งเข้ามา เขาปลดปล่อยพลังธาตุน้ำออกมาเป็นคลื่นยักษ์กระแทกเข้าใส่เงามืด เงานั้นกระเด็นไปไกลหลายเมตร เปิดโอกาสให้พวกเขาได้หนี

ลีอารีบก้มตัวลงอุ้มอาเรียน่ามาแนบอก และวิ่งตามไรอันไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาวิ่งผ่านพุ่มไม้หนาทึบและรากไม้ที่ยื่นออกมาขวางทาง แม้พลังแห่งธาตุน้ำของไรอันจะช่วยกันเงามืดไว้ได้แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น พวกเขารู้ดีว่าต้องรีบหาทางออกจากป่านี้ก่อนที่พลังของลูเซียสจะเข้าควบคุมทุกสิ่ง

ขณะที่พวกเขาวิ่งผ่านแนวต้นไม้ที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด ไรอันเห็นลำธารเล็กๆ ที่ไหลอยู่ด้านหน้า ไรอันยิ้มกริ่ม เขาตัดสินใจที่จะใช้มันเพื่อหยุดยั้งเงามืด ไรอันเรียกพลังแห่งธาตุน้ำอีกครั้ง น้ำในลำธารเริ่มหมุนวนและพุ่งขึ้นมาสูงจนกลายเป็นกำแพงน้ำสูงที่ล้อมรอบพวกเขาทั้งสาม

เงามืดที่ตามหลังมาหยุดชะงักเมื่อเจอกับกำแพงน้ำ มันพยายามเจาะทะลุเข้าไปแต่ก็ถูกพลังน้ำดูดซับไว้ ไรอันใช้โอกาสนี้พาทั้งสองคนข้ามลำธารไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะปลอดภัยกว่าเมื่อพวกเขาข้ามลำธารได้สำเร็จ ไรอันก็ปล่อยกำแพงน้ำลง เงามืดนั้นถูกน้ำซัดกลับไปยังป่าลึก มันส่งเสียงคำรามเบาๆ ก่อนจะหายไปในความมืด

“ขอบใจท่านจริงๆ” ลีอาพูดอย่างเหนื่อยล้าแต่เต็มไปด้วยความโล่งอก เธอกอดอาเรียน่าแน่น เด็กหญิงตัวน้อยหลับตาอยู่ในอ้อมแขนของเธออย่างไร้เรี่ยวแรง

“เราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นาน ต้องหาที่หลบภัยที่ปลอดภัยกว่านี้” ไรอันกล่าวพร้อมกับมองไปรอบๆ

แม้ว่าพวกเขาจะข้ามลำธารมาได้แล้ว แต่เขารู้ดีว่าอันตรายในป่าต้องห้ามนี้ยังไม่จบลง

พวกเขาเริ่มเดินต่อไปอีกครั้ง ลึกเข้าไปในป่าที่ดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายเหมือนในตอนแรก แต่ไรอันยังคงไม่ประมาท เขารู้ดีว่าลูเซียสยังคงเฝ้าติดตามพวกเขาผ่านเงามืด และมันอาจโจมตีอีกครั้งในเวลาใดก็ได้

หลังจากที่พวกเขาเดินทางมาได้สักระยะ ลีอาที่กำลังพยายามเปิดทางผ่านพุ่มไม้หนาทึบก็สะดุดเข้ากับรากไม้ที่ยื่นออกมาโดยไม่ทันระวัง เธอล้มลงกับพื้นอย่างแรง ทำให้ข้อเท้าของเธอพลิก ไรอันรีบเข้ามาช่วยพยุงเธอขึ้นมา แต่ลีอารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออกมาจากข้อเท้าของเธอ

“เจ้าต้องนั่งพักก่อน” ไรอันกล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย

เขาประคองลีอาไปนั่งลงที่ใต้ร่มไม้ที่ใกล้ที่สุด

“ข้าจะดูแผลให้”

“ข้าไม่เป็นไร” ลีอาพูดพยายามยิ้มกลบเกลื่อนความเจ็บปวด

แต่ไรอันสังเกตเห็นคิ้วเธอขมวดแน่นและรู้ว่าเธอฝืนตัวเองมากเพียงใด

“เจ้าไม่ต้องแกล้งแข็งแกร่ง ลีอา พวกเราต้องดูแลตัวเองให้ดี ถ้าหากเราจะปกป้องอาเรียน่า”

ไรอันยืนยันคำเดิม พร้อมกับตรวจดูข้อเท้าของเธอซึ่งบวมเล็กน้อย

อาเรียน่าซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดค่อยๆ เดินเข้ามาหาเธอด้วยความเป็นห่วง

“พี่สาวไม่เป็นไรใช่ไหม?” เด็กหญิงเอ่ยถามด้วยเสียงใสไร้เดียงสา

เธอยื่นดอกไม้เล็กๆ ที่เธอพบระหว่างทางให้ลีอา

“นี่ค่ะ พี่สาวจะหายเร็วขึ้นถ้าพี่รับมันไว้”

ลีอายิ้มออกมาทั้งน้ำตา เธอรับดอกไม้จากอาเรียน่าและกล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนจะหันมามองไรอันที่กำลังใช้ผ้าพันแผลมัดข้อเท้าของเธออย่างระมัดระวัง

“ขอบคุณนะไรอัน ข้า...ไม่เคยมีใครดูแลข้าแบบนี้มาก่อน”

ไรอันไม่ตอบ แต่ยิ้มบางๆ ในใจเขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง มันคันยุบยิบในหัวใจขณะที่มองใบหน้าด้านข้างของลีอา ไรอันไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั่งยิ้มอยู่

พวกเขาพักอยู่ใต้ร่มไม้จนลีอารู้สึกดีขึ้นพอที่จะเดินต่อได้ แม้จะยังมีอาการเจ็บอยูบ้าง แต่เธอก็สามารถก้าวเดินต่อไปได้ด้วยความช่วยเหลือของไรอัน เขาใช้มือซ้ายโอบประคองเอวเล็กของหญิงสาว

“ขอโทษด้วย ล่วงเกินเจ้าแล้ว”ไรอันพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ลีอาเอียงคอมองใบหน้าด้านข้างของไรอัน และเห็นใบหูของเขาเป็นสีแดงก่ำ เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

“ช่วยไม่ได้นี่ ประคองข้าให้ดีๆแล้วกัน” ลีอาพูดด้วยเสียงแผ่วเบา พร้อมแก้มที่ซับสีเลือด ใบหน้าร้อนผ่าว ตั้งแต่เกิดมานอกจากท่านพ่อ ยังไม่มีผู้ชายคนไหนเข้ามาใกล้ชิดเธอขนาดนี้มาก่อน เธอยื่นมือขวาไปโอบรอบคอของไรอัน และค่อยๆเดินกะโผลกกะเผลกไปตลอดทาง

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อพวกเขาเดินต่อไปไม่นาน สัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของป่าก็ปรากฏตัวขึ้น มันคือหมาป่าตัวใหญ่ที่มีขนสีดำสนิท ขนหยาบหนาลุกชัน ดวงตาสีแดงฉานของมันจ้องมองพวกเขาอย่างดุร้าย มันแสยะเขี้ยวขาวและส่งเสียงขู่ออกมา ทำท่าเตรียมพร้อมจะกระโจนเข้าใส่ ไรอันไม่รอช้ารีบดึงดาบออกมาทันที แต่ก็ยังช้าเกินไป เมื่อหมาป่านั้นพุ่งเข้ามาโจมตีเขาก่อนที่เขาจะทันได้เงื้อมือ

หมาป่ากระแทกไรอันลงกับพื้น ทำให้ดาบของเขากระเด็นหลุดจากมือออกไป

“อั่ก” หลังของเขาไถลไปกับพื้น

ลีอารีบใช้พลังของเธอเรียกหนามแหลมออกมาจากพื้นดินเพื่อต่อสู้กับหมาป่า แต่หมาป่าตัวนั้นกลับเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเกินกว่าจะรับมือได้ อาเรียน่าที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังพวกเขาเริ่มร้องไห้ออกมา แต่ไรอันไม่สามารถลุกขึ้นมาปกป้องเธอได้เพราะบาดแผลที่เกิดจากการโจมตีของหมาป่า

ในขณะที่หมาป่าก้าวย่างเข้ามาใกล้ไรอันมากขึ้นมันแสยะเขี้ยวและเตรียมจะฝังเขี้ยวลงบนตัวของไรอันอยู่นั้นแล้ว

ทันใดนั้น ลีอาก็ใช้พลังเฮือกสุดท้ายเรียกไม้เลื้อยออกมาพันรอบขาหมาป่าทำให้มันล้มลงและตรึงมันไว้ เธอรีบเข้าไปหยิบดาบของไรอันและโยนให้เขา “เร็วเข้า! มันกำลังจะหลุดออกมาแล้ว!”

ไรอันคว้าดาบมาและลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาใช้ดาบแทงไปที่หมาป่า สัตว์ร้ายส่งเสียงร้องดังลั่น

“บรู๊วววววว” ก่อนจะสลายกลายเป็นเงามืดที่ค่อยๆ จางหายไป

หลังจากนั้น ไรอันนั่งลงหอบเหนื่อย ใบหน้าของเขาซีดเผือดจากบาดแผลที่เขาได้รับ แม้จะไม่ถึงขั้นร้ายแรง แต่มันก็ทำให้เขาเสียเลือดไม่น้อย ลีอารีบเข้ามาประคองเขาไว้

“เราต้องรีบไปจากที่นี่ ไม่แน่ว่าหมาป่าตัวอื่นอาจได้ยินเสียงของเจ้าตัวนี้และตามมาก็ได้”ไรอันกัดฟันพูดและอดกลั้นต่อความเจ็บปวดจากบาดแผล

ทั้งสามเดินทางต่อไปจนได้พบกับถ้ำแห่งหนึ่ง เธอประคองไรอัน และพาเขาเข้าไปพักในถ้ำเพื่อจะได้ทำการรักษาให้เขา

เธอบอกให้เขาถอดเสื้อออก ไรอันรู้สึกเจ็บแผลจึงต้องให้ลีอาช่วยถอดให้ หลังจากถอดออกหมดแล้วลีอารู้สึกใบหน้าผ่าวร้อน เมื่อสายตาเจอกับรูปกายของชายหนุ่ม ไล่มาตั้งแต่แผงอกเปล่าเปลือยนั้น ลงมาถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรง เรียบเรื่อยไปถึงสะดือ และ ณ จุดนั้นมีขนบางๆไล่ลงไปและหายลับไปตรงที่กางเกงปิดทับ เธอรีบเสมองไปทางอื่น

“หึๆ” ไรอันหัวเราะเสียงทุ้มต่ำ

“แผลของข้าอยู่ที่แผ่นหลังนะ” เขาพูดพลางค่อยๆขยับมานั่งหันหลังให้ลีอา

เธอค่อยๆหันกลับมา สลัดความเขินอายและความคิดอื่นๆออกไปและเริ่มลงมือใช้พลังรักษาให้เขา

อาเรียน่ามองดูพวกเขาทั้งสองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“พี่ชายจะหายดีไหมคะ?” อาเรียน่าถามไรอันด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ และจับมือเขาไว้แน่น ไรอันมองหน้าเด็กหญิงเล็กๆ คนนี้ที่แม้จะกลัวแต่ก็พยายามให้กำลังใจเขา เขายิ้มให้เธออย่างอบอุ่น

“ข้าจะไม่เป็นไร เจ้าก็ต้องเข้มแข็งเหมือนกันนะอาเรียน่า”

เด็กหญิงพยักหน้าแล้วล้วงกระเป๋าเสื้อคลุมของเธอออกมา เธอหยิบขนมปังชิ้นเล็กๆ ที่เหลืออยู่ในกระเป๋าแล้วยื่นให้ไรอัน

“นี่ค่ะ พี่ชายต้องกินนะ จะได้มีแรงต่อไป”

ไรอันหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เขารับขนมปังจากเธอและกัดกิน แม้ขนมปังจะแข็งและเย็น แต่ความอ่อนโยนและความใส่ใจของอาเรียน่าทำให้มันกลายเป็นมื้ออาหารที่อบอุ่นที่สุดที่เขาเคยได้รับ

หลังจากทำแผลเสร็จ ไรอันจึงออกไปล่าสัตว์เพื่อนำมาทำอาหารให้ลีอาและอาเรียน่า

“ท่านระวังตัวด้วย” ลีอาพูดด้วยน้ำเสียงกังวล

“พี่ชายต้องรีบกลับมาไวๆนะคะ” อารีน่าพูดพร้อมเข้าไปกอดแขนไรอันเขย่าเบาๆ

“ได้ ข้าจะรีบไปรีบกลับ พวกเจ้าหลบอยู่ในนี้ให้ดี ได้ยินเสียงอะไรก็อย่าออกไปเด็ดขาด” ไรอันกำชับ

จากนั้นเขาก็ออกไปอย่างเร่งร้อน แต่ก็ระมัดระวังไม่นานไรอันก็กลับมาพร้อมกระต่ายป่าสองตัวที่จัเดารถลกหนังและชำแหละมาจากในป่าแล้วเขาจัดการนำมันมาเสียบไม้และย่างกับไฟ

ทั้งสามนั่งล้อมรอบกองไฟ และกินไปเงียบๆ แต่ละคนต่างอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง

หลังจากมื้ออาหารก็ได้เวลาพักผ่อน ลีอากับอาเรียน่าช่วยกันหาหญ้าแห้งเท่าที่จะหาได้มากองสุมกัน และวางใบไม้ทับไว้ ขนาดพอให้นอนได้ทั้งสามคน

ขณะกำลังจัดแจงที่นอนอยู่นั้น ลีอาก็ร่ายเวทย์เพื่อป้องกันสัตว์มีพิษไม่ให้มารบกวน

ไรอันเลือกนอนทางซ้าย ขณะที่ลีอากำลังลังเลว่าจะนอนอย่างไร อาเรียน่าก็ดึงมือลีอาให้นอนลงข้างไรอัน และตัวเธอเองก็มุดเข้าไปนอนแทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่

“อื้มมม อบอุ่นดีจังเลย” อาเรียน่าพูดอย่างมีความสุขพร้อมรอยยิ้มกว้าง

“แต่จะอบอุ่นกว่านี้ถ้าหากว่า…” เด็กน้อยพูดพลางจับมือไรอันและมือของลีอาให้จับกันไว้ พาดลงตรงลำตัวของเธอ แต่ลีอาชักมือออก

“เอ่อ…ข้าว่าไม่ค่อยเหมาะกระมัง”เธอพูดในขณะที่สายตาเผอิญไปสบกับไรอันที่มองมาพอดี

อาเรียน่าก้มหน้าลง เปล่งเสียงแผ่วเบาสั่นเครือออกมา “ข้าขอโทษที่ทำให้พี่ลีอาไม่สบายใจ แต่ข้าแค่คิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่ เวลานอนพวกท่านจะนอนกอดกันและกอดข้าไว้” น้ำตาเด็กน้อยหยดลงมาเป็นสาย

ใจของลีอาอ่อนยวบ เธอก็นึกถึงท่านพ่อและท่านแม่ของเธอเช่นกัน แต่ตอนนี้ไม่มีพวกเขาแล้ว อาเรียน่าอายุเพียงแค่นี้ จะทุกข์ใจขนาดไหนหนอ

เช่นเดียวกับไรอัน เขาเศร้าใจอย่างยิ่ง ภาพของคนที่นอนตายเกลื่อนกลาดและซากปรักหักพังย้อนขึ้นมาให้เห็น เขาสลัดภาพเหล่านั้นออกไป และหันไปเช็ดน้ำตาให้เด็กน้อย

“วันนี้เราเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ชายจะพาไปเล่นน้ำตก” เชาพูดพลางขยิบตาให้ลีอา

“นั่นสินะ พรุ่งนี้พีสาวก็จะพาเธอไปเก็บดอกไม้สวยๆด้วยล่ะ” ลีอายิ้มอย่างเอาใจ

อาเรียน่าหยุดร้องไห้ทันใด และหันมาส่งยิ้มสดใสให้กับพวกเขา

“สัญญานะคะ” เด็กน้อยยื่นนิัวก้อยเล็กๆออกมา

“จ๊ะ สัญญา” ลีฮาเกี่ยวก้อยกับอาเรียน่า และหันไปทำท่าให้ไรอันทำด้วย

คนตัวโตทำหน้าปูเลี่ยนๆ แต่ก็จำใจยื่นนิ้วออกมาเกี่ยวก้อยกับเด็กน้อย ทำให้อาเรียน่ายิ้มทั้งปากทั้งตา

ในที่สุด ลีอาก็จำต้องนอนโดยให้ไรอันจับมือตน ส่วนอาเรียน่านอนอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา ไรอันสอดนิ้วมือประสานกับมือเธอ ทำให้เธอสะดุ้งจะชักมือกลับ

“ชู่ว มือจะได้ไม่หลุดจากกันไง” ไรอันกระซิบ

ลีฮาจึงทำได้เพียงปล่อยให้เขาประสานนิ้วมือเกาะเกี่ยวกับมือนุ่มของเธอไว้อย่างนั้น ทั้งสามหลับไปในท่านั้นเอง

ภายนอกถ้ำอันอบอุ่นและอบอวลไปด้วยความรักนั้น ปรากฎเงาร่างสายหนึ่ง มองเข้าไปในถ้ำอย่างเงียบงัน