ในโลกที่ความมืดครอบงำหัวใจ การต่อสู้เพื่อแสงสว่างกลับกลายเป็นศัตรูที่แท้จริง เมื่อตัวเลือกคือความรักหรือความแค้น ทางไหนจะนำพาสู่จุดจบ?

The Light and Shadow : เงาทมิฬ - บทที่ 4 สายสัมพันธ์ที่รัดรึง โดย RainyStarSea @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ตะวันตก,รักโรแมนติก,ชายหญิง,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The Light and Shadow : เงาทมิฬ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักโรแมนติก,ชายหญิง,ดราม่า,แฟนตาซี

รายละเอียด

ในโลกที่ความมืดครอบงำหัวใจ การต่อสู้เพื่อแสงสว่างกลับกลายเป็นศัตรูที่แท้จริง เมื่อตัวเลือกคือความรักหรือความแค้น ทางไหนจะนำพาสู่จุดจบ?

ผู้แต่ง

RainyStarSea

เรื่องย่อ

สารบัญ

The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทนำ ค่ำคืนแห่งการล้างแค้น,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 1 การกลับมา,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 2 ป่าต้องห้าม,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 3 ความจริงที่ซ่อนอยู่,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 4 สายสัมพันธ์ที่รัดรึง,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 5 ทะเลมรกต,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 6 ทุ่งละเมอ,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 7 กองทัพแห่งราชันย์,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 8 การเผชิญหน้าครั้งแรก,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 9 ความแข็งแกร่งจากภายใน (ติดเหรียญ 17/07/67 เวลา 00.30น.) มีอีบุ๊คแล้วค่ะ,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 10 การต่อสู้ครั้งสุดท้าย (ติดเหรียญ 17/07/67 เวลา 00.30น. มีอีบุ๊คแล้วค่ะ),The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทส่งท้าย เงาที่เหลืออยู่ (ติดเหรียญ 17/07/67 เวลา 00.30น. มีอีบุ๊คแล้วค่ะ ตอนพิเศษขอไม่ลงให้อ่านในนี้นะคะ

เนื้อหา

บทที่ 4 สายสัมพันธ์ที่รัดรึง

ระหว่างการเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตรายและความท้าทาย ไรอัน ลีอา เอลเลียต และอาเรียน่าได้พัฒนาความสัมพันธ์และความผูกพันที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แต่ในหมู่พวกเขา ความรู้สึกที่ซับซ้อนที่สุดกลับเกิดขึ้นระหว่างไรอันและลีอา ทุกครั้งที่พวกเขาร่วมเผชิญกับอุปสรรค ความใกล้ชิดและความเข้าใจในกันและกันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เช้าวันหนึ่ง เมื่อพวกเขาตั้งแคมป์ใกล้ลำธารเล็กๆ ที่น้ำใสสะอาดสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกาย ลีอากำลังนั่งอยู่ริมลำธารพลางล้างหน้าเบาๆ ส่วนอาเรียน่า ลงไปแหวกว่ายน้ำเล่นอย่างสบายใจ
ไรอันเดินออกไปนั่งเงียบๆเพียงลำพัง ปล่อยให้สองสาวใช้เวลาทำธุระส่วนตัว
มือของเขาสัมผัสที่ด้ามดาบอย่างเงียบๆ ขณะที่สายลมพัดเบาๆ ผ่านผิวหน้าของเขา ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆครึ้มดูเหมือนจะสะท้อนความรู้สึกในใจของเขาเอง
ภาพความทรงจำจากอดีตค่อยๆ ผุดขึ้นมาในจิตใจของเขา ราวกับว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เขานึกถึงลูเซียส เพื่อนรักที่เคยเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอด พวกเขาไม่ใช่เพียงแค่เพื่อนร่วมรบ แต่เป็นพี่น้องในสนามรบที่มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเกินกว่าคำพูดจะอธิบายได้
ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น ไรอันจำได้ว่าเขากับลูเซียสพบกันครั้งแรกที่ค่ายฝึกซ้อม ทั้งคู่ยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยความฝันและความมุ่งมั่น แม้จะมีความแตกต่างทางพื้นเพและบุคลิกภาพ แต่พวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนกันได้อย่างรวดเร็ว ความผูกพันระหว่างพวกเขาเริ่มจากการฝึกซ้อมต่อสู้ด้วยกัน ลูเซียสเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการใช้ดาบ ในขณะที่ไรอันมีความเฉลียวฉลาดและสามารถวางกลยุทธ์ได้เป็นเลิศ พวกเขามักจะใช้เวลาฝึกซ้อมกันในยามเช้าและยามเย็น ทั้งสองผลัดกันเป็นคู่ต่อสู้และคู่ซ้อม เรียนรู้จากกันและกันเสมอ เมื่อใครคนหนึ่งล้มลง อีกคนก็จะช่วยพยุงขึ้นมาเสมอ ไม่มีคำพูดใดที่จะอธิบายความรู้สึกของพวกเขาได้ดีไปกว่าความไว้วางใจที่ลึกซึ้งนั้น
ในสนามรบที่เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและเสียงดาบกระทบกัน พวกเขายืนเคียงข้างกันเสมอ ลูเซียสเป็นคนที่ไรอันเชื่อมั่นว่าจะปกป้องหลังของเขา และในทางกลับกัน ลูเซียสก็รู้ว่าไรอันจะไม่มีวันทิ้งเขาไว้เบื้องหลัง พวกเขาต่อสู้ด้วยกันในหลายศึก ทั้งสองผ่านความเป็นและความตายมาด้วยกันหลายครั้ง และหลายครั้งที่ไรอันรู้สึกถึงความกลัวและความหวาดหวั่น แต่เมื่อเห็นลูเซียสยืนหยัดอยู่เคียงข้าง เขาก็รู้สึกเข้มแข็งขึ้น
ไรอันจำได้ถึงคืนหนึ่งที่พวกเขานั่งรอบกองไฟ หลังจากที่เพิ่งเอาชีวิตรอดจากการโจมตีของข้าศึกที่รุนแรงที่สุด ลูเซียสยิ้มให้เขาและกล่าวว่า “เจ้ารู้ไหม ไรอัน... ไม่ว่าศึกไหน ข้าก็มั่นใจว่าจะรอดมาได้ เพราะข้ามีเจ้าอยู่เคียงข้าง” คำพูดนั้นยังคงก้องอยู่ในใจของไรอัน เขาไม่เคยคิดว่ามันจะกลายเป็นความทรงจำที่ปวดร้าวในเวลาต่อมา
ความทรงจำอีกหลายเหตุการณ์ไหลกลับเข้ามาในใจของไรอัน เขาจำได้ถึงวันที่พวกเขาช่วยกันต้านทานข้าศึกจนถึงที่สุด วันที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความเป็นตายอย่างแท้จริง ข้าศึกที่มาจากทุกทิศทุกทางเหมือนคลื่นทะเลที่ไม่มีวันหยุดพัก กองทัพของพวกเขาถูกโจมตีอย่างหนักจนแทบไม่เหลือแรงที่จะสู้ต่อ แต่ไรอันและลูเซียสไม่เคยยอมแพ้ แม้จะบาดเจ็บและเหนื่อยล้าเกินบรรยาย ทั้งคู่ยืนเคียงข้างกัน สู้จนกระทั่งไม่มีแรงยืน เมื่อดาบที่ไรอันถืออยู่เริ่มหนักเหมือนแทบจะยกไม่ไหว แขนสองข้างที่จับด้ามดาบนั้นสั่นไหว ลูเซียสก็เข้ามาประคองและกระตุ้นให้เขาอย่าถอยกลับ
"อย่ายอมแพ้ ไรอัน ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าล้มที่นี่" ลูเซียสพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่สั่นคลอน แม้จะอยู่ท่ามกลางเสียงกรีดร้องและเสียงดาบกระทบกัน แต่คำพูดของลูเซียสก็เหมือนเป็นเแรงผลักดันที่คอยปลุกให้ไรอันลุกขึ้นสู้ต่อไป พวกเขาสู้ไปด้วยกัน ล้มลงและลุกขึ้นสู้ใหม่ ดาบฟาดฟันและลูกศรพุ่งเข้าใส่เหมือนพายุ แต่ไรอันและลูเซียสยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง จนกระทั่งพวกเขาต้านทานข้าศึกได้ในที่สุด ข้าศึกที่ดูเหมือนไม่มีวันหมดเริ่มถอยกลับไป ทิ้งร่างที่ไร้ชีวิตและเสียงหอบหายใจหนักๆ ไว้ในสนามรบที่เต็มไปด้วยเลือดและเหงื่อ
เมื่อการต่อสู้จบลง ทั้งคู่ต่างนั่งลงกับพื้นดินอย่างอ่อนล้า พวกเขามองไปรอบๆ เห็นเพื่อนร่วมรบที่ยังยืนอยู่และผู้ที่ล้มลงไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกแล้ว ทั้งไรอันและลูเซียสต่างรู้สึกถึงความเจ็บปวดในร่างกายและจิตใจ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความภาคภูมิใจที่พวกเขายังอยู่เคียงข้างกัน แม้จะผ่านความยากลำบากและอันตรายมากเพียงใดก็ตาม วันนั้นเป็นวันที่พวกเขาสาบานว่าจะปกป้องกันและกันจนวันตาย ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถแยกพวกเขาออกจากกันได้ ไรอันจำได้ถึงคำสาบานนั้น ลูเซียสยื่นมือออกไปและจับมือไรอันแน่น ดวงตาของเขาส่องประกายด้วยความเชื่อมั่น
“ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ ไรอัน ข้าสาบาน” คำพูดนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่คำพูด แต่มันเป็นคำมั่นสัญญาที่มาจากใจ และไรอันก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เขาจับมือของลูเซียสตอบและยิ้มให้ “ข้าก็สาบานว่าจะปกป้องเจ้า ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”
เสียงหัวเราะของพวกเขาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของสนามรบ มันเป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความโล่งใจ ความสุขที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ และความภาคภูมิใจที่พวกเขาได้ปกป้องสิ่งที่พวกเขารักไว้ได้ พวกเขาแบ่งปันช่วงเวลาแห่งชัยชนะนั้นด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งและมีค่า ทุกครั้งที่พวกเขาผ่านความเป็นและความตายมาด้วยกัน มิตรภาพของพวกเขาก็ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ
ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่พวกเขาได้พักผ่อนหลังการต่อสู้ เสียงหัวเราะและคำพูดล้อเลียนกันทำให้พวกเขารู้สึกถึงชีวิตชีวาและความหวังที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แม้ในยามที่โลกดูเหมือนจะโหดร้ายที่สุด แต่ตราบใดที่พวกเขายังมีกันและกัน พวกเขาก็ยังคงเชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้
แต่มิตรภาพนั้นกลับถูกทำลายลงอย่างช้าๆ เมื่อความมืดเริ่มกลืนกินลูเซียส ความเปลี่ยนแปลงที่ไรอันไม่อาจเข้าใจและไม่อาจยอมรับได้ ในวันที่ลูเซียสเลือกทางเดินที่ต่างออกไป ไรอันรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายได้ มันเหมือนกับการสูญเสียส่วนหนึ่งของตัวเองไป
“ทำไม... ทำไมเจ้าต้องทิ้งทุกอย่างไปแบบนี้” ไรอันพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ขณะที่ความทรงจำอันแสนหวานกลายเป็นความเจ็บปวดที่ไม่มีวันลืม
ไรอันถอนหายใจและเงยหน้ามองท้องฟ้า แม้ว่าลูเซียสจะเปลี่ยนไป แต่ความทรงจำที่พวกเขาเคยมีร่วมกันยังคงเป็นแรงผลักดันให้เขาก้าวต่อไป ในหัวใจของเขายังมีความหวังว่า... สักวันหนึ่งเขาจะสามารถดึงเพื่อนรักกลับมาจากความมืดได้ แม้ว่าจะต้องผ่านอุปสรรคมากมายเพียงใดก็ตาม
“ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”
เสียงใสของลีอาดึงไรอันออกจากภวังค์ เขามองเธอที่กำลังหันหน้ามาทางเขา ดวงตาสีเขียวมรกตของเธอเปล่งประกายด้วยความสงสัยและความอ่อนโยนไรอันยิ้มออกมาเล็กน้อย เขามองดูเธอด้วยความรู้สึกที่เขาเองก็ไม่อาจเข้าใจได้ดีนัก หัวใจของเขาเต้นรัวทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มของเธอ
“ข้าแค่คิดว่า… ข้ารู้สึกโชคดีที่มีเจ้าร่วมทาง ข้าไม่เคยคิดว่าจะมีใครที่ข้ารู้สึกเชื่อใจได้มากเท่านี้”
ลีอายิ้ม “ข้าเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน การเดินทางครั้งนี้คงจะหนักหนากว่านี้ถ้าไม่มีท่านอยู่เคียงข้าง ข้ารู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่ท่านอยู่ใกล้”
คำพูดของเธอทำให้หัวใจของไรอันอบอุ่นขึ้น แต่ก็มีบางสิ่งในใจของเขาที่ทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจ
“แต่ข้าก็อดคิดไม่ได้ว่า…ข้าอาจจะไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ ข้าเคยล้มเหลวมาก่อน และข้ากลัวว่าจะทำให้เจ้าเจ็บปวดและผิดหวัง”
ลีอามองหน้าเขาอย่างจริงจัง
“ท่านไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบทุกสิ่งไว้คนเดียว ไรอัน ข้าเองก็แข็งแกร่งและพร้อมที่จะต่อสู้เคียงข้างท่าน เราต่างต้องพึ่งพากันและกัน การต่อสู้นี้ไม่ใช่เรื่องของท่านเพียงคนเดียว”
ไรอันรับรู้ถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นในน้ำเสียงของเธอ เขารู้สึกว่าลีอาไม่ใช่เพียงแค่ผู้หญิงที่เขาต้องปกป้อง แต่เธอคือพันธมิตรที่เขาไว้ใจได้และเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญในภารกิจของเขา
“ข้าแค่… ไม่อยากให้เจ้าต้องเสี่ยงอันตรายเพราะข้า” ไรอันพูดออกมาเสียงแผ่ว แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่แท้จริง “หยุด! ฟังข้าก่อน” ไรอันรีบพูดต่อ เมื่อเห็นลีอากำลังอ้าปากเตรียมพูด“ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสามารถ แต่ข้าก็ไม่อาจทนได้ถ้าเจ้าต้องบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพราะการต่อสู้ที่ข้าเป็นต้นเหตุ”
ลีอาหันกลับมามองไรอันตรงๆ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเข้าใจ
“ไรอัน ข้าเลือกที่จะเดินทางไปกับท่านเพราะข้าเชื่อในสิ่งที่เรากำลังทำ ข้าเลือกที่จะเสี่ยงเพราะข้าเชื่อในท่าน ข้าอยากให้ท่านเชื่อในตัวเองและเชื่อในข้าเช่นกัน”
คำพูดของลีอาทำให้ไรอันรู้สึกถึงพลังใหม่ที่ก่อตัวขึ้นในใจเขา ความกลัวที่เขามีอยู่เริ่มจางหายไป และแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาต้องทำ เขายิ้มออกมาเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน
“ข้าจะทำมัน ข้าจะต่อสู้เพื่อปกป้องเจ้าและทุกคนที่ข้ารัก แต่ข้าก็จะเชื่อในเจ้าและเชื่อว่าพวกเราจะผ่านมันไปด้วยกัน”
ลีอายิ้มตอบและยื่นมือไปจับมือไรอัน
“เราจะผ่านมันไปด้วยกัน ไม่ว่าอุปสรรคจะเป็นเช่นไร”
ทั้งสองคนสัมผัสถึงความอบอุ่นและความมั่นคงที่ส่งผ่านกันฝ่ามือและเรียวนิ้ว
ในขณะนั้นสายสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาได้พัฒนาขึ้นอย่างลึกซึ้ง พวกเขาไม่เพียงแค่เป็นเพื่อนร่วมทาง แต่เป็นคนสำคัญที่พึ่งพาและเชื่อมั่นในกันและกัน
ขณะที่พวกเขายืนขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางต่อ เอลเลียตและอาเรียน่าที่กำลังเก็บของอยู่ใกล้ๆ ก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศระหว่างไรอันและลีอา เอลเลียตมองสบตากับอาเรียน่า ทั้งสองพากันหัวเราะคิกคักก่อนที่เอลเลียตจะพูดขึ้นว่า
“พวกเราไปกันต่อเถอะ ข้ามีความรู้สึกว่าทางข้างหน้าอาจจะไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา”
เฟนิกซ์ เหยี่ยววายุคู่ใจของเอลเลียต บินวนเหนือพวกเขา ส่งเสียงร้องเบาๆ ราวกับเป็นสัญญาณเตือนให้พวกเขาระมัดระวัง เส้นทางข้างหน้าเต็มไปด้วยอันตรายและความท้าทาย แต่ด้วยสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้น พวกเขารู้ว่าพวกเขาจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งได้ด้วยกัน
ในขณะที่พวกเขาเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง ไรอันมองไปที่ลีอาด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่าเดิม เขารู้ว่าเขาไม่ได้เดินทางคนเดียวอีกต่อไป และไม่ว่าอุปสรรคจะเป็นอย่างไร เขาจะไม่ยอมให้ความกลัวมาขวางกั้นความมุ่งมั่นและความรักที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเขา