ในโลกที่ความมืดครอบงำหัวใจ การต่อสู้เพื่อแสงสว่างกลับกลายเป็นศัตรูที่แท้จริง เมื่อตัวเลือกคือความรักหรือความแค้น ทางไหนจะนำพาสู่จุดจบ?

The Light and Shadow : เงาทมิฬ - บทที่ 5 ทะเลมรกต โดย RainyStarSea @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ตะวันตก,รักโรแมนติก,ชายหญิง,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The Light and Shadow : เงาทมิฬ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักโรแมนติก,ชายหญิง,ดราม่า,แฟนตาซี

รายละเอียด

ในโลกที่ความมืดครอบงำหัวใจ การต่อสู้เพื่อแสงสว่างกลับกลายเป็นศัตรูที่แท้จริง เมื่อตัวเลือกคือความรักหรือความแค้น ทางไหนจะนำพาสู่จุดจบ?

ผู้แต่ง

RainyStarSea

เรื่องย่อ

สารบัญ

The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทนำ ค่ำคืนแห่งการล้างแค้น,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 1 การกลับมา,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 2 ป่าต้องห้าม,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 3 ความจริงที่ซ่อนอยู่,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 4 สายสัมพันธ์ที่รัดรึง,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 5 ทะเลมรกต,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 6 ทุ่งละเมอ,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 7 กองทัพแห่งราชันย์,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 8 การเผชิญหน้าครั้งแรก,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 9 ความแข็งแกร่งจากภายใน (ติดเหรียญ 17/07/67 เวลา 00.30น.) มีอีบุ๊คแล้วค่ะ,The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทที่ 10 การต่อสู้ครั้งสุดท้าย (ติดเหรียญ 17/07/67 เวลา 00.30น. มีอีบุ๊คแล้วค่ะ),The Light and Shadow : เงาทมิฬ-บทส่งท้าย เงาที่เหลืออยู่ (ติดเหรียญ 17/07/67 เวลา 00.30น. มีอีบุ๊คแล้วค่ะ ตอนพิเศษขอไม่ลงให้อ่านในนี้นะคะ

เนื้อหา

บทที่ 5 ทะเลมรกต

หลังจากเดินทางผ่านป่าทึบและภูเขาสูง พวกไรอัน ลีอา เอลเลียต อาเรียน่า และเฟนิกซ์ เหยี่ยววายุผู้ซื่อสัตย์ ก็มาถึงจุดหมายปลายทางต่อไปที่แผนที่ของผู้เฒ่าปราชญ์ระบุไว้ นั่นคือ "ทะเลมรกต" พวกเขายืนอยู่บนหน้าผาสูง มองลงไปยังทะเลสีเขียวมรกตที่แผ่กว้างออกไปจนสุดสายตา น้ำทะเลใสดุจคริสตัลที่สะท้อนแสงแดดเป็นประกาย ทำให้ทะเลนี้ดูงดงามอย่างไม่ธรรมดา แต่ความงดงามนี้ซ่อนเร้นอันตรายที่พวกเขาไม่คาดคิด
"เราต้องข้ามทะเลมรกตนี้เพื่อไปยังที่ซ่อนของลูเซียส" ไรอันกล่าวขณะเปิดแผนที่ดูเส้นทาง
"แต่มันไม่ได้บอกว่าเราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง"
ลีอามองทะเลด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ
"ทะเลนี้ดูเงียบสงบเกินไป ข้าว่ามันต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ"
เอลเลียตพยักหน้า "ถูกต้อง ทะเลที่เงียบเกินไปมักซ่อนภัยอันตราย ข้าจะให้เฟนิกซ์สำรวจจากฟ้าก่อน แล้วพวกเราค่อยลงไปข้ามทะเลนี้"
เฟนิกซ์รับคำสั่งของเอลเลียตด้วยการกระพือปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้ากว้าง มันบินวนสำรวจรอบๆ พื้นที่ทะเลมรกต เฟนิกซ์มีสายตาที่เฉียบคมและสามารถมองเห็นได้ไกลหลายกิโลเมตร มันจึงสังเกตเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ผืนน้ำสีมรกตนี้
"มันมีบางสิ่งอยู่ใต้น้ำ" เอลเลียตพูดขึ้นขณะที่เฟนิกซ์ส่งสัญญาณเตือน
"สัตว์ขนาดใหญ่ ดูเหมือนมันจะกำลังหลับอยู่"
"เราคงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องข้ามทะเลนี้" ไรอันกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"แต่เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้หากมันตื่นขึ้นมา"
พวกเขาพร้อมใจกันลงเรือเล็กที่ถูกทิ้งไว้ริมชายหาด ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นของชาวบ้านที่เคยใช้ข้ามทะเลนี้ เรือทำจากไม้ที่แข็งแรงและมีพื้นที่กว้างพอที่จะรองรับพวกเขาทั้งหมด ไรอันสร้างกำแพงน้ำบางๆขึ้นห่อหุ้มตัวเรือ ป้องกันสิ่งที่คาดไม่ถึง ขณะที่พวกเขาพายเรือออกไปยังทะเลที่เงียบสงบ สายตาของทุกคนต่างจดจ้องไปที่น้ำทะเลใสด้านล่าง ความเงียบสงบที่ผิดปกตินั้นทำให้ทุกคนตื่นตัวมากยิ่งขึ้นเวลาผ่านไปไม่กี่นาที จู่ๆ น้ำทะเลก็เริ่มไหวเป็นคลื่นเบาๆ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความปั่นป่วน เสียงก้องดังขึ้นจากใต้ผืนน้ำจนพวกเขาหูอื้อ จนได้ยินแต่เสียงวิ้งในหู และทันใดนั้น สัตว์ประหลาดขนาดมหึมาก็ผุดขึ้นมาจากทะเล สร้างคลื่นยักษ์ซัดกระแทกเรือของพวกเขา
สัตว์ประหลาดนี้มีลำตัวขนาดใหญ่เท่ากับเรือห้าลำรวมกัน มันมีเกล็ดสีเขียวมรกตแวววาวและดวงตาสีแดงฉานที่แสดงถึงความดุร้าย ปากของมันเปิดออกเผยให้เห็นฟันแหลมคมหลายแถวที่พร้อมจะขย้ำทุกสิ่งที่ขวางหน้า หากจะว่าไปแล้ว ส่วนหัวของมันคล้ายกับปลาทั่วไป เพียงแต่มีหูงอกออกมา ส่วนลำตัวยาวจนไม่เห็นปลายหางเสียงคำรามของมันก้องกังวานไปทั่วท้องทะเล
"ทุกคนระวัง!" ไรอันตะโกนขณะที่เขาชักดาบขึ้นมาเตรียมรับมือ แต่สัตว์ประหลาดนั้นก็โจมตีอย่างรวดเร็ว มันพุ่งเข้าชนเรือด้วยแรงมหาศาล ทำให้เรือเกือบพลิกคว่ำ
"ข้าจะจัดการมันเอง!" ลีอากล่าวด้วยความมุ่งมั่น เธอยกมือขึ้นและใช้พลังเรียกเถาวัลย์ยักษ์จากท้องทะเล เถาวัลย์เหล่านี้พุ่งขึ้นจากน้ำพันรอบตัวสัตว์ประหลาด พยายามรั้งมันไว้ไม่ให้ขยับได้แต่สัตว์ประหลาดนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะถูกควบคุมได้ง่ายๆ มันสะบัดตัวและฉีกเถาวัลย์ออกอย่างไม่ยากเย็น ลีอาไม่ยอมแพ้ เธอเรียกพลังธรรมชาติทั้งหมดที่เธอมีเพื่อเสริมพลังให้กับเถาวัลย์ และสร้างคลื่นน้ำขนาดใหญ่เพื่อซัดสัตว์ประหลาดนั้นออกไป
ขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป เอลเลียตก็เข้าร่วมสมทบ เขากระโดดขึ้นจากเรือไปยังหลังของสัตว์ประหลาด ใช้กระบองเหล็กไฟของเขาฟาดลงไปที่เกล็ดของมันด้วยแรงทั้งหมดที่มี เกล็ดของสัตว์ประหลาดแข็งแกร่งมาก แต่เอลเลียตไม่ลดละ เขาฟาดซ้ำอีกหลายครั้งจนในที่สุดก็สามารถทำให้เกล็ดบางส่วนแตกออกได้แต่การโจมตีนั้นทำให้สัตว์ประหลาดโกรธเกรี้ยว มันหันกลับมาพุ่งเข้ากัดเอลเลียตด้วยฟันแหลมคม เอลเลียตถูกกัดเข้าที่แขน แต่ด้วยความสามารถพิเศษของเขา ร่างกายของเอลเลียตกลับฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว บาดแผลที่ควรจะร้ายแรงกลับสมานตัวเองอย่างน่าทึ่ง พิษที่ปล่อยออกมาจากฟันของสัตว์ประหลาดก็ไม่สามารถทำอันตรายเขาได้
"เอลเลียต ระวัง!" ลีอาตะโกนเตือนขณะที่เธอพยายามใช้พลังธาตุน้ำเข้ามาช่วย เอลเลียตฟาดกระบองใส่ดวงตาของสัตว์ประหลาดอย่างแรงจนมันต้องปล่อยเขาออกมาขณะที่เอลเลียตกลับมาที่เรือ เฟนิกซ์ เหยี่ยววายุคู่ใจของเขาก็เข้ามาช่วยในการต่อสู้ มันบินโฉบลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว พุ่งโจมตีสัตว์ประหลาดด้วยกรงเล็บอันแหลมคมของมัน มันพุ่งเข้าจู่โจมตาของสัตว์ประหลาด ทำให้มันเสียสมาธิและสับสน
ในขณะเดียวกัน ไรอันก็รวบรวมพลังธาตุน้ำของเขา ใช้พลังทั้งหมดสร้างคลื่นยักษ์ที่พุ่งเข้าใส่สัตว์ประหลาดโดยตรง คลื่นนั้นมีพลังมากพอที่จะซัดมันลอยขึ้นจากน้ำชั่วขณะ ก่อนจะทุ่มมันลงไปในทะเลอีกครั้งเมื่อสัตว์ประหลาดตกลงสู่ผืนน้ำ มันส่งเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด และเริ่มหดตัวลงจมหายไปในทะเลมรกตอีกครั้ง คลื่นทะเลที่ปั่นป่วนค่อยๆ สงบลง ความเงียบกลับคืนสู่ทะเลอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงลมหายใจหอบเหนื่อยของพวกไรอันที่ยืนอยู่บนเรือ
“มันจบแล้วหรือยัง?” ลีอาถามขณะมองไปที่น้ำทะเลที่ค่อยๆ ใสกลับคืนมา
“ข้าคิดว่าเราจะปลอดภัยไปอีกสักระยะ” ไรอันตอบอย่างเหนื่อยล้า "ข้าขอบใจพวกเจ้าทุกคน ที่ช่วยกันต่อสู้อย่างกล้าหาญ"
เฟนิกซ์บินกลับมาหาเอลเลียตและส่งเสียงร้องเบาๆ ราวกับจะบอกว่าภารกิจของมันสำเร็จลุล่วงแล้ว เอลเลียตลูบขนของมันอย่างอ่อนโยน
“เฟนิกซ์ เจ้าเก่งมาก ข้าไม่รู้ว่าเราจะทำอย่างไรถ้าไม่มีเจ้า”
อาเรียน่าซึ่งซ่อนตัวอยู่ในเรือมาตลอด ย่องออกมาและเข้ามาหาไรอันด้วยความเป็นห่วง “พี่ชาย ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ไรอันยิ้มและลูบหัวของอาเรียน่าเบาๆ “ข้าไม่เป็นไร”
“ข้าว่าเดี๋ยวพวกเรานอนพักเอาแรงกันก่อนดีกว่า ไม่รู้ว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นจะกลับมาอีกเมื่อไหร่” ไรอันกล่าว
“งั้นข้าจะให้เฟนิกซ์คอยเฝ้าระวังให้แล้วกัน” เอลเลียตพูดยิ้มๆ ก่อนจะหันไปหาเหยี่ยววายุคู่ใจของเขา
ลีอาพาอาเรียน่าเข้าไปนอนพักในห้อง ส่วนพวกผู้ชายนอนพักเอาแรงอยู่ตรงกาบเรือ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ไรอันลืมตาขึ้นมา พร้อมๆกับที่ได้ยินเสียงเฟนิกซ์ร้องเสียงดัง เมื่อหันไปก็เห็นเอลเลียตอยู่ในท่าเตรียมพร้อมต่อสู้แล้ว
“มันมาแล้ว” เอลเลียตตะโกนบอกเขา แข่งกับเสียงคลื่นซัดสาดเรือ ทำให้ตอนนี้เรือโคลงเคลงจนน่าเวียนหัว
ชายหนุ่มทั้งสองเข้าต่อสู้กับเจ้าสัตว์ประหลาดคู่ปรับตัวเดิม เพิ่มเติมคือดูดุร้ายยิ่งกว่าตอนเจอครั้งแรก ไรอันสร้างปราการน้ำขึ้นครอบตัวเขาและเอลเลียต ในขณะที่เอลเลียตก็กระโดดขึ้นไปบนส่วนหัวของสัตว์ร้าย ใช้กระบองเหล็กตีไปสุดแรง
ขณะที่การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด สัตว์ประหลาดขนาดมหึมาในทะเลมรกตยังคงพยายามโจมตีพวกเขาด้วยความโกรธเกรี้ยว แม้ว่าไรอัน เอลเลียต และเฟนิกซ์จะร่วมกันต่อสู้อย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนว่าสัตว์ประหลาดนั้นจะยังคงแข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกเขาจะจัดการได้ง่ายๆ
และตอนนั้นเองลีอาและอาเรียน่าก็รีบออกมาดู เมื่อพบว่าเหล่าชายหนุ่มกำลังช่วยกันโจมตีสัตว์ประหลาด เธอก็เข้าไปร่วมข่วยต่อสู้ด้วย
“อาเรียน่า หนูต้องหลบอยู่ในนี้นะ เดี๋ยวพี่ไปช่วยพวกเขาก่อน”
“ค่ะ พี่สาวระวังตัวด้วยนะคะ” เด็กสาวยิ้มให้เธอ
ลีอายิ้มตอบและรีบหันกลับไปช่วยพวกไรอันต่อสู้
ไรอันดึงน้ำจากทะเลมาทำเป็นหอก และพุ่งตัวขึ้นไปแทงเข้าที่ลำตัวของสัตว์ร้าย ส่วนเฟนิกซ์ก็ข่วยดึงความสนใจของมัน แต่ไม่เป็นผล ไรอันพลาดท่า หนีไม่ทัน มันพุ่งเข้ามา และกัดเข้าที่น่องของเขาเต็มแรง เนื้อส่วนขาแหว่งวิ่นไปขนาดสองกำปั้นลีอากรีดร้องสุดเสียง
“ไม่นะ! ไรอัน!”
เธอรีบเข้าไปประคองให้ไรอันพาไปนั่งพักอยู่ใกล้ๆกับอาเรียน่า เธอเดินออกไปช่วยเอลเลียตต่อสู้ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว กรามขบกันแน่น นึกถึงแผลของไรอันและสีหน้าหวาดกลัวของอาเรียน่า เธอก็รู้ว่าจะอ่อนแอไม่ได้
ในขณะนั้นเองเธอก็เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในตัวเอง พลังภายในที่ลึกซึ้งซึ่งเธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนค่อยๆ ตื่นขึ้นมา เธอสัมผัสได้ถึงการเชื่อมโยงกับสิ่งมีชีวิตรอบๆ ตัวเธอที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จิตใจของลีอาเริ่มเปิดรับเสียงเบาๆ ที่ดังขึ้นจากผืนน้ำ มันเป็นเสียงกระซิบของสัตว์น้ำที่ซ่อนตัวอยู่ในทะเลลึก พวกมันกำลังเฝ้าดูการต่อสู้ ลีอาตัดสินใจที่จะใช้พลังใหม่ที่เธอเพิ่งค้นพบ เพื่อสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ เธอหลับตาลงและมุ่งสมาธิไปยังพลังภายในของเธอ
"ได้โปรด... ช่วยพวกเราด้วย" ลีอาพูดออกมาด้วยภาษาของสัตว์น้ำที่เธอเพิ่งเข้าใจ
เสียงของเธอสื่อถึงความหวังและความมุ่งมั่นที่จะปกป้องพวกพ้องของเธอ
"สัตว์ประหลาดนี้เป็นภัยต่อทั้งพวกเราและพวกเจ้า ข้าขอร้องให้พวกเจ้าช่วยเราต่อสู้"เสียงของลีอาส่งสัญญาณออกไปในน้ำทะเล
และในไม่ช้า ลีอาก็รู้สึกถึงการตอบรับจากสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังในทะเล เธอได้ยินเสียงกระแสน้ำที่เปลี่ยนทิศทาง เสียงสะท้อนลึกๆ จากใต้พื้นน้ำที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น สายตาของเธอจ้องมองไปยังพื้นผิวน้ำที่เริ่มมีคลื่นเคลื่อนตัวอย่างผิดปกติ
ทันใดนั้น เงามืดขนาดใหญ่ก็เริ่มปรากฏขึ้นใต้เรือของพวกเขา ลีอารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่แผ่ซ่านมาจากใต้น้ำ แล้วมันก็ปรากฏตัวขึ้น... สิ่งมีชีวิตที่เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะได้พบ มันคือปลาวาฬสีขาวเงินที่เปล่งประกายจากแสงแดดที่ส่องลงมาสู่ท้องทะเล มันมีขนาดใหญ่มหึมาและมีดวงตาสีฟ้าที่แสดงถึงความฉลาดและความเก่าแก่ วาฬตัวนี้มีครีบขนาดใหญ่ที่แข็งแรงราวกับจะสามารถฟาดทุกสิ่งที่ขวางหน้าให้แหลกสลายได้ มันส่งเสียงร้องกึกก้องสะท้อนไปทั่วทั้งมหาสมุทร เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยพลังและอำนาจและไม่เพียงแค่วาฬยักษ์เท่านั้น ที่ห่างออกไปไม่ไกล พวกเขาเห็นฝูงปลากระเบนขนาดใหญ่กำลังโฉบผ่านน้ำด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง ปลากระเบนเหล่านี้มีแผ่นหลังแข็งแรงและหางที่ยาวและแหลมคม ราวกับเป็นหอกที่สามารถเจาะทะลุเกล็ดของสัตว์ประหลาดใดๆ ก็ได้ แผ่นหลังของพวกมันเปล่งประกายสีเงินสดใส พร้อมที่จะโจมตีศัตรูที่มาบุกรุกอาณาเขตของมัน
เหนือผิวน้ำ พวกนกกาน้ำที่ปีกเป็นสีดำเข้มและมีจะงอยปากที่แข็งแกร่งโฉบลงมา มันไม่ได้เป็นเพียงนกธรรมดา แต่เป็นผู้พิทักษ์ท้องฟ้าแห่งท้องทะเล ปีกของพวกมันกว้างใหญ่และแกร่งพอที่จะฟาดใส่สิ่งมีชีวิตใต้น้ำ ปกป้องผู้ที่พวกมันเลือกจะช่วยเหลือ
ทันทีที่สัตว์ประหลาดยักษ์ลำตัวเท่ากับเรือห้าลำปรากฏตัวขึ้นจากทะเล สายตาสีแดงฉานและฟันแหลมคมที่พร้อมขย้ำทุกสิ่งที่ขวางหน้า สัตว์ทะเลที่ลียาเรียกหาก็เริ่มเข้าประจำตำแหน่ง วาฬยักษ์สีขาวเงินพุ่งตัวขึ้นมาปะทะกับสัตว์ประหลาด ปลากระเบนก็ว่ายวนรอบๆสัตว์ประหลาดนั้นอย่างรวดเร็ว หางของพวกมันฟาดใส่เกล็ดสีเขียวมรกตที่แข็งแรงของมันจนเกิดเสียงดังก้องเสียจนเอลเลียตและลีอาต้องขบกรามแน่นและหยีตาพร้อมเอามือปิดหู ขณะที่นกกาน้ำก็โฉบลงมาจิกใส่ส่วนหัวและดวงตาของสัตว์ประหลาด ทำให้มันสะบัดหัวไปมาอย่างบ้าคลั่ง เจ้าเฟนิกซ์ก็ไม่น้อยหน้า มันเข้าร่วมต่อสู้ด้วยเช่นกัน เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดก้องกังวานไปทั่วท้องทะเล มันพยายามต่อสู้และดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากการโจมตีจากทุกทิศทุกทาง มันฟาดหางและขยับร่างยาวใหญ่ของมันอย่างดุดัน แต่สัตว์ทะเลที่ลีอาเรียกมาช่วยนั้นต่างมีพลังและความเด็ดเดี่ยวในการปกป้องอาณาเขตของมันเอง
ลีอามองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง ปากอ้าค้าง เธอไม่เคยคิดว่าการเรียกร้องของเธอจะได้รับการตอบรับจากสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังเช่นนี้ หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความหวัง เธอรู้ว่าพวกเขาอาจมีโอกาสที่จะรอดพ้นจากสัตว์ประหลาดนี้ได้
ขณะที่สัตว์ทะเลเหล่านั้นเข้าปะทะกับสัตว์ประหลาดอย่างไม่ลดละอยู่นั้น ลีอายังคงใช้พลังของเธอในการควบคุมเถาวัลย์และคลื่นน้ำเพื่อกดดันสัตว์ประหลาดนั้นไว้ ในขณะเดียวกันเอลเลียตก็ใช้โอกาสนี้เข้าโจมตีอย่างต่อเนื่องเอลเลียตใช้กระบองเหล็กของเขาฟาดลงไปที่ส่วนที่เป็นแผลของสัตว์ประหลาดอีกครั้ง ทำให้มันเจ็บปวดอย่างหนัก แม้จะโดนฟันและหนามพิษจากเกล็ดของสัตว์ประหลาด แต่บาดแผลของเขาก็หายอย่างรวดเร็วด้วยความสามารถพิเศษ ขณะที่เฟนิกซ์ยังคงบินวนเหนือหัวสัตว์ประหลาดเพื่อสอดส่องและส่งสัญญาณเตือนถึงการเคลื่อนไหวของมัน
ลีอาและเอลเลียตหันมาสบตากัน พวกเขาสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการปะทะของวาฬยักษ์สีขาวเงินกับสัตว์ประหลาดเกล็ดสีมรกต ท้องฟ้าและท้องทะเลดูลุกโชนไปด้วยความโกลาหล ขณะที่สัตว์ประหลาดพยายามสะบัดร่างใหญ่โตของมันอย่างดุเดือดเพื่อสลัดวาฬยักษ์และฝูงปลากระเบนที่พยายามทำลายมัน วาฬยักษ์กระแทกเข้ากับลำตัวของสัตว์ประหลาดอีกครั้ง น้ำทะเลกระเซ็นขึ้นสูงจนเหมือนกำแพงน้ำที่ท่วมท้น เอลเลียตซึ่งยืนอยู่ใกล้ขอบเรือจับกระบองเหล็กของเขาแน่น เขามองดูลีอาซึ่งกำลังตั้งสมาธิเพื่อควบคุมพลังแห่งธรรมชาติของเธอในการสื่อสารกับสัตว์ทะเล
ทันใดนั้น สัตว์ประหลาดเกล็ดมรกตก็สะบัดร่างยาวใหญ่ของมันอย่างแรงจนทำให้วาฬยักษ์กระเด็นออกไป ลำตัวของมันหมุนวนอย่างรวดเร็ว และมันก็พุ่งตัวเข้าใส่เรือของพวกเขาในทันที เอลเลียตกระโดดขึ้นมาขวางทางสัตว์ประหลาดนั้นด้วยความรวดเร็ว เขาใช้กระบองเหล็กฟาดลงไปที่เกล็ดของมัน เสียงกระทบของเหล็กกับเกล็ดที่แข็งเหมือนเหล็กทำให้เกิดเสียงดังสนั่นวาฬยักษ์รีบกลับมาต่อสู้กับสัตว์ประหลาดอีกครั้ง มันพุ่งตัวเข้าปะทะจากด้านข้าง ทำให้สัตว์ประหลาดหยุดชะงักชั่วขณะ ขณะที่ฝูงปลากระเบนก็พุ่งเข้าจู่โจมที่จุดอ่อนของมัน คือบริเวณคอและท้องที่ไม่มีเกล็ดปกป้อง หางแหลมของพวกมันแทงลงไปในเนื้อของสัตว์ประหลาด ทำให้มันร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด
ลีอายืนอยู่ที่ศูนย์กลางของเรือ กางแขนออกและเรียกพลังจากธรรมชาติเข้ามาสู่ตัวเธอ เสียงคลื่นและสายลมกลายเป็นเหมือนคำพูดที่เธอใช้ในการสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตในทะเล เธอร้องเรียกอีกครั้งเพื่อขอกำลังเสริม และทันใดนั้น เธอรู้สึกถึงการตอบรับจากใต้ทะเลลึก “มาแล้ว…” ลีอาพูดเบาๆ ด้วยความหวังที่พุ่งขึ้นในใจพวกเขามองลงไปยังพื้นน้ำ และเห็นเงาขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สิ่งนั้นคือฝูงฉลามขาวที่ว่ายมาจากความลึกของมหาสมุทร พวกมันมีดวงตาสีดำสนิทและคมเขี้ยวที่แหลมคม ร่างของพวกมันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและทรงพลัง ฉลามเหล่านี้เป็นนักล่าที่ดุร้ายและเก่งกาจที่สุดในมหาสมุทรฉลามขาวตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่ส่วนท้องของสัตว์ประหลาดทันที มันกัดฟันคมลงไปในเนื้อที่ไม่มีกำบังและสะบัดหัวอย่างดุเดือด ส่วนฉลามตัวอื่นๆ ก็เริ่มเข้าล้อมและโจมตีสัตว์ประหลาดจากทุกทิศทาง การโจมตีที่รุนแรงและไม่หยุดยั้งทำให้สัตว์ประหลาดเริ่มอ่อนแรง มันพยายามดิ้นรนและหมุนตัวเพื่อหลบหนี แต่แรงกระแทกจากฉลามและวาฬยักษ์ทำให้มันไม่สามารถทำได้
เอลเลียตไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป เขาใช้กระบองเหล็กกระแทกที่หัวของสัตว์ประหลาดซ้ำๆ เพื่อลดทอนความสามารถในการต่อสู้ของมัน และเมื่อมันเริ่มอ่อนแรงลง ลีอาก็ใช้พลังของเธอเพื่อเรียกกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวเข้าโจมตีสัตว์ประหลาดอย่างต่อเนื่อง คลื่นน้ำที่ถูกเรียกขึ้นมาทับถมลำตัวของสัตว์ประหลาด กดทับมันลงไปในทะเลอย่างรุนแรงในที่สุด เมื่อฉลามขาวและวาฬยักษ์ได้รวมพลังกันทำให้สัตว์ประหลาดยักษ์ลำตัวใหญ่มโหฬารนี้ต้องจมลงไปในท้องทะเลอีกครั้ง มันส่งเสียงคำรามครั้งสุดท้ายด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ร่างยาวใหญ่ของมันจะถูกดึงลงไปสู่ความมืดลึกของมหาสมุทร
ทุกอย่างกลับมาสู่ความเงียบสงบ ลีอาและเอลเลียตต่างหายใจหอบหนัก พวกเขายืนมองท้องทะเลที่บัดนี้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สัตว์ทะเลที่ช่วยเหลือพวกเขาค่อยๆ ว่ายกลับสู่ที่อยู่ของพวกมัน และวาฬยักษ์ก็หันกลับมามองพวกเขาอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ว่ายออกไปอย่างสง่างาม
“เราทำได้แล้ว” ลีอาพูดด้วยความโล่งใจ และรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจ
ลีอาถอนหายใจยาว เธอมองดูทะเลมรกตที่กลับมาเงียบสงบด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน การตื่นขึ้นของพลังใหม่ที่ทำให้เธอสามารถสื่อสารกับสัตว์น้ำได้ทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองแข็งแกร่งขึ้น และมีบทบาทสำคัญในการปกป้องพวกพ้องของเธอ
"เจ้าทำได้ดีมาก ลีอา" ไรอันกล่าวขณะที่เขาเข้ามาหาเธอ "ข้าไม่เคยเห็นพลังเช่นนี้มาก่อน เจ้าไม่เพียงแต่มีความสามารถในการต่อสู้ แต่ยังมีความสามารถในการสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งอีกด้วย"
ลีอายิ้มออกมาเล็กน้อย
"ข้าเองก็ไม่เคยรู้ว่าข้ามีพลังนี้มาก่อน แต่ข้าเชื่อว่ามันจะมีประโยชน์มากในการเดินทางครั้งนี้"
"แน่นอน" เอลเลียตกล่าวขณะยิ้มให้เธอเช่นกัน
"ข้ารู้สึกว่าเรามีโอกาสมากขึ้นในการเผชิญหน้ากับลูเซียส ถ้าพวกเรายังคงร่วมมือกันเช่นนี้"
อาเรียน่าวิ่งเข้ามาหาลีอาและกอดเธอไว้แน่น "พี่สาวเก่งมากเลย ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน!"
เฟนิกซ์บินลงมาจากฟ้าและส่งเสียงร้องอย่างภูมิใจ มันมาเกาะที่แขนของเอลเลียตซึ่งยื่นออกมาต้อนรับมัน
"เจ้าเองก็ทำได้ดีมาก เฟนิกซ์ เจ้าเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีที่สุดของข้า"
ลีอาเดินไปหาไรอัน และค่อยๆประคองตัวเขา ก่อนจะใช้พลังธรรมชาติรักษาขาและบาดแผลตามตัวให้เขา
ไรอันมองลำแสงสีขาวนวลนั้น เขารู้สึกอุ่นวาบในจุดที่ลำแสงนั้นตกต้อง ชายหนุ่มแอบมองใบหน้าสาวสวยที่ตั้งใจใช้พลังรักษาเขา หัวใจไรอันกระตุกแทบลืมเต้น ตอนนี้ลีอาราวกับเทพธิดา เขาละสายตาจากเธอไม่ได้จริงๆ
“เสร็จแล้ว ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง” ลีอาเงยหน้าขึ้นมอง กลับพบว่าไรอันมองเธออยู่ สายตาของเขาบ่งบอกถึงความชื่นชมและหลงใหลอย่างเปิดเผย เเธอจึงหยิกแขนชายหนุ่มเต็มแรง
“โอ๊ยย” ไรอันร้องสุดเสียง ไม่ใช่เพราะเจ็บแต่ตกใจมากกว่า
“หยิกเรียกสติ” ว่าแล้วลีอาก็เดินไปสมทบกับอาเรียน่า เอลเลียตและเฟนิกซ์ ไรอันเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะเบาๆ ส่ายหน้าไปมา
เมื่อทุกอย่างกลับมาสงบ พวกไรอันก็มองทะเลมรกตที่เงียบสงบอีกครั้ง พวกเขารู้ว่าการข้ามทะเลนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ แต่ด้วยพลังและความสามารถที่พวกเขามี พวกเขามั่นใจว่าจะสามารถเผชิญหน้ากับสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าได้อย่างมั่นคงพวกเขาพายเรือต่อไปยังปลายทางที่ไม่รู้จัก ขณะที่ทะเลมรกตค่อยๆ ห่างออกไปข้างหลัง ยังมีอันตรายอะไรที่รอให้พวกเขาเข้าไปติดกับ พวกเขาไม่สนใจ ขอแค่ตอนนี้ได้พักหายใจก็มีความสุขแล้ว