อันนาได้เข้าไปอยู่ในบ้านเจ้าพ่อมาเฟียแบบจำใจต้องยอมเหตุเพราะเขาสงสัยว่าเธอน่าจะร่วมมือกับคนร้ายที่ลักพาตัวลูกสาวของเขาไป "ลูกของฉันเลิกติดเธอเมื่อไหร่รับรองเธอได้ไปจากฉันแน่"

อุ้มรักกราวใจ - ตอนที่ 3 นี่ลูกฉันเป็นอะไรไป โดย เจ้าก้อนแก้ว. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เลือดสาด,ผู้ใหญ่,ดราม่า,รัก,ชาย-หญิง,พระเอกเป็นมาเฟีย,Nc,Nc18+,คลั่งรัก,กินดุ,กินเก่ง,รักมาเฟีย,รักลับมาเฟียร้าย,โรแมนติก,โรมานซ์,นิยายผู้ใหญ่,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

อุ้มรักกราวใจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

เลือดสาด,ผู้ใหญ่,ดราม่า,รัก,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกเป็นมาเฟีย,Nc,Nc18+,คลั่งรัก,กินดุ,กินเก่ง,รักมาเฟีย,รักลับมาเฟียร้าย,โรแมนติก,โรมานซ์,นิยายผู้ใหญ่,ดราม่า

รายละเอียด

อันนาได้เข้าไปอยู่ในบ้านเจ้าพ่อมาเฟียแบบจำใจต้องยอมเหตุเพราะเขาสงสัยว่าเธอน่าจะร่วมมือกับคนร้ายที่ลักพาตัวลูกสาวของเขาไป "ลูกของฉันเลิกติดเธอเมื่อไหร่รับรองเธอได้ไปจากฉันแน่"

ผู้แต่ง

เจ้าก้อนแก้ว.

เรื่องย่อ

"ฉันควรจะทำยังไงกับชีวิตน้อยๆนี้ดีนะใครกันนะที่ใจดำอำมหิตกล้าเอาเด็กตัวเล็กๆแค่นี้เอามาทิ้งได้ลงคอ...เจ้าพวกคนใจบาปหยาบช้า"

       อันนาเด็กสาวเพียงวัยยี่สิบปีถูกว่าจ้างให้เป็นพี่เลี้ยงเด็กที่เธอพึ่งเก็บมาจากข้างถนนโดยผู้ว่าจ้างที่ลึกลับไร้ตัวตนเธอจำต้องทำงานนี้เพราะเธอเองก็พึ่งจะตกงานมาหมาดๆด้วยเงินหนึ่งล้านบาทแลกกับการเลี้ยงเด็กน้อยคนนี้แค่หนึ่งเดือน

       แต่อันนาเลี้ยงดูเด็กยังไม่ทันจะถึงหนึ่งอาทิตย์ก็ถูกกลุ่มคนจับตัวไปที่คฤหาสน์ใหญ่หลังหนึ่ง เธอที่ไม่รู้อะไรก็ได้แต่งวยงง

"เธอรีบตอบฉันมาเลยนะ...เธอทำงานนี้ให้ใคร...ใครเป็นคนให้เธอทำ!!!"

       ชายหน้าตาหล่อเหลาสูงขาวขาเรียวยาวใช้มือหนาบีบจับใบหน้าเธอจนบิดเบี้ยวเค้นถามเอาความจริงจากเธอด้วยน้ำเสียงที่เข้มและเกรี้ยวกราดสุดๆ เขาชักสีหน้าดุราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอให้ได้ถ้าเธอไม่ตอบคำถามเขา

"โอ๊ะโอ๊ย!!!!...ฉันเจ็บนะ...ปล่อยก่อนสิถ้าบีบปากอยู่แบบนี้ใครมันจะไปพูดได้"

"ฉันจำเป็นต้องฟังเธอหรอ...บอกมาว่าเธอทำงานนี้ให้กับใคร...ใครเป็นคนจ้างให้เธอลักพาตัวลูกของฉันไป..บอกมา!!!"

"เสียดายใบหน้าหล่อๆของแกเนอะ..หล่อแต่หูหนวก!!!...ปัญญาอ่อน!!!...สมองนิ่ม!!!ฉันก็บอกเป็นร้อยเป็นพันรอบแล้วนี่ไงว่าฉันไม่ได้ลักพาตัวเด็กคนนี้มา...ฉันไปเจอน้องเขาที่ข้างถนน...ฉันเจอเธอที่ข้างถนน!!"

"โกหก!!!...ถ้าไม่บอกฉันให้เธอไปนอนคุยกับรากมะม่วงแน่ๆ...บอกมาก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน...เผลอพลั้งมือยิงเธอตายห่าไปซะก่อน"

"ก็ยิงซะสิ...เอาจริงฉันก็เห็นใจเด็กคนนี้นะเธอมีพ่อที่เฮงซวยแบบนี้นี่เอง...เธอจึงมีนิสัยที่ชอบร้องโวยวายถ้าไม่ได้อย่างใจเพราะเขามีพ่อที่สารเลว..ชั่ว...ป่าเถื่อนแบบนี้ไง...เด็กมันถึงได้สติมีปัญหาอ่ะ"

       พีรพัฒน์สุดจะทนแล้วเขาหันปากกระบอกปืนไปยิงใส่แก้วน้ำเพื่อเป็นการข่มขู่ว่าถ้าเธอไม่ยอมปริปากพูดเขาจะยิงเธอแน่นอน

          ~ปัง ปัง ปัง ~

"อ๊ายยยยย...ไอ้คนบ้าเอ๊ย!!!ในห้องมีเด็กตัวเล็กๆอยู่ด้วยนะเว้ย...ทำอะไรหัดคิดบ้างสิ"

"เขาไม่ได้ยินหรอกเพราะฉันหาอะไรปิดหูเขาไว้แล้ว.."

"ไม่ได้ยินแล้วไง!!!...ไม่ได้ยินแล้วคิดว่าเขาไม่ได้ดู...มองไม่เห็นพฤติกรรมชั่วช้าของพ่อเขารึไง...รู้ไว้ด้วยนะ..เด็กวัยนี้เขากำลังจดจำสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำได้ดีเชียวล่ะ...คนเป็นพ่ออย่างแกรู้อะไรเกี่ยวกับลูกตัวเองบ้างหน้าโง่ๆแบบนี้รู้อะไรบ้างมั้ย!!!"

"ถึงฉันจะไม่ค่อยมีเวลาให้เขา..แต่ฉันก็รู้ว่าเขาชอบกินอะไร..เขาชอบของเล่นชิ้นไหน...นอนกี่ชั่วโมง..."

"รู้เพราะพี่เลี้ยงบอกล่ะสิ...แล้วรู้บ้างมั้ยก่อนที่เขาจะได้มานั่งดูคุณเอาปืนมาจ่อใส่หัวฉันอยู่แบบเนี้ย...เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าเด็กคนนี้เจออะไรมาบ้าง...คุณรู้บ้างรึเปล่าว่าเธอเกือบตายถ้าไม่ได้ฉันช่วยไว้..ห๊ะ!!!คุณเคยรู้มั้ยว่าฉันไปเจอเธอในสภาพไหนเขาเอาเธอมาทิ้งไว้ข้างถนนในซอยเล็กๆเขาเอาเธอใส่ถุงดำมา!!!...คงกะจะให้ตายแต่เธอใจสู้!!!...คุณรู้มั้ยว่าเธอขาดอากาศหายใจนอนแน่นิ่งไปแล้วด้วยซ้ำตอนที่ฉันเปิดถุงดำนั่นออก...กว่าฉันจะช่วยยื้อชีวิตเธอกลับมาได้ต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน...เธอขาดออกซิเจนไปนานแค่ไหนฉันก็ไม่รู้...เธอเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ใช่!!!...ฉันอาจจะเด็ก...ฉันพึ่งจะอายุแค่ยี่สิบ...แต่ฉันคิดว่าฉันรู้ความกว่าคุณเยอะฉันรู้ว่าเขาไม่ชอบเสียงดัง!!!...ฉันรู้ว่าเขาชอบกินฟักทองบดละเอียด...แล้วฉันก็รู้ว่าเธอชอบฟังเพลงอะไรก่อนนอน...เรื่องพวกเนี้ย...คนเป็นพ่ออย่างคุณเคยรู้บ้างรึเปล่า...เคยรู้อะไรจริงๆเกี่ยวกับลูกตัวเองบ้างมั้ยห๊ะ"

       อันนาทั้งพูดไปร้องไห้ไปด้วย เธอพยามอดกลั้นมานานหลายวันเธอเลือกที่จะไม่พูดเรื่องราวเหล่านั้นออกมาเพราะเธอเองก็สะเทือนใจเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นอยู่ไม่น้อยเลยเธอรู้สึกสงสารเด็กที่จะต้องมาเจอและมาเติบโตอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้

"พูดว่าน้องพีม..ถูกยัดใส่ถุงดำไปทิ้งอย่างนั้นหรอ...น้องพีมเกือบตายงั้นหรอ"

"ใช่!!!...เธอไม่หายใจแล้วด้วยซ้ำตอนที่ฉันแกะถุงนั่นออก...คุณเคยคิดมั้ยว่าถ้าคุณไปเจอสถานการณ์เดียวกันกับฉันคุณจะเป็นยังไง...เด็กที่ตายอยู่ตรงหน้าเขาเป็นลูกใครก็ไม่รู้แต่ฉันดันไปเปิดดูฉันดันอยู่ตรงนั้น...เห็นเขาหมดลมหายใจเป็นคุณอ่ะ...คุณจะรู้สึกยังไง...ชีวิตหนึ่งต้องมาตายให้คุณเห็นต่อหน้าแบบนั้นอ่ะเป็นคุณ...คุณจะทำยังไงวะ...ฉันทั้งสติแตกทั้งร้องไห้เพราะสงสารเด็ก...ไม่รู้ว่าฉันจะช่วยอะไรเด็กได้บ้าง..ฉันช่วยเขาให้ฟื้นมาด้วยความยากลำบาก...แล้วดูสิ่งที่คุณทำกับเขาและฉันตอนนี้สิ...คุณแสดงพฤติกรรมชั่วช้าแบบนี้ให้เขาเห็น..คุณคิดว่ามันดีสำหรับเขาแล้วหรอ...เขายังเด็กเขาใสซื่อเขาบริสุทธิ์...เขาเป็นผ้าขาวสะอาด..แต่คนที่เป็นพ่อเขาที่จะเป็นปากกาขีดเขียนเขาให้โตไปในทางที่ผิดๆ...คุณว่ามันคุ้มกับที่ฉันเหน็ดเหนื่อยช่วยเธอในวันนั้นมั้ยมันคุ้มกันมั้ยลองใช้สมองอันน้อยนิดของคุณลองไตร่ตรองดูสิโว้ย...ไอ้พ่อชั่ว!!!"

       สิ้นเสียงตะโกนด่าอันนาก็เป็นลมล้มพับไปเป็นเพราะเธออดอาหารมาหลายวันพร้อม ทั้งวันนี้ร้องไห้หนัก เรี่ยวแรงก็เลยหมดไปกับการตะโกนด่าพีรพัฒน์ แต่ปัญหาก็ยังไม่จบเมื่อเด็กน้อยเห็นว่าอันนาหมดสติไปจากที่ตอนแรกเธอไม่เป็นอะไรจู่ๆเธอก็ร้องกรี๊ดๆลั่นห้องแล้วก็พยายามที่จะกระดึ๊บๆมาหาอันนา 

       พีรพัฒน์จึงได้รับรู้ว่าลูกสาวของเขานั้นติดและชอบอันนามากแค่ไหนพีรพัฒน์จึงอุ้มอันนาขึ้นไปนอนข้างๆน้องพีมเพื่อให้ลูกสาวหยุดร้องไห้ เด็กน้อยผู้เห็นว่าผู้หญิงที่คอยเลี้ยงดูและเอาอกเอาใจเธอในไม่กี่วันมานี้เป็นแม่ของเธอเธอจึงเข้าไปกอดเอื้อมมือไปจับไปแตะๆที่หน้าที่ตัวของอันนาแล้วก็ร้องไห้พึมพำภาพเหล่านั้นมันทำให้ทุกคนในห้องถึงกับอดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอเบ้า โดยเฉพาะพีระพัฒน์ผู้เป็นพ่อ

"อาเต๋อ...แกได้ยินอย่างที่ฉันได้ยินใช่มั้ยน้องพีมเกือบจะตายเพราะผู้หญิงแพศยานั่น...แกว่าฉันควรจะทำยังไงกับคนในครอบครัวนั้นดี...แกช่วยฉันคิดทีสิอาเต๋อ"

"ขอเพียงนายเอ่ยปาก...พวกเราพร้อมที่จะไปจัดการครับนาย"

"กล้าทำถึงขั้นนี้...ก็แสดงว่าพวกมันอยากจะเป็นศัตรูกับฉันโดยเปิดเผย...ก็ดีเลยแต่ก่อนเพราะฉันเกรงใจฉันจึงไม่ลงมือแต่ตอนนี้ฉันตาสว่างมากแล้ว...รับรองว่าฉันไม่จบเรื่องนี้ง่ายๆแน่นอน"

       พีรพัฒน์กัดฟันกรอดแต่เพราะอยู่ต่อหน้าลูกสวยเขาจึงแสดงสีหน้าออกมาไม่ได้เขาเอื้อมมือไปลูบหัวลูกสาวเบาๆพร้อมกับเหลือบไปมองหน้าคนที่เป็นลมอยู่ตรงหน้าที่ตอนนี้ที่ขอบตาก็ยังมีน้ำตาชุ่มๆอยู่เขารู้สึกขอบคุณเธอที่ช่วยเหลือน้องพีมเอาไว้และเขาก็คิดว่ายังไงๆเขาก็คงต้องตอบแทนบุญคุณนี้คืนกลับแก่เธอให้สาสม

"อาเต๋อ...นายพาคนไปเก็บข้าวของของเธอมาไว้ที่ห้องเล็กที...ฉันจะให้เธอมาเป็นพี่เลี้ยงให้น้องพีม...เก็บมาให้หมดทุกอย่างแล้วก็ทำเรื่องซื้ออพาร์ทเม้นท์นั่นด้วยนะซื้อไว้เลย...ซื้อเป็นชื่อของเธอ"

คำเตือน

ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่ หน่วยงานวิชาชีพต่างๆ และเหตุการณ์ที่มีการใช้ความรุนแรงในนิยายเป็นแค่เรื่องสมมุตินิยายเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงและความสนุกสนานเท่านั้นโดยไม่มีเจตนาชี้นำหรือส่งเสริมการกระทำใดๆที่เกิดขึ้นในนิยาย ตัวละครหรือเนื้อหาอาจจะมีการใช้ความรุนแรงทางเพศและตัวละครอาจมีการใช้คำพูดที่ค่อนข้างจะหยาบคายแต่เพื่อความสมจริงและเพิ่มอรรถรสให้กับนิยายได้สมจริงมากขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ ขอขอบคุณพระคุณไว้ล่วงหน้าหากท่านจะมาเป็นผู้ใหญ่ใจดีอุดหนุนsupportนิยายเรา🙏🙏🙏

สารบัญ

อุ้มรักกราวใจ-ตอนที่ 1 ยกพวกตามหาลูกสาว,อุ้มรักกราวใจ-ตอนที่ 2 นั่นมันเด็ก!! เด็กตัวเป็นๆเลยนะ,อุ้มรักกราวใจ-ตอนที่ 3 นี่ลูกฉันเป็นอะไรไป,อุ้มรักกราวใจ-ตอนที่ 4 เคยรู้อะไรจริงๆบ้างมั้ย,อุ้มรักกราวใจ-ตอนที่ 5 จูบแรกจากคนที่เพิ่งรู้จักกัน,อุ้มรักกราวใจ-ตอนที่ 6 เอะอะก็หาแต่เรื่องจะจูบ

เนื้อหา

ตอนที่ 3 นี่ลูกฉันเป็นอะไรไป

เกือบหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป

"จนป่านนี้ยังหาตัวลูกเจ้านายไม่เจอเลยเราจะคอขาดออกจากกันมั้ยเนี่ยพี่เต๋อฉันล่ะหวั่นใจจริงๆนะพี่...กลัวว่าสักวันนายเราจะของขึ้นเข้าสักคนนึง...ถ้าครบอาทิตย์หนึ่งแล้วยังหาไม่เจอฉันว่าคนบ้านนั้นได้มีคนชะตาขาดแน่ๆ...ไม่เชื่อพี่คอยดูสิ..."

"แล้วแกว่าใครจะเป็นคนชะตาขาดเป็นคนแรกล่ะไอ้กิตติ"

"ผมว่ายัยคุณพิตาชัวร์เลยพี่...อยู่ดีไม่ว่าดี..ยกเด็กให้เจ้านายมีสิทธิ์เลี้ยงคนเดียวแล้วยังจะมายุ่งวุ่นวายอะไรอีก"

"ฉันว่าไม่ใช่ยัยคุณพิตานะที่จะชะตาขาดฉันว่าแกต่างหากที่จะชะตากรรมขาดกล้ามาพูดชื่อยัยผู้หญิงนั่นในบ้านนายแกนั่นแหละที่จะโดนเด็ดหัวเป็นคนแรก"

       ในขณะที่สองมือดีของพีรพัฒน์คุยกันอยู่จู่ๆมือถือของอาเต๋อก็ดังขึ้นรัวๆ อาเต๋อรีบควักเอามือถือขึ้นมารับสายด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย เจ้าตัวพูดกับปลายสายเพียงไม่กี่คำก็รีบเดินออกจากตรงนั้นแล้วบึ่งไปที่รถประจำตัว 

"ไปรับคุณหนูกันเถอะ..."

       กิตติทำหน้างงๆแต่ก็รีบสาวเท้าตามไปแบบติดๆประชิดติดตามเป็นเงาข้างกาย

"เมื่อกี้พี่ว่าอะไรนะพี่...ไปรับคุณหนูหรือว่าพี่...พี่เจอตัวคุณหนูแล้วงั้นหรอเจอเธอแล้วจริงๆใช่มั้ยพี่...เรารอดตายแล้วใช่มั้ยครับพี่"

"อื้มมม!!!"

       อาเต๋อเอ่ยตัดความรำคาญออกมาเพียงหนึ่งคำสั้นๆก่อนจะสั่งให้ลูกน้องรีบออกรถแล้วมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย

(ในสาย)

"สวัสดีครับนาย...เจอที่อยู่แล้วครับนายตอนนี้ผมกับไอ้เจ้ากิตติกำลังเดินทางไปรับตัวคุณหนูกลับมาครับนาย"

"ดีมาก...เค้นเอาความจริงให้ได้นะว่าใครเป็นคนจ้างวานให้ทำ...ถ้ามันไม่ยอมบอกก็พาตัวมาให้ฉันสอบสวนเอง"

"ครับนาย...ถ้าได้ตัวคุณหนูแล้วผมจะยืนยันไปอีกทีครับ...ขออนุญาตวางสายครับนาย"

"ระวังเรื่องความปลอดภัยให้มากที่สุดนะทำให้เงียบๆอย่าให้ใครได้รู้ตัว...ฉันกำลังจะบินกลับไป...ฝากด้วยนะอาเต๋อ"

"ครับนาย...สวัสดีครับ"

***************************

"ทำให้ฉันหงุดหงิดได้เถอะว่าเก่งพอตัวอยากเล่นเกมส์ใช่มั้ยพิตา...เดี๋ยวฉันจะจัดให้..."

       พีรพัฒน์ยกมือถือขึ้นมากดโทรออกอีกรอบ แต่ปลายสายในครั้งนี้เขากลับไม่ได้คุยเรื่องเจ้าหนูตัวเล็กของเขา

"สวัสดีอาดัม...ข้อเสนอที่คุณให้ผมมาผมเอากลับมาคิดทบทวนดูแล้วนะ...ผมตกลงกับทุกข้อเสนอที่คุณร่างมาแต่ผมจะขอความช่วยเหลือจากคุณอีกสักข้อ...คุณจะว่ายังไง"

"ขอเพียงเราได้ร่วมธุรกิจกับอินฮวากรุ๊ปเรายอมทำตามทุกเงื่อนไขที่คุณจะเสนอมาครับ...เชิญคุณพีว่าข้อเสนอของคุณมาได้เลยครับ"

"ดีครับ...ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนักหรอกผมได้ข่าวมาว่าอีซีไอกรุ๊ปประกาศขายหุ้นที่ร่วมลงทุนกับเครือของคุณใช่มั้ย...ผมว่าผมอยากจะซื้อหุ้นทั้งหมดของอีซีไอ..คุณพอจะช่วยผมได้มั้ยคุณอาดัม"

"ถ้าเป็นเรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาครับ..ผมจะช่วยคุณซื้อมาให้หมดเลย...แต่เอ๊ะ!!!! ข่างวงในเขาว่าคุณกับเจ้าสัวรังสรรค์มีเรื่องบาดหมางใจกันมันจริงรึเปล่าครับแล้วถ้ามันจริงเขาจะยอมขายให้คุณง่ายๆมั้ยล่ะครับเนี่ย"

"ผมว่าคนเก่งๆอย่างคุณคงจะมีร้อยแปดวิธีที่จะได้มันมานะครับ...ผมไม่ได้พึ่งจะรู้จักกับคุณนะอาดัม...ผมเป็นคนยังไงคุณคงจะรู้จักผมดี...ถ้าคุณไม่ช่วยผมผมก็มีวิธีที่จะซื้อมันมาเป็นของผมให้ได้เข้าใจนะครับ"

"ฮ่าๆๆๆ...ผมชอบคุณก็ตรงนี้นี่แหละครับคุณเป็นคนตรงๆ...ไม่พูดจาวกวนอ้อมค้อมเอาล่ะครับผมจะช่วยคุณ...ผมจะช่วยคุณซื้อหุ้นทั้งหมดมาเองวางใจได้..ผมวางนะครับเจ้านาย...ฮ่าๆๆๆ"

"ขอบคุณล่วงหน้าครับ...ขอบคุณ"

       เมื่อสายถูกตัดไป สีหน้าของพีรพัฒน์ก็เปลี่ยนไปจากเดิมมาก เขาแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับฮัมเพลงเบาๆในลำคอ

19.52

อพาร์ทเมนท์แฝด

       ที่หน้าตึกอพาร์ทเม้นท์ของอันยาเย็นนี้มีรถตู้สองคันที่ไม่ค่อยคุ้นตาวิ่งเข้ามาจอดทิ้งไว้ตั้งแต่หัวค่ำ แต่ก็ไม่ได้มีคนสงสัยว่ารถสองคันนี้มาจอดรอใครหรือกำลังจอดรออะไร ส่วนบนห้องหมายเลข 28 ก็ยังคงมีความวุ่นวายเช่นทุกวันคือเสียงร้องกรีดๆจากเด็กอายุวัยห้าเดือนที่กำลังสนุกกับของเล่นชิ้นโปรดของเธอกับคุณพี่เลี้ยงจำเป็นที่กำลังยุ่งเรื่องชงนมและเตรียมข้าวโอ๊ตเพื่อป้อนเด็กดื้อตอนสองทุ่ม

"หนูลูก...กรี๊ดอะไรเสียงดังขนาดนั้นคะเดี๋ยวเพื่อนบ้านเราก็ตกใจกันหมดพอดีเบาๆนะคะคนดี...ซ้อมเสียงไว้เผื่อโตไปจะไปประกวดร้องเพลงรึไงคะคนสวยอยู่นิ่งๆก่อนนะคะ...พี่กำลังเตรียมนมกับข้าวไปป้อน...เหมียวเหมี่ยวคนดื้อหิวข้าวรึยังเอ่ย...ไหนๆใครหิวข้าวนะ"

       สิ้นเสียงของอันนาเด็กน้อยผู้แสนจะฉลาดก็ร้องกรีดขึ้นอีกเพราะเหมือนว่าเธอจะรู้ความรู้ภาษาที่อันนาสื่อออกไปทั้งสองคนต่างมีสายใยบางอย่างที่เชื่อมสื่อถึงกัน ถึงแม้นว่าอันนากับเหมียวเหมี่ยวพึ่งจะได้เจอกันไม่กี่วัน แต่ทั้งคู่กลับดูเหมือนจะสนิทกันและเข้าใจกันมากๆ

ห้องเบอร์ 29

"เท่าที่เราแอบฟังมาสักพัก...เธอน่าจะอาศัยอยู่คนเดียวอย่างที่เจ้เจ้าของอพาร์ทเมนท์นั่นบอกเลยนะพี่เต๋อ..."

"จะอยู่กับใครก็ช่าง..วันนี้เราต้องพาตัวคุณหนูกลับให้ได้...นายสั่งให้เงียบที่สุดถ้าไม่ติดว่านายสั่งป่านนี้ฉันไปหิ้วยัยคนพี่เลี้ยงนั่นไปส่งลงนรกแล้ว"

"อ้าว...ไหนพี่บอกว่านายสั่งให้จับเป็นไงพี่จะฝืนคำสั่งนายรึไง"

"แกสติดีมั้ยไอ้กิตติ...ฉันพูดว่าถ้า!!!! แกเข้าใจมั้ยฉันบอกว่าถ้า"

       คนทั้งคู่นั่งแอบฟังคนห้องข้างๆคุยกันเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนกับไปมา

23.19

       เวลาผ่านไปสามชั่วโมงตอนนี้อาเต๋อกับกิตติและลูกน้องอีกสี่คนแอบย่องเข้าไปในห้องของอันนาได้สำเร็จด้วยความที่เหนื่อยกับการเลี้ยงดูเด็กอ่อนอันนาจึงหลับไม่ได้สติไม่รู้ตัวว่ามีคนแอบย่องเข้าห้องเธอ แต่อาเต๋อก็ไม่ประมาทเขาใช้ยาสลบที่เตรียมมาให้อันนาสูดดมเพื่อให้ง่ายต่อการขนย้าย 

       ไม่ถึงยี่สิบนาทีร่างอันไร้สติของอันนากับหนูน้อยก็เข้าไปนอนอยู่ในรถตู้เรียบร้อยแล้ว รถตู้เมื่อทำภารกิจสำเร็จก็รีบมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายปลายทางอย่างเร่งด่วนที่สุด

(ในสาย)

"ผมโทรมายืนยันครับนาย...เราได้ตัวคุณหนูมาแล้วครับ..ตอนนี้ใกล้จะถึงบ้านแล้วครับนาย"

"ดีมาก...ขอบใจมากๆนะอาเต๋อ"

"ขอบคุณครับผม...แต่มันก็คือน่าที่ครับว่าแต่ว่านายครับเรื่องพี่เลี้ยงคนนี้จะให้ผมทำยังไงกับเขาดีครับ"

"พากลับไปก่อน...เรายังไม่รู้ว่าพวกนั้นทำอะไรกับยัยหนูบ้าง...เอาไปไว้ที่ห้องเก็บของหลังสวนก่อนแล้วกัน...พอเสร็จธุระเราค่อยไปค่อยกับเขา"

"รับทราบครับนาย...ขออนุญาตวางครับ"

      เมื่อได้รับคำสั่งแล้วอาเต๋อก็สั่งให้ลูกน้องรีบเหยียบคันเร่งให้กลับรังอย่างด่วนเมื่อล้อรถหมุนเข้ามาเหยียบถิ่นตัวเองทั้งหมดบนรถจึงรู้สึกโล่งอก หนูน้อยถูกพยาบาลอุ้มขึ้นไปบนห้องพร้อมกับหมอผู้หญิงอีกหนึ่งคน ส่วนอันนาพี่เลี้ยงจำเป็นก็ถูกนำตัวไปกักขังไว้ในห้องมืดที่ท้ายสวน

​​​"รีบตรวจเช็คสภาพร่างกายคุณหนูเลยนะคุณหมอ...เช็คให้ละเอียดด้วยล่ะ...ส่วนเรื่องอื่นๆเดี๋ยวให้นายกลับมาค่อยว่ากัน"

       อาเต๋อสั่งกับหมอเสียงเข้มก่อนจะหันหลังกลับออกมาจากห้องนอนคุณหนู ทั้งคู่เดินคุยกันลงมาสู่ห้องโถงจนมาเจอเข้ากับแม่นมของเจ้านาย

"นี่อาเต๋อ...คุณหนูพีมเธอเป็นยังไงบ้างไม่ได้รับอันตรายอะไรใช่มั้ยวะ...ห๊ะ!!!"

       คุณนมแจ่มเอ่ยปากถามถึงคุณหนูตัวเล็กอย่างไรเป็นห่วงสุดๆ อาเต๋อและเจ้ากิตติส่ายหน้าพร้อมๆกันก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้อย่างโล่งๆใจ

"ผมยังไม่รู้หรอกครับป้า...แต่ดูจากตาเปล่าคุณหนูคนเล็กของป้าน่าจะไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงนะครับ"

"ถ้าไม่มีอะไรแล้วทำไมพวกเอ็งสองคนถึงได้ทำหน้าแบบนั้นล่ะวะ...ยังกับว่ามีอะไรที่ไม่สบายใจอย่างนั้นแหละ"

"ที่พวกฉันสองคนเป็นห่วงไม่ใช่คุณหนูแต่เป็นเด็กผู้หญิงคนนึงที่เราพามาด้วยดูจากหน้าตาแล้วอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบถ้าถูกสั่งเชือดล่ะก็...คงจะน่าเสียดายเธอสวยซะด้วยสิ...ตอนผมอุ้มตัวเธอมากลิ่นตัวนี่หอมมากๆเลยครับป้า"

       กิตติเผลอปากพูดยาวราวกับต้องมนต์จนอาเต๋อต้องใช้มือปิดป้องปากเขาเอาไม่ให้พูดมากไปกว่านี้

"เด็กผู้หญิงงั้นหรอพี่กิตติ...แล้วทำไมเธอถึงจะต้องโดนสั่งเก็บด้วยล่ะพี่เต๋อ"

       อ้อนแอ้นสาวใช้อีกคนเอ่ยปากถามขึ้นเพราะความอยากรู้อยากเห็น แต่คำตอบที่เธอได้รับกลับมาคือความเยือกเย็นจากเสียงของมัจจุราช

"รากมะม่วงหลังสวนยังว่างอีกหลายต้นเลยนะอ้อนแอ้น...จะไปถามไปคุยกับมันสักหน่อยมั้ย...ไปแทนผู้หญิงคนนั้นก็ได้นะ"

       เสียงๆเดียวกับคำพูดเพียงไปกี่ประโยคก็ทำให้สี่ห้าชีวิตที่ยืนออคุยกันอยู่ตรงนั้นตัวสั่นไปได้ราวกับมีเวทมนตร์อาถรรพ์โดยเฉพาะอ้อนแอ้นที่ถูกหมายหัวจากมัจจุราช ทุกคนต่างพากันหันไปมองที่ต้นเสียงก่อนจะรีบก้มโค้งคำนับตัวงอ

"คุณพี...กลับมาแล้วหรอคะ"

       คุณนมแจ่มยิ้มแฉ่งเมื่อเห็นหน้าแก้วตาดวงใจของเธอกลับมาถึงบ้าน นมแจ่มรีบเดินเข้าไปต้อนรับคุณหนูของเธอ

"กลับมาเหนื่อยๆ...ได้ทานอะไรมารึยังคะให้นมจัดเตรียมอะไรให้ทานมั้ยคะคุณพี"

"เอาแค่กาแฟกับคุกกี้ก็ได้ครับนม...พอดีระหว่างทางมาก็ได้กินอะไรรองท้องมานิดหน่อย...ตอนนี้ก็เลยยังไม่หิวเลยครับ"

"โอเคค่ะ...งั้นเดี๋ยวนมไปเตรียมให้นะคะ"

"ครับนม...เดินระวังๆด้วยนะครับ"

       พีรพัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มละมุนมากๆเขาอ่อนน้อมถ่อมตนมากเมื่ออยู่กับคุณนมของเขา แต่พอคุณนมจากไปสีหน้าของ

       พีรพัฒน์ก็กลับมาเคร่งขรึมเหมือนเดิมเขาเร่งฝีเท้าเดินไปบนบ้านเพื่อไปให้เห็นกับตาว่าลูกสาวสุดที่รักของเขากลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้วจริงๆ

"คุณหนูอยู่ไหน"

"กำลังให้หมอนิ่มตรวจร่างกายอยู่ครับป่านนี้ก็คงน่าจะเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ"

       แต่เมื่อพีรพัฒน์เดินก้าวจะขึ้นไปบนบ้านก็ได้ยินเสียงของลูกสาวตัวน้อยร้องไห้เสียงดังลั่นห้องนอน หกเท้าของสามคนจึงรีบเร่งฝีเท้าขึ้นไปบนบ้านเพราะคิดว่าศัตรูอาจจะแอบเข้ามาในบ้านได้อีกรอบแต่เมื่อพอไปถึงที่หมายกลับไม่พบอะไรเห็นเพียงแต่คุณหนูตัวเล็กนอนดิ้นและร้องไห้แบบแหกปากเสียงนี่แหลมบาดหู

"หมอนิ่ม!!!...เกิดอะไรขึ้นครับทำไมคุณหนูถึงได้ร้องไห้เสียงดังขนาดนั้นครับเนี่ย"

       อาเต๋อรีบเอ่ยปากถามกับหมอนิ่มก่อนที่เจ้านายจะเอ่ยปากถามเอง หมอนิ่งทำหน้าเลิกลั่กแล้วส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าจะตอบออกไปยังไงดี

"น้องพีมเป็นอะไรหมอ"

"พอเธอตื่นมาก็ร้องแบบนี้เลยค่ะคุณพีดิฉันให้พยาบาลเอานมให้ดื่มและนะคะแต่เธอก็ไม่ยอมหยุดร้องเลย...ดิฉันจะอุ้มก็ไม่ยอมให้อุ้มเลยค่ะ...แค่เอาแขนไปใกล้เธอก็ร้องดังยิ่งกว่าเดิมอย่างที่เห็นเลยค่ะ"

       พีรพัฒน์เดินไปใกล้ลูกสาวหวังจะเข้าไปอุ้มไปปลอบขวัญแต่ก็ถูกเด็กปฎิเสธเช่นเดี๋ยวกับคุณหมอและคุณพยาบาล

"นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับลูกฉันของเนี่ย"

       พีรพัฒน์ยืนดูผู้เป็นลูกสาวร้องไห้งอแงไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เธอเลยสักคน


                        จบตอน